สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 1
มาแชร์ไอเดียกันครับว่าเวลาหุ้นตกหนักๆ ข่าวร้ายต่างๆ ถาโถมเข้ามา เราควรที่จะทำยังไงกันดี...
ผมขอเริ่มต้นก่อน...
เวลาผมเห็นหุ้นตกหนักๆ เรื่อยๆ และเริ่มมีความกลัว หวาดผวา เกิดขึ้น สิ่งที่ผมจะทำอย่างแรก คือ สงบจิต สงบใจของตัวเองให้ได้ก่อน เพราะ เวลาเราทำอะไรตอนที่โลภจัดๆ หรือกลัวจัดๆ ผลการลงทุนมักจะออกมาไม่ค่อยดี
วิธีการสงบจิตใจมีหลายวิธีเหมือนกัน แต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักการคร่าวๆ ที่ผมเข้าใจ คือ ถอยห่างออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน ยิ่งอยู่ในสถานการณ์ ความกลัวจะยิ่งทวีคูณ ยอมรับกับตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า เรากำลังกลัวอยู่ เมื่อเรายอมรับตรงๆ ว่าเรากำลังกลัวอยู่ ความกลัวก็จะลดลงไประดับหนึ่ง แล้วทำความเข้าใจให้ถูกต้องซะก่อนว่า ความกลัวมันเกิดขึ้นอยู่ขณะหนึ่งๆ แล้วเดี๋ยวมันก็จะหายไป สิ่งที่เราควรทำคือ ไม่ควรทำอะไรลงไปอย่างหุนหันพลันแล่นด้วยความกลัว หาทางจัดการความกลัวที่เกิดขึ้น ด้วยการลุกขึ้นเดินไปเดินมาสักเล็กน้อย อาจจะไปล้างหน้า ยืดเส้น ยืดสายซะหน่อย จนความกลัวลดลง
หลังจากจัดการความกลัวให้ลดลงได้แล้ว ก็ค่อยๆ พิจารณาพอร์ต หุ้น ของเราว่า เหตุผลในการลงทุนของหุ้นแต่ละตัวของเราเป็นอย่างไร เราเข้ามาลงทุนเพราะอะไร หุ้นตัวนี้มีอะไรดีเราถึงลงทุน เรามีความเข้าใจมันมากน้อยขนาดไหน แล้วแบ่งแยกว่าหุ้นแต่ละตัว ตัวไหนเป็นส่วนสำคัญของพอร์ต ตัวไหนเราบ้าจี้ซื้อตามเพื่อน ตัวไหนอารมณ์พาไป ตัวไหนเราคิดว่าเราเข้าใจมันจริงๆ
หลังจากนั้นก็กลับมาดูสถานการณ์ในระยะห่างๆ ว่า ที่หุ้นมันตก มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ทำไมคนในตลาดถึงขายกันอย่างบ้าคลั่ง เหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้คนกังวล
หลังจากนั้นก็จะมาพิจารณาว่าสิ่งที่คนกลัว คนกังวลว่าจะเกิดขึ้นนั้น มันกระทบกับกิจการที่เราลงทุนมากน้อยขนาดไหน ผลประกอบการในอนาคตของกิจการที่เราลงทุนจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะสิ่งที่ตลาดกลัวหรือไม่
หลังจากวิเคราะห์ผลกระทบ จะได้หุ้นออกมา 4 กลุ่ม คือ 1) หุ้นที่เราเข้าใจกิจการจริงๆ และรู้ว่าไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2) หุ้นที่เราเข้าใจกิจการจริงๆ และน่าจะได้รับผลกระทบ 3) หุ้นที่เราเข้าใจกิจการ แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่ 4) หุ้นที่เราไม่เข้าใจกิจการ และไม่รู้ด้วยว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่
สิ่งที่ผมจะทำถัดมาก็คือ กลับมาพิจารณาต่อ ว่าสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นจะมีอะไรบ้าง ผมควรที่จะปรับพอร์ตไหม ถ้าปรับจะปรับอย่างไร จะปรับตอนไหน จะปรับเพราะอะไร มีอะไรบ้างที่เราไม่แน่ใจ ไม่มีความรู้ และต้องรีบหาความรู้เพิ่ม แล้วก็ทำการวางแผน ดำเนินการต่อไป
ส่วนใหญ่ตอนหุ้นตกๆ ผมจะลดสัดส่วนการลงทุนในกิจการที่ผมไม่เข้าใจ บ้าจี้ซื้อตามเพื่อน หรือโดยอารมณ์ตลาดพาไปออกจากพอร์ต กลับมาทบทวนกิจการที่ตัวเองเข้าใจ เพื่อให้ฐานในการถือหุ้นแน่นขึ้น หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ติดตามสถานการณ์ หาโอกาสในการลงทุน หาโอกาสที่จะ switch ตัวเมื่อมีโอกาส
แต่สุดท้ายในกระบวนการทั้งหมด เมื่อไหร่ที่เกิดความกลัวขึ้น ต้องหยุดความกลัวให้ได้ก่อน ค่อยทำสิ่งต่างๆ ต่อไป... ไม่อย่างงั้นจะตัดสินใจพลาดหมด
เพื่อนๆ ทำอย่างไรกันบ้างครับ เวลาหุ้นตก... มีเทคนิคอะไรมาแชร์กันไหมครับ?
ผมขอเริ่มต้นก่อน...
เวลาผมเห็นหุ้นตกหนักๆ เรื่อยๆ และเริ่มมีความกลัว หวาดผวา เกิดขึ้น สิ่งที่ผมจะทำอย่างแรก คือ สงบจิต สงบใจของตัวเองให้ได้ก่อน เพราะ เวลาเราทำอะไรตอนที่โลภจัดๆ หรือกลัวจัดๆ ผลการลงทุนมักจะออกมาไม่ค่อยดี
วิธีการสงบจิตใจมีหลายวิธีเหมือนกัน แต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักการคร่าวๆ ที่ผมเข้าใจ คือ ถอยห่างออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน ยิ่งอยู่ในสถานการณ์ ความกลัวจะยิ่งทวีคูณ ยอมรับกับตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า เรากำลังกลัวอยู่ เมื่อเรายอมรับตรงๆ ว่าเรากำลังกลัวอยู่ ความกลัวก็จะลดลงไประดับหนึ่ง แล้วทำความเข้าใจให้ถูกต้องซะก่อนว่า ความกลัวมันเกิดขึ้นอยู่ขณะหนึ่งๆ แล้วเดี๋ยวมันก็จะหายไป สิ่งที่เราควรทำคือ ไม่ควรทำอะไรลงไปอย่างหุนหันพลันแล่นด้วยความกลัว หาทางจัดการความกลัวที่เกิดขึ้น ด้วยการลุกขึ้นเดินไปเดินมาสักเล็กน้อย อาจจะไปล้างหน้า ยืดเส้น ยืดสายซะหน่อย จนความกลัวลดลง
หลังจากจัดการความกลัวให้ลดลงได้แล้ว ก็ค่อยๆ พิจารณาพอร์ต หุ้น ของเราว่า เหตุผลในการลงทุนของหุ้นแต่ละตัวของเราเป็นอย่างไร เราเข้ามาลงทุนเพราะอะไร หุ้นตัวนี้มีอะไรดีเราถึงลงทุน เรามีความเข้าใจมันมากน้อยขนาดไหน แล้วแบ่งแยกว่าหุ้นแต่ละตัว ตัวไหนเป็นส่วนสำคัญของพอร์ต ตัวไหนเราบ้าจี้ซื้อตามเพื่อน ตัวไหนอารมณ์พาไป ตัวไหนเราคิดว่าเราเข้าใจมันจริงๆ
หลังจากนั้นก็กลับมาดูสถานการณ์ในระยะห่างๆ ว่า ที่หุ้นมันตก มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ทำไมคนในตลาดถึงขายกันอย่างบ้าคลั่ง เหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้คนกังวล
หลังจากนั้นก็จะมาพิจารณาว่าสิ่งที่คนกลัว คนกังวลว่าจะเกิดขึ้นนั้น มันกระทบกับกิจการที่เราลงทุนมากน้อยขนาดไหน ผลประกอบการในอนาคตของกิจการที่เราลงทุนจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะสิ่งที่ตลาดกลัวหรือไม่
หลังจากวิเคราะห์ผลกระทบ จะได้หุ้นออกมา 4 กลุ่ม คือ 1) หุ้นที่เราเข้าใจกิจการจริงๆ และรู้ว่าไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2) หุ้นที่เราเข้าใจกิจการจริงๆ และน่าจะได้รับผลกระทบ 3) หุ้นที่เราเข้าใจกิจการ แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่ 4) หุ้นที่เราไม่เข้าใจกิจการ และไม่รู้ด้วยว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่
สิ่งที่ผมจะทำถัดมาก็คือ กลับมาพิจารณาต่อ ว่าสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นจะมีอะไรบ้าง ผมควรที่จะปรับพอร์ตไหม ถ้าปรับจะปรับอย่างไร จะปรับตอนไหน จะปรับเพราะอะไร มีอะไรบ้างที่เราไม่แน่ใจ ไม่มีความรู้ และต้องรีบหาความรู้เพิ่ม แล้วก็ทำการวางแผน ดำเนินการต่อไป
ส่วนใหญ่ตอนหุ้นตกๆ ผมจะลดสัดส่วนการลงทุนในกิจการที่ผมไม่เข้าใจ บ้าจี้ซื้อตามเพื่อน หรือโดยอารมณ์ตลาดพาไปออกจากพอร์ต กลับมาทบทวนกิจการที่ตัวเองเข้าใจ เพื่อให้ฐานในการถือหุ้นแน่นขึ้น หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ติดตามสถานการณ์ หาโอกาสในการลงทุน หาโอกาสที่จะ switch ตัวเมื่อมีโอกาส
แต่สุดท้ายในกระบวนการทั้งหมด เมื่อไหร่ที่เกิดความกลัวขึ้น ต้องหยุดความกลัวให้ได้ก่อน ค่อยทำสิ่งต่างๆ ต่อไป... ไม่อย่างงั้นจะตัดสินใจพลาดหมด
เพื่อนๆ ทำอย่างไรกันบ้างครับ เวลาหุ้นตก... มีเทคนิคอะไรมาแชร์กันไหมครับ?
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 2
ผมตรวจสอบหุ้นและกิจการของหุ้นที่ถืออยู่เสมอๆ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัย
ยังมั่นใจในกิจการอยู่ จึงไม่ทำอะไรกับพอร์ต
ใครเขาจะขายด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่เขา
ปกติไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผมก็เป็นเสียงส่วนน้อยในสังคมอยู่แล้ว
ตอนนี้มีความโลภนิดหน่อย
กำลังสาละวนกับการจ้องหุ้นหลายตัวที่อยากได้ แต่...ลงมานิดเดียวเอง...รอต่อไป
ยังมั่นใจในกิจการอยู่ จึงไม่ทำอะไรกับพอร์ต
ใครเขาจะขายด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่เขา
ปกติไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผมก็เป็นเสียงส่วนน้อยในสังคมอยู่แล้ว
ตอนนี้มีความโลภนิดหน่อย
กำลังสาละวนกับการจ้องหุ้นหลายตัวที่อยากได้ แต่...ลงมานิดเดียวเอง...รอต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 3
เยี่ยมเลยครับ แต่ที่คุณ picatos พูดถึงมัน require analysis เยอะ ผมคิดว่าถ้ายังระดับไม่ถึง คงทำให้ใจนิ่งเพื่อ maximize ตรรกะและยึดมั่นใน framework ยากพอสมควร
ผมมองว่านอกเหนือจากนั้นอาจจะต้องมี
1. มี mind management ที่ดี คือ ต้องสามารถยอมรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ ผลลัพธ์ที่เกิดจากการวิเคราะห์ของเรา
2. อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไร, หาวิธีวัดผลลัพธ์ที่เหมาะสม, หลายๆคนนั้น มี framework ที่ดี แต่ไม่มี framework evaluation ที่สอดคล้อง จึงเข้าใจผิดว่า framework นั้นไม่ดี, most of the time เวลานั้นจะเป็นตัวตัดสินว่าคุณถูกหรือผิด
3. มี contingency plan , มากกว่า 1 แผน
4. stick to your plan!! ไม่ใช่นิ่งตอนแรกพอไม่เป็นอย่างที่คิด ก็ กระเจิง ดังนั้นข้อ 3 สำคัญครับ ต้องมี contingency plan
คิดออกเท่านี้ตอนนี้.. ว่าแล้วก็ ขอตัวไปรวบรวมข้อมูลครับ
ผมมองว่านอกเหนือจากนั้นอาจจะต้องมี
1. มี mind management ที่ดี คือ ต้องสามารถยอมรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ ผลลัพธ์ที่เกิดจากการวิเคราะห์ของเรา
2. อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไร, หาวิธีวัดผลลัพธ์ที่เหมาะสม, หลายๆคนนั้น มี framework ที่ดี แต่ไม่มี framework evaluation ที่สอดคล้อง จึงเข้าใจผิดว่า framework นั้นไม่ดี, most of the time เวลานั้นจะเป็นตัวตัดสินว่าคุณถูกหรือผิด
3. มี contingency plan , มากกว่า 1 แผน
4. stick to your plan!! ไม่ใช่นิ่งตอนแรกพอไม่เป็นอย่างที่คิด ก็ กระเจิง ดังนั้นข้อ 3 สำคัญครับ ต้องมี contingency plan
คิดออกเท่านี้ตอนนี้.. ว่าแล้วก็ ขอตัวไปรวบรวมข้อมูลครับ
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 4
"ราคา" ลดลงทุกวัน
แต่ "สัดส่วนความเป็นเจ้าของ" ของผม ไม่เคยลดลงเลย แต่กลับเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ผมลงทุนเพิ่ม
"ราคา(ในปัจจุบัน)" เป็นสิ่งแปรปรวน และเราควบคุมไม่ได้
แต่ "สัดส่วนความเป็นเจ้าของ" เป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ และไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป
"ราคา" เปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน และไม่อาจยึดถือเป็น "สรณะ"
ราคาในวันนี้ ย่อมไม่เหมือนราคาในอดีต
และราคาในอนาคต ก็ย่อมไม่เหมือนราคาในปัจจุบัน
ราคา...ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่เรียกว่า "เหตุปัจจัย"
สำหรับผมแล้ว...
การลงทุน...คือการมองอนาคต ที่มีมูลรากมาจากปัจจุบัน
ดังนั้น "ราคา(ในปัจจุบัน)" คือตัวแปรที่ผมไม่ได้ให้ความสำคัญแต่อย่างใดครับ
ดังนั้น "สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก" สำหรับผมก็คือ...
"ห่วงใยบริษัทฯที่ผมเป็นเจ้าของอยู่ ว่าบริษัทฯจะได้รับผลกระทบใดๆจากสภาพแวดล้อมดังกล่าวหรือไม่?...ก็เท่านั้นเอง"
ผมมีความเห็นส่วนตัว ว่า...
ถ้าเราลงทุนด้วยความรัก, ความเชื่อมั่น และความศรัทธา
เราจะสามารถก้าวข้ามผ่าน "ภาพลวงตา" บางอย่าง ที่นายตลาดพยายามยัดเยียดให้เรารู้สึก
ลงทุนในร้านอาหาร...เราก็ไม่มานั่งถามทุกวันว่าวันนี้หุ้น(ส่วน)ของเรามีราคาเท่าไหร่แล้ว?
แต่สิ่งที่เราจะถามคือ...
"เป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ขายดีไหม?"
"ถ้าขาดทุน หรือต้องใช้เงินเพิ่ม ก็บอกมานะ จะพยายามหาเงินมาเติมให้"
"เราจะทำยังไงกันดีที่จะเพิ่มรายได้ และควบคุมรายจ่ายให้ดีขึ้น"
สรุปแล้ว...
ราคาบนกระดาน คือ ภาพมายาสำหรับผม คืออะไรบางอย่างที่นายตลาดเล่นกับความรู้สึกของนักลงทุนเท่านั้น
ผมอาจคิดผิดก็ได้ และเป็นไปได้มากๆเสียด้วย
แต่คนทำธุรกิจ ย่อมไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป
กว่าจะเอาหุ้นเข้า IPO ได้ ต้องผ่านความลำบากมาขนาดไหน
คนที่เป็นเจ้าของเท่านั้น...ที่จะเข้าใจความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี
เริ่มเวิ้นเว้อล่ะ
สรุปว่า...ความรู้สึกของผมยังคงเหมือนเดิมตลอดไปครับ
(^_^)
แต่ "สัดส่วนความเป็นเจ้าของ" ของผม ไม่เคยลดลงเลย แต่กลับเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ผมลงทุนเพิ่ม
"ราคา(ในปัจจุบัน)" เป็นสิ่งแปรปรวน และเราควบคุมไม่ได้
แต่ "สัดส่วนความเป็นเจ้าของ" เป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ และไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป
"ราคา" เปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน และไม่อาจยึดถือเป็น "สรณะ"
ราคาในวันนี้ ย่อมไม่เหมือนราคาในอดีต
และราคาในอนาคต ก็ย่อมไม่เหมือนราคาในปัจจุบัน
ราคา...ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่เรียกว่า "เหตุปัจจัย"
สำหรับผมแล้ว...
การลงทุน...คือการมองอนาคต ที่มีมูลรากมาจากปัจจุบัน
ดังนั้น "ราคา(ในปัจจุบัน)" คือตัวแปรที่ผมไม่ได้ให้ความสำคัญแต่อย่างใดครับ
ดังนั้น "สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก" สำหรับผมก็คือ...
"ห่วงใยบริษัทฯที่ผมเป็นเจ้าของอยู่ ว่าบริษัทฯจะได้รับผลกระทบใดๆจากสภาพแวดล้อมดังกล่าวหรือไม่?...ก็เท่านั้นเอง"
ผมมีความเห็นส่วนตัว ว่า...
ถ้าเราลงทุนด้วยความรัก, ความเชื่อมั่น และความศรัทธา
เราจะสามารถก้าวข้ามผ่าน "ภาพลวงตา" บางอย่าง ที่นายตลาดพยายามยัดเยียดให้เรารู้สึก
ลงทุนในร้านอาหาร...เราก็ไม่มานั่งถามทุกวันว่าวันนี้หุ้น(ส่วน)ของเรามีราคาเท่าไหร่แล้ว?
แต่สิ่งที่เราจะถามคือ...
"เป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ขายดีไหม?"
"ถ้าขาดทุน หรือต้องใช้เงินเพิ่ม ก็บอกมานะ จะพยายามหาเงินมาเติมให้"
"เราจะทำยังไงกันดีที่จะเพิ่มรายได้ และควบคุมรายจ่ายให้ดีขึ้น"
สรุปแล้ว...
ราคาบนกระดาน คือ ภาพมายาสำหรับผม คืออะไรบางอย่างที่นายตลาดเล่นกับความรู้สึกของนักลงทุนเท่านั้น
ผมอาจคิดผิดก็ได้ และเป็นไปได้มากๆเสียด้วย
แต่คนทำธุรกิจ ย่อมไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป
กว่าจะเอาหุ้นเข้า IPO ได้ ต้องผ่านความลำบากมาขนาดไหน
คนที่เป็นเจ้าของเท่านั้น...ที่จะเข้าใจความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี
เริ่มเวิ้นเว้อล่ะ
สรุปว่า...ความรู้สึกของผมยังคงเหมือนเดิมตลอดไปครับ
(^_^)
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 5
สำหรับความคิดผมจากประสบการณ์เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ในเวลาและสถานการณ์อย่างนี้
ต้องหาทางออกจากตลาดแบบเจ็บตัวน้อยที่สุด
อย่าไปยึดติดกับ **คำพูดสวยหรูต่างๆ** โลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วครับ
กรณีที่เราขาดทุนอยู่ ห้ามถัวเฉลี่ยเด็ดขาด
ต้องระลึกไว้เสมอว่า "เรากำลังจะติดดอย"
อย่าไปเล่นอนุพันธ์ DW (ยกเว้นท่านจะเป็นเซียนทางนี้)
ถ้าจำเป็นต้อง cutloss หรือไม่ก็ต้องยอมขายหมูครับ
ไม่ต้องกลัวตกรถ ถนนสายนี้ยังอีกยาวไกล รักษาต้นทุนเอาไว้ 555
ต้องหาทางออกจากตลาดแบบเจ็บตัวน้อยที่สุด
อย่าไปยึดติดกับ **คำพูดสวยหรูต่างๆ** โลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วครับ
กรณีที่เราขาดทุนอยู่ ห้ามถัวเฉลี่ยเด็ดขาด
ต้องระลึกไว้เสมอว่า "เรากำลังจะติดดอย"
อย่าไปเล่นอนุพันธ์ DW (ยกเว้นท่านจะเป็นเซียนทางนี้)
ถ้าจำเป็นต้อง cutloss หรือไม่ก็ต้องยอมขายหมูครับ
ไม่ต้องกลัวตกรถ ถนนสายนี้ยังอีกยาวไกล รักษาต้นทุนเอาไว้ 555
-
- Verified User
- โพสต์: 206
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 6
ผมทำงานตามหน้าที่ที่เจ้านายมอบหมาย จะได้ไม่ต้องเปิดดูหุ้น สุดสัปดาห์เตะฟุตบอลกับลูกชาย พอครับจะได้ไม่ต้องคิดมาก อารมณ์ดีเมื่อไหร่ค่อยกลับมาวิเคราะห์หุ้นต่อ แฮะแฮะคิดได้แค่นี้ล่ะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 7
สิ่งที่ผมเป็นเวลาหุ้นตกก็ คือ กระวนกระวายใจ คิดโทษตัวเองที่ใจร้อน ซื้อเพราะกลัวตกรถ
พอมานั่งคิดดูดีๆ พบว่า ผมนั้นมีแต่แผนเข้า ไม่มี plan A,B,C ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรต่าง ๆ ทำให้ใจเราไม่นิ่ง ตามภาวะตลาดไป
ณ ตอนนี้ที่ทำได้คือพยายามหาเงินสด เข้ามาซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุนลง เนื่องจากมั่นใจว่าธุรกิจที่ซื้อนั้นเป็นธุรกิจที่ดี แต่เข้าซื้อผิดเวลา
พูดถึงเรื่องการวิเคราะห์ธุรกิจนั้น ผมมักจะวิเคราะห์ในมุมมองของตัวเองเพียงคนเดียว เพราะผมไม่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกได้ ในยามที่คนอื่นขาย ผมไม่ทราบข้อมูลว่าพวกเค้าเหล่านั้นขายเพราะอะไร แต่ถ้าทราบเหตุผลบางประการก็ต้องมาดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เหมือนที่หลายท่านชอบพูดว่า ซื้อเพราะอะไร ให้ขายเพราะเหตุผลนั้น
ผมอยากให้แชร์มุมมองการจัดสรรพอร์ทในยามที่หุ้นลงครับ แผน A,B,C ของแต่ละท่านเป็นอย่างไร
ส่วนตัวผมยังไม่มีแผน จะพยายามศึกษาต่อไปครับ
พอมานั่งคิดดูดีๆ พบว่า ผมนั้นมีแต่แผนเข้า ไม่มี plan A,B,C ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรต่าง ๆ ทำให้ใจเราไม่นิ่ง ตามภาวะตลาดไป
ณ ตอนนี้ที่ทำได้คือพยายามหาเงินสด เข้ามาซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุนลง เนื่องจากมั่นใจว่าธุรกิจที่ซื้อนั้นเป็นธุรกิจที่ดี แต่เข้าซื้อผิดเวลา
พูดถึงเรื่องการวิเคราะห์ธุรกิจนั้น ผมมักจะวิเคราะห์ในมุมมองของตัวเองเพียงคนเดียว เพราะผมไม่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกได้ ในยามที่คนอื่นขาย ผมไม่ทราบข้อมูลว่าพวกเค้าเหล่านั้นขายเพราะอะไร แต่ถ้าทราบเหตุผลบางประการก็ต้องมาดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เหมือนที่หลายท่านชอบพูดว่า ซื้อเพราะอะไร ให้ขายเพราะเหตุผลนั้น
ผมอยากให้แชร์มุมมองการจัดสรรพอร์ทในยามที่หุ้นลงครับ แผน A,B,C ของแต่ละท่านเป็นอย่างไร
ส่วนตัวผมยังไม่มีแผน จะพยายามศึกษาต่อไปครับ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 8
+1 ขอบคุณครับ พี่ picatos
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 9
สำหรับผมยังคงมีความสุขในการลงทุนตาม วินัย ที่ตัวเองตั้งไว้
สำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือ เมื่อเราพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เราได้ทำ
ตามแล้วหรือยัง
หากยังคงปฎิบัติอย่างเคร่งครัด นั่นก็หมายความว่า เราได้ลงทุนอย่างมีความสุขแล้ว
สำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือ เมื่อเราพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เราได้ทำ
ตามแล้วหรือยัง
หากยังคงปฎิบัติอย่างเคร่งครัด นั่นก็หมายความว่า เราได้ลงทุนอย่างมีความสุขแล้ว
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 98
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 10
pak เขียน: ลงทุนในร้านอาหาร...เราก็ไม่มานั่งถามทุกวันว่าวันนี้หุ้น(ส่วน)ของเรามีราคาเท่าไหร่แล้ว?
แต่สิ่งที่เราจะถามคือ...
"เป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ขายดีไหม?"
"ถ้าขาดทุน หรือต้องใช้เงินเพิ่ม ก็บอกมานะ จะพยายามหาเงินมาเติมให้"
"เราจะทำยังไงกันดีที่จะเพิ่มรายได้ และควบคุมรายจ่ายให้ดีขึ้น"
ความไม่แน่นอน คือความแน่นอน
-
- Verified User
- โพสต์: 276
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 11
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร กล่าวไว้ว่า
" ผมเชื่อว่า สำหรับนักเก็งกำไรแล้ว การที่ดัชนีตลาดปรับตัวผันผวนรุนแรง พวกเขาจะต้องเฝ้ากระดานและมักจะมี Action นั่นคือ ไม่ซื้อก็ขายกันมากขึ้นมาก แต่สำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะที่เป็น Value Investor ผมคิดว่าเขาควรจะซื้อมากกว่าขาย ส่วนตัวผมเองนั้น ผมยึดภาษิตที่ว่า Stay Calm, Stay Invest นั่นก็คือ ทำใจให้สงบและลงทุนต่อไป "
" ผมเชื่อว่า สำหรับนักเก็งกำไรแล้ว การที่ดัชนีตลาดปรับตัวผันผวนรุนแรง พวกเขาจะต้องเฝ้ากระดานและมักจะมี Action นั่นคือ ไม่ซื้อก็ขายกันมากขึ้นมาก แต่สำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะที่เป็น Value Investor ผมคิดว่าเขาควรจะซื้อมากกว่าขาย ส่วนตัวผมเองนั้น ผมยึดภาษิตที่ว่า Stay Calm, Stay Invest นั่นก็คือ ทำใจให้สงบและลงทุนต่อไป "
ปล่อยให้เงินทำงาน...$$$
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 12
ผมว่าสิ่งแรกที่ควรทำคืออย่างที่ตี้บอก
ข้อสองของผมคือ "อย่าหรอก อย่าหลง ตัวเอง"
ทำความเข้าใจ จิตตัวเองซะ
กลัว คือ กลัว
กล้า คือ กล้า
แล้วค่อยหาวิธีกำจัดความกลัว หาเหตุผลให้เจอทำไมถึงกล้า
ข้อสองของผมคือ "อย่าหรอก อย่าหลง ตัวเอง"
ทำความเข้าใจ จิตตัวเองซะ
กลัว คือ กลัว
กล้า คือ กล้า
แล้วค่อยหาวิธีกำจัดความกลัว หาเหตุผลให้เจอทำไมถึงกล้า
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 13
+2 ไปเลยครับ คมกริบdome@perth เขียน:ผมว่าสิ่งแรกที่ควรทำคืออย่างที่ตี้บอก
ข้อสองของผมคือ "อย่าหรอก อย่าหลง ตัวเอง"
ทำความเข้าใจ จิตตัวเองซะ
กลัว คือ กลัว
กล้า คือ กล้า
แล้วค่อยหาวิธีกำจัดความกลัว หาเหตุผลให้เจอทำไมถึงกล้า
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 14
อย่าทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศ
หุ้นตกแล้ว ไม่สนใจตลาด ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จงระลึกว่าหุ้นตก ปัญหาอาจจะใหญ่กว่าที่เราคิด
จงกลัว จงตื่นตัว พร้อมที่จะแก้ไขให้ทุกอย่างดีขึ้น
ตรวจสอบหุ้นทุกตัวที่ถือ เรียงจากมูลค่ามากไปหามูลค่าน้อย
หาหุ้นที่น่าสนใจใส่ใน list ของเราให้มากที่สุด
เปรียบเทียบหุ้นทุกตัวใน port
เปรียบเทียบหุ้นทุกตัวใน List ที่เราศึกษาดีแล้ว
เราจะรู้ทันทีว่าหุ้นตัวไหน ที่เราต้องขาย
ตัวไหนเราจะซื้อใหม่ หรือตัวไหนจะซื้อเพิ่ม
สิ่งที่ต้องระลึกเสมอคือ อย่านำเงินออกจาก port และอย่าเอาเงินไปเติมใน port
เพราะตลาดที่ panic นั้น เราอาจจะได้หุ้นดีๆ โดยเอาหุ้นไม่ดีของเราไปแลก
ทุกอย่างต้องมีเหตุผล ศึกษารวบรวมข้อมูลตอนเย็นแล้วไปทำตอนเช้า
หุ้นตกแล้ว ไม่สนใจตลาด ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จงระลึกว่าหุ้นตก ปัญหาอาจจะใหญ่กว่าที่เราคิด
จงกลัว จงตื่นตัว พร้อมที่จะแก้ไขให้ทุกอย่างดีขึ้น
ตรวจสอบหุ้นทุกตัวที่ถือ เรียงจากมูลค่ามากไปหามูลค่าน้อย
หาหุ้นที่น่าสนใจใส่ใน list ของเราให้มากที่สุด
เปรียบเทียบหุ้นทุกตัวใน port
เปรียบเทียบหุ้นทุกตัวใน List ที่เราศึกษาดีแล้ว
เราจะรู้ทันทีว่าหุ้นตัวไหน ที่เราต้องขาย
ตัวไหนเราจะซื้อใหม่ หรือตัวไหนจะซื้อเพิ่ม
สิ่งที่ต้องระลึกเสมอคือ อย่านำเงินออกจาก port และอย่าเอาเงินไปเติมใน port
เพราะตลาดที่ panic นั้น เราอาจจะได้หุ้นดีๆ โดยเอาหุ้นไม่ดีของเราไปแลก
ทุกอย่างต้องมีเหตุผล ศึกษารวบรวมข้อมูลตอนเย็นแล้วไปทำตอนเช้า
Blueplanet
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 15
เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว อารมณ์แบบนี้ก็เคยผ่านมาก่อน ตอนนั้นรู้สึกกังวลมากแต่ก็เป็นโอกาสดีที่ได้เวลาปรับพอร์ทแลกหุ้นที่ดีกว่าเดิม ถามว่าหุ้นลงรอบนี้ ทำอะไร ก็คงเป็นการเฝ้ามองบริษัทที่ลงทุนทำกำไรต่อไป ส่วนราคาเดี๋ยวมันก็ขึ้น
ปล คนไทยลืมเร็วจัง ผ่านมาแค่ 8 เดือนเอง
ปล คนไทยลืมเร็วจัง ผ่านมาแค่ 8 เดือนเอง
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 16
เห็นด้วยอย่างยิ่งziannoom เขียน:เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว อารมณ์แบบนี้ก็เคยผ่านมาก่อน ตอนนั้นรู้สึกกังวลมากแต่ก็เป็นโอกาสดีที่ได้เวลาปรับพอร์ทแลกหุ้นที่ดีกว่าเดิม ถามว่าหุ้นลงรอบนี้ ทำอะไร ก็คงเป็นการเฝ้ามองบริษัทที่ลงทุนทำกำไรต่อไป ส่วนราคาเดี๋ยวมันก็ขึ้น
ปล คนไทยลืมเร็วจัง ผ่านมาแค่ 8 เดือนเอง
ซื้อหุ้นเพื่อลงทุนในกิจการ หากซื้อในราคาที่มี MOS ซื้อปุ๊บกำไรปั๊บ
เพราะซื้อได้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ (ถ้าไม่มีMOSมากพอก็ไม่ซื้อ)
ติดตามกิจการ ตามผลประกอบการดีกว่า
ราคาตลาดผันผวนก็ปล่อยเป็นเรื่องของตลาด เดี๋ยวก็สะท้อนปัจจัยพื้นฐานเองแหละ
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 17
ไม่ใช่เฉพาะคนไทยมั้งครับziannoom เขียน:เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว อารมณ์แบบนี้ก็เคยผ่านมาก่อน ตอนนั้นรู้สึกกังวลมากแต่ก็เป็นโอกาสดีที่ได้เวลาปรับพอร์ทแลกหุ้นที่ดีกว่าเดิม ถามว่าหุ้นลงรอบนี้ ทำอะไร ก็คงเป็นการเฝ้ามองบริษัทที่ลงทุนทำกำไรต่อไป ส่วนราคาเดี๋ยวมันก็ขึ้น
ปล คนไทยลืมเร็วจัง ผ่านมาแค่ 8 เดือนเอง
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 18
สามคำครับ จำไว้ดีๆๆ M O S
อัศวินที่ปราศจากโล่ห์ เวลาเจอแทงสวน ก้มักจะต้องเลือดตกยางออกครับ
โล่ห์ คือ สิ่งที่คุ้มกันและแยกอัศวินจาก พลทหาร พลเรือนและ แมงเม่าครับ
แต่บางเวลา โล่ห์ที่ว่าแข็งที่สุด ก้แตก
ดังนั้นกำหนดกลุยุทธ์ดีๆๆ จะสู้หรือจะถอย
ถ้าสู้ เราต้องมีโล่ห์ที่มากพอ
ถ้าจะถอย ก้ต่อเมื่อ มันใกล้จะถึงจุด ระยะไม่ปลอดภัย ของ MOS
สำคัญข้อที่1 เราต้องลงทุนและมีกำไรกลับขึ้นมา
สำคัญข้อที่2 ย้อนกลับไปข้อ1
โชคดีครับ
อัศวินที่ปราศจากโล่ห์ เวลาเจอแทงสวน ก้มักจะต้องเลือดตกยางออกครับ
โล่ห์ คือ สิ่งที่คุ้มกันและแยกอัศวินจาก พลทหาร พลเรือนและ แมงเม่าครับ
แต่บางเวลา โล่ห์ที่ว่าแข็งที่สุด ก้แตก
ดังนั้นกำหนดกลุยุทธ์ดีๆๆ จะสู้หรือจะถอย
ถ้าสู้ เราต้องมีโล่ห์ที่มากพอ
ถ้าจะถอย ก้ต่อเมื่อ มันใกล้จะถึงจุด ระยะไม่ปลอดภัย ของ MOS
สำคัญข้อที่1 เราต้องลงทุนและมีกำไรกลับขึ้นมา
สำคัญข้อที่2 ย้อนกลับไปข้อ1
โชคดีครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 19
สำคัญเพิ่มเติม
1.วิกฤติ คือ คำว่า โอกาศ+คำว่าภัย
ดังนั้นจะไม่ได้มีแค่เพียงโอกาศ ยังรวมถึงภัยถ้าเรากำหนดจุดตัวเองไม่ถูก
2.ในทุกวิกฤติ อัศวินเก่าก้จะมีล้มไป และอัศวินหน้าใหม่ก้เข้ามา
ดังนั้นอย่าประมาทว่าเราเก่า เพราะไม่ว่า จะอดีต และปัจจุบันที่รุ่งเรืองไม่ได้ การันตีว่า
อนาคตเราจะไม่พลาด
การไม่ประมาท ดีที่สุด
1.วิกฤติ คือ คำว่า โอกาศ+คำว่าภัย
ดังนั้นจะไม่ได้มีแค่เพียงโอกาศ ยังรวมถึงภัยถ้าเรากำหนดจุดตัวเองไม่ถูก
2.ในทุกวิกฤติ อัศวินเก่าก้จะมีล้มไป และอัศวินหน้าใหม่ก้เข้ามา
ดังนั้นอย่าประมาทว่าเราเก่า เพราะไม่ว่า จะอดีต และปัจจุบันที่รุ่งเรืองไม่ได้ การันตีว่า
อนาคตเราจะไม่พลาด
การไม่ประมาท ดีที่สุด
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 20
เห็นด้วยกับพี่Domeครับ....สังเกต"อารมณ์"ตัวเองก่อนเเล้ว รับซะ ว่า
"กลัว" "เฉยๆ" หรือ "กล้า"-->จากนั้นสร้าง"สมดุล" ให้ใจตัวเองซะ
สมดุลของผมตอนนี้คือ มีหุ้นดีๆอยู่ในPort+หาเงินมาสำรองไว้ซักก้อนในจุดที่เราพอใจที่เหลือก็"รอ"ล่าครับ
ผมกลับมองเห็นเสน่ห์ของภาวะไม่เเน่นอนเเบบนี้ มันทำให้ผมขยันเเละประหยัดขึ้นครับ
"กลัว" "เฉยๆ" หรือ "กล้า"-->จากนั้นสร้าง"สมดุล" ให้ใจตัวเองซะ
สมดุลของผมตอนนี้คือ มีหุ้นดีๆอยู่ในPort+หาเงินมาสำรองไว้ซักก้อนในจุดที่เราพอใจที่เหลือก็"รอ"ล่าครับ
ผมกลับมองเห็นเสน่ห์ของภาวะไม่เเน่นอนเเบบนี้ มันทำให้ผมขยันเเละประหยัดขึ้นครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 21
โอ้ พี่picatos จุดประเด็นนี้ขึ้นมา ผมนึกได้ว่า ตอนต้นปี พี่ humdrum ตั้งกระทู้ๆนึง แนวๆinvertของพี่เค้า ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ไอที่ตลาดมันพุ่งเอาๆเนี่ย มันก็มายา เป็นวัฏจักร
ทำไมพอตลาดลง เรามีคำอธิบายมากมาย ถึงแนวทางในการรับมือกับความกลัว พร้อมๆพูดกับตัวเองว่า เดี๋ยวมันก็ขึ้น
ทำไมพอตลาดขึ้น เราถึงได้อยู่นิ่งๆ..... นั่งมองพอร์ตแล้วก็คิดว่า ดูซิเรารวยชะมัด
ทำไมไม่คิดว่า เดี๋ยวไอเงินที่เราเห็นๆมากมายก่ายกองนั่นน่ะ มันก็ต้องลดลงมาบ้าง มีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา
ก่อนหน้านี้มีกระทู้นึง ขอโทษครับที่จำชื่อคนโพสต์ไม่ได้ เค้าถามว่า น้องเค้าพูดกับเค้าว่า พี่ซื้อแล้วถือไว้ไม่ขาย ไอที่เห็นในพอร์ตมันก็แค่ตัวเลข
ผมตอบเค้าไปว่า "ผมก็พึ่งบอกแม่ผมไปว่า ใช่ครับ มันแค่ตัวเลข แล้วผมก็ไปนั่งกินข้าวต่อ"
ผมไม่ได้สรรหาคำพูดมาเพื่อเอาชนะแม่สักนิด เพราะในหัวผมตอนนั้นคือ
1 แม่ไม่ค่อยเข้าใจแนวลงทุนระยะยาว พูดไปเค้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
2 มันแค่ตัวเลข ที่เดี๋ยวมีขึ้น มันก็มีลง มันคือความจริง
..."มันก็แค่ตัวเลขจริงๆ ที่ไม่ได้บ่งบอกอะไรในระยะสั้นเลย สิ่งที่ตัวเลขเหล่านี้มอบให้แก่คุณเวลาคุณจ้องมองดูมันเมื่อยามตลาดขึ้นคือกระหยิ่มยิ้มย่องในความร่ำรวยและเริ่มก่อความยึดติดในเงินนั้นภายในจิตใจคุณ และเมื่อคุณเกิดความยึดติดขึ้นแล้ว ก็ได้เวลาช้ำใจเมื่อยามตลาดลง และมันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดอยู่แล้ว"
พอผมคิดได้ยังงี้ ผมก็ต้องบอกเลยว่า มันทำให้ผมไม่รู้สึกอะไรเท่าไรเลยยามตลาดลง... ที่จริงผมมัวไปยุ่งอยู่กับงาน และก็เตะบอลกับเพื่อน พร้อมๆกับค่ำนี้เดี๋ยวต้องไปกินข้าวกับแฟน คืนนี้ขอกลับมาซัดdiablo3เกมคอมกับเพื่อนอย่างเมามันก่อนนอน
ผมทำใจในระดับที่ว่า หากมันกลับไปเป็นเหมือนตอนsubprime อีกครั้ง เลยด้วยซ้ำ
ผมคิดว่า การmanage จิตใจ สำคัญกว่าการmanage พอร์ตเสียอีก เพราะผมต้องการความสุข หรือความไม่ทุกข์ในชีวิต เป็นอันดับหนึ่ง เรื่องร่ำรวยเป็นเรื่องรองลงไป
ขออภัยหากผมเขียนยืดยาวมีแต่น้ำเยอะไปหน่อย แต่หวังว่าการ manage จิตใจของการลงุทนสไตล์ผม อาจจะพอเป็นประโยชน์กับคนอื่นให้ลองเอาไปใช้บ้าง ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ
ทำไมพอตลาดลง เรามีคำอธิบายมากมาย ถึงแนวทางในการรับมือกับความกลัว พร้อมๆพูดกับตัวเองว่า เดี๋ยวมันก็ขึ้น
ทำไมพอตลาดขึ้น เราถึงได้อยู่นิ่งๆ..... นั่งมองพอร์ตแล้วก็คิดว่า ดูซิเรารวยชะมัด
ทำไมไม่คิดว่า เดี๋ยวไอเงินที่เราเห็นๆมากมายก่ายกองนั่นน่ะ มันก็ต้องลดลงมาบ้าง มีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา
ก่อนหน้านี้มีกระทู้นึง ขอโทษครับที่จำชื่อคนโพสต์ไม่ได้ เค้าถามว่า น้องเค้าพูดกับเค้าว่า พี่ซื้อแล้วถือไว้ไม่ขาย ไอที่เห็นในพอร์ตมันก็แค่ตัวเลข
ผมตอบเค้าไปว่า "ผมก็พึ่งบอกแม่ผมไปว่า ใช่ครับ มันแค่ตัวเลข แล้วผมก็ไปนั่งกินข้าวต่อ"
ผมไม่ได้สรรหาคำพูดมาเพื่อเอาชนะแม่สักนิด เพราะในหัวผมตอนนั้นคือ
1 แม่ไม่ค่อยเข้าใจแนวลงทุนระยะยาว พูดไปเค้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
2 มันแค่ตัวเลข ที่เดี๋ยวมีขึ้น มันก็มีลง มันคือความจริง
..."มันก็แค่ตัวเลขจริงๆ ที่ไม่ได้บ่งบอกอะไรในระยะสั้นเลย สิ่งที่ตัวเลขเหล่านี้มอบให้แก่คุณเวลาคุณจ้องมองดูมันเมื่อยามตลาดขึ้นคือกระหยิ่มยิ้มย่องในความร่ำรวยและเริ่มก่อความยึดติดในเงินนั้นภายในจิตใจคุณ และเมื่อคุณเกิดความยึดติดขึ้นแล้ว ก็ได้เวลาช้ำใจเมื่อยามตลาดลง และมันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดอยู่แล้ว"
พอผมคิดได้ยังงี้ ผมก็ต้องบอกเลยว่า มันทำให้ผมไม่รู้สึกอะไรเท่าไรเลยยามตลาดลง... ที่จริงผมมัวไปยุ่งอยู่กับงาน และก็เตะบอลกับเพื่อน พร้อมๆกับค่ำนี้เดี๋ยวต้องไปกินข้าวกับแฟน คืนนี้ขอกลับมาซัดdiablo3เกมคอมกับเพื่อนอย่างเมามันก่อนนอน
ผมทำใจในระดับที่ว่า หากมันกลับไปเป็นเหมือนตอนsubprime อีกครั้ง เลยด้วยซ้ำ
ผมคิดว่า การmanage จิตใจ สำคัญกว่าการmanage พอร์ตเสียอีก เพราะผมต้องการความสุข หรือความไม่ทุกข์ในชีวิต เป็นอันดับหนึ่ง เรื่องร่ำรวยเป็นเรื่องรองลงไป
ขออภัยหากผมเขียนยืดยาวมีแต่น้ำเยอะไปหน่อย แต่หวังว่าการ manage จิตใจของการลงุทนสไตล์ผม อาจจะพอเป็นประโยชน์กับคนอื่นให้ลองเอาไปใช้บ้าง ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 469
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 22
สิ่งที่ผมทำเวลาหุ้นตก
1 มองภาพรวมของพอร์ต อย่าเพิ่งไปตกใจรายตัว (เออ เราก็ออกแบบพอร์ตมาดีนะเนี่ย ฮา)
2 สำรวจหุ้นและเงินสด มองทรัพยากรและกลยุทธ์ที่มี (คิดเฉยๆ อย่าเพิ่งไปทำไรเชียว)
3 รู้อะไรไม่สู้รู้งี้ เสียดายดีกว่าเสียใจ อย่าโลภเกินความรู้ อย่าขาดทุน (ท่องให้ขึ้นใจนะ ไม่งั้นเจ็บ)
4 มองหาโอกาสที่ดีมากกว่าปกติ ในวิกฤตมีโอกาสเสมอ (ย้ำว่า เสมอ!! ...ตกรถดีกว่าติดดอยนะเออ)
5 ลุย!! (เป็นไม้ๆนะ เดี๋ยวเงิบ ในถูกมีถูกกว่า ฮ่าๆ )
จริงๆก็ทำเหมือนปกติแหละ แค่ทำใจให้ยินดีกับคนที่มีโอกาสซื้อตัวที่ดีๆในราคาถูกๆ ครับ
ป.ล. รอ ยากกว่าลุย แต่นี่อุตส่าห์ ตกมาให้ ลุย แล้วนี่ ขอบคุณ คุณตลาด
ป.ล.2 ไอ้ที่ตกๆมานี่ แน่ใจว่ามันถูกแล้วเหรอ (นั่นไง!!)
ป.ล.3 ถูกของผม(แบบไม่ต้องคิดเลย) คือ แข็งแกร่งแบบเซเว่นแล้วปันผล 15%ทุกปี ไรงี้นะ ฮ่าๆ
1 มองภาพรวมของพอร์ต อย่าเพิ่งไปตกใจรายตัว (เออ เราก็ออกแบบพอร์ตมาดีนะเนี่ย ฮา)
2 สำรวจหุ้นและเงินสด มองทรัพยากรและกลยุทธ์ที่มี (คิดเฉยๆ อย่าเพิ่งไปทำไรเชียว)
3 รู้อะไรไม่สู้รู้งี้ เสียดายดีกว่าเสียใจ อย่าโลภเกินความรู้ อย่าขาดทุน (ท่องให้ขึ้นใจนะ ไม่งั้นเจ็บ)
4 มองหาโอกาสที่ดีมากกว่าปกติ ในวิกฤตมีโอกาสเสมอ (ย้ำว่า เสมอ!! ...ตกรถดีกว่าติดดอยนะเออ)
5 ลุย!! (เป็นไม้ๆนะ เดี๋ยวเงิบ ในถูกมีถูกกว่า ฮ่าๆ )
จริงๆก็ทำเหมือนปกติแหละ แค่ทำใจให้ยินดีกับคนที่มีโอกาสซื้อตัวที่ดีๆในราคาถูกๆ ครับ
ป.ล. รอ ยากกว่าลุย แต่นี่อุตส่าห์ ตกมาให้ ลุย แล้วนี่ ขอบคุณ คุณตลาด
ป.ล.2 ไอ้ที่ตกๆมานี่ แน่ใจว่ามันถูกแล้วเหรอ (นั่นไง!!)
ป.ล.3 ถูกของผม(แบบไม่ต้องคิดเลย) คือ แข็งแกร่งแบบเซเว่นแล้วปันผล 15%ทุกปี ไรงี้นะ ฮ่าๆ
Sixth Sense Investor
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 23
เรื่องหุ้นตกนี้ ลองคำนวณจริงๆ ดู สนุกๆ กันไหม
ก่อนหน้า ผมเคยคิดว่า % หุ้นเราตกหรือเพิ่ม มันจะตกหรือเพิ่ม เหมือนกันพอๆ กันทุกคน และเท่ากับตลาดเสมอ
แต่จริงๆ แล้วยิ่งคนที่ต้นทุนต่ำ % ยิ่งจะตกมากกว่า จึงทำให้ตกใจมากกว่าอีก สำหรับคนไม่สังเกตมาก่อน
คณิตศาสตร์อันนี้ ทำให้คน panic ง่าย ถ้าถือยาวมาแล้วเจอวิกฤติก็อาจขี้หดตดหายได้ง่ายๆ ลองดูนะครับ
ตัวอย่าง นาย A เพิ่งมาซื้อ ได้ต้นทุน 9 บาท นาย B ได้ต้นทุน 2 บาทถือนานแล้ว
อาทิตย์ถัดไป ตลาดเพิ่งผลักดันราคากันให้เป็น 10 บาท เพราะมั่นใจว่ากรีซรอดแล้ว
ต้นทุน ราคา กำไร
A:9........10....11%
B:2........10....400%
อาทิตย์ถัดมา ราคาตกลงมา จาก 10 เป็น 9 เพราะตกใจว่ากรี๊ดดดด ไม่รอดแล้ว
ราคาตลาดของหุ้นลดลง แค่ 10% แค่นั้น {=(9/10) -1 = -10% }
ราคาตลาดตกเท่ากัน แต่อัตราการตก นาย B จะตกมากกว่านาย A
ต้นทุน ราคา กำไร -> กำไรลดลง
A:9........9...........0%....-> -11%
B:2........9........350%....-> -50% <<< เฮ่ย... เจี๊ยก... ขนาดนั้นเชียวหรือ ท่านพี่!
แต่พอเพิ่ม คนต้นทุนต่ำก็เพิ่มเยอะไปเหมือนกัน ตลาดกลับมามั่นใจว่ากรีซ รอดอีกแล้ว ตลาดแค่ราคาเพิ่ม 11% เท่้านั้น { =(10/9) -1 = +11%}
ของ 2 หนุ่มนี่ ก็ตรงข้ามกับอาทิตย์ก่อน
ต้นทุน ราคา กำไร -> กำไรเพิ่ม
A:9........10....11%....-> +11%
B:2........10....400%....-> +50%
เหตุผล เพราะคนต้นทุนต่ำ ถูกเทียบกับฐานที่ตัวเลขเล็กกว่า
คณิตศาสตร์อีกอย่าง ที่ี step เท่ากัน ตัวอย่างข้างบนเราจะเห็นว่าเวลาหุ้นขึ้นตัวเลขตัวเลขตลาดจะทำคนในตลาดให้มีชีวิตชีวามากกว่า เปอร์เซ็นต์จะมากกว่าหุ้นตกเสมอ เยอะๆ ถึงจะต่าง ราคาต่ำ จะเห็นต่างไวกว่า
ใครอยากเห็นชัดกว่านี้ ไปซื้อ n-park, iec เล่นดู
เวลาราคา 0.01 ข-ึ้นไป 0.02 คือ +100%
แต่พอตกลงมา 0.02 มา 0.01 มันตกแค่ -50% เอง อิอิ ขึ้นไปตั้งเยอะ แต่ตกนิดเดียว
เพราะการตก ถูกเทียบกับของเดิม ฐานใหญ่กว่านั่นเอง
(เคยมีคนใน pantip อาจารย์ให้เล่นหุ้นพอร์ตจำลอง ให้ทำกำไรสูงๆ ในระยะเวลาสั้นๆ ผมเลยแนะนำหุ้นเก่งสองตัวนี้ไป อาจารย์สะอึกโวยกลับมา เพราะคา่ดไม่ถึง)
ก่อนหน้า ผมเคยคิดว่า % หุ้นเราตกหรือเพิ่ม มันจะตกหรือเพิ่ม เหมือนกันพอๆ กันทุกคน และเท่ากับตลาดเสมอ
แต่จริงๆ แล้วยิ่งคนที่ต้นทุนต่ำ % ยิ่งจะตกมากกว่า จึงทำให้ตกใจมากกว่าอีก สำหรับคนไม่สังเกตมาก่อน
คณิตศาสตร์อันนี้ ทำให้คน panic ง่าย ถ้าถือยาวมาแล้วเจอวิกฤติก็อาจขี้หดตดหายได้ง่ายๆ ลองดูนะครับ
ตัวอย่าง นาย A เพิ่งมาซื้อ ได้ต้นทุน 9 บาท นาย B ได้ต้นทุน 2 บาทถือนานแล้ว
อาทิตย์ถัดไป ตลาดเพิ่งผลักดันราคากันให้เป็น 10 บาท เพราะมั่นใจว่ากรีซรอดแล้ว
ต้นทุน ราคา กำไร
A:9........10....11%
B:2........10....400%
อาทิตย์ถัดมา ราคาตกลงมา จาก 10 เป็น 9 เพราะตกใจว่ากรี๊ดดดด ไม่รอดแล้ว
ราคาตลาดของหุ้นลดลง แค่ 10% แค่นั้น {=(9/10) -1 = -10% }
ราคาตลาดตกเท่ากัน แต่อัตราการตก นาย B จะตกมากกว่านาย A
ต้นทุน ราคา กำไร -> กำไรลดลง
A:9........9...........0%....-> -11%
B:2........9........350%....-> -50% <<< เฮ่ย... เจี๊ยก... ขนาดนั้นเชียวหรือ ท่านพี่!
แต่พอเพิ่ม คนต้นทุนต่ำก็เพิ่มเยอะไปเหมือนกัน ตลาดกลับมามั่นใจว่ากรีซ รอดอีกแล้ว ตลาดแค่ราคาเพิ่ม 11% เท่้านั้น { =(10/9) -1 = +11%}
ของ 2 หนุ่มนี่ ก็ตรงข้ามกับอาทิตย์ก่อน
ต้นทุน ราคา กำไร -> กำไรเพิ่ม
A:9........10....11%....-> +11%
B:2........10....400%....-> +50%
เหตุผล เพราะคนต้นทุนต่ำ ถูกเทียบกับฐานที่ตัวเลขเล็กกว่า
คณิตศาสตร์อีกอย่าง ที่ี step เท่ากัน ตัวอย่างข้างบนเราจะเห็นว่าเวลาหุ้นขึ้นตัวเลขตัวเลขตลาดจะทำคนในตลาดให้มีชีวิตชีวามากกว่า เปอร์เซ็นต์จะมากกว่าหุ้นตกเสมอ เยอะๆ ถึงจะต่าง ราคาต่ำ จะเห็นต่างไวกว่า
ใครอยากเห็นชัดกว่านี้ ไปซื้อ n-park, iec เล่นดู
เวลาราคา 0.01 ข-ึ้นไป 0.02 คือ +100%
แต่พอตกลงมา 0.02 มา 0.01 มันตกแค่ -50% เอง อิอิ ขึ้นไปตั้งเยอะ แต่ตกนิดเดียว
เพราะการตก ถูกเทียบกับของเดิม ฐานใหญ่กว่านั่นเอง
(เคยมีคนใน pantip อาจารย์ให้เล่นหุ้นพอร์ตจำลอง ให้ทำกำไรสูงๆ ในระยะเวลาสั้นๆ ผมเลยแนะนำหุ้นเก่งสองตัวนี้ไป อาจารย์สะอึกโวยกลับมา เพราะคา่ดไม่ถึง)
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 24
วกเข้ามาประเด็น ส่วนตัวผมมีหุ้นตัวหนึ่ง ลบเกือบ 22% เพราะพลาดตอนซื้อ ได้ราคาสูง
อีกตัวเคยกำไรลดลงไป 45% กว่า ไม่ขาดทุน แต่เด้งลดลง หมายถึงเงินที่จะซื้อรถ sport ได้หายไปเป็นคัน
แต่ผมถือว่ากิจการผมทั้งสองยังไม่ได้เจ๊ง แค่เพราะคน "เล่นกับราคาหุ้น" น้อยลง ผมไม่สนใจว่ามันลงไปอีกเท่าไหร่ ณ ตอนนี้
แต่จะสนใจ เมื่อมีเงินเข้ามา และซื้อเพิ่มแน่ๆ
เพราะผมแน่ใจ ว่ามูลค่าของกิจการ ผมยังดีอยู่ เพราะพื้นฐานกิจการยังไม่สั่นคลอน สินค้ายังขายดี แล้วมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกด้วย และตัวบริษัทผู้บริหารก็มีฝีมือ ทำงานโปร่งใส เคาะตัวเลขแล้ว ถ้าผมมีเงินซื้อ ผมได้กิจการราคาถูก
กิจการผม ไม่ได้ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เอ๊ย ไม่ได้น้ำท่วม ไม่ได้โดนปล้น มันยังดีกว่าเดิมเรื่อยๆ
แค่ตอนนี้ นักลงทุนส่วนที่เป็นนักเก็งกำไรและนักเล่นหุ้นวิตก กลัว "ราคาหุ้นต่ำลงไปอีก" และเทขาย คนตกใจตามกัน แค่นั้้นเอง
และผมก็รู้ว่า แม้แต่คนที่บอกว่า VI ก็ขาย แล้วอาจคอยกลับมารับถูกกว่า เพราะแนวคิดต่างกัน...ไม่ว่ากัน (ตลาดร่วงรอบที่แล้ว อาจทำสำเร็จมาแล้วก็เป็นได้)
แต่ราคาต่ำลง ไม่ได้หมายความว่ามูลค่ากิจการที่แท้จริงจะตกต่ำไปด้วย ในเมื่อผมไม่เก่งอย่างเขา เดาตลาดไม่เป็น ถ้าตอนไหนแน่ใจว่าได้ของถูกมีเงินซื้อ ผมจะซื้อ แม้ซื้ออีกซักพักมันจะแดงอีกก็ตาม ก็ดูกระแสดูตลาดบ้าง แต่ก็ไม่ได้เอามาเป็นเรื่องใหญ่ ผมถือว่าไม่ขายไม่ขาดทุน เพราะคิดว่าวิกฤติ มันไม่ได้เกิดยาวเป็น 10-20 ปี อย่างมากก็คงแค่ ปี 2 ปี แล้วต้องหาทางกลับมากระตุ้นกัน
แต่ถ้าเกิดรู้แม้แต่นิดเดียวไม่ว่าระหว่างวิกฤติหรือแม้แต่ช่วงตลาดพุ่ง 2000 จุด ระหว่างนั้นรู้ว่ากิจการมีอะไรเปลี่ยน เช่น ผู้บริหารโกงอย่้าง Nippon หรือกิจการเละเทะ อย่าง CAWOW ผมถือว่าเสียเวลา ขายทิ้งทุกราคาไม่เอาเงินมาจม ถือว่าเวลาที่รออยู่ข้างหน้าหมดหวังกับกิจการนี้แล้ว ระยะเวลาข้างหน้ารีบเอาไปทำกำไรกับกิจการอื่นที่ใหม่ดีกว่า แล้วทิ้งไว้จะขาดทุนเพิ่มอีก แล้วจะโง่เสียเวลาต่อทำไม ดูจังหวะเล็กน้อย ระหว่างอาทิตย์วันไหนดูดีเคลิ้มเขียวไปตามตลาด แล้วก็ขายเลย
ที่ว่า ผมถือว่าไม่ขายไม่ขาดทุน มีคนพูดกันเยอะ แต่ผมไม่ได้พูดตามเขา และนี่ไม่ใช่คำปลอบใจตัวเอง เพราะถ้าแน่ใจว่าก่อนหน้าคิดมาดีแล้วและกิจการยังดีต่อ ไม่ขายแต่จะซื้อเพิ่ม ถ้าได้ของถูกแต่ต้องของดีด้วย ซึ่ีงของที่ก่อนหน้าไม่ขาย ก็แปลว่ามั่นใจได้ของดีอยู่แล้ว
จะเป็นได้อีกกรณี คือถ้าเกิดระหว่างวิกฤติ กิจการมันจะล้มไปด้วย ซึ่งผมวิเคราะห์แล้ว มั่นใจว่ากิกจารการที่ผมเลือกไม่เกีี่ยวกับวิกฤตินี้
รอบที่ปลั๊กหลุด หุ้นพระเอกผมเคยตก จน port ติดลบ แต่พอตลาดกลับมาเลิกกังวลกรี๊ดไม่กริ๊ด ก็ขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางวันถึงลิ่้งก็มี
อีกตัวเคยกำไรลดลงไป 45% กว่า ไม่ขาดทุน แต่เด้งลดลง หมายถึงเงินที่จะซื้อรถ sport ได้หายไปเป็นคัน
แต่ผมถือว่ากิจการผมทั้งสองยังไม่ได้เจ๊ง แค่เพราะคน "เล่นกับราคาหุ้น" น้อยลง ผมไม่สนใจว่ามันลงไปอีกเท่าไหร่ ณ ตอนนี้
แต่จะสนใจ เมื่อมีเงินเข้ามา และซื้อเพิ่มแน่ๆ
เพราะผมแน่ใจ ว่ามูลค่าของกิจการ ผมยังดีอยู่ เพราะพื้นฐานกิจการยังไม่สั่นคลอน สินค้ายังขายดี แล้วมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกด้วย และตัวบริษัทผู้บริหารก็มีฝีมือ ทำงานโปร่งใส เคาะตัวเลขแล้ว ถ้าผมมีเงินซื้อ ผมได้กิจการราคาถูก
กิจการผม ไม่ได้ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เอ๊ย ไม่ได้น้ำท่วม ไม่ได้โดนปล้น มันยังดีกว่าเดิมเรื่อยๆ
แค่ตอนนี้ นักลงทุนส่วนที่เป็นนักเก็งกำไรและนักเล่นหุ้นวิตก กลัว "ราคาหุ้นต่ำลงไปอีก" และเทขาย คนตกใจตามกัน แค่นั้้นเอง
และผมก็รู้ว่า แม้แต่คนที่บอกว่า VI ก็ขาย แล้วอาจคอยกลับมารับถูกกว่า เพราะแนวคิดต่างกัน...ไม่ว่ากัน (ตลาดร่วงรอบที่แล้ว อาจทำสำเร็จมาแล้วก็เป็นได้)
แต่ราคาต่ำลง ไม่ได้หมายความว่ามูลค่ากิจการที่แท้จริงจะตกต่ำไปด้วย ในเมื่อผมไม่เก่งอย่างเขา เดาตลาดไม่เป็น ถ้าตอนไหนแน่ใจว่าได้ของถูกมีเงินซื้อ ผมจะซื้อ แม้ซื้ออีกซักพักมันจะแดงอีกก็ตาม ก็ดูกระแสดูตลาดบ้าง แต่ก็ไม่ได้เอามาเป็นเรื่องใหญ่ ผมถือว่าไม่ขายไม่ขาดทุน เพราะคิดว่าวิกฤติ มันไม่ได้เกิดยาวเป็น 10-20 ปี อย่างมากก็คงแค่ ปี 2 ปี แล้วต้องหาทางกลับมากระตุ้นกัน
แต่ถ้าเกิดรู้แม้แต่นิดเดียวไม่ว่าระหว่างวิกฤติหรือแม้แต่ช่วงตลาดพุ่ง 2000 จุด ระหว่างนั้นรู้ว่ากิจการมีอะไรเปลี่ยน เช่น ผู้บริหารโกงอย่้าง Nippon หรือกิจการเละเทะ อย่าง CAWOW ผมถือว่าเสียเวลา ขายทิ้งทุกราคาไม่เอาเงินมาจม ถือว่าเวลาที่รออยู่ข้างหน้าหมดหวังกับกิจการนี้แล้ว ระยะเวลาข้างหน้ารีบเอาไปทำกำไรกับกิจการอื่นที่ใหม่ดีกว่า แล้วทิ้งไว้จะขาดทุนเพิ่มอีก แล้วจะโง่เสียเวลาต่อทำไม ดูจังหวะเล็กน้อย ระหว่างอาทิตย์วันไหนดูดีเคลิ้มเขียวไปตามตลาด แล้วก็ขายเลย
ที่ว่า ผมถือว่าไม่ขายไม่ขาดทุน มีคนพูดกันเยอะ แต่ผมไม่ได้พูดตามเขา และนี่ไม่ใช่คำปลอบใจตัวเอง เพราะถ้าแน่ใจว่าก่อนหน้าคิดมาดีแล้วและกิจการยังดีต่อ ไม่ขายแต่จะซื้อเพิ่ม ถ้าได้ของถูกแต่ต้องของดีด้วย ซึ่ีงของที่ก่อนหน้าไม่ขาย ก็แปลว่ามั่นใจได้ของดีอยู่แล้ว
จะเป็นได้อีกกรณี คือถ้าเกิดระหว่างวิกฤติ กิจการมันจะล้มไปด้วย ซึ่งผมวิเคราะห์แล้ว มั่นใจว่ากิกจารการที่ผมเลือกไม่เกีี่ยวกับวิกฤตินี้
รอบที่ปลั๊กหลุด หุ้นพระเอกผมเคยตก จน port ติดลบ แต่พอตลาดกลับมาเลิกกังวลกรี๊ดไม่กริ๊ด ก็ขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางวันถึงลิ่้งก็มี
-
- Verified User
- โพสต์: 537
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 25
หุ้นตกให้ปิดจอ แล้วก็..
ไปเรียนแต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูดิสนีย์ออนไอซ์ ไปเรลลี่ ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ชอปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิรท ดินเนอร์ ทำขนม จัดดอกไม้ เที่ยวตลาดน้ำ เรียนถ่ายรูป ดูกายกรรม ชมเมืองเก่า เข้าสัมนา ทัวร์ธรรมมะ เรียนเต้น แล้วก็ร้องเพลง ไปก่อนนะ..
พื้นฐานไม่เปลี่ยนก็ถือต่อครับ ถือว่าเป็นโปรโมชั่นให้คนตกรถ ดูอย่างทองคำสิ.. หล่นแป๊บเดียวก็ขึ้นมาแล้ว.. ขายไม่ทันก็รอรอบต่อไป อย่าไปสิ้นหวัง ถ้าทำการบ้านมาดีพอ..
Stay calm, Stay invest. # ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ไปเรียนแต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูดิสนีย์ออนไอซ์ ไปเรลลี่ ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ชอปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิรท ดินเนอร์ ทำขนม จัดดอกไม้ เที่ยวตลาดน้ำ เรียนถ่ายรูป ดูกายกรรม ชมเมืองเก่า เข้าสัมนา ทัวร์ธรรมมะ เรียนเต้น แล้วก็ร้องเพลง ไปก่อนนะ..
พื้นฐานไม่เปลี่ยนก็ถือต่อครับ ถือว่าเป็นโปรโมชั่นให้คนตกรถ ดูอย่างทองคำสิ.. หล่นแป๊บเดียวก็ขึ้นมาแล้ว.. ขายไม่ทันก็รอรอบต่อไป อย่าไปสิ้นหวัง ถ้าทำการบ้านมาดีพอ..
Stay calm, Stay invest. # ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ความอดทน เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน
การลงทุนที่ถูกวิธี คือลงทุนแล้วมีความสุข
การลงทุนที่ถูกวิธี คือลงทุนแล้วมีความสุข
- luangrit
- Verified User
- โพสต์: 376
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 27
ขอแชร์บ้างนะครับ
ช่วงที่หุ้นตกสิ่งที่จะทำเลยคือ
1. ดูพื้นฐานว่าหุ้นตกครั้งนี้มีผลต่อกิจการเราแค่ไหน
2. หากว่าไม่มีหรือมีผลน้อย ก็กลับมาดูพอร์ต ถ้าติดลบก็จะถามตัวเองว่า "อยากเพิ่มความเป็นเจ้าของกิจการอีกมั้ย"
3. ระดมทุนซื้อเพิ่มครับ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้
หุ้นที่อยู่ในพอร์ตต้องมาจากการที่เราวิเคราะห์กิจการมาอย่างดีแล้วเท่านั้น
และซื้อในราคาที่มี MOS หรือ Upside พอสมควร
เพียงแต่ตลาดมันไม่เอื้อ ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกครับมามันจะตกจะขึ้น
คือตกก็ตกไปเถิด มันก็เป็นกันทั้งตลาด จะฝืนได้อย่างไร
ผมไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ครับ กับสถานการณ์แบบนี้
ที่จะกังวลก็มีแค่เรื่องเดียว คือพื้นฐานกิจการมันไม่เป็นไปอย่างที่เราประเมินเอาไว้
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ซื้อถัวครับขายทิ้งอย่างเดียว เพราะไม่อยากเป็นเจ้าของร่วมแล้ว
หากว่าเรามีความมั่นคงในหลักการแนวเน้นคุณค่าจริงๆแล้ว
เราก็จะมีความรู้สึกคล้ายๆอาจารย์ของพวกเรา
ทั้ง ดร. นิเวศน์ หรือกระทั่ง W. Buffett
ผมรู้สึกอย่างนั้นนะครับ
ช่วงที่หุ้นตกสิ่งที่จะทำเลยคือ
1. ดูพื้นฐานว่าหุ้นตกครั้งนี้มีผลต่อกิจการเราแค่ไหน
2. หากว่าไม่มีหรือมีผลน้อย ก็กลับมาดูพอร์ต ถ้าติดลบก็จะถามตัวเองว่า "อยากเพิ่มความเป็นเจ้าของกิจการอีกมั้ย"
3. ระดมทุนซื้อเพิ่มครับ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้
หุ้นที่อยู่ในพอร์ตต้องมาจากการที่เราวิเคราะห์กิจการมาอย่างดีแล้วเท่านั้น
และซื้อในราคาที่มี MOS หรือ Upside พอสมควร
เพียงแต่ตลาดมันไม่เอื้อ ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกครับมามันจะตกจะขึ้น
คือตกก็ตกไปเถิด มันก็เป็นกันทั้งตลาด จะฝืนได้อย่างไร
ผมไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ครับ กับสถานการณ์แบบนี้
ที่จะกังวลก็มีแค่เรื่องเดียว คือพื้นฐานกิจการมันไม่เป็นไปอย่างที่เราประเมินเอาไว้
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ซื้อถัวครับขายทิ้งอย่างเดียว เพราะไม่อยากเป็นเจ้าของร่วมแล้ว
หากว่าเรามีความมั่นคงในหลักการแนวเน้นคุณค่าจริงๆแล้ว
เราก็จะมีความรู้สึกคล้ายๆอาจารย์ของพวกเรา
ทั้ง ดร. นิเวศน์ หรือกระทั่ง W. Buffett
ผมรู้สึกอย่างนั้นนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 28
บทเรียนจากซับไพร์ม
Posted on February 5, 2010 by TVI MOD
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ปัญหาซับ ไพร์มหรือลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ อเมริกามีผลกระทบทำให้ตลาดหุ้นตกทั่วโลก สำหรับประเทศไทยคงหนีไม่พ้นกับผลกระทบของซับไพร์ม โดยเฉพาะการขายหุ้นทั่วโลกของนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้ดัชนีหุ้นไทยลดลงจากต้นปีกว่า 10% นักลงทุนรายย่อยต่างขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะคำถามที่ว่า จะทำอย่างไรดีเมื่อหุ้นตก
ในเวปไซค์ของ Thaivi.com มีสมาชิกท่านหนึ่งใช้ชื่อว่าคุณ Invisible Hand ได้เขียนถึงบทเรียนของปัญหาซับไพร์มได้อย่างสนใจ จึงนำมาให้อ่านกัน
“สิ่งที่เรา ได้เรียนรู้หลังเหตุการณ์หุ้นลงอันเนื่องจากปัญหาซับไพร์ม และเหตุการณ์การลงทุนอื่นๆ จะเห็นว่าไม่ได้เน้นข้อสังเกตเป็นวิชาการอะไรนัก เป็นข้อสังเกตเอาไว้อ่านสนุกๆกันนะครับ
1. เวลาหุ้นลงก็จะมีข่าวร้ายเต็มตลาด แต่ถ้าหุ้นขึ้นกลับมานักลงทุนก็พร้อมจะลืมข่าวร้ายนั้นไป
2. นักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะมีปริมาณการซื้อขาย 30-40% ของตลาด แต่ก็สามารถกำหนดทิศทางตลาดได้ ตัวเลขการซื้อขายต่างชาติครึ่งวันเป็นตัวเลขที่สำคัญกว่าตัวเลข GDP ตัวเลขเศรษฐกิจ ธปท. ทุกสิ้นเดือน หรือการเพิ่มขึ้นการส่งออกของประเทศในแต่ละเดือนไปเสียแล้ว เพราะอย่างหลังมันไม่เคยทำให้หุ้นขึ้นหรือลงได้แต่อย่างไร การซื้อขายอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติ ก็ทำให้เราซื้อหุ้นบางตัวได้ถูกกว่าที่คิดได้ หรือขายหุ้นบางตัวแพงกว่าที่คิดได้
3. การซื้อหรือขายหุ้นแบบแบ่งไม้หรือหลายๆ order ก็ลดผลกระทบของโชคชะตาได้ เพราะมีบ่อยครั้งที่เราอาจจะพลาดการซื้อหรือขายหุ้นเพราะตั้งซื้อหรือต่ำไป หรือขายสูงไปเพียง 1 step โดยไม่ได้กระจาย order แล้วบอกว่าโชคไม่ดี ผมคิดว่าเราสามารถเอาชนะโชคชะตาในเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก การตั้งซื้อหรือขายที่เลขกลมๆ เช่น 0 5 อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก หลายๆ ครั้งที่เสื้อตัวละ 99 บาทจะขายดีกว่าเสื้อตัวละ 100 บาททั้งๆ ที่ราคาต่างกันเพียง 1 บาท
4. การดู bid offer นานเกินไปบางครั้งอาจจะทำให้เราไม่กล้าซื้อหรือขายได้ หุ้นขาลง bid-offer และการเคาะแต่ละไม้ชวนให้เคาะขายตามอย่างยิ่ง ในทางกลับกัน ในหุ้นขาขึ้นก็เช่นกัน
5. หุ้นบางตัวเมื่อตลาดปรับลงมา เมื่อตลาดขึ้นกลับอาจจะขึ้นได้สูงกว่าเดิม แต่หุ้นบางตัวลงแล้วลงเลยไม่กลับมา การเลือกซื้อหุ้นในตลาดขาลงนอกจากจะพิจารณาหุ้นที่ลงมาเยอะเป็นพิเศษ แต่เราจะต้องเลือกพื้นฐานของหุ้นด้วย ถ้ายังไม่ชำนาญหรือเกรงว่าทำได้ไม่ดี การซื้อ TDEX ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า
6. บางครั้งความคิดที่รอต่างชาติหยุดขายแล้วค่อยซื้อหุ้นนั้นอาจจะไม่ได้ผลทุก ครั้งไป หลายๆ ครั้งหุ้นจะใกล้ๆ จุดต่ำสุดเมื่อต่างชาติเพลาการขายลง
7. นักลงทุนในประเทศหลายๆ คนที่ขายหุ้นเพราะกลัว subprime จริงๆ แล้วไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอกว่าปัญหา subprime มันเป็นยังไง แต่การบอกคนอื่นๆ ว่าขายหุ้นเพราะ subprime นั้นย่อมดูดีกว่าการขายหุ้นเพราะตกใจกลัวแน่นอน
8. การที่เราฟังนักวิเคราะห์ที่บอกว่า ถ้าหลุด 10 บาทจะมีสิทธิลงไป 9.5 บาท ถ้ายืนเหนือ 10 บาทได้แปลว่าจะไม่ลงแล้ว หรือถ้าทะลุ 5 บาทมีสิทธิไปทดสอบ 5.5 บาทนั้น เป็นคำอธิบายที่ถูกต้องตามหลักความน่าจะเป็นและดูเหมือนจะเป็นสัจธรรมหรือ fact มากกว่าการคาดการณ์
9. นักวิเคราะห์บางคนเริ่มบทวิเคราะห์หุ้นตัวหนึ่งครั้งแรกโดยแนะนำว่า sell เมื่อพื้นฐานดีขึ้นจึงปรับเป็น hold แต่ลืมคิดไปว่าเมื่อนักลงทุนขายหุ้นหมดไปแล้วตามคำแนะนำจะเอาหุ้นที่ไหนมา ถือ ดังนั้นการปรับจาก sell เป็น hold แปลว่าให้หาหุ้นมาถือ ก็คือให้ซื้อนั่นเอง แต่การปรับจาก sell เป็น buy นั้นจะทำให้โดนเจ้านายและลูกค้าด่า ในทางกลับกัน การปรับจาก strong buy เป็น hold ก็มีนัยคล้ายๆ กัน
10. การซื้อขายทาง internet เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความสะดวกและเข้าถึง internet ได้เกือบตลอดเวลา แต่ถ้าจุดประสงค์เพื่อประหยัดค่าคอมฯ บางครั้งการเติม 0 เกินไป 1 ตัวหรือ ซื้อเป็นขาย ขายเป็นซื้อ มันอาจจะมากกว่าค่าคอมฯ ที่ประหยัดได้ทั้งปี คล้ายๆ กับการซื้อบริการอะไรล่วงหน้าได้ส่วนลดเยอะแต่ท้ายสุดแล้วไม่ค่อยได้ไป
11. นักวิเคราะห์ที่วิเคราะห์ถูก 100% ทุกครั้งนั้นไม่มีแน่นอน ที่เห็นส่วนมากนั้นถูกครึ่งผิดครึ่งซึ่งไม่ช่วยอะไรได้มากนักเหมือนเล่นปั่น แปะ แต่คนที่มี value add ที่สุดคือคนที่ผิดเกือบทุกครั้งเพราะเราเพียงแค่ทำตรงข้ามก็ถูกแล้ว จึงเป็นเหตุให้บางคนจึงมีชื่อเสียงเพราะตลาดรู้ว่าคนนี้ออกมาฟันธงว่าเป็นขา ขึ้นเมื่อไหร่ต้องให้ขายหุ้นทุกทีไป
12. หุ้นลงมากๆ หรือขึ้นมากๆ ไม่ใช่ว่า VI จะต้องไม่กลัวหรือเสียดายไม่เป็นเพราะเรายังมีชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่ซื้อกลัวลงต่อมั้ยผมคิดว่าคงต้องมีความรู้สึกนี้กันบ้าง หรือหุ้นขึ้นแรงๆ ขายแล้วกลัวขึ้นต่อมั้ย ก็กลัวเพราะมันก็เกิดประจำ การซื้อแล้วลงหรือขายแล้วขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเกิดแน่ๆ หากเรายังเลือกที่จะลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องทำใจยอมรับ ดังนั้นการซื้อหรือขายแต่ละครั้งต้องคิดให้ถี่ถ้วนและวินัยการลงทุนเป็น เรื่องสำคัญเช่นกัน”
http://www.thaivi.com/2010/02/430/
ดีมากๆคับเลยเอามาเเลกเปลี่ยนกัน
Posted on February 5, 2010 by TVI MOD
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ปัญหาซับ ไพร์มหรือลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ อเมริกามีผลกระทบทำให้ตลาดหุ้นตกทั่วโลก สำหรับประเทศไทยคงหนีไม่พ้นกับผลกระทบของซับไพร์ม โดยเฉพาะการขายหุ้นทั่วโลกของนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้ดัชนีหุ้นไทยลดลงจากต้นปีกว่า 10% นักลงทุนรายย่อยต่างขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะคำถามที่ว่า จะทำอย่างไรดีเมื่อหุ้นตก
ในเวปไซค์ของ Thaivi.com มีสมาชิกท่านหนึ่งใช้ชื่อว่าคุณ Invisible Hand ได้เขียนถึงบทเรียนของปัญหาซับไพร์มได้อย่างสนใจ จึงนำมาให้อ่านกัน
“สิ่งที่เรา ได้เรียนรู้หลังเหตุการณ์หุ้นลงอันเนื่องจากปัญหาซับไพร์ม และเหตุการณ์การลงทุนอื่นๆ จะเห็นว่าไม่ได้เน้นข้อสังเกตเป็นวิชาการอะไรนัก เป็นข้อสังเกตเอาไว้อ่านสนุกๆกันนะครับ
1. เวลาหุ้นลงก็จะมีข่าวร้ายเต็มตลาด แต่ถ้าหุ้นขึ้นกลับมานักลงทุนก็พร้อมจะลืมข่าวร้ายนั้นไป
2. นักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะมีปริมาณการซื้อขาย 30-40% ของตลาด แต่ก็สามารถกำหนดทิศทางตลาดได้ ตัวเลขการซื้อขายต่างชาติครึ่งวันเป็นตัวเลขที่สำคัญกว่าตัวเลข GDP ตัวเลขเศรษฐกิจ ธปท. ทุกสิ้นเดือน หรือการเพิ่มขึ้นการส่งออกของประเทศในแต่ละเดือนไปเสียแล้ว เพราะอย่างหลังมันไม่เคยทำให้หุ้นขึ้นหรือลงได้แต่อย่างไร การซื้อขายอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติ ก็ทำให้เราซื้อหุ้นบางตัวได้ถูกกว่าที่คิดได้ หรือขายหุ้นบางตัวแพงกว่าที่คิดได้
3. การซื้อหรือขายหุ้นแบบแบ่งไม้หรือหลายๆ order ก็ลดผลกระทบของโชคชะตาได้ เพราะมีบ่อยครั้งที่เราอาจจะพลาดการซื้อหรือขายหุ้นเพราะตั้งซื้อหรือต่ำไป หรือขายสูงไปเพียง 1 step โดยไม่ได้กระจาย order แล้วบอกว่าโชคไม่ดี ผมคิดว่าเราสามารถเอาชนะโชคชะตาในเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก การตั้งซื้อหรือขายที่เลขกลมๆ เช่น 0 5 อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก หลายๆ ครั้งที่เสื้อตัวละ 99 บาทจะขายดีกว่าเสื้อตัวละ 100 บาททั้งๆ ที่ราคาต่างกันเพียง 1 บาท
4. การดู bid offer นานเกินไปบางครั้งอาจจะทำให้เราไม่กล้าซื้อหรือขายได้ หุ้นขาลง bid-offer และการเคาะแต่ละไม้ชวนให้เคาะขายตามอย่างยิ่ง ในทางกลับกัน ในหุ้นขาขึ้นก็เช่นกัน
5. หุ้นบางตัวเมื่อตลาดปรับลงมา เมื่อตลาดขึ้นกลับอาจจะขึ้นได้สูงกว่าเดิม แต่หุ้นบางตัวลงแล้วลงเลยไม่กลับมา การเลือกซื้อหุ้นในตลาดขาลงนอกจากจะพิจารณาหุ้นที่ลงมาเยอะเป็นพิเศษ แต่เราจะต้องเลือกพื้นฐานของหุ้นด้วย ถ้ายังไม่ชำนาญหรือเกรงว่าทำได้ไม่ดี การซื้อ TDEX ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า
6. บางครั้งความคิดที่รอต่างชาติหยุดขายแล้วค่อยซื้อหุ้นนั้นอาจจะไม่ได้ผลทุก ครั้งไป หลายๆ ครั้งหุ้นจะใกล้ๆ จุดต่ำสุดเมื่อต่างชาติเพลาการขายลง
7. นักลงทุนในประเทศหลายๆ คนที่ขายหุ้นเพราะกลัว subprime จริงๆ แล้วไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอกว่าปัญหา subprime มันเป็นยังไง แต่การบอกคนอื่นๆ ว่าขายหุ้นเพราะ subprime นั้นย่อมดูดีกว่าการขายหุ้นเพราะตกใจกลัวแน่นอน
8. การที่เราฟังนักวิเคราะห์ที่บอกว่า ถ้าหลุด 10 บาทจะมีสิทธิลงไป 9.5 บาท ถ้ายืนเหนือ 10 บาทได้แปลว่าจะไม่ลงแล้ว หรือถ้าทะลุ 5 บาทมีสิทธิไปทดสอบ 5.5 บาทนั้น เป็นคำอธิบายที่ถูกต้องตามหลักความน่าจะเป็นและดูเหมือนจะเป็นสัจธรรมหรือ fact มากกว่าการคาดการณ์
9. นักวิเคราะห์บางคนเริ่มบทวิเคราะห์หุ้นตัวหนึ่งครั้งแรกโดยแนะนำว่า sell เมื่อพื้นฐานดีขึ้นจึงปรับเป็น hold แต่ลืมคิดไปว่าเมื่อนักลงทุนขายหุ้นหมดไปแล้วตามคำแนะนำจะเอาหุ้นที่ไหนมา ถือ ดังนั้นการปรับจาก sell เป็น hold แปลว่าให้หาหุ้นมาถือ ก็คือให้ซื้อนั่นเอง แต่การปรับจาก sell เป็น buy นั้นจะทำให้โดนเจ้านายและลูกค้าด่า ในทางกลับกัน การปรับจาก strong buy เป็น hold ก็มีนัยคล้ายๆ กัน
10. การซื้อขายทาง internet เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความสะดวกและเข้าถึง internet ได้เกือบตลอดเวลา แต่ถ้าจุดประสงค์เพื่อประหยัดค่าคอมฯ บางครั้งการเติม 0 เกินไป 1 ตัวหรือ ซื้อเป็นขาย ขายเป็นซื้อ มันอาจจะมากกว่าค่าคอมฯ ที่ประหยัดได้ทั้งปี คล้ายๆ กับการซื้อบริการอะไรล่วงหน้าได้ส่วนลดเยอะแต่ท้ายสุดแล้วไม่ค่อยได้ไป
11. นักวิเคราะห์ที่วิเคราะห์ถูก 100% ทุกครั้งนั้นไม่มีแน่นอน ที่เห็นส่วนมากนั้นถูกครึ่งผิดครึ่งซึ่งไม่ช่วยอะไรได้มากนักเหมือนเล่นปั่น แปะ แต่คนที่มี value add ที่สุดคือคนที่ผิดเกือบทุกครั้งเพราะเราเพียงแค่ทำตรงข้ามก็ถูกแล้ว จึงเป็นเหตุให้บางคนจึงมีชื่อเสียงเพราะตลาดรู้ว่าคนนี้ออกมาฟันธงว่าเป็นขา ขึ้นเมื่อไหร่ต้องให้ขายหุ้นทุกทีไป
12. หุ้นลงมากๆ หรือขึ้นมากๆ ไม่ใช่ว่า VI จะต้องไม่กลัวหรือเสียดายไม่เป็นเพราะเรายังมีชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่ซื้อกลัวลงต่อมั้ยผมคิดว่าคงต้องมีความรู้สึกนี้กันบ้าง หรือหุ้นขึ้นแรงๆ ขายแล้วกลัวขึ้นต่อมั้ย ก็กลัวเพราะมันก็เกิดประจำ การซื้อแล้วลงหรือขายแล้วขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเกิดแน่ๆ หากเรายังเลือกที่จะลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องทำใจยอมรับ ดังนั้นการซื้อหรือขายแต่ละครั้งต้องคิดให้ถี่ถ้วนและวินัยการลงทุนเป็น เรื่องสำคัญเช่นกัน”
http://www.thaivi.com/2010/02/430/
ดีมากๆคับเลยเอามาเเลกเปลี่ยนกัน
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก
โพสต์ที่ 29
yacht7 เขียน:หุ้นตกให้ปิดจอ แล้วก็..
ไปเรียนแต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูดิสนีย์ออนไอซ์ ไปเรลลี่ ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ชอปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิรท ดินเนอร์ ทำขนม จัดดอกไม้ เที่ยวตลาดน้ำ เรียนถ่ายรูป ดูกายกรรม ชมเมืองเก่า เข้าสัมนา ทัวร์ธรรมมะ เรียนเต้น แล้วก็ร้องเพลง ไปก่อนนะ..
พื้นฐานไม่เปลี่ยนก็ถือต่อครับ ถือว่าเป็นโปรโมชั่นให้คนตกรถ ดูอย่างทองคำสิ.. หล่นแป๊บเดียวก็ขึ้นมาแล้ว.. ขายไม่ทันก็รอรอบต่อไป อย่าไปสิ้นหวัง ถ้าทำการบ้านมาดีพอ..
Stay calm, Stay invest. # ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ไปก่อนนะ.. ฟิ้วส์ หุ้นแพง นักลงทุนคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันแพง
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด