นายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราโคยของสเปน ประกาศการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 18% ขึ้นเป็น 21% และการปรับลดงบประมาณท้องถิ่นลงกว่า 3.5 พันล้านยูโร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหม่เพื่อรักษาสมดุลงบประมาณต่อรัฐสภา
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน ได้ตกลงกันในเงื่อนไขที่จะให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาของสเปน โดยพร้อมที่จะจัดหาเงินมูลค่า 3 หมื่นล้านยูโรให้กับธนาคารสเปนที่ประสบปัญหาภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม และจะขยายระยะเวลาสำหรับรัฐบาลสเปนออกไปอีก 1 ปีจนถึงปี 2014 ในการบรรลุเป้าขาดดุลงบประมาณที่ร้อยละ 3 ของจีดีพี
ทั้งนี้ รัฐบาลสเปนจะปรับลดงบใช้จ่ายลงราว 1 หมื่นล้านยูโรภายในปีนี้ ซึ่งมาตรการของรัฐบาลสเปน รวมถึงการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม การปรับลดการจ่ายเงินสวัสดิการสังคม การปรับลดการจ่ายเงินสวัสดิการว่างงาน และการปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณเงินบำนาญ และเพื่อเป็นการตอบแทน คณะกรรมาธิการยุโรป เสนอที่จะผ่อนคลายเป้าหมายในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสเปน
นายราโคย ซึ่งถูกขัดจังหวะหลายครั้งจากรัฐมนตรีจากพรรคฝ่ายค้าน กล่าวต่อรัฐสภาว่า มาตรการที่เขาประกาศในครั้งนี้จะต้องเร่งดำเนินการในทันที โดยการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มและการตัดงบประมาณอื่นๆครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลลดการใช้จ่ายงบประมาณไปได้กว่า 6.5 หมื่นล้านยูโร ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 6.5 ของจีดีพี
นายกฯสเปนประกาศการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 18% ขึ้นเป็น 21% ขณะที่ในภาคการขนส่งสาธารณะและธุรกิจโรงแรม อัตราภาษีจะอยู่ที่ระหว่าง 8-10% ส่วนสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน อาทิ ขนมปัง ยา และหนังสือ อัตราภาษียังคงเดิมที่ 4% ขณะที่องค์กรสาธารณะ จะงดจ่ายโบนัสในวันคริสต์มาส และผลประโยชน์ที่ได้รับหลังการลาออกจากงานจะถูกตัดเมื่อครบ 6 เดือน
เขากล่าวว่า หากปราศจากมาตรการครั้งนี้ อาจทำให้บริการสาธารณะต่างๆของสเปนตกอยู่ท่ามกลางความเสี่ยง โดยการลดงบประมาณการบริหารราชการท้องถิ่นลง 3.5 ล้านยูโร อาจส่งผลกระทบทำให้หน่วยงานต่างๆจะไม่สามารถเสนอของบประมาณที่เกินความจำเป็น สมาชิกสภาท้องถิ่นอาจลดลงกว่าร้อยละ 30 ในบางพื้นที่
แม้ที่ประชุมสุดยอดอียูเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ที่ประชุมจะมีมาตรการหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือสเปน แต่กระบวนการดังกล่าวยังต้องใช้เวลา ขณะที่สภาพแวดล้อมทางการเงินของสเปน กำลังเลวร้ายลงทุกวัน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะเวลา 10 ปี ได้พุ่งขึ้นไปถึงร้อยละ 7 ดังนั้นสเปนจึงต้องแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยคาดว่าอาจประกาศมาตรการขึ้นภาษีผู้บริโภคเร็วกว่าที่กำหนดไว้ในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากรายได้ของ ประเทศลดลง จนอาจไม่สามารถ ปฏิบัติตามเงื่อนไขรับเงินกู้ของอียูได้ หากไม่มีมาตรการขึ้นภาษี
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายคริสโตบัล มอนโทโร รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและการจัดการสาธารณะ กล่าวเตือนถึงการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยระบุว่า หากผู้ที่ยินดีที่จ่ายภาษียอมที่จะจ่ายเพิ่มขึ้น รัฐบาลอาจไม่ต้องขึ้นภาษีมากเช่นนี้