R37: มวลวิกฤต กับ ทฤษฎีลิงตัวที่ 100
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 728
- ผู้ติดตาม: 0
R37: มวลวิกฤต กับ ทฤษฎีลิงตัวที่ 100
โพสต์ที่ 1
มือใหม่หัดเขียนครับ ถ้าสนใจอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ http://randomwalk.bloggang.com
ในการดำเนินธุรกิจนั้นบางครั้งผลกำไรของตัวสินค้าและบริการจะคุ้มต้นทุนในการลงทุนหรือไม่จะขึ้นอยู่กับความนิยมของตลาดด้วย ถ้าเป็นสินค้าและบริการดั้งเดิมที่คนรู้จักและคุ้นเคยกับการใช้งานอยู่แล้ว ย่อมจะขายได้ง่ายกว่าสินค้าหรือบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยังต้องอาศัยเวลาเป็นการพิสูจน์ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะเปิดร้านขายอาหาร การขายข้าวมันไก่ที่คนคุ้นเคยอยู่แล้วย่อมมีความเสี่ยงน้อยกว่าการขายเสต็กเนื้อแกะที่คนไทยยังไม่ค่อยคุ้นเคย อย่างไรก็ตามถ้าสินค้าหรือบริการที่เป็นของใหม่ทำให้เกิดกระแสนิยมแห่ตามกัน ผู้ขายก็คงจะเหมือนถูกแจ็กพอต เพราะยังไม่มีคู่แข่งจึงทำให้ได้กำไรที่มากกว่าการขายสินค้าและบริการแบบดั้งเดิม
ตัวอย่างสินค้าที่ดังกล่าวที่เห็นได้ชัดในที่ผ่านมาก็คือ น้ำชาเขียว ในช่วงเริ่มแรกชาเขียวจะดื่มกันในร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้นและยังมีน้อยคนนักที่รู้จักเครื่องดื่มประเภทนี้ ต่อมาเมื่อชาเขียวเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจนถึงจุดหนึ่งก็เกิดกระแสการดื่มชาเขียวขึ้นมา จนในปัจจุบันชาเขียวได้ติดตลาดและเรียกได้ว่าน้ำชาเขียวอาจจะมาแทนการดื่มน้ำอัดลมสำหรับบางคนไปแล้วก็ได้ สินค้าอีกตัวหนึ่งก็คือ iphone ในช่วงแรก iphone จะนิยมในกลุ่มเฉพาะคนรัก apple เท่านั้น แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทุกคนรอบตัวใช้ iphone กันหมด ตนเองจึงรู้สึกว่าจะต้องใช้ iphone ตาม สุดท้ายทุกคนในสังคมของเราก็ใช้ iphone เหมือนกันทั้งหมด ยังมีตัวอย่างอื่นให้เห็นอีกมากมาย เช่น เทรนด์ของเสื้อผ้า การตัดผม การนิยมเกาหลี แบรนด์เนมที่ฮิตตามกัน หรือแม้กระทั่งการซื้อหุ้นที่เป็นที่นิยมในขณะนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีจุดหนึ่งที่เราจะรู้สึกว่าคนรอบตัวนิยมแบบนี้ ทำให้เราต้องใช้สินค้าและบริการแบบนี้ตามคนรอบตัว
มีนักวิจัยศึกษาพฤติกรรมของลิงบนเกาะแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น พบว่าลิงเหล่านี้มีพฤติกรรมเรียนรู้ที่จะล้างมันฝรั่งที่เปื้อนทรายด้วยน้ำทะเลก่อนกิน แรกๆก็จะมีลิงอยู่ไม่กี่ตัวที่ล้างมันฝรั่ง และลิงก็เริ่มทำตามกันอย่างช้าๆไปจนถึง “ลิงตัวที่ 100” เมื่อถึงจุดนี้ พฤติกรรมของลิงจะถูกเลียนแบบอย่างรวดเร็ว จนทำให้ลิงทั้งหมดในเกาะนั้นล้างมันฝรั่งก่อนที่จะกิน ซึ่งจุดนี้เขาเรียกว่าจุด “มวลวิกฤต” (Critical Mass)
ทฤษฎีนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในการลงทุนก็คือ การเข้าลงทุนในธุรกิจที่เราได้คาดการณ์ว่าธุรกิจนั้นๆใกล้จะถึงจุดมวลวิกฤต และทำให้เกิดความนิยมในอนาคต ถึงแม้ว่าสภาพในปัจจุบัน หรืองบการเงินต่างๆของตัวบริษัทยังไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เมื่อใดที่ถึงจุดมวลวิกฤตที่สินค้าและบริการนั้นติดตลาดและคนเริ่มใช้ตามกัน การขายสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ได้กำไรมากกว่าอดีตหลายเท่าตัว อย่างไรก็ตามการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆทั้งหลายอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่าธุรกิจแบบดั้งเดิม เพราะถ้าสินค้าและบริการนั้นไม่ติดตลาดขึ้นมา ก็จะทำให้บริษัทขาดทุนได้มากเช่นกัน
ผมคิดว่า การลงทุนในธุรกิจประเภทใหม่และหวังจะให้เกิดจุด “มวลวิกฤต” ในอนาคตนั้นน่าจะปกป้องความเสี่ยงในระดับหนึ่งได้โดยการดูแนวโน้มจากต่างประเทศ เพราะประเทศไทยมักจะมีแนวโน้มความนิยมที่ตามหลังต่างประเทศอยู่เสมอ ธุรกิจไหนที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศ ก็น่าจะมีความน่าจะเป็นสูงที่จะประสบความสำเร็จในประเทศไทย
ในการดำเนินธุรกิจนั้นบางครั้งผลกำไรของตัวสินค้าและบริการจะคุ้มต้นทุนในการลงทุนหรือไม่จะขึ้นอยู่กับความนิยมของตลาดด้วย ถ้าเป็นสินค้าและบริการดั้งเดิมที่คนรู้จักและคุ้นเคยกับการใช้งานอยู่แล้ว ย่อมจะขายได้ง่ายกว่าสินค้าหรือบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยังต้องอาศัยเวลาเป็นการพิสูจน์ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะเปิดร้านขายอาหาร การขายข้าวมันไก่ที่คนคุ้นเคยอยู่แล้วย่อมมีความเสี่ยงน้อยกว่าการขายเสต็กเนื้อแกะที่คนไทยยังไม่ค่อยคุ้นเคย อย่างไรก็ตามถ้าสินค้าหรือบริการที่เป็นของใหม่ทำให้เกิดกระแสนิยมแห่ตามกัน ผู้ขายก็คงจะเหมือนถูกแจ็กพอต เพราะยังไม่มีคู่แข่งจึงทำให้ได้กำไรที่มากกว่าการขายสินค้าและบริการแบบดั้งเดิม
ตัวอย่างสินค้าที่ดังกล่าวที่เห็นได้ชัดในที่ผ่านมาก็คือ น้ำชาเขียว ในช่วงเริ่มแรกชาเขียวจะดื่มกันในร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้นและยังมีน้อยคนนักที่รู้จักเครื่องดื่มประเภทนี้ ต่อมาเมื่อชาเขียวเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจนถึงจุดหนึ่งก็เกิดกระแสการดื่มชาเขียวขึ้นมา จนในปัจจุบันชาเขียวได้ติดตลาดและเรียกได้ว่าน้ำชาเขียวอาจจะมาแทนการดื่มน้ำอัดลมสำหรับบางคนไปแล้วก็ได้ สินค้าอีกตัวหนึ่งก็คือ iphone ในช่วงแรก iphone จะนิยมในกลุ่มเฉพาะคนรัก apple เท่านั้น แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทุกคนรอบตัวใช้ iphone กันหมด ตนเองจึงรู้สึกว่าจะต้องใช้ iphone ตาม สุดท้ายทุกคนในสังคมของเราก็ใช้ iphone เหมือนกันทั้งหมด ยังมีตัวอย่างอื่นให้เห็นอีกมากมาย เช่น เทรนด์ของเสื้อผ้า การตัดผม การนิยมเกาหลี แบรนด์เนมที่ฮิตตามกัน หรือแม้กระทั่งการซื้อหุ้นที่เป็นที่นิยมในขณะนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีจุดหนึ่งที่เราจะรู้สึกว่าคนรอบตัวนิยมแบบนี้ ทำให้เราต้องใช้สินค้าและบริการแบบนี้ตามคนรอบตัว
มีนักวิจัยศึกษาพฤติกรรมของลิงบนเกาะแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น พบว่าลิงเหล่านี้มีพฤติกรรมเรียนรู้ที่จะล้างมันฝรั่งที่เปื้อนทรายด้วยน้ำทะเลก่อนกิน แรกๆก็จะมีลิงอยู่ไม่กี่ตัวที่ล้างมันฝรั่ง และลิงก็เริ่มทำตามกันอย่างช้าๆไปจนถึง “ลิงตัวที่ 100” เมื่อถึงจุดนี้ พฤติกรรมของลิงจะถูกเลียนแบบอย่างรวดเร็ว จนทำให้ลิงทั้งหมดในเกาะนั้นล้างมันฝรั่งก่อนที่จะกิน ซึ่งจุดนี้เขาเรียกว่าจุด “มวลวิกฤต” (Critical Mass)
ทฤษฎีนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในการลงทุนก็คือ การเข้าลงทุนในธุรกิจที่เราได้คาดการณ์ว่าธุรกิจนั้นๆใกล้จะถึงจุดมวลวิกฤต และทำให้เกิดความนิยมในอนาคต ถึงแม้ว่าสภาพในปัจจุบัน หรืองบการเงินต่างๆของตัวบริษัทยังไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เมื่อใดที่ถึงจุดมวลวิกฤตที่สินค้าและบริการนั้นติดตลาดและคนเริ่มใช้ตามกัน การขายสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ได้กำไรมากกว่าอดีตหลายเท่าตัว อย่างไรก็ตามการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆทั้งหลายอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่าธุรกิจแบบดั้งเดิม เพราะถ้าสินค้าและบริการนั้นไม่ติดตลาดขึ้นมา ก็จะทำให้บริษัทขาดทุนได้มากเช่นกัน
ผมคิดว่า การลงทุนในธุรกิจประเภทใหม่และหวังจะให้เกิดจุด “มวลวิกฤต” ในอนาคตนั้นน่าจะปกป้องความเสี่ยงในระดับหนึ่งได้โดยการดูแนวโน้มจากต่างประเทศ เพราะประเทศไทยมักจะมีแนวโน้มความนิยมที่ตามหลังต่างประเทศอยู่เสมอ ธุรกิจไหนที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศ ก็น่าจะมีความน่าจะเป็นสูงที่จะประสบความสำเร็จในประเทศไทย
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Re: R37: มวลวิกฤต กับ ทฤษฎีลิงตัวที่ 100
โพสต์ที่ 4
Sudyod krub
http://guimanstock.blogspot.com/
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Re: R37: มวลวิกฤต กับ ทฤษฎีลิงตัวที่ 100
โพสต์ที่ 8
ผมว่ามวลวิกฤตละนะครับpornchal เขียน:Modern trade เป็น มวลวิกฤต หรือเปล่า
ใครๆก็เข้าห้าง ใครๆก็เข้า convenience store
http://guimanstock.blogspot.com/
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
- kabu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: R37: มวลวิกฤต กับ ทฤษฎีลิงตัวที่ 100
โพสต์ที่ 9
มีบทความน่าสนใจเยอะมากครับ
ผมขออนุญาติเอา link ไปแปะในบล๊อกของผมด้วยนะครับ
ผมขออนุญาติเอา link ไปแปะในบล๊อกของผมด้วยนะครับ
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: R37: มวลวิกฤต กับ ทฤษฎีลิงตัวที่ 100
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับผม
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: R37: มวลวิกฤต กับ ทฤษฎีลิงตัวที่ 100
โพสต์ที่ 11
read more :yoko เขียน:ผมจำได้ว่าคุณhumdrumเคยเอาเรื่องลิงมาเล่าแล้วครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=14&t=39737
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530