N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 1
อยากรู้ว่า N-PARK ยังมีสินทรัพย์อะไรให้ลุ้นอีกไหมครับ ถ้าบริษัทอยากกลับมาเทิร์นอะราวด์ควรทำยังไงดี
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 2
มีที่ดินตรงบางกระเจ้าที่พึงซื้อคืนจาก KTB ,โครงการร้อยชักสามที่ตัดสินไม่ได้ซักทีว่าใครผิดใครถูก, เงินลงทุนบริษัทย่อย-ร่วม ที่ตัดด้อยค่าทั้งจำนวน ซื้ออนาคตล้วนๆครับ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 4
เห็นใน 56-1 มีที่ดินอยู่ กับเงินลงทุนในโรงแรม สยามเคปินสกี้ด้วยหรือเปล่าครับ ส่วนหุ้นที่เคยถือเดิมๆ อย่าง siri syntec คงขายหมดเกลี้ยงแล้วpat4310 เขียน:มีที่ดินตรงบางกระเจ้าที่พึงซื้อคืนจาก KTB ,โครงการร้อยชักสามที่ตัดสินไม่ได้ซักทีว่าใครผิดใครถูก, เงินลงทุนบริษัทย่อย-ร่วม ที่ตัดด้อยค่าทั้งจำนวน ซื้ออนาคตล้วนๆครับ
พอจะทราบไหมครับว่าที่ดินบางกระเจ้า ควรมีมูลค่าอยู่เท่าไหร่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 5
เคมปินสยาม ขายไปแล้วครับ เอาเงินไปซื้อคืนที่ดินบางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จำนวน 291 โฉนด ประมาณ 200 ไร่ และที่ดินในเขตพระโขนง กรุงเทพฯ อีก 1 โฉนด โดยที่ดินดังกล่าวในขณะนี้มีราคาประเมินสูงกว่าราคาซื้อคืนไปแล้ว
บอร์ดแนเชอรัล พาร์คเตรียมเงิน 500 ล้านบาทซื้อที่ดินบางกระเจ้าคืนจากแบงก์กรุงไทย หลังบอร์ดอนุมัติให้ขายหุ้น เคมปิน สยาม ให้ทุนลดาวัลย์ พร้อมเตรียมงบลงทุนอีก 2 พันล้านใช้พัฒนาที่ดินแบ่งขายเป็นบ้านจัดสรรระดับพรีเมี่ยม
นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แนเชอรัล พาร์ค หรือ N-PARK กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะขายสินทรัพย์เพื่อนำมาชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะแบงก์กรุงไทย หรือ KTB ล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการขายหุ้นสามัญของบริษัท เคมปิน สยาม จำกัด สิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืม และดอกเบี้ยค้างรับทั้งจำนวนให้กับบริษัท ทุนลดาวัลย์ ในราคารวม 610 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะนำเงินจากการจำหน่ายสินทรัพย์ดังกล่าวส่วนหนึ่งประมาณ 507.11 ล้านบาท ซื้อคืนที่ดินบางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จำนวน 291 โฉนด ประมาณ 200 ไร่ และที่ดินในเขตพระโขนง กรุงเทพฯ อีก 1 โฉนด โดยที่ดินดังกล่าวในขณะนี้มีราคาประเมินสูงกว่าราคาซื้อคืนไปแล้ว
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาทในการพัฒนาที่ดินดังกล่าว เบื้องต้นอาจมีการแบ่งขายที่ดิน แล้วทำสัญญาก่อสร้างบ้านในภายหลัง เพื่อจะได้รับรู้รายได้เข้ามาได้เร็ว ประเมินราคาขายที่ดินเปล่าตารางวา (ตร.ว.) ละ 5 หมื่นบาท แต่หากเป็นที่ดินพร้อมบ้านจะคิดราคาตารางเมตรละ 5.5 หมื่นบาท
“ที่เราขายหุ้นเคมปินสยามออกไป เนื่องจากเปิดให้บริการมาสองปีกินทุนเราไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท และยังไม่มีแนวโน้มกำไร ประกอบกับเราไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงไม่มีอำนาจในการบริหาร ส่วนเงินที่เราได้มาก็จะนำไปใช้คืนหนี้ KTB ทำให้เราได้ที่ดินที่บางกระเจ้าประมาณ 200 ไร่กลับคืนมา ตอนนี้ value เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า แม้จะเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ก็เป็นที่ดินที่ได้รับการจัดสรรก่อนจะมีกฎหมายเรื่องสิ่งแวดล้อม ตอนนี้เราก็ได้ใบอนุญาตก่อสร้างแล้ว 7 หมื่นตร.ม. คิดว่าโครงการนี้จะทำให้เรากลับมาสง่าผ่าเผยอีกครั้ง” นายนคร กล่าว
ส่วนการพัฒนาโครงการโรงแรมอามันรีสอร์ทบนพื้นที่โรงภาษีร้อยชักสามนั้น ขณะนี้ยังติดปัญหาเดิมที่กรมธนารักษ์ยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ เนื่องจากหน่วยงานราชการที่ใช้อาคารยังไม่ยอมย้ายออก แม้ว่าขณะนี้บริษัทและกิจการร่วมค้าที่เป็นผู้ถือสิทธิในที่ดินดังกล่าว ยังมีความตั้งใจที่จะดำเนินโครงการต่อไป เนื่องจากทางอัยการก็มีความเห็นว่าทางกิจการร่วมค้าฯไม่ได้กระทำผิดสัญญากับกรมธนารักษ์ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการตัดสินจากศาลออกมาแล้ว อาจจะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่
โดยในปีนี้บริษัทมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เพื่อให้ธุรกิจมีสถานะที่น่าเชื่อถือ และมีสภาพคล่องที่เอื้อต่อการพัฒนาโครงการในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถประนีประนอมยอมความกับเจ้าหนี้ได้อีก 2 ราย ซึ่งในส่วนของหลักการได้ตกลงกันแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการต่อรองราคา ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จจะทำให้บริษัทสามารถบันทึกกลับกำไรได้ราว 300-400 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีหนี้สินที่เป็นคดีความทางกฎหมายเหลือไม่ถึง 1 พันล้านบาทแล้ว เป็นหนี้ที่มีกับธนาคารสินเอเชียกว่า 400 ล้านบาท ธนาคารนครธน 100 ล้านบาท และ หลักทรัพย์ธนนคร 100 ล้านบาท และมีหนี้สินที่ไม่ได้เป็นคดีความกับ KTB อีกประมาณ 500 ล้านบาท
ที่มา : ข่าวหุ้น 27 เมษายน 2555
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 6
ที่เราขายหุ้นเคมปินสยามออกไป เนื่องจากเปิดให้บริการมาสองปีกินทุนเราไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท และยังไม่มีแนวโน้มกำไร ประกอบกับเราไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงไม่มีอำนาจในการบริหาร ส่วนเงินที่เราได้มาก็จะนำไปใช้คืนหนี้ KTB ทำให้เราได้ที่ดินที่บางกระเจ้าประมาณ 200 ไร่กลับคืนมา ตอนนี้ value เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า แม้จะเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ก็เป็นที่ดินที่ได้รับการจัดสรรก่อนจะมีกฎหมายเรื่องสิ่งแวดล้อม ตอนนี้เราก็ได้ใบอนุญาตก่อสร้างแล้ว 7 หมื่นตร.ม. คิดว่าโครงการนี้จะทำให้เรากลับมาสง่าผ่าเผยอีกครั้ง” นายนคร กล่าว
ผมสงสัยประโยคนี้ครับ ว่าเป็นพื้นที่สีเขียว เนี่ยเอาไปทำอะไรได้มั่งครับ แล้วก็ ส่วนที่ดินพระโขนงอยู่ตรงไหนมีใครพอจะทราบไหมครับ
ที่ใหญ่แค่ไหน
ผมสงสัยประโยคนี้ครับ ว่าเป็นพื้นที่สีเขียว เนี่ยเอาไปทำอะไรได้มั่งครับ แล้วก็ ส่วนที่ดินพระโขนงอยู่ตรงไหนมีใครพอจะทราบไหมครับ
ที่ใหญ่แค่ไหน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 7
มูลค่าที่ดินที่บางกระเจ้า กับที่พระโขนงเป็นเท่าไหร่ พอจะเล่นเป็น ASSET PLAY ได้ไหมครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 8
เรื่อง รายงานความคืบหน้าการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยการซื้อคืน
ที่ดินโครงการบางกระเจ้า
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ข้าพเจ้าบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ขอเรียนให้ทราบว่า ตามที่ที่ประชุมสามัญ
ผู้ถือหุ้นของบริษัทประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นสามัญบริษัท เคมปิน
สยาม จำกัด (“เคมปิน”) จำนวน 7,490,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวม 749,000,000 บาท คิดเป็น
ร้อยละ 35 ของทุนชำระแล้ว และขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจากเคมปินทั้งจำนวน
ให้แก่บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด ในราคารวม 610,000,000 บาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการขายไปใช้สิทธิในการซื้อคืน
ที่ดินรวม 292 โฉนด (“ที่ดินโครงการบางกระเจ้า”) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“ธนาคารกรุงไทย”)
ตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการขายหุ้นสามัญเคมปินและสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจากเคมปินเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2555
ต่อมาที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 5/2555 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ได้มีมติ
อนุมัติให้บริษัท แนเชอรัล โปรเจ็ค เจ้าพระยา จำกัด และบริษัท แนเชอรัล โฮเต็ล เจ้าพระยา จำกัด (“บริษัทย่อย
”) (ซึ่งบริษัทถือหุ้นประมาณร้อยละ 100) เป็นผู้ใช้สิทธิในการซื้อคืนที่ดินโครงการบางกระเจ้าแทนบริษัทจาก
ธนาคารกรุงไทย ในราคารวม 497,319,645.60 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. บริษัท แนเชอรัล โปรเจ็ค เจ้าพระยา จำกัด ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตำบลบางน้ำผึ้ง,บางกระสอบ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 264 โฉนด และที่ดินตำบลบางนา อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 โฉนด รวม 265 โฉนด เนื้อที่รวม 76,386.90 ตารางวา
2. บริษัท แนเชอรัล โฮเต็ล เจ้าพระยา จำกัด ซื้อที่ดินตำบลบางน้ำผึ้ง,บางกระสอบ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 27 โฉนด เนื้อที่รวม 30,408 ตารางวา
ทั้งนี้ บริษัทได้โอนสิทธิในการซื้อคืนที่ดินโครงการบางกระเจ้าให้แก่บริษัทย่อยทั้งสอง โดยคิดค่าตอบแทนจากบริษัทย่อยจำนวน 287,000,000 บาท
แต่เดิมที่ดินโครงการบางกระเจ้าดังกล่าวได้จำนองเป็นประกันไว้กับธนาคารกรุงไทย ต่อมาได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการบางกระเจ้าให้แก่ธนาคารกรุงไทยเพื่อชำระหนี้ ตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยบริษัทได้บันทึกเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนในงบการเงิน เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์ดังกล่าวไม่ถือว่ามีการขายจริงในทางบัญชี เพราะมีเงื่อนไขที่บริษัทต้องซื้อคืน ดังนั้น การซื้อคืนที่ดินดังกล่าวข้างต้นเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่บริษัทได้ทำไว้กับธนาคารกรุงไทย ซึ่งกำหนดให้บริษัทจะต้องซื้อคืนหลักทรัพย์จากธนาคารกรุงไทย (Must Buy Back Option) ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 บริษัทจึงไม่ได้นำมาคำนวณ
เป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน
และบริษัทย่อยทั้งสองได้ดำเนินการซื้อคืนที่ดินดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 บริษัทจึงได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่บริษัทค้างชำระกับธนาคารกรุงไทยทั้งจำนวน ทำให้บริษัทมีหนี้สินลดลงจำนวน 245.25 ล้านบาท และบริษัทได้หมดภาระหนี้สินและหน้าที่ตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว รวมทั้งบริษัทได้รับคืนหลักทรพย์ที่ติดภาระจำนำกับธนาคารกรุงไทยตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหลือทั้งหมดภายหลังจากการขายหุ้นเพื่อชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกรุงไทยตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังนี้
1. หน่วยลงทุนใน UOBAPF จำนวน 23,000,000 หน่วย
2. หุ้นสามัญบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จำนวน 52,699,076 หุ้น ประกอบด้วยหุ้นที่มีภาระจำนำจำนวน 40,884,924 หุ้น และหุ้นปันผลจำนวน 11,814,152 หุ้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(นายนคร ลักษณกาญจน์)
กรรมการผู้จัดการ
ที่ดินโครงการบางกระเจ้า
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ข้าพเจ้าบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ขอเรียนให้ทราบว่า ตามที่ที่ประชุมสามัญ
ผู้ถือหุ้นของบริษัทประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นสามัญบริษัท เคมปิน
สยาม จำกัด (“เคมปิน”) จำนวน 7,490,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวม 749,000,000 บาท คิดเป็น
ร้อยละ 35 ของทุนชำระแล้ว และขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจากเคมปินทั้งจำนวน
ให้แก่บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด ในราคารวม 610,000,000 บาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการขายไปใช้สิทธิในการซื้อคืน
ที่ดินรวม 292 โฉนด (“ที่ดินโครงการบางกระเจ้า”) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“ธนาคารกรุงไทย”)
ตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการขายหุ้นสามัญเคมปินและสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจากเคมปินเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2555
ต่อมาที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 5/2555 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ได้มีมติ
อนุมัติให้บริษัท แนเชอรัล โปรเจ็ค เจ้าพระยา จำกัด และบริษัท แนเชอรัล โฮเต็ล เจ้าพระยา จำกัด (“บริษัทย่อย
”) (ซึ่งบริษัทถือหุ้นประมาณร้อยละ 100) เป็นผู้ใช้สิทธิในการซื้อคืนที่ดินโครงการบางกระเจ้าแทนบริษัทจาก
ธนาคารกรุงไทย ในราคารวม 497,319,645.60 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. บริษัท แนเชอรัล โปรเจ็ค เจ้าพระยา จำกัด ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตำบลบางน้ำผึ้ง,บางกระสอบ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 264 โฉนด และที่ดินตำบลบางนา อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 โฉนด รวม 265 โฉนด เนื้อที่รวม 76,386.90 ตารางวา
2. บริษัท แนเชอรัล โฮเต็ล เจ้าพระยา จำกัด ซื้อที่ดินตำบลบางน้ำผึ้ง,บางกระสอบ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 27 โฉนด เนื้อที่รวม 30,408 ตารางวา
ทั้งนี้ บริษัทได้โอนสิทธิในการซื้อคืนที่ดินโครงการบางกระเจ้าให้แก่บริษัทย่อยทั้งสอง โดยคิดค่าตอบแทนจากบริษัทย่อยจำนวน 287,000,000 บาท
แต่เดิมที่ดินโครงการบางกระเจ้าดังกล่าวได้จำนองเป็นประกันไว้กับธนาคารกรุงไทย ต่อมาได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการบางกระเจ้าให้แก่ธนาคารกรุงไทยเพื่อชำระหนี้ ตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยบริษัทได้บันทึกเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนในงบการเงิน เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์ดังกล่าวไม่ถือว่ามีการขายจริงในทางบัญชี เพราะมีเงื่อนไขที่บริษัทต้องซื้อคืน ดังนั้น การซื้อคืนที่ดินดังกล่าวข้างต้นเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่บริษัทได้ทำไว้กับธนาคารกรุงไทย ซึ่งกำหนดให้บริษัทจะต้องซื้อคืนหลักทรัพย์จากธนาคารกรุงไทย (Must Buy Back Option) ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 บริษัทจึงไม่ได้นำมาคำนวณ
เป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน
และบริษัทย่อยทั้งสองได้ดำเนินการซื้อคืนที่ดินดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 บริษัทจึงได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่บริษัทค้างชำระกับธนาคารกรุงไทยทั้งจำนวน ทำให้บริษัทมีหนี้สินลดลงจำนวน 245.25 ล้านบาท และบริษัทได้หมดภาระหนี้สินและหน้าที่ตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว รวมทั้งบริษัทได้รับคืนหลักทรพย์ที่ติดภาระจำนำกับธนาคารกรุงไทยตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหลือทั้งหมดภายหลังจากการขายหุ้นเพื่อชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกรุงไทยตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังนี้
1. หน่วยลงทุนใน UOBAPF จำนวน 23,000,000 หน่วย
2. หุ้นสามัญบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จำนวน 52,699,076 หุ้น ประกอบด้วยหุ้นที่มีภาระจำนำจำนวน 40,884,924 หุ้น และหุ้นปันผลจำนวน 11,814,152 หุ้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(นายนคร ลักษณกาญจน์)
กรรมการผู้จัดการ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 9
ที่ N-Park 17/09/2555
วันที่ 14 กันยายน 2555
เรื่อง การชำระหนี้ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กับบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือของบริษัทที่นำส่งตลาดหลักทรัพย์ที่ N-Park 18/05/2552 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 เรื่อง ความคืบหน้าของคดีแพ่งระหว่างบริษัทกับบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด
ตามที่บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้รายงานความคืบหน้าว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (“บสก.”) ในฐานะผู้สวมสิทธิแทนธนาคารนครธน จำกัด (มหาชน) (โจทก์) ซึ่งได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทแล้ว ได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ในคดีแพ่งที่ได้ยื่นฟ้องบริษัทเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2540 ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในมูลหนี้เงินกู้ยืมจำนวน 49.71 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้พิพากษาให้บริษัท จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ชำระเงินจำนวน 41,819,589.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 41,250,000 บาท นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้นำเงินที่โจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2 ตามแผนฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ 2 มาหักออกจากยอดเงินที่ต้องชำระด้วย กับให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำระ ค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ตามที่ศาลได้มีคำพิพากษาในส่วนของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ไว้แล้ว ความละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึง ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ผลของคำพิพากษาดังกล่าวทำให้บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้สินเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยรวม 147,460,464 บาท ในงบการเงินระหว่างกาลสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อฐานะทางการเงินของบริษัทและการดำเนินกิจการในอนาคต
บริษัทได้ดำเนินการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับ บสก. และได้ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับ บสก. โดยตัวแทนของบริษัท ซึ่ง บสก. ตกลงลดยอดหนี้ตามคำพิพากษาลงเหลือจำนวน 20,625,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราขั้นต่ำสำหรับลูกหนี้ประเภทเงินกู้มีกำหนดระยะเวลา (MLR) ต่อปี ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 7/2555 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2555 จึงมีมติให้บริษัทชำระหนี้ทั้งหมดให้แก่บสก. ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ตัวแทนได้ทำสัญญาไว้ โดยบริษัทได้ดำเนินการชำระหนี้ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2555
การยุติคดีดังกล่าวทำให้บริษัทไม่ต้องตั้งสำรองหนี้สินเงินต้นและดอกเบี้ยรวม 147,460,464 บาท (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555) อีกต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(นายนคร ลักษณกาญจน์)
กรรมการผู้จัดการ
วันที่ 14 กันยายน 2555
เรื่อง การชำระหนี้ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กับบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือของบริษัทที่นำส่งตลาดหลักทรัพย์ที่ N-Park 18/05/2552 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 เรื่อง ความคืบหน้าของคดีแพ่งระหว่างบริษัทกับบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด
ตามที่บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้รายงานความคืบหน้าว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (“บสก.”) ในฐานะผู้สวมสิทธิแทนธนาคารนครธน จำกัด (มหาชน) (โจทก์) ซึ่งได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทแล้ว ได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ในคดีแพ่งที่ได้ยื่นฟ้องบริษัทเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2540 ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในมูลหนี้เงินกู้ยืมจำนวน 49.71 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้พิพากษาให้บริษัท จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ชำระเงินจำนวน 41,819,589.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 41,250,000 บาท นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้นำเงินที่โจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2 ตามแผนฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ 2 มาหักออกจากยอดเงินที่ต้องชำระด้วย กับให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำระ ค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ตามที่ศาลได้มีคำพิพากษาในส่วนของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ไว้แล้ว ความละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึง ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ผลของคำพิพากษาดังกล่าวทำให้บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้สินเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยรวม 147,460,464 บาท ในงบการเงินระหว่างกาลสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อฐานะทางการเงินของบริษัทและการดำเนินกิจการในอนาคต
บริษัทได้ดำเนินการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับ บสก. และได้ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับ บสก. โดยตัวแทนของบริษัท ซึ่ง บสก. ตกลงลดยอดหนี้ตามคำพิพากษาลงเหลือจำนวน 20,625,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราขั้นต่ำสำหรับลูกหนี้ประเภทเงินกู้มีกำหนดระยะเวลา (MLR) ต่อปี ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 7/2555 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2555 จึงมีมติให้บริษัทชำระหนี้ทั้งหมดให้แก่บสก. ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ตัวแทนได้ทำสัญญาไว้ โดยบริษัทได้ดำเนินการชำระหนี้ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2555
การยุติคดีดังกล่าวทำให้บริษัทไม่ต้องตั้งสำรองหนี้สินเงินต้นและดอกเบี้ยรวม 147,460,464 บาท (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555) อีกต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(นายนคร ลักษณกาญจน์)
กรรมการผู้จัดการ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 10
ที่ N-Park 18/09/2555
วันที่ 19 กันยายน 2555
เรื่อง ความคืบหน้าของคดีแพ่งระหว่างบริษัทกับเงินทุนหลักทรัพย์มหานครทรัสต์ จำกัด (มหาชน)
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือของบริษัทที่นำส่งตลาดหลักทรัพย์ที่ N-Park 18/08/2553 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2553 เรื่อง ความคืบหน้าของคดีแพ่งระหว่างบริษัทกับเงินทุนหลักทรัพย์มหานครทรัสต์ จำกัด (มหาชน)
ตามที่บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้เปิดเผยว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ มหานครทรัสต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหนี้อีกรายหนึ่งในแผนฟื้นฟูกิจการ ยื่นขอให้ศาลแพ่งยกคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องบริษัทเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2541 ขึ้นพิจารณาใหม่ โดยโจทก์ขอให้บริษัทชำระหนี้เป็นเงินจำนวน 126.76 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 120.51 ล้านบาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้น
และต่อมาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 123,756,306.12 บาท หักด้วยจำนวนที่โจทก์ได้รับชำระหนี้ไปแล้วในคดีล้มละลาย (คดีหมายเลขแดงที่ 397/2544) ของศาลล้มละลายกลางจำนวน 27,614.69 บาท และจำนวน 1,420,020.27 บาท และจำนวน 91,860,200.21 บาท คงเหลือ 33,448,407.95 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,513,278.08 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 29 กันยายน 2541) จนถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2545 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,485,663.39 บาท นับจากวันที่ 28 ธันวาคม 2545 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2546 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ตอปี ของต้นเงินจำนวน 119,065,643.12 บาท นับจากวันที่ 2 สิงหาคม 2546 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2546 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 27,205,442.91 บาท นับจากวันที่ 24 กันยายน 2546 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ความละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึง ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นั้น
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นฎีกาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวต่อศาลฎีกา หากบริษัทมีความคืบหน้าประการใด จะแจ้งให้ท่านทราบต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(นายนคร ลักษณกาญจน์)
กรรมการผู้จัดการ
วันที่ 19 กันยายน 2555
เรื่อง ความคืบหน้าของคดีแพ่งระหว่างบริษัทกับเงินทุนหลักทรัพย์มหานครทรัสต์ จำกัด (มหาชน)
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือของบริษัทที่นำส่งตลาดหลักทรัพย์ที่ N-Park 18/08/2553 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2553 เรื่อง ความคืบหน้าของคดีแพ่งระหว่างบริษัทกับเงินทุนหลักทรัพย์มหานครทรัสต์ จำกัด (มหาชน)
ตามที่บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้เปิดเผยว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ มหานครทรัสต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหนี้อีกรายหนึ่งในแผนฟื้นฟูกิจการ ยื่นขอให้ศาลแพ่งยกคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องบริษัทเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2541 ขึ้นพิจารณาใหม่ โดยโจทก์ขอให้บริษัทชำระหนี้เป็นเงินจำนวน 126.76 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 120.51 ล้านบาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้น
และต่อมาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 123,756,306.12 บาท หักด้วยจำนวนที่โจทก์ได้รับชำระหนี้ไปแล้วในคดีล้มละลาย (คดีหมายเลขแดงที่ 397/2544) ของศาลล้มละลายกลางจำนวน 27,614.69 บาท และจำนวน 1,420,020.27 บาท และจำนวน 91,860,200.21 บาท คงเหลือ 33,448,407.95 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,513,278.08 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 29 กันยายน 2541) จนถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2545 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 120,485,663.39 บาท นับจากวันที่ 28 ธันวาคม 2545 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2546 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ตอปี ของต้นเงินจำนวน 119,065,643.12 บาท นับจากวันที่ 2 สิงหาคม 2546 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2546 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 27,205,442.91 บาท นับจากวันที่ 24 กันยายน 2546 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ความละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึง ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นั้น
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นฎีกาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวต่อศาลฎีกา หากบริษัทมีความคืบหน้าประการใด จะแจ้งให้ท่านทราบต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(นายนคร ลักษณกาญจน์)
กรรมการผู้จัดการ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
Re: N-PARK ยังพอมีสินทรัพย์อะไรพอให้ลุ้นไหมครับ
โพสต์ที่ 11
ที่ N-Park 19/09/2555
วันที่ 21 กันยายน 2555
เรื่อง รายงานการขายหุ้น
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ข้าพเจ้าบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ขอเรียนให้ทราบว่า ตามที่ที่ประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2552 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 ได้มีมติอนุมัติการขายหุ้นสามัญ Kyoto Resorts YK (“Kyoto”) จำนวน 667 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 66.70 ของทุนชำระแล้ว และขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจาก Kyoto ในราคารวมไม่ต่ำกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาให้แก่นักลงทุนที่สนใจ ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทเข้าเจรจาทำความตกลงและลงนามในเอกสารและสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการอื่นใดอันจำเป็นซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการเข้าเจรจาและทำความตกลงเกี่ยวกับการขายหุ้นสามัญ Kyoto และขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจาก Kyoto นั้น
บัดนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 8/2555 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทดำเนินการขายหุ้นและขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจาก Kyoto ให้แก่ Star Union Trading Limited ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ในราคารวม 5,200,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา และบริษัทได้ดำเนินการขายหุ้นสามัญ Kyoto และขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจาก Kyoto ให้แก่ Star Union Trading Limited และรับชำระราคาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2555 ทั้งนี้ การขายหุ้นสามัญ Kyoto ดังกล่าวเป็นผลให้ Kyoto พ้นสภาพจากการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(นายนคร ลักษณกาญจน์)
กรรมการผู้จัดการ
1
วันที่ 21 กันยายน 2555
เรื่อง รายงานการขายหุ้น
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ข้าพเจ้าบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ขอเรียนให้ทราบว่า ตามที่ที่ประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2552 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 ได้มีมติอนุมัติการขายหุ้นสามัญ Kyoto Resorts YK (“Kyoto”) จำนวน 667 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 66.70 ของทุนชำระแล้ว และขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจาก Kyoto ในราคารวมไม่ต่ำกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาให้แก่นักลงทุนที่สนใจ ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทเข้าเจรจาทำความตกลงและลงนามในเอกสารและสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการอื่นใดอันจำเป็นซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการเข้าเจรจาและทำความตกลงเกี่ยวกับการขายหุ้นสามัญ Kyoto และขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจาก Kyoto นั้น
บัดนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 8/2555 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทดำเนินการขายหุ้นและขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจาก Kyoto ให้แก่ Star Union Trading Limited ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ในราคารวม 5,200,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา และบริษัทได้ดำเนินการขายหุ้นสามัญ Kyoto และขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับจาก Kyoto ให้แก่ Star Union Trading Limited และรับชำระราคาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2555 ทั้งนี้ การขายหุ้นสามัญ Kyoto ดังกล่าวเป็นผลให้ Kyoto พ้นสภาพจากการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(นายนคร ลักษณกาญจน์)
กรรมการผู้จัดการ
1