เห็นมีข่าวว่ามีบริษัทจะเพิ่มทุน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
todsapon
Verified User
โพสต์: 1137
ผู้ติดตาม: 0

เห็นมีข่าวว่ามีบริษัทจะเพิ่มทุน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

pttep หรือ pttgc นี่แหละ
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 1

Re: เห็นมีข่าวว่ามีบริษัทจะเพิ่มทุน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

8 พ.ย. 55
pak เขียน:โบรกหวั่น'หุ้นปตท.สผ.'ราคารูดแรง10%รับไดลูท
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Thursday, November 08, 2012


โบรกเกอร์คาดหุ้นปตท.สผ.มีโอกาสปรับตัว ลง 10%วันนี้ เหตุหมดสิทธิรับหุ้นเพิ่มทุน เชื่อถูกแรงเทขายกระหน่ำรับผลกระทบจาการเพิ่มทุนครั้งนี้ แนะฉวยเป็นจังหวะซื้อสะสม ด้านตลาดฯประกาศหนังสือเตือนสตินักลงทุนล่วงหน้า 4 วัน หลังไม่แขวนเครื่องหมายรับสิทธิครั้งนี้

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.เอเซียพลัส กล่าวว่าการที่หุ้นปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จะครบกำหนดรับสิทธิการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 650 ล้านหุ้นนั้นในวันนี้ (8 พ.ย.) คาดราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงแรง 10% ซึ่งเป็นอัตราใกล้เคียงกับอัตราผลกระทบจากการเพิ่มทุน (ไดลูท) จึงแนะนำให้ทยอยสะสมเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลงมา

"ราคาหุ้นเพิ่มทุนจะรู้ภายหลังจากการทำสำรวจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปปลายเดือนพ.ย.หรือต้น ธ.ค.นี้หุ้นที่เพิ่มทุน 650 ล้านหุ้นส่วนที่เหลือ จะจัดสรรให้นักลงทุนสถาบัน จะถูกนำมาจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในวันที่ 8 พ.ย.นี้" นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าว

เขากล่าวว่าหากพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน มองราคาหุ้นอยู่ที่ 195.69 บาทต่อหุ้น และจากการประชุมกับนักวิเคราะห์ ผู้บริหารเสนอแผนการลงทุนโดยตั้งเป้าหมายปริมาณการผลิตและจำหน่ายในปี 2563 (8 ปีข้างหน้า) ที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดขึ้นได้ภายใต้ความน่าจะเป็น 50% ที่ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน จากระดับการผลิต ปัจจุบันที่ 2.8-2.9 แสนบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ยังคงเป้าระดับสูงที่เคยนำเสนอไว้ที่ 9 แสนบาร์เรลต่อ โดยให้ความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นเพียง 10-20% เพราะที่ระดับ 9 แสนบาร์เรลต่อวัน บริษัทต้องแสวงหาการลงทุนในโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมนอกจากโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ขณะเดียวกันจะต้องมีความพร้อมแหล่งเงินทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการใหม่ หากพิจารณาเฉพาะโครงการที่มีอยู่ในมือปัจจุบัน เพียงพอที่จะทำให้เป้าหมายปริมาณการผลิตและจำหน่ายที่ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน บรรลุได้เท่านั้น โดยจะใช้กระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานในแต่ละปี ในการพัฒนาโครงการลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก

ทั้งนี้แหล่งผลิตที่จะมาช่วยหนุนปริมาณการผลิตและจำหน่ายให้เติบโตในอนาคต ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการลงทุนในต่างประเทศ อาทิเช่น พม่า ออสเตรลีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกาตะวันออก จากการเข้าซื้อกิจการโคฟ เอนเนอร์ยี ซึ่งถือเป็นโครงการที่สำคัญ ที่จะสร้างมูลค่าให้บริษัทปตท.สผ. ได้อย่างมีนัยในอนาคตจากปริมาณสำรองที่มีอยู่ โดยคาดจะเริ่มพัฒนาได้ปลายปี 2556 และจะเริ่มทำการผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2562 ซึ่งคาดปริมาณการผลิตก๊าซ LNG ครั้งแรกจะอยู่ในระดับ 5 ล้านตันต่อปี ภายใต้ประมาณการใหม่ ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐาน สิ้นปี 2556 เท่ากับ 195.69 บาทต่อหุ้นรวมผลกระทบการเพิ่มทุนแล้ว โดยคงคำแนะนำซื้อ จากปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว

ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มกำไร งวดไตรมาส 4 ปีนี้ จะอ่อนตัวลงจากจากงวดไตรมาส 3 ปีนี้ แม้ราคาขายก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะราคาขายก๊าซธรรมชาติจะช่วงรับรู้ราว 3-6 เดือน จากราคาน้ำมัน รวมถึงแหล่งผลิตก๊าซฯของบริษัทปตท.สผ. ส่วนใหญ่จะปรับราคาขายในทุกเดือนเม.ย.และต.ค.ของทุกปี ทำให้ในงวดไตรมาส4 ปีนี้ จะรับรู้ที่ราคาก๊าซฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่คาดจะถูกหักล้างจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง และปริมาณการผลิตและจำหน่ายที่คาดจะปรับตัวลดลงจากการหยุดผลิต เพื่อซ่อมบำรุงประจำปีในหลายโครงการ แนวโน้มกำไรทั้งปีนี้ เติบโตสูงถึง 31%จากงวดเดียวกันปีก่อน

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้แจ้งเตือนนักลงทุนกรณีวันซื้อขายสุดท้ายที่นักลงทุนจะได้รับสิทธิ์จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนคือ วันที่ 7 พ.ย.นี้ และไม่ขึ้นเครื่องหมาย XR โดยมีการแจ้งเตือนตั้งแต่วันที่ 1-7 พ.ย.ที่ผ่านมา

การเคลื่อนไหวราคาหุ้นปตท.สผ. ตั้งแต่ต้นพ.ย.ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.51% จากราคา 166 บาท เป็น 168.50 บาท และปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 174.50 บาท ต่ำสุดที่ 164 บาท ราคาเฉลี่ยที่ 168.81 บาท

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 1

Re: เห็นมีข่าวว่ามีบริษัทจะเพิ่มทุน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

21 พ.ย. 55
pak เขียน:'พีทีที โกลบอล'ลุยอินโดจีนปตท.สผ.ยันไม่เพิ่มทุนอีกใน 3 ปี
Source กรุงเทพธุรกิจ (Th), Wednesday, November 21, 2012

คาดสรุปผลเจรจา ร่วมทุนตั้งรง.ปิโตรเคมีไตรมาสแรกปีหน้า



"พีทีทีโกลบอลฯ" รุกอินโดจีน เห็นโอกาสเติบโตใน"อินโดนีเซีย-เวียดนาม" เผยอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนตั้งโรงงานปิโตรเคมีกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซีย คาดไตรมาสแรกปีหน้าได้ข้อสรุป เตรียมปรับแผนลงทุน 5 ปีวงเงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์กลางธ.ค.นี้ ด้านปตท.สผ.มั่นใจระดมเงิน 9.8 หมื่นล้านบาทสำเร็จ เคาะราคาขาย 30 พ.ย.นี้ พร้อมเข้าเทรด 14 ธ.ค. "เทวินทร์" ชี้เงินที่ได้เพียงพอต่อการลงทุน ไม่ต้องเพิ่มทุนอีกช่วง 3 ปีข้างหน้า บาฟส์คาดรายได้ปีหน้า โต 4%ตามปริมาณการเติมน้ำมัน เผยงบลงทุนปีหน้าอยู่ที่ 216 ล้านบาท และมั่นใจเอฟพีทีจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุน 13%

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่าโอกาสการ ลงทุนของภาคเอกชนไทยในเอเชียอยู่ที่แถบอินโดจีน โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจยังไม่สูง แต่รายล้อมด้วยแหล่งทรัพยากร โดยเฉพาะพม่า ซึ่งเครือปตท.พร้อมที่เข้าไปช่วยพัฒนา

นอกจากนี้ยังมีโอกาสเข้าไปลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่การเดินทางขนส่งเข้าด้วยกัน รวมถึงการพัฒนาท่าเรือ เช่น ทวาย ซึ่งเป็นประตูสู่ตะวันตกของภูมิภาค การออกไปลงทุนต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะลงทุนที่ไหน ลงทุนอย่างไร และจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร

"พีทีที โกลบอลฯมองโอกาสที่อินโดนีเซีย และเวียดนามเป็นหลัก เพราะเป็นประเทศที่เติบโตสูง มีกำลังซื้อ ทำให้มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมาก โดยกำลังเจรจากับบริษัทเพอร์ทามิน่า ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซีย เพื่อเข้าไปร่วมลงทุนตั้งโรงงานปิโตรเคมีขนาดใหญ่ในอินโดนีเซีย คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 1 ปีหน้า"

เขากล่าวต่อว่ากลางเดือนธ.ค.นี้ คณะกรรมการบริษัทจะทบทวนแผนเงินลงทุน 5 ปี วงเงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์ โดยจะนำปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวอยู่ในปีหน้ามาพิจารณาแผนการลงทุน ในโครงการที่จำเป็น ซึ่งโครงการที่จะดำเนินต่อไป ได้แก่ โครงการขยายคอขวด การเพิ่มมูลค่าในผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ส่วนโครงการต่อยอดธุรกิจ ต้องดูจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม โดยแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีปีหน้าทรงตัวจากปีนี้ มั่นใจไม่ต้องเพิ่มทุนในอีก 3 ปี

ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเคมี หรือปตท.สผ. (PTTEP) มั่นใจว่าแผนเพิ่มทุนที่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 9.8 หมื่นล้านบาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จะประสบความสำเร็จ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น และมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันดี ซึ่งปตท.ตอบรับที่รักษาสัดส่วนการถือหุ้น 65.29% ซึ่งต้องใช้เงินเพิ่มทุน 6.4 หมื่นล้านบาท

หลังจากนี้ บริษัทจะเดินสายโรดโชว์เพื่อพบกับนักลงทุนในสิงคโปร์ ฮ่องกง และปิดท้ายที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อสำรวจความต้องการซื้อหุ้นในระดับราคาต่างๆ (Bookbuilding) เพื่อกำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน และประกาศราคาในเช้าวันที่ 30 พ.ย.นี้ ก่อนตลาดเปิดทำการ เปิดให้ผู้ถือหุ้นจองซื้อระหว่างวันที่ 3-6 ธ.ค. ประกาศผลการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนวันที่ 7 ธ.ค. และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 14 ธ.ค.หรือวันที่ 19 ธ.ค.นี้

การเพิ่มทุนทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น อัตราหนี้สินต่อทุน (DE) ลดลงมาอยู่ 0.35 เท่า จาก 0.77 เท่า ซึ่งบริษัทมีนโยบายรักษาสัดส่วน DE ให้ไม่เกิน 0.5 เท่า คาดเงินเพิ่มทุนเข้าบริษัทเดือนธ.ค. ซึ่งจะนำเงินเพิ่มทุนไปใช้หนี้ที่กู้มาซื้อกิจการโคฟ เอ็นเนอร์ยี่

"หลังเพิ่มทุนครั้งนี้ ทำให้ฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมลงทุนต่อไป โดยจะได้เม็ดเงินเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับเม็ดเงินการซื้อกิจการครั้งใหญ่ของบริษัท 2 ครั้ง คือ ออยล์แซนในแคนาดา และโคฟฯ รวม 4.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อรวมกับรายได้ที่เข้ามา และระดมทุนเพิ่มเติม ทำให้มั่นใจว่าเพียงพอต่อการพัฒนาโครงการต่างๆ โดยที่ไม่ต้องเพิ่มทุนเลยในช่วง 3 ปีข้างหน้า"

น.ส.เพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี ปตท.สผ. กล่าวว่าบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้หนี้สกุลเงินปอนด์ที่กู้มาซื้อโคฟฯ ทำให้โครงสร้างหนี้ของบริษัทจะเหลือหนี้เพียง 3 สกุล คือ ดอลลาร์สัดส่วน 70-75% เงินบาท 5% ที่เหลือเป็นดอลลาร์แคนาดา โดยหลังจากเพิ่มทุนบริษัทอาจจะมีการรีไฟแนนซ์หนี้ที่เหลือเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสม บาฟส์คาดรายได้ปีหน้าโต 4%

นายฉัตรธัย พันธัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) กล่าวว่าปีหน้าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 4%จากปีก่อน เพราะเป็นไปตามปริมาณการเติมน้ำมัน คาดอยู่ที่ 4.7 พันล้านลิตร และมีการประเมินจากตารางการบินของบริษัทการบินไทย ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก มีการเพิ่มเที่ยวบินต่อเนื่องไปอีก 6 เดือน

เขากล่าวว่า แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว แต่มั่นใจจะเกิดขึ้นในแถบภูมิภาคยุโรป และสหรัฐ แต่กลุ่มเอเชียภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะยังอยู่ในทิศทางเติบโต ขณะที่ปีนี้คาดปริมาณการเติมน้ำมันน่าจะอยู่ประมาณ 4.5 พันล้านลิตร ลดจากปีก่อน อยู่ที่ 4.6 พันล้านลิตร คิดเป็น 1.8% เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมต่อเนื่องถึงต้นปีนี้

"บริษัทคาดรายได้รวมปีนี้ จะใกล้เคียงปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 0.1% แต่กำไรสุทธิปีนี้คาดจะสูงกว่าปีก่อนมากจากเดิมมีกำไร 527 ล้านบาท เพราะมีเงินชดเชยประกันน้ำท่วมทำให้รับรู้ในปีนี้" ลงทุนเอฟพีทีผลตอบแทนดี

เขากล่าวว่าบริษัทกำลังศึกษาแผนขยายสนามบินเพิ่ม เพื่อหาช่องทางลงทุนของบริษัท ปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 216 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการจะสร้างที่สุวรรณภูมิป้องกันคลังน้ำมัน เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในอนาคต โดยโครงการสร้างกำแพงน่าจะใช้เงินลงทุน 55 ล้านบาท โครงการติดตั้งระบบออกตั๋วการเติมน้ำมัน บนรถเติมน้ำมัน 49 ล้านบาท การติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น 35 ล้านบาท ที่เหลือเป็นงบลงทุนย่อย เครื่องมือเล็กๆ

เขากล่าวว่าการเข้าไปลงทุนซื้อหนี้ของบริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ (FPT) และปรับโครงสร้างหนี้ จะทำให้บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 90% และในอนาคตคาดการเข้าลงทุนครั้งนี้ น่าจะได้รับผลตอบแทน 13% แต่ช่วง 1-2 ปีแรก จะเป็นลักษณะของการพัฒนาและปรับโครงสร้างองค์กร และธุรกิจ อาจจะทำธุรกิจร่วมกัน เช่น การขนส่งบริการน้ำมัน ซึ่งคณะกรรมการบริษัทกำลังพิจารณา เชื่อการลงทุนระยะยาวจะช่วยให้บริษัทลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 1

Re: เห็นมีข่าวว่ามีบริษัทจะเพิ่มทุน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

จากข้อมูลทั้ง 2 ข่าวด้านบน
ผมจึงยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามของ จขกท. อ่ะนะครับ


ปล.
ติดตามข่าวที่ Update ทุกวัน เรื่องรวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"
ได้ที่ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=720
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
โพสต์โพสต์