คนที่ทำธุรกิจส่วนตัวไปด้วยลงทุนไปด้วยแบ่งเวลากันยังไงบ้างคะ

[stevejob]

ของเราทำงานส่วนตัว คือรับมาทำเป็น job ตอนนี้เลยมีเวลาติดตามการลงทุนค่อนข้างมาก
แต่ต่อไปคิดว่าจะ set up ธุรกิจขึ้นมา คงมีเวลาน้อยลง อาจจะเป็นธุรกิจ70 ลงทุน 30
แต่เงินลงทุนในพอร์ตมากกว่าที่จะลงธุรกิจ. 555 (จะดีมั๊ยเนี่ย). คือเพิ่งเริ่มๆไม่อยากเอาเงินมาลงมาก

ถามคนที่ทำควบคู่ไปทั้งสองอย่าง มีวิธีแบ่งเวลากันยังไงบ้างคะ

[stevejob]

เราเล่นหุ้นมาหลายปีแล้ว แต่ซื้อมั่วๆมาตลอด เพิ่งเริ่มมาสนใจแนวปัจจัยพื้นฐาน ได้ไม่ถึง 2 ปี คือไปเรียน เอางบการเงินมาดู ศึกษาธุรกิจ ไปดูของจริง ไปฟังสัมมนา

port ตอนต้นปีนี้มี 900,000 ตอนนี้ประมาณ 2 ล้าน (ไม่ได้เติมเงินเข้ามาระหว่างปี)

จะลงทุนอย่างเดียวพอร์ตก็ยังเล็กเกินไป. และตลาดหุ้นปีนี้ก็ถือว่าค่อนข้างดี แต่ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มก็ไม่รู้จะไปได้ดีรึเปล่า. ใครมีความเห็น แนะนำได้เต็มที่เลยค่ะ

[I_Jay]

สำหรับผม ให้เวลาธุรกิจมากกว่าครับ เพราะส่วนลงทุนใช้เวลาไม่เยอะ ผมซื้อแล้วไม่ค่อยขาย เพราะวิเคราะห์รอบด้านแล้ว มั่นใจจะลงทุนกับหุ้นตัวนี้แล้ว
จะมาดูเยอะหน่อยช่วงวิเคราะห์ช่วงงบออก ดูเสร็จสบายใจทำงานต่อหาเงินมาใส่พอร์ต แต่ชอบเข้าเวปtvi หาข้อมูล อันนี้ใช้เวลาเบื่อๆงานประจำก็มาแวะดูครับ

[fewcentsport]

ถ้ามันเป็นการลงทุนระยะยาว มันก็เป็นกิจการของเรา เราก็ควรให้เวลากับมัน 100% ให้เวลากับการดูผลประกอบการของมัน ไม่ใช่ดูที่ราคาของมัน ถ้าคุณทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ คุณให้เวลากับมัน รวมถึงพิจารณาผลประกอบการของธุรกิจของคุณอย่างไร คุณก็ทำกับหุ้นที่คุณลงทุนอยู่อย่างนั้นแหละครับ
หากคุณแบ่งเวลา 70:30 สำหรับธุรกิจส่วนตัว และการลงทุนในหุ้น ช่วงเวลา 30% ที่คุณให้กับหุ้น ถ้าคุณใช้ 30% กับมันอย่างเต็มที่ มันก็คือการที่คุณให้เวลากับมัน 100% แล้วละครับ

[neuhiran]

สำหรับผมธุรกิจที่ทำอยู่ไม่ค่อยยุ่งมากนัก เลยมีเวลา ที่จะทำอย่างอื่น เช่นศึกษาบริษัทที่เราจะลงทุน
จริงๆแล้วสมัยนี้สะดวกมาก พกIphone เครื่องเดียวก็สามารถดูราคาหุ้นได้ตลอดเวลา ที่ต้องการ

ผมว่าการแบ่งเวลานั้นขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้นใช้เวลามากแค่ไหน ถ้ายุ่งมากนักก็จ้างคนมาช่วยเราจะได้
มีเวลามากขึ้น

[Plant]

มันขึ้นอยู่กับว่าคุณลงทุนเป็น vi หรือว่า เทรดเดอร์ ส่วนนึง และอีกส่วนนึง
คือ คุณวางแผนธุรกิจของคุณไว้แบบไหน ตัวคุณสร้างระบบให้ธุรกิจหรือ
ตัวคุณคือส่วนหนึ่งของระบบในธุรกิจ ลองถามและตอบตัวเองดูครับ...^^)

[xavi]

ถ้าใช้เหตุผลตอบ
อะไรที่ทำผลตอบแทนได้มากกว่า ก็น่าจะใส่แรงกับสิ่งนั้นให้มากครับ
ส่วนตัวผมทำธุรกิจเหมือนกัน ก็เคยคิดว่าถ้าวันที่ Dividend มากเกินรายได้ของธุรกิจ ก็จะเริ่มลดเวลาในการธุรกิจลง

แต่ถ้าใช้ใจตอบ
เราก็น่าจะทำสิ่งที่เรารักมันนะครับ ส่วนใหญ่ถ้าเราทำธุรกิจที่เราเริ่มต้นมาเองและไปได้ดี ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เรารัก เราก็น่าจะยังทำมันไปเรื่อยๆ ผมก็ยังคิดว่าส่วนตัวถ้าเอาเข้าจริงๆ ถึงวันที่ Dividend เรามากเกินรายได้จากธุรกิจ ผมก็ยังคงไม่สามารถเลิกทำได้ เพราะผมรักงานที่ผมทำจริงๆ

แต่อันนี้ก็น่าจะยกเว้นเพื่อนๆหลายๆคนในบอร์ด Thai VI ที่น่าจะรักในการลงทุนมากๆ ก็น่าจะหันมาลงทุน 100% ในท้ายที่สุดครับ

[คนคอน]

ตอนนี้ผมกำลังศึกษาอยู่ ป.ตรี มีธุรกิจร้านอาหาร แล้วลงทุนในหุ้น สำหรับการแบ่งเวลาในส่วนธุรกิจของผมเอง อาจจะดีหน่อยเพราะผมได้วางระบบไวัแล้วโดยที่ผมไม่ได้เข้าร้าน เข้าบางวันแค่ไปเก็บเงินเฉยๆ แต่เวลาส่วนใหญ่หมดกับการเรียนในมหาลัย สำหรับเรื่องหุ้น ผมมีการคิดตลอดเวลาไม่ว่าเวลาเรียนหรือทำอะไรก็แล้วแต่ มีอะไรน่าสนใจก็ใช้ไอแพตค้นหา

สรุปแล้ว เวลา1วัน ผมให้ การเรียน ประมาณ 5 - 6ชม ธุรกิจ10นาที (เก็บเงินสั่งงาน) นอกนั้น เที่ยวเล่นนอน สำหรับหุ้นผมให้ตลอดเวลา

[ACME49]

สำหรับผมเริ่มต้นใช้เวลาศึกษาแนวviนี้ ใช้เวลาในธุรกิจส่วนตัว75% ลงทุน25 %หลังจากที่ได้ลองถูกลองผิดแล้วเริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีก็มีการใช้เวลาในการอ่านข้อมูลเรื่องการลงทุนมากขึ้นตามมูลค่าพอร์ทการลงทุนที่เติบโตขึ้น ปัจจุบันใช้เวลาในการอ่านข้อมูล65% และเวลาในการทำธุรกิจ35% ในส่วนของธุรกิจนั้นต้องวางแผนจัดระบบการจัดการโดยพยายามหาผู้ช่วยและปรับเพิ่มผลตอบแทนให้พนักงานมากขึ้น(เงินเดือน)เพื่อกันสมองไหล โดยที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าท้องตลาดประมาณ20% และในส่วนของการหาข้อมูลเรื่องหุ้นนั้นสามารถทำได้ในช่วงกลางคืนได้นะมีเวลามากเลย แต่สำหรับผมช่วงเวลานั้นเป็นเวลาสำหรับครอบครัวครับ

[dome@perth]

ตอนผมทำงานประจำอยู่ ผมแทบไม่ได้รบกวนเวลาทำงานเลย
ผมแบ่งเวลาเที่ยว
แบ่งเวลานอน ที่มากเกินไป
แบ่งเวลาเอ้อละเหย เวลาลอยชาย
แบ่งเวลาที่ใช้ไปกับเรื่องไร้สาระ
เอาเวลาเหล่านั้นมาศึกษาการลงทุนครับ

ลองทบทวนดูครับ เราใช้เวลาไปกับอะไรมากเกินไปไหม

[saichon]

ผมเคยอ่านโพสของสมาชิกท่านหนึ่งที่ว่า
"ถ้าเราให้ความสำคัญกับอะไร เราก็จะมีเวลาให้กับสิ่งนั้นเสมอ"
ผมจำคนโพสไม่ได้ แต่ประโยคนี้มันถูกบันทึกเข้าไปในความทรงจำของผมครับ

ผมไม่ได้ทำธุรกิจส่วนตัว แต่ทำงานประจำและมีลูกเล็กๆ2คนที่ต้องช่วยแม่ยายและแฟนดูแลหลังเลิกงาน
ผมเองให้ความสำคัญในเรื่องการลงทุนพอสมควร แม้เวลาที่ผมเคยมีเพื่อศึกษาเรื่องการลงทุน
จะน้อยกว่าแต่ก่อนที่ผมยังไม่มีลูก แต่ผมยังหาเวลาไปมีทติ้ง นั่งดูเทปงานออฟเดย์ อ่านกระทู้
และติดตามข่าวสารการลงทุนอยู่เสมอ
เพราะเรื่องการลงทุนสำคัญกับผมเช่นเดียวกับ เรื่องครอบครัวและสุขภาพครับ
อีกอย่างคือผมว่าเรื่องการลงทุน ถ้าเราพอเข้าใจมันระดับหนึ่ง
และไม่ได้คาดหวังเรื่องผลตอบแทนสูงกว่าที่ควรจะเป็นมากนัก
เราแค่ถือหุ้นและตามดูธุรกิจที่เราลงทุน
แค่นี้เราไม่ถึงกับต้องใช้เวลามากมายด้วยครับ

[kjarrung]

เดี๋ยวนี้การสื่อสารมีความสะดวกมากขึ้น เราสามารถลงทุนและทำงานประจำไปด้วยกันได้