ผลกระทบนโยบายรถคันแรกกับหุ้นและการลงทุนใน 1-3 ปีข้างหน้า

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
godcube
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 108
ผู้ติดตาม: 0

ผลกระทบนโยบายรถคันแรกกับหุ้นและการลงทุนใน 1-3 ปีข้างหน้า

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ในปีที่แล้ว (2012) สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องได้สัมผัสคือปรากฏการณ์ลดภาษีรถคันแรก ไม่ว่าจะได้ใช้เองหรือมีคนรอบข้างที่รู้จักได้ใช้ ต้องยอมรับว่าเป็นกระแสที่มาแรงจริงๆ ซึ่งก็เห็นได้จากสถิติจำนวนรถป้ายแดงที่ออกมาใหม่ ผมเลยอยากลองมาคิดวิเคราะห์เล่นๆว่ามันจะมีผลกระทบต่อเศษฐกิจและการลงทุนอย่างไรบ้างใน 1-3 ปีข้างหน้า วิเคราะห์กันแบบขำๆนะครับ :)

http://stupidstocktrader.blogspot.com/2 ... tocks.html

ที่ผมคิดได้คร่าวๆตอนนี้มีแค่นี้ครับ คนอื่นคิดยังไงกันบ้างเอามาแชร์กันได้เลยนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: ผลกระทบนโยบายรถคันแรกกับหุ้นและการลงทุนใน 1-3 ปีข้างหน้า

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผลกระทบนโยบายรถคันแรกกับหุ้นและการลงทุนใน 1-3 ปีข้างหน้า
ในปีที่แล้ว (2012) สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องได้สัมผัสคือปรากฏการณ์ลดภาษีรถคันแรก ไม่ว่าจะได้ใช้เองหรือมีคนรอบข้างที่รู้จักได้ใช้ ต้องยอมรับว่าเป็นกระแสที่มาแรงจริงๆซึ่งก็
เห็นได้จากสถิติจำนวนรถป้ายแดงที่ออกมาใหม่ ผมเลยอยากลองมาคิดวิเคราะห์เล่นๆว่ามันจะมีผลกระทบต่อเศษฐกิจและการลงทุนอย่างไรบ้างใน 1-3 ปีข้างหน้า วิเคราะห์กันแบบขำๆนะครับ :)

ข้อแรก...มาม่าน่าจะขายดีในอนาคตอันใกล้ ถ้าลองคิดถึงนิสัยการใช้เงินของคนส่วนใหญ่แล้วผมว่าข้อนี้ไม่น่าแปลกใจเลย ด้วยความ "อยาก" หลายคนใช้เงิน 100% ของที่มี (และอีกหลายคนใช้มากกว่า 100% ด้วยซ้ำ) ถ้าตามภาษานักลงทุนต้องเรียกว่าไม่มี margin of safety เลย ถ้าคิดว่าตัวเองมีกำลังผ่อนได้เดือนละ 10,000 บาทจะซื้อรถที่ต้องผ่อน 10,000-13,000 บาท โดยคิด(ฝัน)เอาเองว่าเดี๋ยวค่อยไปประหยัดตรงนั้นตรงนี้เอาหรือเดี๋ยวค่อยหาเงินเพิ่มจากตรงนู้น นี่ยังไม่นับว่าถ้าเกิดมีเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงินอย่างไม่สบายหรือตกงานอีกนะครับ ปรกติก็ใช้เงิน to the max อยู่แล้วนี่ยิ่งมีการกระตุ้นว่า "ถ้าไม่รีบซื้อปีนี้ไม่ได้ลดราคาแล้วนะ" ผมจึงคิดว่าสุขภาพการเงินของหลายๆคนที่ใช้สิทธิ์ไปไม่น่าจะสู้ดีนัก เรียกว่าต้องผ่อนกันแบบหืดขึ้นคอเลยทีเดียว

ด้วยเหตุผลเดียวกันกับข้างบน บริษัทที่ทำเรื่องสินเชื่อรถอาจต้องระวัง เพราะจำนวนหนี้ศูนย์อาจจะสูงขึ้นกว่าปรกติ นอกจากนี้เนื่องจากคนขยับมาซื้อรถในปี 2012 เป็นจำนวนมาก demand สินเชื่อเพื่อซื้อรถใหม่ในปีต่อๆไปอาจลดลงพอสมควร

บ้านและรถเป็นทรัพย์สินที่คนที่พึ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัวต้องการ คนที่ใช้สิทธิ์รถคันแรกส่วนใหญ่ผมเชื่อว่าจัดอยู่ในกลุ่มคนพึ่งเริ่มทำงานที่ยังไม่มีทั้งบ้านทั้งรถ ส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้เช่าบ้านอยู่ก็ยังอยู่กับคุณพ่อหรือคุณแม่ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ไม่มีกำลังพอที่จะดาวน์ทั้งบ้านและรถในเวลาใกล้ๆกัน ส่วนใหญ่ก็คงเลือกที่จะซื้อรถก่อนเพื่อที่จะให้ได้สิทธิ์ เพราะฉะนั้นอาจจะทำให้มีผลกระทบกับ demand สำหรับบ้านหรือ Condo ราคาถูกที่เน้นกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรกได้ในอนาคตอันใกล้

คนใช้ทางด่วนกันมากขึ้น นอกจากฐานลูกค้า (จำนวนรถบนท้องถนน) จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแล้ว รถที่เพิ่มขึ้นก็น่าจะทำให้รถติดมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นสัดส่วนของคนที่ยอมจ่ายเงินเพื่อใช้ทางด่วนก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย

จำนวนคนฟังวิทยุน่าจะเพิ่มขึ้น สิ่งแรกที่ทุกคนทำเมื่อขึ้นรถมีสองอย่างก็คือเปิดแอร์กับเปิดวิทยุ ช่วงเวลา rush hour ตอนเช้ากับตอนเย็นจึงถือว่าเป็นช่วง prime time เลยทีเดียว ยิ่งตอนนี้รถน่าจะติดมากขึ้นทำให้นอกจากคนจะฟังวิทยุกันมากขึ้นแล้วยังต้องฟังนานขึ้นอีกด้วย แหม่ได้สองต่อจริงๆ

ที่ผมคิดได้คร่าวๆตอนนี้มีแค่นี้ครับ คนอื่นคิดยังไงกันบ้างเอามาแชร์กันได้เลยนะครับ

+1ให้แล้วครับ ส่วนตัวคิดว่า

1.ชิ้นส่วนรถยนต์ครับ ผมเพิ่งไปเปลี่ยนหม้อน้ำมา เลยรู้ว่า อะไหล่รถเด๋วนี้ถูกออกแบบมา

เพื่อ3ปีหรือ 1แสนโล พอใกล้ถึงปั๊ปมันเสียทันที หม้อน้ำสมัยนี้ของโตโยต้าเป็น พลาสติก

ผิดกับรถสมัยก่อนที่เป็นทองแดง เสียปุ๊ป เรื่องซ่อมไม่ต้องพูด โยนทิ้งจัดใหม่

หม้อน้ำ เบิกใหม่ 8000กว่าบาท น้ำยาอีกขวดละ400 ค่าช่างอีก 1200 กว่าๆ

เสีย 1อย่างก้ปาไปร่วมหมื่นนึงแล้ว

กรรมของคนมีรถคือ ถ้า supportค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ค่าแต่ง ไม่ไหว
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
greenman
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 532
ผู้ติดตาม: 0

Re: ผลกระทบนโยบายรถคันแรกกับหุ้นและการลงทุนใน 1-3 ปีข้างหน้า

โพสต์ที่ 3

โพสต์

รายจ่ายดังต่อไปนี้
1. หากเป็นรถปิ๊กอัพ 4 ประตู ภาษี 6500 บาท
2. ประกันชั้น1 2*,*** บาท
3. 3 ปีเปลี่ยนยาง 4 เส้น 3*,*** บาท
4. ตอนซื้อดาวประมาณ 25% 220,000 บาท ผ่อนเดือนละ 13,*** บาท
5. ค่านำมัน ใช้น้อยเติมน้อย
สรุป ถ้าเงินเดือน 2*,*** บาทผมว่าเหนื่อยพอสมควร มันเป็นการบริโภคข้ามเวลาจริงๆเอาใจช่วยทุกคน
saichon
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1223
ผู้ติดตาม: 0

Re: ผลกระทบนโยบายรถคันแรกกับหุ้นและการลงทุนใน 1-3 ปีข้างหน้า

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมได้ยินผู้บริหาร jmt พูดตอนงานออฟเดย์คิวที่ผ่านมาว่า
jmt น่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายนี้น๊ะครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
โพสต์โพสต์