3 เซียนหุ้น อ่านใจ “เจ้าสัวเจริญ”ไฉนจึงช้อป "หุ้นเน่า" >> มื
-
- Verified User
- โพสต์: 136
- ผู้ติดตาม: 1
3 เซียนหุ้น อ่านใจ “เจ้าสัวเจริญ”ไฉนจึงช้อป "หุ้นเน่า" >> มื
โพสต์ที่ 1
เปิดบทวิเคราะห์ “3 เซียนหุ้นขั้นเทพ” เอกยุทธ-พีรเจต-โจ ลูกอีสาน เชื่อสายตาเหยี่ยวนาม “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” โฉบกินเหยื่อไม่เคยพลาด
ทำไม ?? มหาเศรษฐีแสนล้าน “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ประธานกรรมการ “ไทยเบฟเวอเรจ” (TBEV) ถึงอยากได้หุ้น แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์” (GOLD) นักหนา ทั้งๆที่ GOLD โชว์ผลขาดทุน 3 ปีซ้อน ไล่มาตั้งแต่ปี 2552 ขาดทุน 309.79 ล้านบาท ปี 2553 ขาดทุน 261.09 ล้านบาท ปี 2554 ขาดทุน 231.45 ล้านบาท และงวด 9 เดือนของปี 2555 ขาดทุน 308.82 ล้านบาท
คำถามนี้ยังคาใจนักลงทุน !!!
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 “เจ้าพ่อน้ำเมา” เคยส่ง 2 ลูกชายสุดเลิฟ จากทั้งหมด 5 คน “ฐาปน-ปณต สิริวัฒนภักดี” ปฎิบัติการณ์ช้อนหุ้นเพิ่มทุน 452 ล้านบาท ของ “ยูนิ เวนเจอร์” (UV) ผ่านบริษัท อเดสฟอส จำกัด หวังขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ 56.4% UV ยังถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "รายแรก" ของ “เจ้าสัวเจริญ”
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะปฏิบัติการเทคโอเวอร์ UV “เจริญ” ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ 3 บริษัท ประกอบด้วย “ทีซีซี แคปปิตอลแลนด์”เน้นพัฒนาบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมระดับบน “ทีซีซี แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์” เน้นปล่อยเช่าและบริหารพื้นที่ต่างๆ สุดท้าย คือ “ทีซีซี แลนด์” ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มโครงการรีเทล
ผ่านไป 5 ปี “เจ้าสัวเจริญ” ลุกขึ้นมาเขย่าวงการอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง โดยสั่งให้ UV เดินหน้าเทคโอเวอร์ “แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์” ด้วยการซื้อหุ้นราคา 5.50 บาทต่อหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกเพื่อให้สิทธิซื้อหุ้นสามัญราคา 2.50 บาทต่อหน่วย นอกจากนั้นยังทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Rock Key International Limited (RKIL) จำนวน 281.3 ล้านหุ้น และวอร์แรนท์ 108.4 ล้านหน่วย
ปัจจุบันตระกูลมหากิจศิริและจุฬางกูรเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น GOLD ไล่มาตั้งแต่ "อุษณา มหากิจศิริ" ถือหุ้น GOLD จำนวน 163,581,459 หุ้น คิดเป็น 14.42% "เฉลิมชัย มหากิจศิริ" จำนวน 117,735,005 หุ้น คิดเป็น 10.38% ขณะที่ "ณัฐพล จุฬางกูร" ถือหุ้น 8,000,000 หุ้น คิดเป็น 0.71% (ตัวเลข ณ วันที่ 14 มี.ค.2555)
ขณะเดียวกัน UV ยังซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ “แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์” จำนวน 40% จากผู้ถือหุ้นเดิมอย่าง “แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์” (LPN) จำนวน 20% และ “เยาววงศ์ โฮลดิ้ง” จำนวน 20% ปฎิบัติการครั้งนั้นคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ต่างพากันสบถว่า “ทางลัดงานถนัดเขาล่ะ!”
ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บางรายนั่งหัวโต๊ะวิเคราะห์ให้ฟังว่า.. “สงสัยเจ้าสัวจะเล็งเห็นศักยภาพและทรัพย์สินของ GOLD ที่มีอยู่เต็มคลังสมบัติ”
“ผมคิดว่า “เจ้าสัวเจริญ” น่าจะพึงพอใจในสินทรัพย์ของ GOLD ที่มีอยู่จำนวนมหาศาล ที่สำคัญในอนาคตเขาคงมีแผนจะนำทรัพย์สินต่างๆของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมดมาร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อทำให้ไซด์ของธุรกิจมีขนาดใหญ่ขึ้น “เอกยุทธ อัญชันบุตร” หรือ “จอร์จ ตัน” นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ และเซียนหุ้นรายใหญ่ วิเคราะห์ให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟัง
การรวมสินทรัพย์เป็นหนึ่งเดียว ก็มีหน้าตาคล้ายๆกับการที่บมจ.ปตท.(PTT) ทำกับบริษัทในเครือ ผมเชื่อว่า “เจ้าสัว” จะจัดโครงสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2556 ซึ่งสินทรัพย์ของ GOLD จะช่วยเติมเต็มให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันยังทำให้ทรัพย์สินของ GOLD ที่มีอยู่กว่า 12,000 ล้านบาท โดยเฉพาะที่ดินทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดอย่างเชียงราย กระบี่ และระยอง เป็นต้น เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
“จอร์จ ตัน” บอกด้วยว่า ถ้ามองระยะยาว ผมชอบหุ้นเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) มากที่สุด (ตอนนี้ก็ถือหุ้นตัวนี้อยู่) เพราะการที่ “เจ้าสัวเจริญ” เทคโอเวอร์ “เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ” (F&N) สำเร็จ ด้วยวงเงินกว่า 3 แสนล้านบาท เขาน่าจะป้อนงานให้ BJC มากขึ้น วันนี้ต้องยอมรับว่าในธุรกิจอุตสาหกรรมและการค้าของ "ทีซีซี กรุ๊ป" (ไม่รวมธุรกิจของไทยเบฟเวอเรจ) มีเพียง BJC ตัวเดียวเท่านั้นที่ทำรายได้โดดเด่นที่สุด
เขาต้องต่อยอดธุรกิจตรงนี้ ผมเชื่อแบบนั้น!!!
ส่วนหุ้น UV และหุ้น GOLD คิดว่าราคามันสูงเกินพื้นฐานไปหน่อย บอกตรงๆไม่กล้าเสี่ยงช้อน ตอนนี้หุ้น UV ซื้อขายเฉลี่ย 15.40 บาท และหุ้น GOLD ซื้อขาย 14.10 บาท (ตัวเลข ณ วันที่ 24 ม.ค.2556) เมื่อราคามันสูงแบบนี้ไปซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ตัวอื่นน่าจะดีกว่า อาทิเช่น หุ้น แสนสิริ (SIRI) และหุ้น พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) เป็นต้น
เว้นเสียแต่ว่าราคาหุ้น UV และ GOLD ย่อตัวลงมาซื้อขายระดับ 8-10 บาท พวกคุณโดดไปเล่นได้เลย
“หากคุณเห็นหุ้นเจ้าสัวเดินพาเหรด ขอให้หยุดดูก่อนว่าพื้นฐานเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะเขามีเงิน ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหากหุ้นของเขาจะขึ้นเอาขึ้นเอา”
ด้าน “พีรเจต สุวรรณนภาศรี” นักลงทุน “วีไอ” รายใหญ่ เจ้าของ “ยูเนี่ยน อินทราโก้” วิเคราะห์ว่า การที่ “เจริญ” สนใจหุ้น GOLD ทั้งๆที่มีผลขาดทุนต่อเนื่อง ส่วนตัวเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในโครงสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าสัว
ผมมองว่าเขาจะให้ UV เป็น Holding Company ซึ่งอนาคตจะเป็น “โฮลดิ้งคอมพานี” ที่ใหญ่มาก (ลากเสียงยาว) ลักษณะคล้ายๆ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTOUCH) เขาน่าจะวางกลยุทธ์ให้ GOLD เป็นตัวเดินเกม ออกแนว “1 บริษัทเป็นมือทำ อีก 1 บริษัทเป็นมือวางแผน”
ถามว่าอนาคต “เจริญ” จะหันไปทำธุรกิจอะไร?? เขาบอกว่า มีโอกาสเบนเข็มไปลงทุนในธุรกิจ “พลังงานทดแทน” อาทิ ไบโอดีเซล ตอนนี้เขามีบริษัทที่ทำธุรกิจพลังงานทดแทนอนู่แล้ว นั่นคือ “ไทยแอลกอฮอล์” ผู้ผลิตแอลกอฮอล์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีกำลังการผลิตเอทิลแอลกอฮอล์ 120 ล้านลิตรต่อปี มีความสามารถในการผลิตเอทานอล ซึ่งมีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จำนวน 60 ล้านลิตรต่อปี เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“อะไรที่เป็นอุตสาหกรรมที่มีความชัดเจน มีรายได้แน่นอน คนอย่างเจ้าสัวเจริญไม่น่าพลาดขบวนรถไฟ”
“ผมก็ยังถือหุ้นตัวเดิมๆของเจ้าสัวเจริญ อาทิ หุ้น โออิชิ (OISHI) หุ้น เสริมสุข (SSC) หุ้น เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) อย่างหุ้น SSC หรือแม้กระทั่งหุ้น OISHI ที่หลายคนมองว่าเจ้าสัวซื้อหุ้นมาในราคาที่แพงเว่อร์ คุณลองหุ้นกลับไปดูสิ วันนี้ราคาหุ้นวิ่งไปไกลมาก ตอนนี้เจ้าสัวก็ได้ “กำไรมหาศาล” แล้ว”
ด้าน “โจ” อนุรักษ์ บุญแสวง เจ้าของนามเฝง “โจลูก อีสาน” เซียนหุ้นร้อยล้านบาท แสดงความคิดเห็นว่า จริงๆนักลงทุน VI ไม่ค่อยมีใครชอบหุ้นเจ้าสัวเจริญเท่าไร เพราะราคาแพงเว่อร์ และค่า P/E สูงเกินไป แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่มีพื้นฐาน โดยเฉพาะหุ้น โออิชิ (OISHI) เขามีแผนเปิดตัวชัดเจน
“ผมคิดว่า “เจ้าสัวเจริญ” คงเห็นทรัพย์สินที่น่าสนใจใน GOLD โดยเฉพาะทำเลทองย่านสาทร ซึ่งติดกับอาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ จริงอยู่หุ้น GOLD มีผลประกอบการติดลบ
แต่จากสถิติหุ้นทุกตัวของ “เจริญ” ระยะแรกจะ “ขาดทุน” แต่ระยะยาวจะมีพื้นฐานที่ดี”
“เซียนหุ้นวีไอ” รายนี้ยังนั่งวิเคราะห์ เหตุผลที่ราคาหุ้นของเจ้าสัวเจริญพากันวิ่งฝุ่นตลบว่า นักลงทุนรายใหญ่เข้ามาเก็งกำไรโดยอาศัยสตอรี่ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง และน่าจะอาศัยชื่อของ “เจ้าสัวเจริญ” เชื่อหรือไม่บางคนเข้ามาเล่นหุ้นเจ้าสัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามูลค่าที่แท้จริง ของหุ้นเหล่านั้นอยู่ตรงไหน ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนั้นตลอด ลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่แนวถนัดของนักลงทุน VI (หัวเราะ)
วันนี้ผมยังคงแนะนำเหมือนเดิมว่า อยากให้ส่องหุ้นอีกตัวของเจ้าสัวเจริญ นั่นคือ หุ้น อาหารสยาม (SFP) ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องรายแรกของประเทศ ตัวนี้น่าสนใจมาก แต่หลายคนมองข้าม เพราะมีสภาพคล่องน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยจะง่ายกว่า ผมชอบตรงที่ SFP มีที่ดินมากถึง 10,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่แถวระยองและประจวบคีรีขันธ์
หาก “เจ้าสัวเจริญ” ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นนำที่ดินมาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมรับรอง “รุ่ง” หากมองพื้นฐานในปัจจุบันของเขาถือว่า “ดีมาก” ข้อ 1.ราคาหุ้นไม่แพง 2.ผลประกอบการขยายตัวทุกปี ยิ่งปีนี้น่าจะดีมาก เพราะตอนนี้ราคาสับปะรดตกต่ำทำให้โรงงาน สบายไป
ณ วันที่ 24 ม.ค.2556 หุ้น เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) มีมาร์เก็ตแคป 108,389 ล้าน บาท ราคาเฉลี่ย 68.84 บาท หุ้น โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) 31,687 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 170 บาท หุ้น ยูนิ เวนเจอร์ (UV) 29,443 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 15.58 บาท หุ้น เสริมสุข (SSC) 53,180 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 202 บาท หุ้น แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) 16,000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 14.07 บาท หุ้น อาหารเสริม (SFP) 4,830 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 234 บาท และหุ้น อินทรประกันภัย (INSURE) 705 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 70.50 บาท
รวมหุ้น 7 ตัวของ “เจ้าสัวเจริญ” มีมาร์เก็ตแคปรวมกัน 244,234 ล้านบาท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
##############
มือใหม่อย่างผม..ควรรู้อะไร จากข่าวนี้บ้างครับ
ทำไม ?? มหาเศรษฐีแสนล้าน “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ประธานกรรมการ “ไทยเบฟเวอเรจ” (TBEV) ถึงอยากได้หุ้น แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์” (GOLD) นักหนา ทั้งๆที่ GOLD โชว์ผลขาดทุน 3 ปีซ้อน ไล่มาตั้งแต่ปี 2552 ขาดทุน 309.79 ล้านบาท ปี 2553 ขาดทุน 261.09 ล้านบาท ปี 2554 ขาดทุน 231.45 ล้านบาท และงวด 9 เดือนของปี 2555 ขาดทุน 308.82 ล้านบาท
คำถามนี้ยังคาใจนักลงทุน !!!
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 “เจ้าพ่อน้ำเมา” เคยส่ง 2 ลูกชายสุดเลิฟ จากทั้งหมด 5 คน “ฐาปน-ปณต สิริวัฒนภักดี” ปฎิบัติการณ์ช้อนหุ้นเพิ่มทุน 452 ล้านบาท ของ “ยูนิ เวนเจอร์” (UV) ผ่านบริษัท อเดสฟอส จำกัด หวังขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ 56.4% UV ยังถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "รายแรก" ของ “เจ้าสัวเจริญ”
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะปฏิบัติการเทคโอเวอร์ UV “เจริญ” ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ 3 บริษัท ประกอบด้วย “ทีซีซี แคปปิตอลแลนด์”เน้นพัฒนาบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมระดับบน “ทีซีซี แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์” เน้นปล่อยเช่าและบริหารพื้นที่ต่างๆ สุดท้าย คือ “ทีซีซี แลนด์” ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มโครงการรีเทล
ผ่านไป 5 ปี “เจ้าสัวเจริญ” ลุกขึ้นมาเขย่าวงการอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง โดยสั่งให้ UV เดินหน้าเทคโอเวอร์ “แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์” ด้วยการซื้อหุ้นราคา 5.50 บาทต่อหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกเพื่อให้สิทธิซื้อหุ้นสามัญราคา 2.50 บาทต่อหน่วย นอกจากนั้นยังทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Rock Key International Limited (RKIL) จำนวน 281.3 ล้านหุ้น และวอร์แรนท์ 108.4 ล้านหน่วย
ปัจจุบันตระกูลมหากิจศิริและจุฬางกูรเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น GOLD ไล่มาตั้งแต่ "อุษณา มหากิจศิริ" ถือหุ้น GOLD จำนวน 163,581,459 หุ้น คิดเป็น 14.42% "เฉลิมชัย มหากิจศิริ" จำนวน 117,735,005 หุ้น คิดเป็น 10.38% ขณะที่ "ณัฐพล จุฬางกูร" ถือหุ้น 8,000,000 หุ้น คิดเป็น 0.71% (ตัวเลข ณ วันที่ 14 มี.ค.2555)
ขณะเดียวกัน UV ยังซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ “แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์” จำนวน 40% จากผู้ถือหุ้นเดิมอย่าง “แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์” (LPN) จำนวน 20% และ “เยาววงศ์ โฮลดิ้ง” จำนวน 20% ปฎิบัติการครั้งนั้นคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ต่างพากันสบถว่า “ทางลัดงานถนัดเขาล่ะ!”
ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บางรายนั่งหัวโต๊ะวิเคราะห์ให้ฟังว่า.. “สงสัยเจ้าสัวจะเล็งเห็นศักยภาพและทรัพย์สินของ GOLD ที่มีอยู่เต็มคลังสมบัติ”
“ผมคิดว่า “เจ้าสัวเจริญ” น่าจะพึงพอใจในสินทรัพย์ของ GOLD ที่มีอยู่จำนวนมหาศาล ที่สำคัญในอนาคตเขาคงมีแผนจะนำทรัพย์สินต่างๆของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมดมาร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อทำให้ไซด์ของธุรกิจมีขนาดใหญ่ขึ้น “เอกยุทธ อัญชันบุตร” หรือ “จอร์จ ตัน” นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ และเซียนหุ้นรายใหญ่ วิเคราะห์ให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟัง
การรวมสินทรัพย์เป็นหนึ่งเดียว ก็มีหน้าตาคล้ายๆกับการที่บมจ.ปตท.(PTT) ทำกับบริษัทในเครือ ผมเชื่อว่า “เจ้าสัว” จะจัดโครงสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2556 ซึ่งสินทรัพย์ของ GOLD จะช่วยเติมเต็มให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันยังทำให้ทรัพย์สินของ GOLD ที่มีอยู่กว่า 12,000 ล้านบาท โดยเฉพาะที่ดินทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดอย่างเชียงราย กระบี่ และระยอง เป็นต้น เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
“จอร์จ ตัน” บอกด้วยว่า ถ้ามองระยะยาว ผมชอบหุ้นเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) มากที่สุด (ตอนนี้ก็ถือหุ้นตัวนี้อยู่) เพราะการที่ “เจ้าสัวเจริญ” เทคโอเวอร์ “เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ” (F&N) สำเร็จ ด้วยวงเงินกว่า 3 แสนล้านบาท เขาน่าจะป้อนงานให้ BJC มากขึ้น วันนี้ต้องยอมรับว่าในธุรกิจอุตสาหกรรมและการค้าของ "ทีซีซี กรุ๊ป" (ไม่รวมธุรกิจของไทยเบฟเวอเรจ) มีเพียง BJC ตัวเดียวเท่านั้นที่ทำรายได้โดดเด่นที่สุด
เขาต้องต่อยอดธุรกิจตรงนี้ ผมเชื่อแบบนั้น!!!
ส่วนหุ้น UV และหุ้น GOLD คิดว่าราคามันสูงเกินพื้นฐานไปหน่อย บอกตรงๆไม่กล้าเสี่ยงช้อน ตอนนี้หุ้น UV ซื้อขายเฉลี่ย 15.40 บาท และหุ้น GOLD ซื้อขาย 14.10 บาท (ตัวเลข ณ วันที่ 24 ม.ค.2556) เมื่อราคามันสูงแบบนี้ไปซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ตัวอื่นน่าจะดีกว่า อาทิเช่น หุ้น แสนสิริ (SIRI) และหุ้น พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) เป็นต้น
เว้นเสียแต่ว่าราคาหุ้น UV และ GOLD ย่อตัวลงมาซื้อขายระดับ 8-10 บาท พวกคุณโดดไปเล่นได้เลย
“หากคุณเห็นหุ้นเจ้าสัวเดินพาเหรด ขอให้หยุดดูก่อนว่าพื้นฐานเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะเขามีเงิน ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหากหุ้นของเขาจะขึ้นเอาขึ้นเอา”
ด้าน “พีรเจต สุวรรณนภาศรี” นักลงทุน “วีไอ” รายใหญ่ เจ้าของ “ยูเนี่ยน อินทราโก้” วิเคราะห์ว่า การที่ “เจริญ” สนใจหุ้น GOLD ทั้งๆที่มีผลขาดทุนต่อเนื่อง ส่วนตัวเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในโครงสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าสัว
ผมมองว่าเขาจะให้ UV เป็น Holding Company ซึ่งอนาคตจะเป็น “โฮลดิ้งคอมพานี” ที่ใหญ่มาก (ลากเสียงยาว) ลักษณะคล้ายๆ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTOUCH) เขาน่าจะวางกลยุทธ์ให้ GOLD เป็นตัวเดินเกม ออกแนว “1 บริษัทเป็นมือทำ อีก 1 บริษัทเป็นมือวางแผน”
ถามว่าอนาคต “เจริญ” จะหันไปทำธุรกิจอะไร?? เขาบอกว่า มีโอกาสเบนเข็มไปลงทุนในธุรกิจ “พลังงานทดแทน” อาทิ ไบโอดีเซล ตอนนี้เขามีบริษัทที่ทำธุรกิจพลังงานทดแทนอนู่แล้ว นั่นคือ “ไทยแอลกอฮอล์” ผู้ผลิตแอลกอฮอล์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีกำลังการผลิตเอทิลแอลกอฮอล์ 120 ล้านลิตรต่อปี มีความสามารถในการผลิตเอทานอล ซึ่งมีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จำนวน 60 ล้านลิตรต่อปี เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“อะไรที่เป็นอุตสาหกรรมที่มีความชัดเจน มีรายได้แน่นอน คนอย่างเจ้าสัวเจริญไม่น่าพลาดขบวนรถไฟ”
“ผมก็ยังถือหุ้นตัวเดิมๆของเจ้าสัวเจริญ อาทิ หุ้น โออิชิ (OISHI) หุ้น เสริมสุข (SSC) หุ้น เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) อย่างหุ้น SSC หรือแม้กระทั่งหุ้น OISHI ที่หลายคนมองว่าเจ้าสัวซื้อหุ้นมาในราคาที่แพงเว่อร์ คุณลองหุ้นกลับไปดูสิ วันนี้ราคาหุ้นวิ่งไปไกลมาก ตอนนี้เจ้าสัวก็ได้ “กำไรมหาศาล” แล้ว”
ด้าน “โจ” อนุรักษ์ บุญแสวง เจ้าของนามเฝง “โจลูก อีสาน” เซียนหุ้นร้อยล้านบาท แสดงความคิดเห็นว่า จริงๆนักลงทุน VI ไม่ค่อยมีใครชอบหุ้นเจ้าสัวเจริญเท่าไร เพราะราคาแพงเว่อร์ และค่า P/E สูงเกินไป แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่มีพื้นฐาน โดยเฉพาะหุ้น โออิชิ (OISHI) เขามีแผนเปิดตัวชัดเจน
“ผมคิดว่า “เจ้าสัวเจริญ” คงเห็นทรัพย์สินที่น่าสนใจใน GOLD โดยเฉพาะทำเลทองย่านสาทร ซึ่งติดกับอาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ จริงอยู่หุ้น GOLD มีผลประกอบการติดลบ
แต่จากสถิติหุ้นทุกตัวของ “เจริญ” ระยะแรกจะ “ขาดทุน” แต่ระยะยาวจะมีพื้นฐานที่ดี”
“เซียนหุ้นวีไอ” รายนี้ยังนั่งวิเคราะห์ เหตุผลที่ราคาหุ้นของเจ้าสัวเจริญพากันวิ่งฝุ่นตลบว่า นักลงทุนรายใหญ่เข้ามาเก็งกำไรโดยอาศัยสตอรี่ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง และน่าจะอาศัยชื่อของ “เจ้าสัวเจริญ” เชื่อหรือไม่บางคนเข้ามาเล่นหุ้นเจ้าสัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามูลค่าที่แท้จริง ของหุ้นเหล่านั้นอยู่ตรงไหน ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนั้นตลอด ลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่แนวถนัดของนักลงทุน VI (หัวเราะ)
วันนี้ผมยังคงแนะนำเหมือนเดิมว่า อยากให้ส่องหุ้นอีกตัวของเจ้าสัวเจริญ นั่นคือ หุ้น อาหารสยาม (SFP) ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องรายแรกของประเทศ ตัวนี้น่าสนใจมาก แต่หลายคนมองข้าม เพราะมีสภาพคล่องน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยจะง่ายกว่า ผมชอบตรงที่ SFP มีที่ดินมากถึง 10,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่แถวระยองและประจวบคีรีขันธ์
หาก “เจ้าสัวเจริญ” ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นนำที่ดินมาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมรับรอง “รุ่ง” หากมองพื้นฐานในปัจจุบันของเขาถือว่า “ดีมาก” ข้อ 1.ราคาหุ้นไม่แพง 2.ผลประกอบการขยายตัวทุกปี ยิ่งปีนี้น่าจะดีมาก เพราะตอนนี้ราคาสับปะรดตกต่ำทำให้โรงงาน สบายไป
ณ วันที่ 24 ม.ค.2556 หุ้น เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) มีมาร์เก็ตแคป 108,389 ล้าน บาท ราคาเฉลี่ย 68.84 บาท หุ้น โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) 31,687 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 170 บาท หุ้น ยูนิ เวนเจอร์ (UV) 29,443 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 15.58 บาท หุ้น เสริมสุข (SSC) 53,180 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 202 บาท หุ้น แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) 16,000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 14.07 บาท หุ้น อาหารเสริม (SFP) 4,830 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 234 บาท และหุ้น อินทรประกันภัย (INSURE) 705 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 70.50 บาท
รวมหุ้น 7 ตัวของ “เจ้าสัวเจริญ” มีมาร์เก็ตแคปรวมกัน 244,234 ล้านบาท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
##############
มือใหม่อย่างผม..ควรรู้อะไร จากข่าวนี้บ้างครับ
" Risk comes from not knowing what you’re doing " Warrent Buffett
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 3 เซียนหุ้น อ่านใจ “เจ้าสัวเจริญ”ไฉนจึงช้อป "หุ้นเน่า" >
โพสต์ที่ 2
โห ลิ่งอีกรอบแล้วครับ รอบที่แล้วก็ลิ่ง 5555Noinar เขียน: วันนี้ผมยังคงแนะนำเหมือนเดิมว่า อยากให้ส่องหุ้นอีกตัวของเจ้าสัวเจริญ นั่นคือ หุ้น อาหารสยาม (SFP) ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องรายแรกของประเทศ ตัวนี้น่าสนใจมาก แต่หลายคนมองข้าม เพราะมีสภาพคล่องน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยจะง่ายกว่า ผมชอบตรงที่ SFP มีที่ดินมากถึง 10,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่แถวระยองและประจวบคีรีขันธ์
value trap
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 3 เซียนหุ้น อ่านใจ “เจ้าสัวเจริญ”ไฉนจึงช้อป "หุ้นเน่า" >
โพสต์ที่ 4
ประโยคท่อนนี้ ท่านนายก อนุรักษ์ ยืนยันว่าไม่ได้กล่าวแต่ประการใดครับวันนี้ผมยังคงแนะนำเหมือนเดิมว่า อยากให้ส่องหุ้นอีกตัวของเจ้าสัวเจริญ นั่นคือ หุ้น อาหารสยาม (SFP) ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องรายแรกของประเทศ ตัวนี้น่าสนใจมาก แต่หลายคนมองข้าม เพราะมีสภาพคล่องน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยจะง่ายกว่า ผมชอบตรงที่ SFP มีที่ดินมากถึง 10,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่แถวระยองและประจวบคีรีขันธ์
หาก “เจ้าสัวเจริญ” ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นนำที่ดินมาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมรับรอง “รุ่ง” หากมองพื้นฐานในปัจจุบันของเขาถือว่า “ดีมาก” ข้อ 1.ราคาหุ้นไม่แพง 2.ผลประกอบการขยายตัวทุกปี ยิ่งปีนี้น่าจะดีมาก เพราะตอนนี้ราคาสับปะรดตกต่ำทำให้โรงงาน สบายไป
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 3 เซียนหุ้น อ่านใจ “เจ้าสัวเจริญ”ไฉนจึงช้อป "หุ้นเน่า" >
โพสต์ที่ 6
+14 ครับPaul VI เขียน:ประโยคนี้ท่อนนี้ ท่านนายก อนุรักษ์ ยืนยันว่าไม่ได้กล่าวแต่ประการใดครับวันนี้ผมยังคงแนะนำเหมือนเดิมว่า อยากให้ส่องหุ้นอีกตัวของเจ้าสัวเจริญ นั่นคือ หุ้น อาหารสยาม (SFP) ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องรายแรกของประเทศ ตัวนี้น่าสนใจมาก แต่หลายคนมองข้าม เพราะมีสภาพคล่องน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยจะง่ายกว่า ผมชอบตรงที่ SFP มีที่ดินมากถึง 10,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่แถวระยองและประจวบคีรีขันธ์
หาก “เจ้าสัวเจริญ” ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นนำที่ดินมาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมรับรอง “รุ่ง” หากมองพื้นฐานในปัจจุบันของเขาถือว่า “ดีมาก” ข้อ 1.ราคาหุ้นไม่แพง 2.ผลประกอบการขยายตัวทุกปี ยิ่งปีนี้น่าจะดีมาก เพราะตอนนี้ราคาสับปะรดตกต่ำทำให้โรงงาน สบายไป
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 484
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 3 เซียนหุ้น อ่านใจ “เจ้าสัวเจริญ”ไฉนจึงช้อป "หุ้นเน่า" >
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมากครับพี่หมอPaul VI เขียน:ประโยคนี้ท่อนนี้ ท่านนายก อนุรักษ์ ยืนยันว่าไม่ได้กล่าวแต่ประการใดครับวันนี้ผมยังคงแนะนำเหมือนเดิมว่า อยากให้ส่องหุ้นอีกตัวของเจ้าสัวเจริญ นั่นคือ หุ้น อาหารสยาม (SFP) ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องรายแรกของประเทศ ตัวนี้น่าสนใจมาก แต่หลายคนมองข้าม เพราะมีสภาพคล่องน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยจะง่ายกว่า ผมชอบตรงที่ SFP มีที่ดินมากถึง 10,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่แถวระยองและประจวบคีรีขันธ์
หาก “เจ้าสัวเจริญ” ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นนำที่ดินมาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมรับรอง “รุ่ง” หากมองพื้นฐานในปัจจุบันของเขาถือว่า “ดีมาก” ข้อ 1.ราคาหุ้นไม่แพง 2.ผลประกอบการขยายตัวทุกปี ยิ่งปีนี้น่าจะดีมาก เพราะตอนนี้ราคาสับปะรดตกต่ำทำให้โรงงาน สบายไป
ผมอ่านผ่านย่อหน้านี้แล้ว รู้สึกแปลกๆว่า พี่โจไม่น่าจะให้สัมภาษณ์แบบนี้
มันผิดวิสัยพี่โจมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 3 เซียนหุ้น อ่านใจ “เจ้าสัวเจริญ”ไฉนจึงช้อป "หุ้นเน่า" >
โพสต์ที่ 8
อูย...เกือบไป
คราวหน้าสงสัยต้องฟังจากปากหรือดูจากยูทูปเองแล้ว
กำลังคิดอยู่พอดีว่า หรือจะประเมินหมื่นไร่ ไร่ละห้าแสนก็คุ้มมาร์เกตแคป
มิน่า..พุ่งกระฉูด
เด๋วไปหาไวตามิ้ลค์มารอให้อาจารย์เราดีก่า อิ อิ
คราวหน้าสงสัยต้องฟังจากปากหรือดูจากยูทูปเองแล้ว
กำลังคิดอยู่พอดีว่า หรือจะประเมินหมื่นไร่ ไร่ละห้าแสนก็คุ้มมาร์เกตแคป
มิน่า..พุ่งกระฉูด
เด๋วไปหาไวตามิ้ลค์มารอให้อาจารย์เราดีก่า อิ อิ
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 156
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 3 เซียนหุ้น อ่านใจ “เจ้าสัวเจริญ”ไฉนจึงช้อป "หุ้นเน่า" >
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณพี่หมอมากครับ อ่านพาดหัวข่าวแล้วรู้สึกตะงิดๆอยู่พอดีjack_jack เขียน:ขอบคุณมากครับพี่หมอPaul VI เขียน:ประโยคนี้ท่อนนี้ ท่านนายก อนุรักษ์ ยืนยันว่าไม่ได้กล่าวแต่ประการใดครับวันนี้ผมยังคงแนะนำเหมือนเดิมว่า อยากให้ส่องหุ้นอีกตัวของเจ้าสัวเจริญ นั่นคือ หุ้น อาหารสยาม (SFP) ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องรายแรกของประเทศ ตัวนี้น่าสนใจมาก แต่หลายคนมองข้าม เพราะมีสภาพคล่องน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยจะง่ายกว่า ผมชอบตรงที่ SFP มีที่ดินมากถึง 10,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่แถวระยองและประจวบคีรีขันธ์
หาก “เจ้าสัวเจริญ” ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นนำที่ดินมาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมรับรอง “รุ่ง” หากมองพื้นฐานในปัจจุบันของเขาถือว่า “ดีมาก” ข้อ 1.ราคาหุ้นไม่แพง 2.ผลประกอบการขยายตัวทุกปี ยิ่งปีนี้น่าจะดีมาก เพราะตอนนี้ราคาสับปะรดตกต่ำทำให้โรงงาน สบายไป
ผมอ่านผ่านย่อหน้านี้แล้ว รู้สึกแปลกๆว่า พี่โจไม่น่าจะให้สัมภาษณ์แบบนี้
มันผิดวิสัยพี่โจมาก
สโลแกน ลงทุนอย่างมีความสุข
ลงทุนเหมือนร่วมทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วคุณจะสนใจทั้งธุรกิจและผู้บริหาร
ฟัง Oppday ทาง Website http://www.dcs-digital.com/setweb/index.php
ลงทุนเหมือนร่วมทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วคุณจะสนใจทั้งธุรกิจและผู้บริหาร
ฟัง Oppday ทาง Website http://www.dcs-digital.com/setweb/index.php