รบกวนสอบถาม การแตกพาร์ กับการปันผลเป็นหุ้น แตกต่างกันยังไง

[Hwamei]

รบกวนสอบถามเป็นความรู้เพิ่มเติมและไอเดีย ว่าการแตกพาร์ กับการปันผลเป็นหุ้น แตกต่างกันมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างครับ เช่นถ้าเป็นอัตราส่วนที่พอๆกัน เช่น par 10 เป็น 5 กับปันผล 1:1 (จำนวนหุ้นเพิ่มเป็นเท่าตัวเหมือนกัน)

[Plant]

ขอตอบตามความรู้และความเข้าใจเท่าหางอึ่งของผมนะครับ...^^)
ผมจะมองจาก 2 ส่วน คือ 1.ประโยชน์ต่อบริษัท กับ 2.ประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น

ในเรื่องของการแตกพาร์ผมมองว่าผลประโยชน์จะตกไปอยู่กับผู้ถือหุ้นซะมากกว่า
ครับ เพราะการแตกพาร์จะมีผลต่อ
1.ผู้ถือหุ้นเดิม จะทำให้มีจำนวนหุ้นมากขึ้น ผลดีคือราคาของหุ้นที่มีจะปรับตัวได้สูงขึ้น เช่น
ถ้าเรามีหุ้นพาร์ 100 ราคาตลาด 120 เวลาราคาวิ่งขึ้นก็ประมาน 10-20 บาท แต่พอแตกพาร์100
เป็นพาร์ 10 หุ้นเหลือ 12 บาท เวลาวิ่งสัก 3 บาท ก็กำไร 30 แล้วครับ ส่วนที่มันขึ้นได้ก็เพราะ

2.ผู้ถือหุ้นอื่นๆที่ยังไม่มีหุ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะหุ้นราคาสูง มีเงินทุนน้อยเวลาซื้อ ซื้อได้น้อยจึงไม่ซื้อ
แต่พอแตกพาร์แล้วราคาสามารถซื้อได้ คนพวกนี้ก็จะเข้ามาเก็บหุ้นที่ตัวเองอยากซื้ออยู่แล้วครับ
(ผมคนนึงหละที่ซื้อหุ้นตัวที่ชอบหลังแตกพาร์ อิอิ)

ส่วนบริษัทไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการแตกพาร์ครับ เพราะแค่ทำให้จำนวนหุ้นเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเอง
จะมีข้อดีหรือเปล่าไม่แน่ใจตรงที่เมื่อราคาหุ้นถูกลง จะได้ทำให้คนมาสนใจลงทุนในหุ้นของบริษัทมากขึ้น
หนะครับ...^^)

ส่วนเรื่องปันผลเป็นหุ้น อันนี้ผมมองว่าบริษัทได้ประโยชน์ที่ดีกว่าผู้ถือหุ้นนิดหน่อย
นั่นคือการปันผลเป้นหุ้นเหมือนการ "เพิ่มทุนทางอ้อม" เพราะบริษัทต้องเพิ่มหุ้นเข้ามาในบริษัทก่อน
ถึงจะจ่ายให้ผู้ถือหุ้นได้ แล้วบริษัทก็ยังได้เงินสดเก็บไว้ใช้ด้วย นั่นคือเกิดจากบริษัทจ่ายปันผลเป็นเงินสด
แต่บริษัทบอกว่าขอเอาเงินสดก้อนนี้ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนแทนนะ ซึ่งผู้ถือหุ้นก็ตกลงจึงกลายเป็นบริษัทได้เงินทุน
เพิ่ม ส่วนผู้ถือหุ้นได้หุ้นเพิ่มไป

แล้วข้อดีต่อผู้ถือหุ้น คือการมีหุ้นในมือเพิ่มขึ้น ทำให้ขายได้มากขึ้น(สำหรับคนที่เก็งกำไร)
ส่วนคนที่ถือยาว(ชาวvi) ก็จะมองว่าไม่ได้ประโยชน์เท่าไร เพราะถึงราคาจะขึ้นก็ไม่ได้ขายอยู่แล้ว
แต่ถ้ามองในระยะยาวผลดีจะเกิดคือเมื่อบริษัทนำเงินสดที่ขอไว้ไปลงทุนสร้างผลกำไรให้เติบโตมากขึ้นครับ

ดังนั้นระหว่าง 2 เรื่องนี้ ผมจะมองว่าแบบไหนใครได้ประโยชน์มากกว่ากันครับ...^^)

[chatchai]

กรณีแตกพาร์

บริษัท A มีจำนวนหุ้น 10 ล้านหุ้น พาร์ 10 บาท กำไรสุทธิ 100 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 10 บาทซื้อขายที่ PE 20 เท่า ราคาหุ้น 200 บาท ถ้าเรามี 10,000 หุ้น มูลค่ารวม 2,000,000 บาท

ต่อมา บริษัทแตกพาร์เหลือ 5 บาท จำนวนหุ้นทั้งหมดเพิ่มเป็น 20 ล้านหุ้น กำไรสุทธิเท่าเดิม 100 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นเหลือ 5 บาท ซื้อขายกันที่ PE เท่าเดิม 20 เท่า ราคาหุ้น 100 บาท แต่เรามีหุ้นเพิ่มเป็น 20,000 หุ้น มูลค่ารวมเท่าเดิม 2,000,000 บาท

กรณีปันผลเป็นหุ้นเพิ่มทุน

บริษัท A มีจำนวนหุ้น 10 ล้านหุ้น พาร์ 10 บาท กำไรสุทธิ 100 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 10 บาท ซื้อขายที่ PE 20 เท่า ราคาหุ้น 200 บาท ถ้าเรามี 10,000 หุ้น มูลค่ารวม 2,000,000 บาท

บริษัทปันผลเป็นหุ้น 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ มูลค่า 10 บาท จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านหุ้น กำไรสุทธิเท่าเดิม 100 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นลดลงเหลือ 5 บาท ซื้อขายกันที่ PE 20 เท่า ราคาหุ้นลดเหลือ 100 บาท แต่เรามีหุ้น 20,000 หุ้น มูลค่ารวม 2,000,000 บาท

จะเห็นได้ว่า ทั้งสองกรณี ผู้ถือหุ้นไม่ได้รับประโยชน์ใดๆเลย จะต่างกันเรื่องเล็กๆน้อยๆ

กรณีปันผล เราต้องเสียเงินสดชำระภาษี 10% ของมูลค่าเงินปันผล ในกรณีนี้เราต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายจำนวน 10,000 บาท ซึ่งปกติแล้วบริษัทจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดเพื่อหักชำระมาด้วย

รวมทั้งเราสามารถคิดเป็นรายได้ตอนยื่นคำนวณภาษีเงินได้ สำหรับบางคนที่เสียภาษีอยู่ในเกณฑ์ต่ำ จะสามารถขอเงินภาษีคืนได้

[chatchai]

เพิ่มเติม

กรณีแตกพาร์ งบดุลของบริษัทเหมือนเดิมทุกประการ

กรณีปันผลเป็นหุ้น จะมีการย้ายกำไรสะสม เป็นทุนจดทะเบียน นั้นหมายความว่า กำไรสะสมที่เป็นแหล่งในการจ่ายเงินปันผลในอนาคตลดลง

[Hwamei]

ขอบคุณมากครับ ถึงได้สงสัยว่าเวลาปันผลเป็นหุ้น ทำไมต้องดีใจกันด้วย ก็เหมือนจำนวนหุ้นเพิ่มเฉยๆ แต่มูลค่าของเราไม่ได้แตกต่าง

[Plant]

พี่ "chatchai" ครับ การย้ายกำไรสะสม เป็นทุนจดทะเบียน คือ
การที่บริษัทนำเงินสดที่ควรปันผลให้เรา เปลี่ยนมาเป็นจ่ายชำระหุ้นที่ปันผลให้เราหรือ
ก็คือนำเงินมาซื้อหุ้นให้เรา แบบนี้ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ...-_-??)

[Plant]

อ้อ ผมลืมพูดถึงเรื่องนี้ไป เรื่องการแตกพาร์กับปันผลเป็นหุ้นมีวาระซ่อนเร้นอีกเรื่องนึงครับ
คือถ้าใครใช้วิธีคำนวนมูลค่า(ราคาหุ้น)ด้วย pe เมื่อตอนที่ซื้อหุ้นจะเจอปัญหาครับ

เพราะเวลาคำนวนใช้กำไรต่อหุ้นเป็นหลัก พอเกิดการแตกพาร์หรือปันผลเป็นหุ้น คนที่ได้หุ้นก็หลงดีใจ
มีจำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ขายทำกำไรไปบ้าง แต่กลับลืมไปว่าไอหุ้นที่เพิ่มมามันเป็นส่วนแบ่งของกำไรต่อหุ้น
ที่เราเคยคำนวนไว้ตอนซื้อด้วย ดังที่คุณ "chatchai" ได้ยกตัวอย่างไว้

จากหุ้นราคา 200 บาท เรามี 10,000 หุ้น กำไรต่อหุ้น 10 บาท
พอแตกพาร์หรือปันผลเป็นหุ้น
หุ้นเหลือราคา 100 บาท เราจะมี 20,000 หุ้น แต่กำไรต่อหุ้นเหลือ 5 บาท

ซึ่งจะเห็นว่าก่อนและหลังแตกพาร์เราจะได้กำไรทั้งหมดเท่าเดิม(จำนวนหุ้น x eps)
แต่ถ้าเราขายหุ้นที่ได้รับมา การที่เราคำนวนมูลค่าหุ้นไว้ตอนต้นที่เราซื้อจะเกิด
ผลกระทบทันที!!!....^^)

ปล. ผมก็เจอเรื่องนี้ไปเหมือนกัน ของผมทั้งปันผลเป็นหุ้น และแจกวอแรนท์ esop พร้อมกันเลย
เล่นเอาผมงงไปเลยครับ ไม่รู้ท่านอื่นๆมองเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า
หรือว่ามีแต่ผมกังวลในเรื่องนี้อยู่คนเดียวหว่า 555+...^^)

[chatchai]

การที่บริษัทปันผลเป็นหุ้น ทำให้บริษัทสามารถจ่ายปันผลเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในอัตราสูงๆได้ แม้บริษัทจะมีเงินสดไม่มากนัก

เมื่อเวลาผ่านไป ประวัติของบริษัทก็จะเหลือแค่จำนวนปันผลที่จ่ายในแต่ละปี ถ้าไม่ตรวจสอบให้ละเอียดก็จะไม่ทราบว่าปันผลเป็นหุ้น ก็จะทำให้เราคิดว่าบริษัทนี้มีสภาพคล่องที่ดี มีการจ่ายปันผลที่สูง

[Plant]

การที่บริษัทปันผลเป็นหุ้น ทำให้บริษัทสามารถจ่ายปันผลเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในอัตราสูงๆได้ แม้บริษัทจะมีเงินสดไม่มากนัก

เมื่อเวลาผ่านไป ประวัติของบริษัทก็จะเหลือแค่จำนวนปันผลที่จ่ายในแต่ละปี ถ้าไม่ตรวจสอบให้ละเอียดก็จะไม่ทราบว่าปันผลเป็นหุ้น ก็จะทำให้เราคิดว่าบริษัทนี้มีสภาพคล่องที่ดี มีการจ่ายปันผลที่สูง

ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกแล้ว...^^)