Money talk@SET21Jul13 จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และชีวิ
- i-salmon
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Money talk@SET21Jul13 จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และชีวิ
โพสต์ที่ 1
Money talk@SET21Jul13
จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และชีวิต & เรียนให้รวยอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณท่านอาจารย์และวิทยากรที่ให้ทั้งความรู้และความบันเทิงครับ
//i-salmon
Money talk ครั้งต่อไป
• Money talk@set วันที่ 10 Aug2013
• เปิดจอง Facebook เสาร์ 3 Aug2013 7.00 น.
• มี 2 หัวข้อ
1) หุ้นเด่นในกระแสหลักโลก : Jubilee, KAMART, TV Direct
2) จากต้นชนปลายเส้นทาง VI: ดร.นิเวศน์, คุณฉัตรชัย วงแก้วเจริญ,
• ผู้ดำเนินรายการ อ.ไพบูลย์,หมอเค
*ชื่อหัวข้ออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
หัวข้อที่ 1 "จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และชีวิต"
คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย
คุณวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ
คุณถาวร โชติชื่น
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดำเนินรายการ
• สมดุล คืออะไร?
• คุณวสันต์
o ความพอดี equilibrium point demand supply ตัดกันพอดี พอดีเป๊ะ
o ทางพุทธศาสนา สมดุลต้องมีสติ เชื่อมั่นตัวเองมากก็ไม่เชื่ออะไร ศรัทธาเยอะก็ขอมาก
o มีเงินแล้วไม่ใช้เงิน ก็ไม่สมดุล ไม่มีเงิน แล้วใช้มาก ก็ไม่สมดุล
• คุณดนัย
o ตามหลักธรรมะคือ มัตตัญญุตา การรู้จักประมาณในการใช้ชีวิต
o ตามหลักพระเจ้าอยู่หัวคือพอเพียง
o อุเบกขาจิต จิตที่ไม่มีก่อนไม่มีหลัง ไม่มีบวกไม่มีมีลบ เป็น จุดที่เฉยๆนิ่งๆ
o สันโดษ ไม่ใช่ไม่ให้คบใคร แต่ให้ “พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้” เป็นการฝึกจิตที่ดี บางคนรวยมาก แต่เสียดาย ซื้อไม่ทันขายไม่ทัน ไปมีความทุกข์กับสิ่งที่ไม่มี
o ถ้าเราทุกคนรู้จักมีความสุขในสิ่งที่มี และหยุดเป็นทุกข์ในสิ่งที่ไม่มี ชีวิตธรรมดาที่พวกเรามีอยู่เป็นชีวิตที่วิเศษที่สุดแล้ว หายใจได้เอง ทานข้าวได้เอง เดินไปมาได้เอง รู้สึกได้กับสัมผัส 6 ประตูที่เรามี เป็นชีวิตที่วิเศษสุดและจะขยายความสุขออกไปได้
• ดร.ไพบูลย์ สมดุลอย่างหนึ่งคือการไม่มีหนี้
o คุณวสันต์ ไม่มีหนี้ประเสริฐที่สุด เตี่ยสอนว่าอย่าไปกู้ แต่พอไปเรียน MBA พบว่ากู้ได้กำไรมากกว่า ก็กู้เยอะเลยได้กำไรเยอะ แต่พอล่มสลายก็เลยพบว่าเตี่ยถูก
o อ.ไพบูลย์ เตี่ยสอนเหมือนกัน ว่าถ้าประหยัดเงินบาทหนึ่ง ดีกว่าหาเงินบาทหนึ่ง ทำง่ายกว่าด้วย
• อ.ไพบูลย์ รายการ Money talk อยู่มาได้มีผู้มีบุญคุณ 2 ท่าน คุณวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ กับ คุณอนันต์ อัศวโภคิน ทำให้เรารอดมาได้ในช่วงวิกฤติ
• คุณดนัย
o เคยทำบริษัทขายสินค้าแบรนด์เนม น้ำหอม นาฬิกา รายได้ 200-300 ล้านต่อครั้ง พอมาทบทวนตัวเองเราอยู่ในกระแส ทุนนิยม บริโภคนิยม ประชา เงินที่มาง่ายๆแบบนี้มันไม่ใช่ เลยหยุดกิจการตรงนั้นหมด
o มาทำบริษัทสำนักพิมพ์ ซึ่งกว่าจะออกหนังสือได้แต่ละเล่มใช้ความแรงกายแรงสมองมาก แต่รู้สึกว่ามันมีความสุข ผมรู้สึกว่าหาจุดสมดุลของชีวิตได้
o ในช่วงเรียนปี 2 ได้มีโอกาสไปพบญาติคนหนึ่ง เป็นมหาเศรษฐี บ้านใหญ่โต มีเงินเป็นพันล้าน แต่เขาเป็นทุกข์กังวลว่าเงินที่ให้คนอื่นยืมไปจะไม่ได้คืน ผมร่วง หน้าตาเศร้าหมอง ซึ่งด้ไปปลอบประโลมเขาขณะที่บ้านตัวเองล้มละลาย วันนั้นมีเงินในกระเป๋าไม่ถึง 20 บาท ทำให้เราค้นพบธรรมะได้ว่า มีหรือไม่มี ไม่ได้กระทบกับความสุขในจิตใจเรา เรามีความสุขแม้เอาทรัพย์สินที่บ้านหม้อ นาฬิกา ปากกา ไปโรงรับจำนำ หลายๆอย่างในชีวิต จะทำให้เราต่อยอดได้ว่า ความสุขของเราไม่ได้พึ่งพิงกับวัตถุภายนอก โจทย์ข้อหนึ่งที่เราต้องคิดกับตัวเองคือ จะบริหารเวลาที่มีอยู่ในชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไร
• อ.ไพบูลย์ เวลาหุ้นตกหนักๆก็จะกระทบกระเทือนจิตใจทุกครั้ง จะใช้วิธีดูว่าเวลามูลค่าหุ้นที่ตกไปมันกระทบชีวิตแค่ไหน แล้วก็มารวมยอดดูว่าถ้าตกไปมากๆแล้วแต่ชีวิตเราก็ยังสามารถอยู่ได้ใช้ไม่หมดก็สบายใจ
• คุณดนัย พระพุทธเจ้าห้ามประกอบอาชีพ 5 ข้อ ห้ามค้ามนุษย์ บริการทางเพศ ห้ามค้าสัตว์มีชีวิต ห้ามค้ายาเสพติต ห้ามค้าอาวุธ ห้ามค้ายาเป็นพิษ บางคนถูกเอาจิตวิญญาณไปอยู่ที่กระดานหุ้น มันจะเขียวจะแดง ต้องมีสติ มีคำที่ครูบาอาจารย์สอน พระพุทธเจ้าตรัส “โลกอยู่ในสิ่งที่มี ธรรมอยู่ในสิ่งที่ไม่มี” กิเลสจะเฟื่องฟูในสิ่งที่มีความฟุ้งเฟ้อ ธรรมะจะเจริญในสิ่งที่มีความขาดแคลน ถ้าเราเสียทองเสียหุ้น แต่จิตใจเราไม่เสียไปด้วย ธรรมะเราก็ไม่เสีย
• อ.ไพบูลย์ ความเสื่อม กับ ความเจริญทางโลกทางธรรมไม่เหมือนกัน ความเสื่อมทางโลก มักจะนำไปสู่ความเจริญทางธรรม จะทำให้เกิดโอกาสให้เรารู้ว่าสิ่งต่างๆมันไม่แน่นอนในชีวิต หุ้นขึ้นเราพอง เต็มไปด้วยกิเลส ที่จริงแล้วเวลาที่หุ้นขึ้นเป็นโอกาสให้เราฝึกคิดได้ว่ามันเป็นความเจริญทางโลกที่ไม่แน่นอน
• คุณดนัย มีเคล็ดลับข้อหนึ่ง อะไรก็ตามที่เราวางใจไว้เป็นกลาง ไม่บวก ไม่ลบ จะมีพลังที่สุด เป็นจุดที่สมดุล สิ่งที่โฟกัสมากๆ จะส่งสัญญาณออกไป เป็นการส่งสัญญาณว่าเราขาดแคลน เราไม่พอ มีคำกล่าว่า ธรรมชาติจัดให้ จักรวาลจัดเรียง สวรรค์จัดหนัก ธรรมะจัดสรร ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดจากจิตของเรา จิตของเราเป็นอย่างไรจะนำให้เกิดสิ่งนั้น จิตของเราที่เป็นกลาง จะดึงสิ่งที่ดีๆเข้ามา อะไรที่เราขาดก็จะไม่พอ พระพุทธเจ้ากล่าวว่า นัตถิ สันติปะรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
• อ.ถาวร บ้านน้ำท่วม เป็นข้อดี มีคนเห็นใจ มีคนช่วยเอาข้าวของเครื่องใช้ให้ ก่อนหน้านั้นเราไม่ได้ปรามาท เราได้เตรียมดีแล้ว แต่เอาไม่ไหว มันเยอะมาก แต่ก็ดีได้เปลี่ยนบรรยากาศ บ้านอยู่มา 20 ปี มีโอกาสได้ renovate
อ.ถาวร บทเรียนบางอย่างต้องเจอด้วยตัวเอง บางอย่างก็เรียนรู้จากคนอื่นได้ สมดุลของชีวิตต้องมีอะไรบ้าง? นอกจากเงินมีเรื่องอะไรที่ไหมที่น่าจะสำคัญ?
• คุณดนัย
o ต้องตอบคำถามตัวเราให้ได้ ว่าเราเกิดมาแล้วคุ้มไหมที่ได้เกิดมาในชาตินี้
o ชีวิตเราไม่ใช่แค่กิน กาม เกียรติ คำถามคือก่อนที่เราจะส่งคืนลมหายใจสุดท้ายให้โลกใบนี้ เราได้ทำหน้าที่เราหรือยัง จะช่วยให้เข้าไปหาจุดสมดุลของเราได้เอง
o คนที่เครียดมาก กังวลมาก สุขภาพไม่ดี มักจะหมกมุ่น โฟกัสเพื่อตัวเอง คนที่ทำเพื่อคนอื่น ชีวิตเขาจะมีความสุขมาก ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศจะไหลมาหาเขาเอง ต้องมาตอบโจทย์ว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร ทุกอย่างที่เรามีสุดท้ายต้องส่งคืนหมด สิ่งที่เหลือคือ จะมีใครบ้างที่มาส่งเราวันสุดท้าย แล้วเขาจะนึกถึงเราอย่างไร คนคนนี้เกิดมาแล้วเป็นคนอย่างไร นั่นคือจุดเริ่มต้นของการหาความสมดุลของชีวิต
• คุณวสันต์
o ในอดีตผมฟุ้งเฟ้อ อยากเป็นนั่นเป็นนี่ไปหมด ถึงวันนี้ถ้าผมนอนหลับ กินได้ ถ่ายออก ผม happy นึกจะทานอาหารตรงไหนคือโต๊ะอาหาร อยากจะนอนตรงไหนแล้วหลับนั่นคือที่นอน รถมี 6 ประตูนั่งตรงไหนถึงจะรู้ว่าเป็นเจ้าของรถ เจ้าของรถนั่งตรงไหนก็คือเจ้าของรถ ทำตัวสบายๆ พรุ่งนี้มันคงดีขึ้น เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่าง บางทีเราไม่ให้เวลา จะเอาเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ก็เป็นทุกข์
o เป็นคนดีไม่ต้อง ดาวน์ดูยังไง? ดูประวัติที่บ้าน ดูทะเบียนบ้าน ภรรยาคนเดิมหรือเปล่า
o วิธีคิดดอกเบี้ยบ้านเราไม่ค่อยเหมาะ รถมอเตอร์ไซค์ดอกเบี้ยแพง รถเบนซ์ดอกเบี้ยถูก ที่จริงดอกเบี้ยมันอยู่ที่คนซื้อ
• อ.ไพบูลย์
o ครั้งหนึ่งผมเคยเกือบตาย ถ้าเรามีโอกาสใกล้ตายจะเห็นอะไรเยอะมาก คืนนี้กลับไปก่อนนอน ลองคิดดูว่าถ้าคืนนี้หลับไปแล้วไม่ตื่น เราลืมทำอะไรบ้าง สิ่งที่ไม่ได้ทำ ที่เราผลัดไว้ แล้วพรุ่งนี้ถ้ามีโอกาสตื่นเข้ามารีบไปทำซะ หรือไม่ก็ลองคิดว่าใน 6 เดือนข้างหน้า ก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่าจะตายเมื่อไร อะไรที่เราจะทำภายใน 6 เดือนนี้ถ้าเราจะตาย สิ่งเหล่านี้มักจะเป็นสิ่งที่ดี และเป็นสิ่งที่สร้างสมดุลให้ชีวิต และเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ควรจะทำ เราจะไม่คิดถึงว่าเราแค้นใครแล้วไปตามด่าคนนั้น
• หัวข้อที่ 2 “เรียนให้รวยอย่างมีคุณค่า”
ดร.วิพุธ อ่องสกุล คณบดี NIDA BUSINEES SCHOOL
คุณวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง
คุณวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ OFFICE MATE
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญหุ้น
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดำเนินรายการ
• เรียนอย่างไรให้รวย?
o คุณวรวุฒิ
เรียนจบมา 18 ปี โชคดีที่เอาวิชาความรู้มาใช้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี การตลาด ที่ ม.เกษตรศาสตร์ ก็ไม่เคยทำงานที่อื่น ช่วยธุรกิจที่บ้าน ค้าส่งเครื่องเขียน ฝันอยากจะมีบริษัทโตๆ แล้วก็รู้สึกว่าความรู้น้อยไป ก็เลยไปสมัคร Y-MBA ที่ นิด้า
รู้สึกได้เปิดโลกทัศน์ มี case study ดีๆ ทำให้เริ่มคิดการณ์ใหญ่ต้องเอาความรู้ที่เรียนมาเอาไปใช้
ทุกครั้งที่เรียนวิชาต่างๆนี้จะคิดว่าวิชาเหล่านี้เอาไปใช้จริงๆได้อย่างไร เช่น quantitative analysis ทุกวันนี้ก็จำไม่ได้แล้ว แต่ทำให้เราวิเคราะห์ทุกอย่างเป็นตัวเลข ได้ concept
เวลาทำงานจริงๆสิ่งที่สำคัญกว่าความรู้ คือ ความคิด ต้องมีความรู้เป็นพื้นฐาน ถ้าไม่มีความรู้ก่อน ความคิดจะฟุ้ง ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
ตอนใกล้จบผมเขียน paper ส่ง ชื่อ project บริษัท officemate พอเรียนจบก็เอาบริษัทมาตั้งจริงๆ ทำจริงๆ เอา feasibility ไปขอกู้ bank ทุกวันนี้ยอดขาย officemate ก็เป็นหมื่นล้าน เรียนแล้วไม่เอาไปทำเสียของ
o คุณวรวรรณ
ตอนเรียนไม่ได้ตั้งเป้าหมาย คุณพ่อเป็นทหาร คุณแม่ทำงานสยามกลการ ครอบครัวรับราชการ ไม่หมอก็ทหาร ตอนเรียนโชคดีหน่อย ในครอบครัวเรียนเก่งกัน
มัธยมเรียนเตรียมอุดม ปริญญาตรีเรียน สถาปัตย์ ศิลปากร แล้วไปเรียนต่อปริญญาโท MBA North Texas State
สมัยก่อนเขาสอนให้เรียนเป็นเจ้าคนนายคน แต่ได้เป็นนายคนไม่ได้รวยกันหมดหรอก มีภาระต้องดูแลคนดูแลงาน ถ้าอยากจะร่ำรวย ตอนเรียนอย่าเรียนอย่างเดียว หัดทำงานระหว่างเรียน
เรียนต่อที่เมืองนอก ไม่จำเป็นทุกคนต้องเรียนต่อ ตอนนั้นก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เคยไปสมัครเป็นภารโรง อยากรู้ว่าเป็นยังไง ล้างส้วมเป็น 100 โถ ได้อะไรจากตรงนั้นเยอะ อย่ารังเกียจวิชาชีพต่างๆ ทำให้เราเข้าใจคนในหลายๆชนชั้น ตอนนั้นได้รางวัลเป็นพนักงานที่ล้างส้วมได้ดีที่สุด
ประสบการณ์ได้สร้างนิสัยมา ทำให้เข้าใจคนได้มาก การติดต่อสื่อสารจะง่ายขึ้น อาจจะไม่ร่ำรวยเงินทองเยอะแยะมาก แต่ก็รวยน้ำใจมีความสุข
o ดร.นิเวศน์
สมัยก่อนตอนเรียนก็เป็นไปตามระบบ ถ้าเรียนเก่งหน่อยก็ไปเข้าวิศวะ เรียบจบ 4 ปี มีงานทำ ตอนเรียนปริญญาโท,เอก คืออยากรู้ว่าสอนอะไรกัน
สิ่งที่เรียนมาทั้งหมดรู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรที่ทำเงิน
ปริญญาตรี โท เอก การเรียนเป็น basic ถ้าไม่ได้เรียนต่อก็จะหยุดตรงนั้น มันแค่เป็นการเจาะลึก
เวลาเรียนในมหาวิทยาลัย ปริญญาเอก 3-4 ปีเอง แต่เวลาไปทำงานอีก 30 ปี บางเรื่องต้องศึกษาต่ออีกเป็น 10 ปี เรียนมหาวิทยาลัยเป็นพื้นฐาน สิ่งสำคัญคือทำให้เราอ่านเป็น อ่านภาษาอังกฤษดีขึ้น มีความรอบรู้มากขึ้นว่าในโลกนี้มีอะไรกัน
• อ.ไพบูลย์
o หลักของการเป็นอาจารย์ที่นิด้า มี 3 หน้าที่ สอนหนังสือ, ทำวิจัย, รับใช้สังคม
o ต้องหาจุดสมดุล 3 อย่างนี้ บางคนถนัดบางอย่างก็อาจกระจายน้ำหนักต่างกันไป
o ผมสอนหนังสือชั่วโมงแรกจริยธรรม ชั่วโมงสุดท้ายจริยธรรม ตรงกลางอ่านเอาเอง
• ดร.วิพุธ
o ตอนมาสอนทีแรก อ.ปรีชา บอกให้เข้านิด้า 20 ชม. คือเวลาครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งหนึ่งไปหาประสบการณ์ข้างนอก จะทำให้อาจารย์มีงาน consult งานวิจัย เป็นจุดเด่นอันหนึ่งที่นิด้า
o การหาความรู้ไม่เฉพาะในห้องเรียน สื่อสมัยใหม่ ทำให้คนเข้าถึงความรู้ได้ง่ายขึ้น เรายังให้จริยธรรมด้วย ให้เป็นคนดีของสังคม อย่างที่อ.ไพบูลย์ทำก็เป็น practice ที่ดี
o มีกิจกรรมให้นักเรียนมีความกลมเกลียว ก็ทำให้มี network ที่สำคัญ
o นอกจากอาจารย์แล้วก็มีศิษย์เก่าที่เข้ามาช่วย inspire น้องๆ
o อ.นิเวศน์ก็มาสอนที่นิด้า สอนจากประสบการณ์ และไม่ได้สอนแค่ความรู้อย่างเดียว มีเรื่องคุณธรรม และให้สติ
o นิด้ามีระบบประกันคุณภาพ ได้รับการรับรอง AACSB (The Association to Advance Collegiate Schools of Business ) จากสมาคมที่คณะบริหารธุรกิจชั้นนำ ในประเทศไทย MBA มีศศินทร์ กับ นิด้า ที่ได้รับการรับรอง ต่อไปจะเกิดความชัดเจนว่าการเรียน MBA ที่ได้การรับรอง กับไม่รับรองต่างกันในการสมัครงาน
o อาจารย์สอนต้องมี paper ได้รับการตีพิมพ์ต่างประเทศ หรืออาจารย์อย่างดร.นิเวศน์ เป็น professionally qualified มีการพิจารณาที่สามารถแสดงได้ว่าผู้สอนมีคุณภาพ หลักสูตรก็ต้องมี mission statement learning objective อยากให้ผู้เรียนเป็นอะไร
• คุณวรวรรณ
o ถ้าเรียนออกมาแล้วไม่เป็นเจ้าของกิจการเองรวยยาก นอกจากให้เงินทำงานด้วย ต้องรู้จักการลงทุน เราก็ได้เป็นเจ้าของกิจการกับเขาด้วย
o ส่วนตัวเองซื้อกองทุนบัวหลวงเป็นหลักมีกองทุนที่อื่นบ้าง
o สำหรับ VI ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นแบบดร.นิเวศน์ได้ในเร็ววัน ไม่ควรจะลาออกจากงานมาเป็น vi อย่างเดียวแต่แรก ให้เรารู้เท่าทันตลาด รู้เท่าทันตัวเอง มีความพร้อม ประสบการณ์จะเป็นตัวที่ทำให้เรามีฐานะมั่งคั่งขึ้น
• ดร.นิเวศน์
o ในยุคนี้คนที่อยากรวยแบบ vi ก็เรียนจบมาทำงานก็เริ่มได้เลย วิธีง่ายที่สุด เราทำงานบริษัทไหน จะรู้ในอุตสาหกรรมนี้ดี เราก็นำเงินจากบริษัทที่ทำอยู่ไปลงทุนในบริษัทดีๆกว่า
o คนที่จะรวยคือ เจ้าของธุรกิจ คือ ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารสูงของบริษัทดีๆ เราจะรวยต่อเมื่อบริษัทรวย เป็นลูกจ้างบริษัทรวย เราไม่รวย แต่ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทดีๆ เราก็รวย เราก็เกาะมันโตไปเรื่อยๆ ถึงวันหนึ่งหุ้นของเราจะจ่ายปันผลมากกว่าเงินเดือน พอมันจ่ายปันผลเยอะกว่าเงินเดือนเราก็ออกได้ ถ้าทำแบบที่ว่าเราก็จะไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากเวลาที่ทำงานอยู่
o เป็นนักลงทุนต้องเลือกเป็น เราไม่ต้องเก่งมาก สมัยก่อนคนเก่งๆไม่ค่อยรวย เป็นที่ปรึกษา เป็นอาจารย์ ต้องทำงานเก่ง EQ ดีๆ สามารถเข้ากับคนได้ดี จับเส้นจับสายได้ดี ไม่ค่อยมีคนนั่งคิดแล้วรวย สมัยนี้ทำได้ โลกเจริญแล้ว เปิดโอกาสให้คุณใช้ศักยภาพที่มี ถ้าคุณเก่งจริงก็รวยได้
• คุณวรวุฒิ
o ผมพบว่าคนที่อยากรวยไม่ค่อยรวย คนที่รวยไม่ได้คิดเรื่อรงรวย ทำให้ดีที่สุด ทำให้ถูกต้อง
ดร.นิเวศน์เสริมว่าเห็นด้วย ตอนเริ่มลงทุนเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้คิดจะรวย ทำเพื่ออยู่รอด แต่เด็กสมัยนี้คิดจะรวยก่อนเลย
o ผมจำวันที่เรียนนิด้าวันแรก อ.ปรีชา เข้ามาสอนชั่วโมงแรก คุณรู้ไหม เรียน mba ผู้บริหารทำหน้าที่อะไร? คือ Do the right thing ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แค่ประโยคนี้ก็คุ้มกับที่เราไปเรียนแล้ว แต่ก่อนที่จะ do the right thing ยาก เราจะรู้ได้อย่างไร
o ผมเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง ปริญญาตรี 140 หน่วย ผมเรียนไปเกือบ 180 หน่วย แต่ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือทุกชนิดยกเว้นหนังสือเรียน เราชอบรู้เยอะๆ อ่านเยอะๆ
o ผมสังเกต คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่มีคำว่าเรียนจบ เวลาผมไปพูดที่นิด้า บอกว่าคุณห้ามคิดว่าจบการศึกษา การศึกษาไม่มีวันจบ ความรู้ที่เรามีอยู่ไม่มีวันพอ สิ่งที่เราเรียนรู้คือสิ่งที่เกิดในอดีต ซึ่งอนาคตจะเป็นจริงหรือเปล่าไม่มีใครู้ สิ่งที่เราเรียน เหมือน อาจารย์ให้ลายแทงขุมทรัพย์ แต่การเดินทไปหาขุมทรัพย์เราต้องทำเอง บอกต้องเลี้ยวซ้าย 3 ที ขวา 3 ที แต่เลี้ยวซ้ายครั้งแรกเจอภูเขา ต้องอ้อม เราต้องพลิกแพลงประยุกต์เป็น ต้องรู้ว่าวิชานี้หมายถึงอะไร มีแนวคิดอะไร ต้องเรียนแล้วมาลองถูกลองผิด เรียนแล้วต้องมารู้ว่าต้องเรียนรู้อะไรอีก
o ถ้าเราไม่ได้เรียนในกรอบที่มหาวิทยาลัยให้มา เราจะหลงทิศได้ง่าย ผมเรียนมาคือได้รับ direction ว่าผมต้องพัฒนาตัวเองอย่างไรต่อ แล้วไปทางไหน เวลาเจอปัญหาเราจะมีหลักยึด
o คนเราทำธุรกิจ ไม่มีใครราบรื่น ไม่มีใครได้ตามแผนทุกครั้ง ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีผู้บริหาร ผู้บริหารคือคุมแผน ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
o การลองถูกลองผิด ต้องใช้ประสบการณ์ ไม่มีในตำรา ในโลกการทำงานทุกวิชาเกิดขึ้นพร้อมกัน เราจะเอาวิชาไหนมาใช้ตอนไหน แผนการตลาดดี ใช้คนผิดคน, แผนการตลาดดี ลืมคำนวณการเงิน ขาด cash flow ก็ล้มเหลวได้ ถ้าหลักของแต่ละวิชาไม่แน่น เราจะเจอปัญหามาก
o ที่นิด้าผมเจอเพื่อนเก่งๆเยอะ ครึ่งหนึ่งของหลักสูตรเลยที่ใช้เวลากับเพื่อน ได้เรียนรู้จากเพื่อนๆ มีจับกลุ่มไปติวกันนอกห้องเรียน ผมเป็นคนเดียวที่ทำธุรกิจครอบครัว ไม่เคยไปข้างนอก ขณะที่เพื่อนเริ่มเป็นผู้บริหารระดับกลาง ทำให้ได้รับ sharing ประสบการณ์จากเพื่อนๆตรงนั้นเยอะ
o สิ่งที่ได้จากเรียนจบมาต้องมาทดลองใช้ ถ้าเรียนรู้ประยุกต์ไม่เป็นจบแล้ว ตำราไม่ใช่ของเป็น - เป็นของตาย - ในการทำงานจริง บางครั้งต้องเขียนตำราด้วยตัวคุณเอง โลกทุกวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก ชีวิตมนุษย์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงวันหนึ่งคนเราใช้เวลาใน facebook หลายชั่วโมง ถ้าโลกเปลี่ยนเร็ว แล้วเราไม่เปลี่ยนตามไม่ได้
o เรียนแล้วทำอย่างไรให้รวย คุณต้องเอามาทดลองทำ ศึกษาจากสิ่งที่มีในโลก โลกมันเชื่อมกัน เราไม่ใช่คนหมู่บ้านเดียวในโลก จีน ฟิลิปินส์ อินโดนีเซีย เขาก็ทำเหมือนเรา พร้อมจะมาแข่งขันกับเราเมื่อไรก็ได้ สถาบันต้องสร้างคนที่คิดเป็นขึ้นมาแล้วทดลองใช้ได้
o ผมได้รับการสอนฝังหัวมาตลอดคำว่า good governace มาตลอด ซึ่งผมคิดว่าที่ตั้งธุรกิจมาจนจดทะเบียนได้ทุกวันนี้ แล้วเรายึดมั่นใน CG บริษัทผมโตขึ้น 60-70 เท่า แต่คู่แข่งโตขึ้น 3-4 เท่า ทำให้เราไปได้ไกลกว่าและยั่งยืนกว่า
เรียนหนังสือให้รวยต้องเรียนเมืองนอกไหม เรียนอย่างไร?
• คุณวรวรรณ
o นับจากปัจจุบันไป การเรียนไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในห้องเรียน ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน ขอให้ต่อ internet ได้ อยากจะอ่าน article ดีๆของ Harvard ก็เข้าไปอ่านได้ สำหรับคนที่ไม่มีโอกาสไปเรียนต่อเมืองนอก ไม่ต้องกังวล ขอให้รักการเรียนรู้ อ่านไปแล้วอย่าเชื่อ 100% จะมี bias ทำให้สติปัญญาไม่แตกฉาน พรแสวงสำคัญกว่าพรสวรรค์
o เรียนเมืองนอกจะถูกสิ่งแวดล้อมกดดันให้ยืนได้ด้วยขาตัวเอง อาจารย์ไม่ค่อยป้อนให้ ต้องยืนด้วยขาตัวเองในการเลี้ยงดูตัวเอง การยับยั้งชั่งใจ อ่านโลกให้ออก สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ แต่โอกาสอาจถูกล้างสมองในด้านตะวันตกนิยม อย่างเช่นทฤษฎีการเงิน
o อาชีพเช่นแม่บ้าน หรือ กิจการแม่บ้าน เป็นสิ่งที่ขาดแคลน ถ้าคุณทำสิ่งนั้นได้ดี คุณก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้ดีเหมือนศัลยแพทย์มือหนึ่ง
o ทำไมคนต้องอยากเป็น fund manager เหมือนๆกัน ต้องเสียสละเวลาของตัวเองมาก เราต้องมองจาก demographic ตลาดไหนใน 5-10 ปีข้างหน้า อะไรจะขาดแคลนในตลาด? ทำไมต้องจบปริญญาตรีกันทั้งหมด เรามองออกไปการเกษตรจะดีขึ้นได้ไหม? พื้นที่ถูกรุกล้ำ หรือ biotech เกี่ยวกับเรื่องยา คนแข่งกันมากขึ้น เครียด อีกอาชีพที่ดีคือ จิตแพทย์ เราไม่จำเป็นต้องไปทางเดียวกันหมด
• ดร.วิพุธ
o ปริญญาเอกเห็นด้วยว่าไม่จำเป็นต้องเรียน การจบ mba สามารถเป็นผู้บริหารได้เลย ไม่จำเป็นต้องต่อปริญญาเอก ข้อดีของ mba คือจบมาก็ทำงานได้หลายๆที่
o เรื่องเรียนในประเทศกับต่างประเทศ ผมคิดว่าไม่ค่อยต่างกัน อยู่ที่คุณภาพของสถาบันการศึกษา ถ้าได้การรับรอง degree ที่จบไปสามารถหางานได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
o ค่าเล่าเรียนนิด้าโดยเฉลี่ยนประมาณ 3 แสนบาทต่อ 2 ปี สำหรับภาคพิเศษ ถ้าหลักสูตรปกติ 4-5 หมื่นบาท ต่อ 2 ปี
o ปัจจุบันคนใส่ใจในเรื่องการหาความรู้ค่อนข้างเยอะ และ MBA เป็นตัวการันตีว่าเรามีความรู้ ปัจจุบันเราสามารถหาความรู้จากช่องทางอื่นได้
o หลักสูตรมีทั้งหมด 8 หลักสูตร ภาพปกติ 4 หลักสูตร ภาษาไทย และภาคภาษาอังกฤษ 4 หลักสูตร
1) ภาคปกติ เรียนตอนกลางวัน ส่วนใหญ่นักศึกษาจบใหม่
2) Young executive mba เรียนตอนเย็น ส่วนใหญ่จะ target ผู้บริหารระดับกลาง 24-35
3) Exective mba เรียนตอนเย็น ประสบการณ์ 10 ปีขึ้นไป
4) Flexible MBA
5) English mba - เหมือน ภาคปกติแต่เป็นภาษาอังกฤษ
6) international mba มีไปดูงานต่างประเทศ เวียดนาม ฟิลิปินส์ ลาว มีต้องทำ paper
7) firm – master of science หลักสูตรที่จะจบไปเป็น fund manager เรามี partner กับ cfa
8) PHD in business administration จบไปส่วนใหญ่ไปเป็นนักจัย อาจารย์ นักวิเคราะห์
o หลักสูตรทั้งหมดได้รับการรับรอง AACSB ทั้งหมด ใช้เวลาทำ 7-8 ปีกว่าจะได้รับ สถาบันที่ได้มีสัดส่วน 5% ของ business school ในโลก
เรียนให้รวยอย่างมีคุณค่า ทำอย่างไรให้มีค่ากับชีวิตกับสังคม?
• คุณวรวุฒิ
o ส่วนใหญ่คนไม่รวยก็จะอยากรวย คนที่รวยแล้วก็จะรู้สึกว่ามันงั้นๆแหละ กินก๋วยเตี๋ยว 40 บาทก็อร่อยเท่าเดิม
o สิ่งที่เราต้องทำคือคืนกลับให้สังคม เราเห็นคนรวยชั่วๆเยอะ คนจนดีๆเยอะ การที่เรามีอะไรมากกว่าคนอื่นแล้วไม่ได้ช่วยคนอื่นเท่าที่ควร นั่นคือใช้ชีวิตแบบไม่มีคุณค่า
o พวกเราต้องมานิยามกันใหม่ และอย่าไปคลั่งไคล้ความรวยมากนัก ซึ่งจะทำให้สังคมมันแย่
• คุณวรวรรณ
o การวยไม่รวยอยู่ที่ว่า อะไรคือรวย แต่ละคนไม่เท่ากัน เรามีวันนี้ 5-10 ล้านเราอาจจะพอใจ คนที่มีเป็นหมื่นล้านไม่พอใจ แบบนั้นคือยาจกในสายตาเรา
o อย่าวัดความรวยด้วยปริมาณ วัดด้วยคุณภาพ เรามีความสุขในสิ่งที่เรามีแล้ว ใช้รถอะไรถึงไฟแดงก็จอดเหมือนกัน
o ในความรวยแล้วเราแบ่งปันคนอื่นด้วยโดยไม่ต้องมีเชือกผูกติด เหมือนเวลาไปทำบุญก็ไปบนบาน นั่นเป็นการติดสินบนกับพระกับเจ้า การสละจะทำให้เรารู้สึกดีเอง มันเป็นเรื่องคุณภาพไม่ใช่แต่ปริมาณ
• ดร.นิเวศน์
o ผมคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก จะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าภาษาอังกฤษดี ปลด lock ได้เยอะแยะ
การรวยจะมีคุณค่ามากขึ้น ถ้ามีทักษะภาษาอังกฤษดี สามารถดูละคร บรอดเวย์ วรรณกรรมดีๆ เติมเต็มได้เยอะ มันเป็นที่มาของคุณค่าอีกมโหฬาร
ต้องศึกษาประวัติศาสตร์ ในโลกมีเยอะมาก เรื่องการลงทุน เรื่องต่างๆ เป็นสิ่งที่สอนได้ดี ไปพูดว่าคนต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ไปจะเห็นเลยว่าสิ่งไหนที่ไม่ควรทำ สิ่งที่ควรจะต้องทำ แต่ประวัติศาสตร์ไทยมันจำกัดมาก ทุกวันนี้ผมอ่านประวัติศาสตร์เยอะสุด แต่ก่อนไม่เคยสนใจ พอเดี๋ยวนี้อ่านแล้วสนุกมาก
• คุณวรวรรณ ผู้ว่าแบงค์ชาติถูกประหารชีวิตคนแรก ปั๊มเงินออกมามากเกินไป เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์คนตะวันตกได้เยอะเพราะคนตะวันตกมีนิสัยจดบันทึก แต่คนไทยไม่ค่อยทำกัน
• ดร.ไพบูลย์ การมีเงินต้องมีคุณค่า ต้องสอนคนที่รับให้รู้ว่าคุณค่าอยู่ที่ไหน คุณค่าที่เห็นชัดสุด คือการแบ่งปัน ส่วนที่เกินที่อยู่กับเราอาจจะมีค่ามากสำหรับคนที่ไม่มี
จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และชีวิต & เรียนให้รวยอย่างมีคุณค่า
ขอบคุณท่านอาจารย์และวิทยากรที่ให้ทั้งความรู้และความบันเทิงครับ
//i-salmon
Money talk ครั้งต่อไป
• Money talk@set วันที่ 10 Aug2013
• เปิดจอง Facebook เสาร์ 3 Aug2013 7.00 น.
• มี 2 หัวข้อ
1) หุ้นเด่นในกระแสหลักโลก : Jubilee, KAMART, TV Direct
2) จากต้นชนปลายเส้นทาง VI: ดร.นิเวศน์, คุณฉัตรชัย วงแก้วเจริญ,
• ผู้ดำเนินรายการ อ.ไพบูลย์,หมอเค
*ชื่อหัวข้ออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
หัวข้อที่ 1 "จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และชีวิต"
คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย
คุณวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ
คุณถาวร โชติชื่น
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดำเนินรายการ
• สมดุล คืออะไร?
• คุณวสันต์
o ความพอดี equilibrium point demand supply ตัดกันพอดี พอดีเป๊ะ
o ทางพุทธศาสนา สมดุลต้องมีสติ เชื่อมั่นตัวเองมากก็ไม่เชื่ออะไร ศรัทธาเยอะก็ขอมาก
o มีเงินแล้วไม่ใช้เงิน ก็ไม่สมดุล ไม่มีเงิน แล้วใช้มาก ก็ไม่สมดุล
• คุณดนัย
o ตามหลักธรรมะคือ มัตตัญญุตา การรู้จักประมาณในการใช้ชีวิต
o ตามหลักพระเจ้าอยู่หัวคือพอเพียง
o อุเบกขาจิต จิตที่ไม่มีก่อนไม่มีหลัง ไม่มีบวกไม่มีมีลบ เป็น จุดที่เฉยๆนิ่งๆ
o สันโดษ ไม่ใช่ไม่ให้คบใคร แต่ให้ “พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้” เป็นการฝึกจิตที่ดี บางคนรวยมาก แต่เสียดาย ซื้อไม่ทันขายไม่ทัน ไปมีความทุกข์กับสิ่งที่ไม่มี
o ถ้าเราทุกคนรู้จักมีความสุขในสิ่งที่มี และหยุดเป็นทุกข์ในสิ่งที่ไม่มี ชีวิตธรรมดาที่พวกเรามีอยู่เป็นชีวิตที่วิเศษที่สุดแล้ว หายใจได้เอง ทานข้าวได้เอง เดินไปมาได้เอง รู้สึกได้กับสัมผัส 6 ประตูที่เรามี เป็นชีวิตที่วิเศษสุดและจะขยายความสุขออกไปได้
• ดร.ไพบูลย์ สมดุลอย่างหนึ่งคือการไม่มีหนี้
o คุณวสันต์ ไม่มีหนี้ประเสริฐที่สุด เตี่ยสอนว่าอย่าไปกู้ แต่พอไปเรียน MBA พบว่ากู้ได้กำไรมากกว่า ก็กู้เยอะเลยได้กำไรเยอะ แต่พอล่มสลายก็เลยพบว่าเตี่ยถูก
o อ.ไพบูลย์ เตี่ยสอนเหมือนกัน ว่าถ้าประหยัดเงินบาทหนึ่ง ดีกว่าหาเงินบาทหนึ่ง ทำง่ายกว่าด้วย
• อ.ไพบูลย์ รายการ Money talk อยู่มาได้มีผู้มีบุญคุณ 2 ท่าน คุณวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ กับ คุณอนันต์ อัศวโภคิน ทำให้เรารอดมาได้ในช่วงวิกฤติ
• คุณดนัย
o เคยทำบริษัทขายสินค้าแบรนด์เนม น้ำหอม นาฬิกา รายได้ 200-300 ล้านต่อครั้ง พอมาทบทวนตัวเองเราอยู่ในกระแส ทุนนิยม บริโภคนิยม ประชา เงินที่มาง่ายๆแบบนี้มันไม่ใช่ เลยหยุดกิจการตรงนั้นหมด
o มาทำบริษัทสำนักพิมพ์ ซึ่งกว่าจะออกหนังสือได้แต่ละเล่มใช้ความแรงกายแรงสมองมาก แต่รู้สึกว่ามันมีความสุข ผมรู้สึกว่าหาจุดสมดุลของชีวิตได้
o ในช่วงเรียนปี 2 ได้มีโอกาสไปพบญาติคนหนึ่ง เป็นมหาเศรษฐี บ้านใหญ่โต มีเงินเป็นพันล้าน แต่เขาเป็นทุกข์กังวลว่าเงินที่ให้คนอื่นยืมไปจะไม่ได้คืน ผมร่วง หน้าตาเศร้าหมอง ซึ่งด้ไปปลอบประโลมเขาขณะที่บ้านตัวเองล้มละลาย วันนั้นมีเงินในกระเป๋าไม่ถึง 20 บาท ทำให้เราค้นพบธรรมะได้ว่า มีหรือไม่มี ไม่ได้กระทบกับความสุขในจิตใจเรา เรามีความสุขแม้เอาทรัพย์สินที่บ้านหม้อ นาฬิกา ปากกา ไปโรงรับจำนำ หลายๆอย่างในชีวิต จะทำให้เราต่อยอดได้ว่า ความสุขของเราไม่ได้พึ่งพิงกับวัตถุภายนอก โจทย์ข้อหนึ่งที่เราต้องคิดกับตัวเองคือ จะบริหารเวลาที่มีอยู่ในชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไร
• อ.ไพบูลย์ เวลาหุ้นตกหนักๆก็จะกระทบกระเทือนจิตใจทุกครั้ง จะใช้วิธีดูว่าเวลามูลค่าหุ้นที่ตกไปมันกระทบชีวิตแค่ไหน แล้วก็มารวมยอดดูว่าถ้าตกไปมากๆแล้วแต่ชีวิตเราก็ยังสามารถอยู่ได้ใช้ไม่หมดก็สบายใจ
• คุณดนัย พระพุทธเจ้าห้ามประกอบอาชีพ 5 ข้อ ห้ามค้ามนุษย์ บริการทางเพศ ห้ามค้าสัตว์มีชีวิต ห้ามค้ายาเสพติต ห้ามค้าอาวุธ ห้ามค้ายาเป็นพิษ บางคนถูกเอาจิตวิญญาณไปอยู่ที่กระดานหุ้น มันจะเขียวจะแดง ต้องมีสติ มีคำที่ครูบาอาจารย์สอน พระพุทธเจ้าตรัส “โลกอยู่ในสิ่งที่มี ธรรมอยู่ในสิ่งที่ไม่มี” กิเลสจะเฟื่องฟูในสิ่งที่มีความฟุ้งเฟ้อ ธรรมะจะเจริญในสิ่งที่มีความขาดแคลน ถ้าเราเสียทองเสียหุ้น แต่จิตใจเราไม่เสียไปด้วย ธรรมะเราก็ไม่เสีย
• อ.ไพบูลย์ ความเสื่อม กับ ความเจริญทางโลกทางธรรมไม่เหมือนกัน ความเสื่อมทางโลก มักจะนำไปสู่ความเจริญทางธรรม จะทำให้เกิดโอกาสให้เรารู้ว่าสิ่งต่างๆมันไม่แน่นอนในชีวิต หุ้นขึ้นเราพอง เต็มไปด้วยกิเลส ที่จริงแล้วเวลาที่หุ้นขึ้นเป็นโอกาสให้เราฝึกคิดได้ว่ามันเป็นความเจริญทางโลกที่ไม่แน่นอน
• คุณดนัย มีเคล็ดลับข้อหนึ่ง อะไรก็ตามที่เราวางใจไว้เป็นกลาง ไม่บวก ไม่ลบ จะมีพลังที่สุด เป็นจุดที่สมดุล สิ่งที่โฟกัสมากๆ จะส่งสัญญาณออกไป เป็นการส่งสัญญาณว่าเราขาดแคลน เราไม่พอ มีคำกล่าว่า ธรรมชาติจัดให้ จักรวาลจัดเรียง สวรรค์จัดหนัก ธรรมะจัดสรร ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดจากจิตของเรา จิตของเราเป็นอย่างไรจะนำให้เกิดสิ่งนั้น จิตของเราที่เป็นกลาง จะดึงสิ่งที่ดีๆเข้ามา อะไรที่เราขาดก็จะไม่พอ พระพุทธเจ้ากล่าวว่า นัตถิ สันติปะรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
• อ.ถาวร บ้านน้ำท่วม เป็นข้อดี มีคนเห็นใจ มีคนช่วยเอาข้าวของเครื่องใช้ให้ ก่อนหน้านั้นเราไม่ได้ปรามาท เราได้เตรียมดีแล้ว แต่เอาไม่ไหว มันเยอะมาก แต่ก็ดีได้เปลี่ยนบรรยากาศ บ้านอยู่มา 20 ปี มีโอกาสได้ renovate
อ.ถาวร บทเรียนบางอย่างต้องเจอด้วยตัวเอง บางอย่างก็เรียนรู้จากคนอื่นได้ สมดุลของชีวิตต้องมีอะไรบ้าง? นอกจากเงินมีเรื่องอะไรที่ไหมที่น่าจะสำคัญ?
• คุณดนัย
o ต้องตอบคำถามตัวเราให้ได้ ว่าเราเกิดมาแล้วคุ้มไหมที่ได้เกิดมาในชาตินี้
o ชีวิตเราไม่ใช่แค่กิน กาม เกียรติ คำถามคือก่อนที่เราจะส่งคืนลมหายใจสุดท้ายให้โลกใบนี้ เราได้ทำหน้าที่เราหรือยัง จะช่วยให้เข้าไปหาจุดสมดุลของเราได้เอง
o คนที่เครียดมาก กังวลมาก สุขภาพไม่ดี มักจะหมกมุ่น โฟกัสเพื่อตัวเอง คนที่ทำเพื่อคนอื่น ชีวิตเขาจะมีความสุขมาก ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศจะไหลมาหาเขาเอง ต้องมาตอบโจทย์ว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร ทุกอย่างที่เรามีสุดท้ายต้องส่งคืนหมด สิ่งที่เหลือคือ จะมีใครบ้างที่มาส่งเราวันสุดท้าย แล้วเขาจะนึกถึงเราอย่างไร คนคนนี้เกิดมาแล้วเป็นคนอย่างไร นั่นคือจุดเริ่มต้นของการหาความสมดุลของชีวิต
• คุณวสันต์
o ในอดีตผมฟุ้งเฟ้อ อยากเป็นนั่นเป็นนี่ไปหมด ถึงวันนี้ถ้าผมนอนหลับ กินได้ ถ่ายออก ผม happy นึกจะทานอาหารตรงไหนคือโต๊ะอาหาร อยากจะนอนตรงไหนแล้วหลับนั่นคือที่นอน รถมี 6 ประตูนั่งตรงไหนถึงจะรู้ว่าเป็นเจ้าของรถ เจ้าของรถนั่งตรงไหนก็คือเจ้าของรถ ทำตัวสบายๆ พรุ่งนี้มันคงดีขึ้น เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่าง บางทีเราไม่ให้เวลา จะเอาเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ก็เป็นทุกข์
o เป็นคนดีไม่ต้อง ดาวน์ดูยังไง? ดูประวัติที่บ้าน ดูทะเบียนบ้าน ภรรยาคนเดิมหรือเปล่า
o วิธีคิดดอกเบี้ยบ้านเราไม่ค่อยเหมาะ รถมอเตอร์ไซค์ดอกเบี้ยแพง รถเบนซ์ดอกเบี้ยถูก ที่จริงดอกเบี้ยมันอยู่ที่คนซื้อ
• อ.ไพบูลย์
o ครั้งหนึ่งผมเคยเกือบตาย ถ้าเรามีโอกาสใกล้ตายจะเห็นอะไรเยอะมาก คืนนี้กลับไปก่อนนอน ลองคิดดูว่าถ้าคืนนี้หลับไปแล้วไม่ตื่น เราลืมทำอะไรบ้าง สิ่งที่ไม่ได้ทำ ที่เราผลัดไว้ แล้วพรุ่งนี้ถ้ามีโอกาสตื่นเข้ามารีบไปทำซะ หรือไม่ก็ลองคิดว่าใน 6 เดือนข้างหน้า ก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่าจะตายเมื่อไร อะไรที่เราจะทำภายใน 6 เดือนนี้ถ้าเราจะตาย สิ่งเหล่านี้มักจะเป็นสิ่งที่ดี และเป็นสิ่งที่สร้างสมดุลให้ชีวิต และเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ควรจะทำ เราจะไม่คิดถึงว่าเราแค้นใครแล้วไปตามด่าคนนั้น
• หัวข้อที่ 2 “เรียนให้รวยอย่างมีคุณค่า”
ดร.วิพุธ อ่องสกุล คณบดี NIDA BUSINEES SCHOOL
คุณวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง
คุณวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ OFFICE MATE
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญหุ้น
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดำเนินรายการ
• เรียนอย่างไรให้รวย?
o คุณวรวุฒิ
เรียนจบมา 18 ปี โชคดีที่เอาวิชาความรู้มาใช้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี การตลาด ที่ ม.เกษตรศาสตร์ ก็ไม่เคยทำงานที่อื่น ช่วยธุรกิจที่บ้าน ค้าส่งเครื่องเขียน ฝันอยากจะมีบริษัทโตๆ แล้วก็รู้สึกว่าความรู้น้อยไป ก็เลยไปสมัคร Y-MBA ที่ นิด้า
รู้สึกได้เปิดโลกทัศน์ มี case study ดีๆ ทำให้เริ่มคิดการณ์ใหญ่ต้องเอาความรู้ที่เรียนมาเอาไปใช้
ทุกครั้งที่เรียนวิชาต่างๆนี้จะคิดว่าวิชาเหล่านี้เอาไปใช้จริงๆได้อย่างไร เช่น quantitative analysis ทุกวันนี้ก็จำไม่ได้แล้ว แต่ทำให้เราวิเคราะห์ทุกอย่างเป็นตัวเลข ได้ concept
เวลาทำงานจริงๆสิ่งที่สำคัญกว่าความรู้ คือ ความคิด ต้องมีความรู้เป็นพื้นฐาน ถ้าไม่มีความรู้ก่อน ความคิดจะฟุ้ง ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
ตอนใกล้จบผมเขียน paper ส่ง ชื่อ project บริษัท officemate พอเรียนจบก็เอาบริษัทมาตั้งจริงๆ ทำจริงๆ เอา feasibility ไปขอกู้ bank ทุกวันนี้ยอดขาย officemate ก็เป็นหมื่นล้าน เรียนแล้วไม่เอาไปทำเสียของ
o คุณวรวรรณ
ตอนเรียนไม่ได้ตั้งเป้าหมาย คุณพ่อเป็นทหาร คุณแม่ทำงานสยามกลการ ครอบครัวรับราชการ ไม่หมอก็ทหาร ตอนเรียนโชคดีหน่อย ในครอบครัวเรียนเก่งกัน
มัธยมเรียนเตรียมอุดม ปริญญาตรีเรียน สถาปัตย์ ศิลปากร แล้วไปเรียนต่อปริญญาโท MBA North Texas State
สมัยก่อนเขาสอนให้เรียนเป็นเจ้าคนนายคน แต่ได้เป็นนายคนไม่ได้รวยกันหมดหรอก มีภาระต้องดูแลคนดูแลงาน ถ้าอยากจะร่ำรวย ตอนเรียนอย่าเรียนอย่างเดียว หัดทำงานระหว่างเรียน
เรียนต่อที่เมืองนอก ไม่จำเป็นทุกคนต้องเรียนต่อ ตอนนั้นก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เคยไปสมัครเป็นภารโรง อยากรู้ว่าเป็นยังไง ล้างส้วมเป็น 100 โถ ได้อะไรจากตรงนั้นเยอะ อย่ารังเกียจวิชาชีพต่างๆ ทำให้เราเข้าใจคนในหลายๆชนชั้น ตอนนั้นได้รางวัลเป็นพนักงานที่ล้างส้วมได้ดีที่สุด
ประสบการณ์ได้สร้างนิสัยมา ทำให้เข้าใจคนได้มาก การติดต่อสื่อสารจะง่ายขึ้น อาจจะไม่ร่ำรวยเงินทองเยอะแยะมาก แต่ก็รวยน้ำใจมีความสุข
o ดร.นิเวศน์
สมัยก่อนตอนเรียนก็เป็นไปตามระบบ ถ้าเรียนเก่งหน่อยก็ไปเข้าวิศวะ เรียบจบ 4 ปี มีงานทำ ตอนเรียนปริญญาโท,เอก คืออยากรู้ว่าสอนอะไรกัน
สิ่งที่เรียนมาทั้งหมดรู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรที่ทำเงิน
ปริญญาตรี โท เอก การเรียนเป็น basic ถ้าไม่ได้เรียนต่อก็จะหยุดตรงนั้น มันแค่เป็นการเจาะลึก
เวลาเรียนในมหาวิทยาลัย ปริญญาเอก 3-4 ปีเอง แต่เวลาไปทำงานอีก 30 ปี บางเรื่องต้องศึกษาต่ออีกเป็น 10 ปี เรียนมหาวิทยาลัยเป็นพื้นฐาน สิ่งสำคัญคือทำให้เราอ่านเป็น อ่านภาษาอังกฤษดีขึ้น มีความรอบรู้มากขึ้นว่าในโลกนี้มีอะไรกัน
• อ.ไพบูลย์
o หลักของการเป็นอาจารย์ที่นิด้า มี 3 หน้าที่ สอนหนังสือ, ทำวิจัย, รับใช้สังคม
o ต้องหาจุดสมดุล 3 อย่างนี้ บางคนถนัดบางอย่างก็อาจกระจายน้ำหนักต่างกันไป
o ผมสอนหนังสือชั่วโมงแรกจริยธรรม ชั่วโมงสุดท้ายจริยธรรม ตรงกลางอ่านเอาเอง
• ดร.วิพุธ
o ตอนมาสอนทีแรก อ.ปรีชา บอกให้เข้านิด้า 20 ชม. คือเวลาครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งหนึ่งไปหาประสบการณ์ข้างนอก จะทำให้อาจารย์มีงาน consult งานวิจัย เป็นจุดเด่นอันหนึ่งที่นิด้า
o การหาความรู้ไม่เฉพาะในห้องเรียน สื่อสมัยใหม่ ทำให้คนเข้าถึงความรู้ได้ง่ายขึ้น เรายังให้จริยธรรมด้วย ให้เป็นคนดีของสังคม อย่างที่อ.ไพบูลย์ทำก็เป็น practice ที่ดี
o มีกิจกรรมให้นักเรียนมีความกลมเกลียว ก็ทำให้มี network ที่สำคัญ
o นอกจากอาจารย์แล้วก็มีศิษย์เก่าที่เข้ามาช่วย inspire น้องๆ
o อ.นิเวศน์ก็มาสอนที่นิด้า สอนจากประสบการณ์ และไม่ได้สอนแค่ความรู้อย่างเดียว มีเรื่องคุณธรรม และให้สติ
o นิด้ามีระบบประกันคุณภาพ ได้รับการรับรอง AACSB (The Association to Advance Collegiate Schools of Business ) จากสมาคมที่คณะบริหารธุรกิจชั้นนำ ในประเทศไทย MBA มีศศินทร์ กับ นิด้า ที่ได้รับการรับรอง ต่อไปจะเกิดความชัดเจนว่าการเรียน MBA ที่ได้การรับรอง กับไม่รับรองต่างกันในการสมัครงาน
o อาจารย์สอนต้องมี paper ได้รับการตีพิมพ์ต่างประเทศ หรืออาจารย์อย่างดร.นิเวศน์ เป็น professionally qualified มีการพิจารณาที่สามารถแสดงได้ว่าผู้สอนมีคุณภาพ หลักสูตรก็ต้องมี mission statement learning objective อยากให้ผู้เรียนเป็นอะไร
• คุณวรวรรณ
o ถ้าเรียนออกมาแล้วไม่เป็นเจ้าของกิจการเองรวยยาก นอกจากให้เงินทำงานด้วย ต้องรู้จักการลงทุน เราก็ได้เป็นเจ้าของกิจการกับเขาด้วย
o ส่วนตัวเองซื้อกองทุนบัวหลวงเป็นหลักมีกองทุนที่อื่นบ้าง
o สำหรับ VI ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นแบบดร.นิเวศน์ได้ในเร็ววัน ไม่ควรจะลาออกจากงานมาเป็น vi อย่างเดียวแต่แรก ให้เรารู้เท่าทันตลาด รู้เท่าทันตัวเอง มีความพร้อม ประสบการณ์จะเป็นตัวที่ทำให้เรามีฐานะมั่งคั่งขึ้น
• ดร.นิเวศน์
o ในยุคนี้คนที่อยากรวยแบบ vi ก็เรียนจบมาทำงานก็เริ่มได้เลย วิธีง่ายที่สุด เราทำงานบริษัทไหน จะรู้ในอุตสาหกรรมนี้ดี เราก็นำเงินจากบริษัทที่ทำอยู่ไปลงทุนในบริษัทดีๆกว่า
o คนที่จะรวยคือ เจ้าของธุรกิจ คือ ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารสูงของบริษัทดีๆ เราจะรวยต่อเมื่อบริษัทรวย เป็นลูกจ้างบริษัทรวย เราไม่รวย แต่ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทดีๆ เราก็รวย เราก็เกาะมันโตไปเรื่อยๆ ถึงวันหนึ่งหุ้นของเราจะจ่ายปันผลมากกว่าเงินเดือน พอมันจ่ายปันผลเยอะกว่าเงินเดือนเราก็ออกได้ ถ้าทำแบบที่ว่าเราก็จะไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากเวลาที่ทำงานอยู่
o เป็นนักลงทุนต้องเลือกเป็น เราไม่ต้องเก่งมาก สมัยก่อนคนเก่งๆไม่ค่อยรวย เป็นที่ปรึกษา เป็นอาจารย์ ต้องทำงานเก่ง EQ ดีๆ สามารถเข้ากับคนได้ดี จับเส้นจับสายได้ดี ไม่ค่อยมีคนนั่งคิดแล้วรวย สมัยนี้ทำได้ โลกเจริญแล้ว เปิดโอกาสให้คุณใช้ศักยภาพที่มี ถ้าคุณเก่งจริงก็รวยได้
• คุณวรวุฒิ
o ผมพบว่าคนที่อยากรวยไม่ค่อยรวย คนที่รวยไม่ได้คิดเรื่อรงรวย ทำให้ดีที่สุด ทำให้ถูกต้อง
ดร.นิเวศน์เสริมว่าเห็นด้วย ตอนเริ่มลงทุนเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้คิดจะรวย ทำเพื่ออยู่รอด แต่เด็กสมัยนี้คิดจะรวยก่อนเลย
o ผมจำวันที่เรียนนิด้าวันแรก อ.ปรีชา เข้ามาสอนชั่วโมงแรก คุณรู้ไหม เรียน mba ผู้บริหารทำหน้าที่อะไร? คือ Do the right thing ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แค่ประโยคนี้ก็คุ้มกับที่เราไปเรียนแล้ว แต่ก่อนที่จะ do the right thing ยาก เราจะรู้ได้อย่างไร
o ผมเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง ปริญญาตรี 140 หน่วย ผมเรียนไปเกือบ 180 หน่วย แต่ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือทุกชนิดยกเว้นหนังสือเรียน เราชอบรู้เยอะๆ อ่านเยอะๆ
o ผมสังเกต คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่มีคำว่าเรียนจบ เวลาผมไปพูดที่นิด้า บอกว่าคุณห้ามคิดว่าจบการศึกษา การศึกษาไม่มีวันจบ ความรู้ที่เรามีอยู่ไม่มีวันพอ สิ่งที่เราเรียนรู้คือสิ่งที่เกิดในอดีต ซึ่งอนาคตจะเป็นจริงหรือเปล่าไม่มีใครู้ สิ่งที่เราเรียน เหมือน อาจารย์ให้ลายแทงขุมทรัพย์ แต่การเดินทไปหาขุมทรัพย์เราต้องทำเอง บอกต้องเลี้ยวซ้าย 3 ที ขวา 3 ที แต่เลี้ยวซ้ายครั้งแรกเจอภูเขา ต้องอ้อม เราต้องพลิกแพลงประยุกต์เป็น ต้องรู้ว่าวิชานี้หมายถึงอะไร มีแนวคิดอะไร ต้องเรียนแล้วมาลองถูกลองผิด เรียนแล้วต้องมารู้ว่าต้องเรียนรู้อะไรอีก
o ถ้าเราไม่ได้เรียนในกรอบที่มหาวิทยาลัยให้มา เราจะหลงทิศได้ง่าย ผมเรียนมาคือได้รับ direction ว่าผมต้องพัฒนาตัวเองอย่างไรต่อ แล้วไปทางไหน เวลาเจอปัญหาเราจะมีหลักยึด
o คนเราทำธุรกิจ ไม่มีใครราบรื่น ไม่มีใครได้ตามแผนทุกครั้ง ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีผู้บริหาร ผู้บริหารคือคุมแผน ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
o การลองถูกลองผิด ต้องใช้ประสบการณ์ ไม่มีในตำรา ในโลกการทำงานทุกวิชาเกิดขึ้นพร้อมกัน เราจะเอาวิชาไหนมาใช้ตอนไหน แผนการตลาดดี ใช้คนผิดคน, แผนการตลาดดี ลืมคำนวณการเงิน ขาด cash flow ก็ล้มเหลวได้ ถ้าหลักของแต่ละวิชาไม่แน่น เราจะเจอปัญหามาก
o ที่นิด้าผมเจอเพื่อนเก่งๆเยอะ ครึ่งหนึ่งของหลักสูตรเลยที่ใช้เวลากับเพื่อน ได้เรียนรู้จากเพื่อนๆ มีจับกลุ่มไปติวกันนอกห้องเรียน ผมเป็นคนเดียวที่ทำธุรกิจครอบครัว ไม่เคยไปข้างนอก ขณะที่เพื่อนเริ่มเป็นผู้บริหารระดับกลาง ทำให้ได้รับ sharing ประสบการณ์จากเพื่อนๆตรงนั้นเยอะ
o สิ่งที่ได้จากเรียนจบมาต้องมาทดลองใช้ ถ้าเรียนรู้ประยุกต์ไม่เป็นจบแล้ว ตำราไม่ใช่ของเป็น - เป็นของตาย - ในการทำงานจริง บางครั้งต้องเขียนตำราด้วยตัวคุณเอง โลกทุกวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก ชีวิตมนุษย์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงวันหนึ่งคนเราใช้เวลาใน facebook หลายชั่วโมง ถ้าโลกเปลี่ยนเร็ว แล้วเราไม่เปลี่ยนตามไม่ได้
o เรียนแล้วทำอย่างไรให้รวย คุณต้องเอามาทดลองทำ ศึกษาจากสิ่งที่มีในโลก โลกมันเชื่อมกัน เราไม่ใช่คนหมู่บ้านเดียวในโลก จีน ฟิลิปินส์ อินโดนีเซีย เขาก็ทำเหมือนเรา พร้อมจะมาแข่งขันกับเราเมื่อไรก็ได้ สถาบันต้องสร้างคนที่คิดเป็นขึ้นมาแล้วทดลองใช้ได้
o ผมได้รับการสอนฝังหัวมาตลอดคำว่า good governace มาตลอด ซึ่งผมคิดว่าที่ตั้งธุรกิจมาจนจดทะเบียนได้ทุกวันนี้ แล้วเรายึดมั่นใน CG บริษัทผมโตขึ้น 60-70 เท่า แต่คู่แข่งโตขึ้น 3-4 เท่า ทำให้เราไปได้ไกลกว่าและยั่งยืนกว่า
เรียนหนังสือให้รวยต้องเรียนเมืองนอกไหม เรียนอย่างไร?
• คุณวรวรรณ
o นับจากปัจจุบันไป การเรียนไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในห้องเรียน ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน ขอให้ต่อ internet ได้ อยากจะอ่าน article ดีๆของ Harvard ก็เข้าไปอ่านได้ สำหรับคนที่ไม่มีโอกาสไปเรียนต่อเมืองนอก ไม่ต้องกังวล ขอให้รักการเรียนรู้ อ่านไปแล้วอย่าเชื่อ 100% จะมี bias ทำให้สติปัญญาไม่แตกฉาน พรแสวงสำคัญกว่าพรสวรรค์
o เรียนเมืองนอกจะถูกสิ่งแวดล้อมกดดันให้ยืนได้ด้วยขาตัวเอง อาจารย์ไม่ค่อยป้อนให้ ต้องยืนด้วยขาตัวเองในการเลี้ยงดูตัวเอง การยับยั้งชั่งใจ อ่านโลกให้ออก สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ แต่โอกาสอาจถูกล้างสมองในด้านตะวันตกนิยม อย่างเช่นทฤษฎีการเงิน
o อาชีพเช่นแม่บ้าน หรือ กิจการแม่บ้าน เป็นสิ่งที่ขาดแคลน ถ้าคุณทำสิ่งนั้นได้ดี คุณก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้ดีเหมือนศัลยแพทย์มือหนึ่ง
o ทำไมคนต้องอยากเป็น fund manager เหมือนๆกัน ต้องเสียสละเวลาของตัวเองมาก เราต้องมองจาก demographic ตลาดไหนใน 5-10 ปีข้างหน้า อะไรจะขาดแคลนในตลาด? ทำไมต้องจบปริญญาตรีกันทั้งหมด เรามองออกไปการเกษตรจะดีขึ้นได้ไหม? พื้นที่ถูกรุกล้ำ หรือ biotech เกี่ยวกับเรื่องยา คนแข่งกันมากขึ้น เครียด อีกอาชีพที่ดีคือ จิตแพทย์ เราไม่จำเป็นต้องไปทางเดียวกันหมด
• ดร.วิพุธ
o ปริญญาเอกเห็นด้วยว่าไม่จำเป็นต้องเรียน การจบ mba สามารถเป็นผู้บริหารได้เลย ไม่จำเป็นต้องต่อปริญญาเอก ข้อดีของ mba คือจบมาก็ทำงานได้หลายๆที่
o เรื่องเรียนในประเทศกับต่างประเทศ ผมคิดว่าไม่ค่อยต่างกัน อยู่ที่คุณภาพของสถาบันการศึกษา ถ้าได้การรับรอง degree ที่จบไปสามารถหางานได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
o ค่าเล่าเรียนนิด้าโดยเฉลี่ยนประมาณ 3 แสนบาทต่อ 2 ปี สำหรับภาคพิเศษ ถ้าหลักสูตรปกติ 4-5 หมื่นบาท ต่อ 2 ปี
o ปัจจุบันคนใส่ใจในเรื่องการหาความรู้ค่อนข้างเยอะ และ MBA เป็นตัวการันตีว่าเรามีความรู้ ปัจจุบันเราสามารถหาความรู้จากช่องทางอื่นได้
o หลักสูตรมีทั้งหมด 8 หลักสูตร ภาพปกติ 4 หลักสูตร ภาษาไทย และภาคภาษาอังกฤษ 4 หลักสูตร
1) ภาคปกติ เรียนตอนกลางวัน ส่วนใหญ่นักศึกษาจบใหม่
2) Young executive mba เรียนตอนเย็น ส่วนใหญ่จะ target ผู้บริหารระดับกลาง 24-35
3) Exective mba เรียนตอนเย็น ประสบการณ์ 10 ปีขึ้นไป
4) Flexible MBA
5) English mba - เหมือน ภาคปกติแต่เป็นภาษาอังกฤษ
6) international mba มีไปดูงานต่างประเทศ เวียดนาม ฟิลิปินส์ ลาว มีต้องทำ paper
7) firm – master of science หลักสูตรที่จะจบไปเป็น fund manager เรามี partner กับ cfa
8) PHD in business administration จบไปส่วนใหญ่ไปเป็นนักจัย อาจารย์ นักวิเคราะห์
o หลักสูตรทั้งหมดได้รับการรับรอง AACSB ทั้งหมด ใช้เวลาทำ 7-8 ปีกว่าจะได้รับ สถาบันที่ได้มีสัดส่วน 5% ของ business school ในโลก
เรียนให้รวยอย่างมีคุณค่า ทำอย่างไรให้มีค่ากับชีวิตกับสังคม?
• คุณวรวุฒิ
o ส่วนใหญ่คนไม่รวยก็จะอยากรวย คนที่รวยแล้วก็จะรู้สึกว่ามันงั้นๆแหละ กินก๋วยเตี๋ยว 40 บาทก็อร่อยเท่าเดิม
o สิ่งที่เราต้องทำคือคืนกลับให้สังคม เราเห็นคนรวยชั่วๆเยอะ คนจนดีๆเยอะ การที่เรามีอะไรมากกว่าคนอื่นแล้วไม่ได้ช่วยคนอื่นเท่าที่ควร นั่นคือใช้ชีวิตแบบไม่มีคุณค่า
o พวกเราต้องมานิยามกันใหม่ และอย่าไปคลั่งไคล้ความรวยมากนัก ซึ่งจะทำให้สังคมมันแย่
• คุณวรวรรณ
o การวยไม่รวยอยู่ที่ว่า อะไรคือรวย แต่ละคนไม่เท่ากัน เรามีวันนี้ 5-10 ล้านเราอาจจะพอใจ คนที่มีเป็นหมื่นล้านไม่พอใจ แบบนั้นคือยาจกในสายตาเรา
o อย่าวัดความรวยด้วยปริมาณ วัดด้วยคุณภาพ เรามีความสุขในสิ่งที่เรามีแล้ว ใช้รถอะไรถึงไฟแดงก็จอดเหมือนกัน
o ในความรวยแล้วเราแบ่งปันคนอื่นด้วยโดยไม่ต้องมีเชือกผูกติด เหมือนเวลาไปทำบุญก็ไปบนบาน นั่นเป็นการติดสินบนกับพระกับเจ้า การสละจะทำให้เรารู้สึกดีเอง มันเป็นเรื่องคุณภาพไม่ใช่แต่ปริมาณ
• ดร.นิเวศน์
o ผมคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก จะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าภาษาอังกฤษดี ปลด lock ได้เยอะแยะ
การรวยจะมีคุณค่ามากขึ้น ถ้ามีทักษะภาษาอังกฤษดี สามารถดูละคร บรอดเวย์ วรรณกรรมดีๆ เติมเต็มได้เยอะ มันเป็นที่มาของคุณค่าอีกมโหฬาร
ต้องศึกษาประวัติศาสตร์ ในโลกมีเยอะมาก เรื่องการลงทุน เรื่องต่างๆ เป็นสิ่งที่สอนได้ดี ไปพูดว่าคนต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ไปจะเห็นเลยว่าสิ่งไหนที่ไม่ควรทำ สิ่งที่ควรจะต้องทำ แต่ประวัติศาสตร์ไทยมันจำกัดมาก ทุกวันนี้ผมอ่านประวัติศาสตร์เยอะสุด แต่ก่อนไม่เคยสนใจ พอเดี๋ยวนี้อ่านแล้วสนุกมาก
• คุณวรวรรณ ผู้ว่าแบงค์ชาติถูกประหารชีวิตคนแรก ปั๊มเงินออกมามากเกินไป เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์คนตะวันตกได้เยอะเพราะคนตะวันตกมีนิสัยจดบันทึก แต่คนไทยไม่ค่อยทำกัน
• ดร.ไพบูลย์ การมีเงินต้องมีคุณค่า ต้องสอนคนที่รับให้รู้ว่าคุณค่าอยู่ที่ไหน คุณค่าที่เห็นชัดสุด คือการแบ่งปัน ส่วนที่เกินที่อยู่กับเราอาจจะมีค่ามากสำหรับคนที่ไม่มี
Go against and stay alive.
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money talk@SET21Jul13 จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และ
โพสต์ที่ 3
Lecture ได้สุดยอดเลยครับ ขอบคุณมากๆครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET21Jul13 จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และ
โพสต์ที่ 4
ชอบตรง ความรวยอยู่ที่ความพึงพอใจ ถ้าไม่พอก็ยังไม่รวย
อีกอย่าง การศึกษาตลอดชีวิต การอ่านหนังสือหรือบทความเพื่อพัฒนาตัวเรา และภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ
เห็นด้วยอย่างแรงครับ
อีกอย่าง การศึกษาตลอดชีวิต การอ่านหนังสือหรือบทความเพื่อพัฒนาตัวเรา และภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ
เห็นด้วยอย่างแรงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET21Jul13 จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และ
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณมากค่ะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET21Jul13 จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และ
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆมาเผยแพร่ครับ
ผมว่ารายการมันนี่ทอร์คจัดหัวข้อแต่ละครั้งได้ครบเครื่องทั้งเรื่องการลงทุนและการใช้ชีวิตเลยทีเดียว
ชอบมากและจะติดตามตลอดไปครับ
ผมว่ารายการมันนี่ทอร์คจัดหัวข้อแต่ละครั้งได้ครบเครื่องทั้งเรื่องการลงทุนและการใช้ชีวิตเลยทีเดียว
ชอบมากและจะติดตามตลอดไปครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 10
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET21Jul13 จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และ
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณมากครับ
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2494
- ผู้ติดตาม: 2
Re: Money talk@SET21Jul13 จุดสมดุลของหุ้น เงินทอง ธุรกิจ และ
โพสต์ที่ 20
คลิปย้อนหลังครับ
[youtube]iDlXmWYBupc[/youtube]
[youtube]iDlXmWYBupc[/youtube]
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น