ภาพรวมกำไรไตรมาส 2 ปี 2556 ของตลาดหลักทรัพย์
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
ภาพรวมกำไรไตรมาส 2 ปี 2556 ของตลาดหลักทรัพย์
โพสต์ที่ 1
ภาพรวมกำไรสุทธิยังโตเมื่อเทียบ q to q แต่ยอดขายชะลอตัวลง ขอบันทึกไว้ครับ
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
วันที่/เวลา 19 ส.ค. 2556 17:13:00
หัวข้อข่าว SET News : ครึ่งแรกปี 56 บจ. กำไรรวม 4.1 แสนล้านบาท โต 17.74%
หลักทรัพย์ SET
แหล่งข่าว SET
ฉบับที่ 96/2556
19 สิงหาคม 2556
ครึ่งแรกปี 56 บจ. กำไรรวม 4.1 แสนล้านบาท โต 17.74%
ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2556 ของบริษัทจดทะเบียนใน SET โตต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิรวม 409,713
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 17.74%
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) จำนวน 460 บริษัท หรือ 92.92% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 495
บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG) นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 แล้ว
โดยมี บจ. ที่มีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานจำนวน 368 บริษัท คิดเป็น 80%
ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยยอดขายรวมไตรมาส 2 ปีนี้ อยู่ที่ 2,602,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
1.14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 165,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.86% สำหรับงวด 6 เดือน
ยอดขายรวมอยู่ที่ 5,266,613 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.06% กำไรสุทธิ 409,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.74%
ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 18.28% จาก 16.86% ในปีที่แล้ว ส่วนอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 7.78% จาก
6.81% ด้านอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.27 เท่า
"แม้ว่ายอดขายไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกปีนี้จะเติบโตไม่มากจากปีก่อน
แต่ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นต่อเนื่อง
ตั้งแต่การทำกำไรขั้นต้นจนถึงกำไรสุทธิ ทำให้กำไรโดยรวมเติบโตสูง
โดยเฉพาะการทำกำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ของ บจ. ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงาน เหมืองแร่
ปิโตรเคมีและเหล็กมีผลขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือให้เป็นไปตามราคาตลาดและผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันลดล
งมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกันการมีรายได้ที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงาน เช่น
กำไรจากการขายสินทรัพย์และจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ เงินชดเชยค่าสินไหมน้ำท่วม
ยังช่วยลดผลกระทบการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นสูงและทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
" นายชนิตรกล่าว
บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. ปตท.
สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ.
ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกจาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุด ได้แก่ ธุรกิจการเงิน ทรัพยากร
และอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
สำหรับหมวดธุรกิจที่มีกำไรสูงสุด 3 อันดับแรก จาก 27 หมวดธุรกิจ ได้แก่ ธนาคาร พลังงานและสาธารณูปโภค
และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยทั้ง 3 หมวดมีกำไรสุทธิรวม 236,884 ล้านบาท คิดเป็น 57.82%
ของกำไรสุทธิรวมทั้งหมด และยอดขายรวมของทั้ง 3 หมวดคิดเป็น 54.84% ของยอดขายรวมทั้งหมด
กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ"
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. SET Call Center 0 2229 2222 สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร
กนกวรรณ เข็มมาลัย 0 2229 2048/ อารดา กุลตวนิช 0 2229 2796 / จันทรา กีรติวศิน 0 2229 2795
______________________________________________________________________
สงวนลิขสิทธิ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ข้อตกลงในการใช้เว็บไซด์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ S-E-T Call Center โทร. 0-2229-2222 อีเมล์ :
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
วันที่/เวลา 19 ส.ค. 2556 17:13:00
หัวข้อข่าว SET News : ครึ่งแรกปี 56 บจ. กำไรรวม 4.1 แสนล้านบาท โต 17.74%
หลักทรัพย์ SET
แหล่งข่าว SET
ฉบับที่ 96/2556
19 สิงหาคม 2556
ครึ่งแรกปี 56 บจ. กำไรรวม 4.1 แสนล้านบาท โต 17.74%
ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2556 ของบริษัทจดทะเบียนใน SET โตต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิรวม 409,713
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 17.74%
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) จำนวน 460 บริษัท หรือ 92.92% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 495
บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG) นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 แล้ว
โดยมี บจ. ที่มีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานจำนวน 368 บริษัท คิดเป็น 80%
ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยยอดขายรวมไตรมาส 2 ปีนี้ อยู่ที่ 2,602,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
1.14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 165,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.86% สำหรับงวด 6 เดือน
ยอดขายรวมอยู่ที่ 5,266,613 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.06% กำไรสุทธิ 409,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.74%
ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 18.28% จาก 16.86% ในปีที่แล้ว ส่วนอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 7.78% จาก
6.81% ด้านอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.27 เท่า
"แม้ว่ายอดขายไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกปีนี้จะเติบโตไม่มากจากปีก่อน
แต่ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นต่อเนื่อง
ตั้งแต่การทำกำไรขั้นต้นจนถึงกำไรสุทธิ ทำให้กำไรโดยรวมเติบโตสูง
โดยเฉพาะการทำกำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ของ บจ. ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงาน เหมืองแร่
ปิโตรเคมีและเหล็กมีผลขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือให้เป็นไปตามราคาตลาดและผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันลดล
งมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกันการมีรายได้ที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงาน เช่น
กำไรจากการขายสินทรัพย์และจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ เงินชดเชยค่าสินไหมน้ำท่วม
ยังช่วยลดผลกระทบการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นสูงและทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
" นายชนิตรกล่าว
บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. ปตท.
สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ.
ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกจาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุด ได้แก่ ธุรกิจการเงิน ทรัพยากร
และอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
สำหรับหมวดธุรกิจที่มีกำไรสูงสุด 3 อันดับแรก จาก 27 หมวดธุรกิจ ได้แก่ ธนาคาร พลังงานและสาธารณูปโภค
และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยทั้ง 3 หมวดมีกำไรสุทธิรวม 236,884 ล้านบาท คิดเป็น 57.82%
ของกำไรสุทธิรวมทั้งหมด และยอดขายรวมของทั้ง 3 หมวดคิดเป็น 54.84% ของยอดขายรวมทั้งหมด
กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ"
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. SET Call Center 0 2229 2222 สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร
กนกวรรณ เข็มมาลัย 0 2229 2048/ อารดา กุลตวนิช 0 2229 2796 / จันทรา กีรติวศิน 0 2229 2795
______________________________________________________________________
สงวนลิขสิทธิ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ข้อตกลงในการใช้เว็บไซด์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ S-E-T Call Center โทร. 0-2229-2222 อีเมล์ :
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 4
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ภาพรวมกำไรไตรมาส 2 ปี 2556 ของตลาดหลักทรัพย์
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ
ทุกปัญหามีทางออก...ถ้าไม่มีทางออกก็ให้ออกทางเข้า...!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ภาพรวมกำไรไตรมาส 2 ปี 2556 ของตลาดหลักทรัพย์
โพสต์ที่ 5
หากดูในภาพรวมกำไรของ set และ mai
ซึ่งคุณสุมาอี้ได้ประมวลไว้ ขอให้เครดิตด้วยครับ
กำไรสุทธิรวม (SET+MAI) ใน ไตรมาส 2/2556 ยังเพิ่มขึ้น 25.6% yoy
ที่มา
http://www.dekisugi.net/archives/29706
ซึ่งคุณสุมาอี้ได้ประมวลไว้ ขอให้เครดิตด้วยครับ
กำไรสุทธิรวม (SET+MAI) ใน ไตรมาส 2/2556 ยังเพิ่มขึ้น 25.6% yoy
ที่มา
http://www.dekisugi.net/archives/29706
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ภาพรวมกำไรไตรมาส 2 ปี 2556 ของตลาดหลักทรัพย์
โพสต์ที่ 6
หากดูในภาพรวมกำไรของ set และ mai
ซึ่งคุณสุมาอี้ได้ประมวลไว้ ขอให้เครดิตด้วยครับ
กำไรสุทธิรวม (SET+MAI) ใน ไตรมาส 2/2556 ยังเพิ่มขึ้น 25.6% yoy
ที่มา
http://www.dekisugi.net/archives/29706
ซึ่งคุณสุมาอี้ได้ประมวลไว้ ขอให้เครดิตด้วยครับ
กำไรสุทธิรวม (SET+MAI) ใน ไตรมาส 2/2556 ยังเพิ่มขึ้น 25.6% yoy
ที่มา
http://www.dekisugi.net/archives/29706
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ภาพรวมกำไรไตรมาส 2 ปี 2556 ของตลาดหลักทรัพย์
โพสต์ที่ 7
https://www.facebook.com/set.or.th/post ... 9809994975
ที่ index ครึ่งปี โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 SET Index ปิดที่ 1,451.90 จุด peอนาคต forward P/E ratioสิ้นปี 2556 อยู่ที่ 13.41 เท่า
Index เมื่อวาน 3 กันยายน 2556 เท่ากับ 1315.41 จึงเท่ากับ forward pe ประมาณ 12.15 เท่่าครับ
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2556 สำเร็จเกินคาด พร้อมปรับเป้าหมายใหม่
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2556 ตามกลยุทธ์ที่มุ่งสานโอกาสการลงทุนของธุรกิจและผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง บรรลุผลสำเร็จทุกด้านที่สำคัญ และเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวัน และปริมาณซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สูงกว่าตลาดหุ้นชั้นนำอื่นในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ทะลุเป้า อยู่ที่ 1.49 แสนล้านบาท และจำนวนผู้ลงทุนใหม่ในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 70,000 ราย สร้างความน่าสนใจให้ตลาดหุ้นไทยโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 55 แม้ภาวะการลงทุนในตลาดโลกจะผันผวน ขณะที่ล่าสุดคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติอนุมัติปรับเป้าหมายการดำเนินงานใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบัน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 ผลดำเนินงานโดยรวมประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายด้านที่สำคัญ ถึงแม้ว่าสภาวะการลงทุนจะมีความผันผวนจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนและสภาพคล่องของตลาดทุนโลกก็ตาม ซึ่งนับเป็นความสำเร็จต่อเนื่องจากปี 2555 ที่ได้สร้างสถิติสำคัญให้กับตลาดหุ้นไทยมาแล้วทั้งการปรับเพิ่มของดัชนีราคาหุ้น และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ปรับเพิ่มขึ้นแซงหน้าตลาดหุ้นชั้นนำในภูมิภาคเป็นครั้งแรก และนับตั้งแต่ต้นปี 56 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นจากสิ้นปี 2555 ถึง 90% อยู่ที่ 61,487 ล้านบาท
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจากหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนใหม่ถึง 1.49 แสนล้านบาท จากเป้าหมาย 1.2 แสนล้านบาท โดยมีหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่จำนวน 16 หลักทรัพย์ในครึ่งแรกปีนี้ และผลักดันบริษัทจดทะเบียนเดิมให้ระดมทุนเพิ่มเท่ากับ 104,778 ล้านบาท จาก 173 บริษัท ประกอบด้วยเงินสดที่ได้จากการระดมทุน 86,994 ล้านบาท การแลกหุ้น (share swap) รวม 10,387 ล้านบาทและ การออกหุ้นปันผลรวม 7,396 ล้านบาท
ด้านการขยายฐานผู้ลงทุนบุคคลสามารถเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนซื้อขายหุ้นได้ถึง 69,479 ราย ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีนี้ 70,000 ราย ขณะที่การลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ มีการทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีบัญชีอินเทอร์เน็ตใหม่อีกกว่า 9 หมี่นบัญชี จากเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มบัญชีใหม่ 1.2 แสนบัญชี ภายในปี 2556 นี้
ในขณะเดียวกัน ปริมาณซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวัน ณ สิ้นมิ.ย. อยู่ที่ 78,656 สัญญา เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับเฉลี่ยในปี 2555 ที่สำคัญมาจากการปรับปรุงหุ้นอ้างอิงของ Single Stock Futures ด้วยการขยายไปสู่หลักทรัพย์ในกลุ่ม SET 100 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 30 หุ้น รวมเป็นทั้งหมด 60 หุ้น (ข้อมูล ณ 15 ก.ค. 56)
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 แม้ว่ามีความผันผวนของสภาพคล่องทางการเงินในตลาดทุนโลก และส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับลดลงในช่วงไตรมาส 2/2556 แต่เป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค โดยยังคงมีสภาพคล่องการซื้อขายหลักทรัพย์ในระดับสูง ขณะที่ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการซื้อขาย Single Stock Futures และได้มีการเพิ่มหลักทรัพย์อ้างอิงของ Single Stock Futures อีก 20 ตัว
โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 SET Index ปิดที่ 1,451.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.31% จากสิ้นปี 2555 ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ของทั้ง 2 ตลาด ปรับสูงขึ้น โดย SET อยู่ที่ 12.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.89% และ mai อยู่ที่ 174,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.91% จากสิ้นปี 2555 ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยของ SET อยู่ที่ 2.96% อัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (forward P/E ratio) ของไทย ปรับเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย SET ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 อยู่ที่ระดับ 13.41 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 12.22 และ mai อยู่ที่ 17.28 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 11.75 เท่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิอยู่ที่ 76,446 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าซื้อขายที่ 24.62%
นายจรัมพร กล่าวว่า จากผลสำเร็จด้านต่างๆ และการทำงานที่มุ่งมั่นเพื่อผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดหุ้นชั้นนำของภูมิภาค รวมถึงภาวะการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้มีมติให้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานใน 3 ด้านเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ของตลาดในปัจจุบัน ได้แก่ 1) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันปี 2556 โดยปรับเพิ่มเป็น 49,500 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 32,000 ล้านบาทต่อวัน และปรับเพิ่มปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็น 66,000 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 50,000 สัญญาต่อวัน 2) ด้านผู้ลงทุนในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ครึ่งปีแรก 56 เติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าครึ่งหลังปีนี้ จะมีจำนวนบัญชีของผู้ลงทุนเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 30% รวมเป็นจำนวนบัญชีใหม่ทั้งปีนี้ที่ 14,000 บัญชี (เป้าหมายเดิม 22,000 บัญชี) เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นขาขึ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนสนใจเปิดบัญชีซื้อขายในตลาดหุ้นมากกว่า ประกอบกับการซื้อขายในตลาดทองคำซึ่งซบเซาลง 3) ด้านบริษัทจดทะเบียน ปรับเพิ่มเป้าหมายมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทและหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่ เป็น 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท
สำหรับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วงครึ่งแรกปี 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานของ Data Center ในระบบงานที่เป็นบริการธุรกิจหลัก ให้ได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสากล โดยได้ผ่านการประเมินและรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001: 2005 นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เดินหน้าโครงการ Securities Operation Re-engineering พัฒนาระบบงานหลังการซื้อขายและงานปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ให้เป็นระบบกลางและมีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งจะช่วยทั้งการลดภาระปริมาณงาน และต้นทุนค่าใช้จ่ายของ บล.ที่เป็นสมาชิกเป็นการวางรากฐานระบบปฏิบัติการหลังการซื้อขายให้ทันสมัย
ด้านการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจัดทำ CG Principle & best practice เพื่อเป็นแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้บริษัทจดทะเบียนนำไปปฎิบัติ เป็นการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกได้ประกาศผลการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้าน CG (CG-ROSC) ให้ตลาดทุนไทยได้รับคะแนน 82.83 จาก 100 คะแนนเต็ม สูงสุดกับเมื่อเทียบกับตลาดทุนอื่นในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ผลของการจัดคะแนน ASEAN CG Scorecard ซึ่งเป็นการวัดระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียน พบว่าไทยได้ 67.66 คะแนน สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคนี้ ด้าน CSR ได้มุ่งผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการคำนวณในกลุ่มดัชนี Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) โดยปีนี้ มี 35 บริษัทไทยได้รับเชิญเข้าร่วมการประเมินผลความยั่งยืนในดัชนี DJSI Emerging Markets และในจำนวนดังกล่าวมี 15 บริษัทไทยได้รับเชิญเข้าร่วมประเมินเข้าสู่ดัชนี DJSI World
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งส่งเสริมศักยภาพของผู้ลงทุนและผู้ประกอบวิชาชีพ ช่วงครึ่งปีแรกมีผู้ลงทุนและผู้สนใจลงทุนเรียนรู้ผ่านกิจกรรมอบรมสัมมนา และโครงการ “ออมไว้ในหุ้น by TSI” ที่จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แล้วกว่า 12,000 คน และเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 3.7 ล้าน page views พร้อมเดินสายให้ความรู้วางแผนเกษียณและ Employee’s Choice แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปแล้วกว่า 30,000 คน รวมทั้งได้จัดตั้ง “ศูนย์เรียนรู้การลงทุน (SET Investment Center : SET IC)” จำนวน 7 แห่งขึ้นในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางความรู้การลงทุนในภูมิภาค พร้อมกันนี้ ยังให้ความรู้กับผู้แนะนำการลงทุนในส่วนภูมิภาค (Investment Consultant : IC) ผ่านโครงการ “Strengthening IC@Provinces” โดยครึ่งปีแรกได้เดินสายพบปะผู้บริหารสาขาทุกภูมิภาคและจัดอบรมให้ IC แล้วกว่า 450 คน ใน 6 จังหวัด
กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย “สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ”
ที่ index ครึ่งปี โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 SET Index ปิดที่ 1,451.90 จุด peอนาคต forward P/E ratioสิ้นปี 2556 อยู่ที่ 13.41 เท่า
Index เมื่อวาน 3 กันยายน 2556 เท่ากับ 1315.41 จึงเท่ากับ forward pe ประมาณ 12.15 เท่่าครับ
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2556 สำเร็จเกินคาด พร้อมปรับเป้าหมายใหม่
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2556 ตามกลยุทธ์ที่มุ่งสานโอกาสการลงทุนของธุรกิจและผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง บรรลุผลสำเร็จทุกด้านที่สำคัญ และเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวัน และปริมาณซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สูงกว่าตลาดหุ้นชั้นนำอื่นในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ทะลุเป้า อยู่ที่ 1.49 แสนล้านบาท และจำนวนผู้ลงทุนใหม่ในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 70,000 ราย สร้างความน่าสนใจให้ตลาดหุ้นไทยโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 55 แม้ภาวะการลงทุนในตลาดโลกจะผันผวน ขณะที่ล่าสุดคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติอนุมัติปรับเป้าหมายการดำเนินงานใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบัน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 ผลดำเนินงานโดยรวมประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายด้านที่สำคัญ ถึงแม้ว่าสภาวะการลงทุนจะมีความผันผวนจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนและสภาพคล่องของตลาดทุนโลกก็ตาม ซึ่งนับเป็นความสำเร็จต่อเนื่องจากปี 2555 ที่ได้สร้างสถิติสำคัญให้กับตลาดหุ้นไทยมาแล้วทั้งการปรับเพิ่มของดัชนีราคาหุ้น และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ปรับเพิ่มขึ้นแซงหน้าตลาดหุ้นชั้นนำในภูมิภาคเป็นครั้งแรก และนับตั้งแต่ต้นปี 56 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นจากสิ้นปี 2555 ถึง 90% อยู่ที่ 61,487 ล้านบาท
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจากหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนใหม่ถึง 1.49 แสนล้านบาท จากเป้าหมาย 1.2 แสนล้านบาท โดยมีหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่จำนวน 16 หลักทรัพย์ในครึ่งแรกปีนี้ และผลักดันบริษัทจดทะเบียนเดิมให้ระดมทุนเพิ่มเท่ากับ 104,778 ล้านบาท จาก 173 บริษัท ประกอบด้วยเงินสดที่ได้จากการระดมทุน 86,994 ล้านบาท การแลกหุ้น (share swap) รวม 10,387 ล้านบาทและ การออกหุ้นปันผลรวม 7,396 ล้านบาท
ด้านการขยายฐานผู้ลงทุนบุคคลสามารถเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนซื้อขายหุ้นได้ถึง 69,479 ราย ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีนี้ 70,000 ราย ขณะที่การลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ มีการทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีบัญชีอินเทอร์เน็ตใหม่อีกกว่า 9 หมี่นบัญชี จากเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มบัญชีใหม่ 1.2 แสนบัญชี ภายในปี 2556 นี้
ในขณะเดียวกัน ปริมาณซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวัน ณ สิ้นมิ.ย. อยู่ที่ 78,656 สัญญา เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับเฉลี่ยในปี 2555 ที่สำคัญมาจากการปรับปรุงหุ้นอ้างอิงของ Single Stock Futures ด้วยการขยายไปสู่หลักทรัพย์ในกลุ่ม SET 100 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 30 หุ้น รวมเป็นทั้งหมด 60 หุ้น (ข้อมูล ณ 15 ก.ค. 56)
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 แม้ว่ามีความผันผวนของสภาพคล่องทางการเงินในตลาดทุนโลก และส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับลดลงในช่วงไตรมาส 2/2556 แต่เป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค โดยยังคงมีสภาพคล่องการซื้อขายหลักทรัพย์ในระดับสูง ขณะที่ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการซื้อขาย Single Stock Futures และได้มีการเพิ่มหลักทรัพย์อ้างอิงของ Single Stock Futures อีก 20 ตัว
โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 SET Index ปิดที่ 1,451.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.31% จากสิ้นปี 2555 ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ของทั้ง 2 ตลาด ปรับสูงขึ้น โดย SET อยู่ที่ 12.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.89% และ mai อยู่ที่ 174,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.91% จากสิ้นปี 2555 ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยของ SET อยู่ที่ 2.96% อัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (forward P/E ratio) ของไทย ปรับเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย SET ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 อยู่ที่ระดับ 13.41 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 12.22 และ mai อยู่ที่ 17.28 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 11.75 เท่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิอยู่ที่ 76,446 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าซื้อขายที่ 24.62%
นายจรัมพร กล่าวว่า จากผลสำเร็จด้านต่างๆ และการทำงานที่มุ่งมั่นเพื่อผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดหุ้นชั้นนำของภูมิภาค รวมถึงภาวะการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้มีมติให้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานใน 3 ด้านเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ของตลาดในปัจจุบัน ได้แก่ 1) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันปี 2556 โดยปรับเพิ่มเป็น 49,500 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 32,000 ล้านบาทต่อวัน และปรับเพิ่มปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็น 66,000 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 50,000 สัญญาต่อวัน 2) ด้านผู้ลงทุนในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ครึ่งปีแรก 56 เติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าครึ่งหลังปีนี้ จะมีจำนวนบัญชีของผู้ลงทุนเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 30% รวมเป็นจำนวนบัญชีใหม่ทั้งปีนี้ที่ 14,000 บัญชี (เป้าหมายเดิม 22,000 บัญชี) เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นขาขึ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนสนใจเปิดบัญชีซื้อขายในตลาดหุ้นมากกว่า ประกอบกับการซื้อขายในตลาดทองคำซึ่งซบเซาลง 3) ด้านบริษัทจดทะเบียน ปรับเพิ่มเป้าหมายมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทและหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่ เป็น 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท
สำหรับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วงครึ่งแรกปี 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานของ Data Center ในระบบงานที่เป็นบริการธุรกิจหลัก ให้ได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสากล โดยได้ผ่านการประเมินและรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001: 2005 นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เดินหน้าโครงการ Securities Operation Re-engineering พัฒนาระบบงานหลังการซื้อขายและงานปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ให้เป็นระบบกลางและมีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งจะช่วยทั้งการลดภาระปริมาณงาน และต้นทุนค่าใช้จ่ายของ บล.ที่เป็นสมาชิกเป็นการวางรากฐานระบบปฏิบัติการหลังการซื้อขายให้ทันสมัย
ด้านการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจัดทำ CG Principle & best practice เพื่อเป็นแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้บริษัทจดทะเบียนนำไปปฎิบัติ เป็นการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกได้ประกาศผลการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้าน CG (CG-ROSC) ให้ตลาดทุนไทยได้รับคะแนน 82.83 จาก 100 คะแนนเต็ม สูงสุดกับเมื่อเทียบกับตลาดทุนอื่นในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ผลของการจัดคะแนน ASEAN CG Scorecard ซึ่งเป็นการวัดระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียน พบว่าไทยได้ 67.66 คะแนน สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคนี้ ด้าน CSR ได้มุ่งผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการคำนวณในกลุ่มดัชนี Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) โดยปีนี้ มี 35 บริษัทไทยได้รับเชิญเข้าร่วมการประเมินผลความยั่งยืนในดัชนี DJSI Emerging Markets และในจำนวนดังกล่าวมี 15 บริษัทไทยได้รับเชิญเข้าร่วมประเมินเข้าสู่ดัชนี DJSI World
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งส่งเสริมศักยภาพของผู้ลงทุนและผู้ประกอบวิชาชีพ ช่วงครึ่งปีแรกมีผู้ลงทุนและผู้สนใจลงทุนเรียนรู้ผ่านกิจกรรมอบรมสัมมนา และโครงการ “ออมไว้ในหุ้น by TSI” ที่จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แล้วกว่า 12,000 คน และเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 3.7 ล้าน page views พร้อมเดินสายให้ความรู้วางแผนเกษียณและ Employee’s Choice แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปแล้วกว่า 30,000 คน รวมทั้งได้จัดตั้ง “ศูนย์เรียนรู้การลงทุน (SET Investment Center : SET IC)” จำนวน 7 แห่งขึ้นในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางความรู้การลงทุนในภูมิภาค พร้อมกันนี้ ยังให้ความรู้กับผู้แนะนำการลงทุนในส่วนภูมิภาค (Investment Consultant : IC) ผ่านโครงการ “Strengthening IC@Provinces” โดยครึ่งปีแรกได้เดินสายพบปะผู้บริหารสาขาทุกภูมิภาคและจัดอบรมให้ IC แล้วกว่า 450 คน ใน 6 จังหวัด
กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย “สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ”
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger