การเมืองลามธุรกิจกำลังซื้อ'วูบ'
สถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง เริ่มส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น 'เซ็นทรัล-เดอะมอลล์' เผยยอดคนเข้าห้างลดลง 10% เพาเวอร์บาย ยอดขายวูบ 30%
การชุมนุมทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลย่างสู่สัปดาห์ที่ 4 เริ่มส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ชุมนุม ซึ่งเห็นได้จากยอดจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้าและยอดธุรกิจค้าปลีกลดลง
ผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% และปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจาก 3.7% เหลือ 3.0%
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน การเงินบัญชีและบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือ ซีพีเอ็น (CPN) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล กล่าวว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมือง ทำให้ยอดคนเข้าห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 6-7 แห่ง ลดลงประมาณ 10% เช่น เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และบางพื้นที่ที่คาดว่าประชาชนจะเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ เช่น สุราษฎร์ธานี เป็นต้น
"สถานการณ์ขณะนี้ ยังส่งผลกระทบต่อบริษัทไม่มาก เชื่อว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น ไม่น่าจะยืดเยื้อ ไปจนถึงปีหน้า อย่างเร็วคงจบในสิ้นเดือนนี้ แต่อย่างช้าน่าจะจบลงภายในสิ้นปี บริษัทยังไม่มีนโยบายให้ส่วนลดค่าเช่ากับร้านค้าต่างๆ แต่จะเน้นจัดกิจกรรม หรืออีเวนท์เพื่อดึงประชาชนที่ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมเข้ามาเดินในห้างสรรพสินค้า"
นายนริศ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี โดยเฉพาะช่วง 9 เดือนของปีนี้ รายได้เติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีรายได้อยู่ที่ระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4.5 พันล้านบาท
"ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างประเมินแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคในปีหน้า ซึ่งมีปัจจัยที่ต้องติดตามหลายเรื่อง โดยเฉพาะพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และการลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งหากโครงการไม่สามารถเดินหน้าได้ ก็จะกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค"
นายนริศ กล่าวว่า หากเศรษฐกิจยังมีเติบโตในระดับ 3% ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ต้องทบทวนแผนลงทุน เพราะการลงทุนของบริษัทส่วนใหญ่มองการเติบโตในระยะยาว แต่หากเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงก็ต้องทบทวนการลงทุน
'เดอะมอลล์' เผยลูกค้าหด 10%
นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรี่ยม และพารากอน ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นบริโภคและปริมาณลูกค้าหมุนเวียนในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะมอลล์ รวมทั้งพารากอน ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ หดตัวลงเกือบ 10% ส่วน ดิ เอ็มโพเรี่ยม จำนวนลูกค้ายังคงใช้บริการเป็นปกติ
"สาขาเดอะมอลล์ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในเส้นทางชุมนุม แต่มีผู้คนออกไปร่วมชุมนุมจำนวนมาก ขณะที่ลูกค้าบางส่วนไม่อยากออกจากบ้าน คนไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยทำให้ลูกค้าเข้าศูนย์ลดลง ซึ่งโดยภาพรวมธุรกิจค้าปลีกขณะนี้จะเห็นว่าผู้ประกอบการแต่ละค่ายต่างช่วยกันกระตุ้นตลาดผ่านกิจกรรมและรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง อาทิ มิดไนท์เซล ซึ่งเริ่มพร้อมกันทั้งเซ็นทรัลและเดอะมอลล์"
สำหรับภาพรวมของห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ผ่านมาถึงปัจจุบันเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6-7% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับปัจจัยบในตลาด โดยปีนี้มีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยกว่า 20 ล้านคน ส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าสาขาในเมือง อย่าง ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ พารากอน มียอดขายเติบโต
นอกจากนี้ เดอะมอลล์ ยังได้ปรับกลยุทธ์การตลาดในครึ่งปีหลังให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการสร้างยอดขายทุกรูปแบบ ทำให้สามารถปิดยอดขาย 5 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้ ได้ตามเป้าหมาย
หากการเมืองกลับมามีเสถียรภาพในปีหน้า คาดว่ายอดขายรวมของทั้ง 3 ห้าง น่าจะเติบโตประมาณ 6-7% เช่นเดียวกับปีนี้ โดยช่วงปลายปีนี้เดอะมอลล์อัดฉีดงบกว่า 200 ล้านบาททำการตลาดเชิงรุกผ่านแคมเปญ ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2556 ถึง 12 ม.ค. 2557 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
เพาเวอร์บายยอดขายหด 30%
นางสอางทิพย์ อมรฉัตร ช่วยกรรม การผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีครบวงจร ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง กล่าวว่าในช่วงเหตุการณ์การชุมนุม ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าของเพาเวอร์บายลดลงถึง 30% โดยเฉพาะสาขาที่ได้รับผลกระทบคือสาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลเวิลด์ และ เซ็นทรัล ชิดลม
"อัตราการเข้าใช้บริการภายในศูนย์การค้าของลูกค้าเริ่มเงียบเหงา เพราะผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายซื้อสินค้า ประกอบกับสินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าราคาแพงและถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย"
ทั้งนี้ บริษัทยังคงได้แคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงท้ายปีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรโมชั่นแกรนด์เซล ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว แต่เชื่อว่าบรรยากาศในงานอาจจะเงียบเหงา และมีผู้เข้าใช้บริการน้อยลงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นางสอางทิพย์ กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ในปีนี้ คาดว่าเติบโตเพียง 4-5% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% หรือที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท โดยมีรายได้หลักมาจากพื้นที่กรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40%
สหพัฒน์เผยชุมนุมกระทบค้าปลีก
ด้าน นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายค้าส่ง มีสินค้าอุปโภคหลายประเภทในเครือสหพัฒนพิบูล จึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ในตอนนี้ว่าแต่ละส่วนได้รับผลกระทบ หรือมียอดขายลดลงเท่าไร แต่จากการรายงานข้อมูลภายในองค์กร พบว่าร้านค้าปลีกที่รับสินค้าไปจำหน่าย ไม่สามารถระบายสินค้าได้มากนัก และยังมีสินค้าในสต็อกค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ เริ่มเห็นสัญญาณความไม่มีเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งยอดขายสินค้าในเครือโดยรวมไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้คาดการณ์ว่าในปีนี้อาจเติบโตได้เพียง 5% จากปีก่อน โดยถือว่าได้ปรับลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ คือ 15%
"เหตุการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ค่อนข้างจะซ้ำเติมภาคธุรกิจอยู่ไม่น้อย แต่ยังคงเชื่อว่าหากการสถานการณ์โดยรวมสงบลง หรือมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็จะทำให้อารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคฟื้นตัวได้"
สายการบินยังไม่ได้รับผลกระทบ
ด้าน นายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานที่ปรึกษาสายการบินโอเรียนท์ ไทย และผู้ให้บริการธุรกิจสายการบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) กล่าวว่ายังไม่มีผลกระทบจากการชุมนุมที่เกิดขึ้นและนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัทใน 28 เมือง ยังไม่มีการยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยจนกว่ารัฐบาลจีนจะประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของตนเอง ห้ามเดินทางเข้ามาประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม บริษัทเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ถือว่าการชุมนุมกดดันยังเป็นปกติ แต่หากภายในสัปดาห์นี้ หากยังหาทางออกหรือข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ ก็น่าเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้น แต่ยังเห็นว่าคนไทยด้วยกันเองไม่น่าจะใช้ความรุนแรงต่อกัน
"ตราบใดที่ประเทศไทยไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนปี 2553 ที่เสื้อแดงชุมนุมและสถานการณ์บานปลายจนควบคุมไม่ได้ นักท่องเที่ยวก็ยังเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยต่อเนื่อง เพียงแต่จะเลือกไปจังหวัดอื่นแทนแหล่งที่มีการชุมนุมทางการเมือง ก็ภาวนาให้ครั้งนี้จบลงโดยเร็ว ผมว่าหลังจากสัปดาห์นี้ถ้าไม่จบนี่ประเทศไทยก็น่าเป็นห่วง"
เช่นเดียวกับ นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ กล่าวว่าธุรกิจสายการบินภายในประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังมียอดผู้โดยสารเป็นไปตามเกณฑ์ แต่อาจได้รับผลกระทบกับสภาพอากาศทางใต้ที่เกิดพายุ ทำให้คนไม่เดินทางไปทางภาคใต้
ทั้งนี้ เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะกระทบกับธุรกิจสายการบินอินเตอร์ เนื่องจากได้มีการประกาศแจ้งเตือนพลเมืองในแต่ละประเทศในการเดินทางเข้าประเทศไทย อีกทั้งยังครอบคลุมถึงการประกันภัยต่างๆ ที่อาจจะเพิ่มขึ้น
"ยอดการใช้บริการในช่วงเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้ เชื่อว่าจะเต็มทุกเที่ยวบิน เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว"
ระบุลูกค้าไทย-ต่างชาติชะลอซื้อคอนโด
ด้าน นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งเอเยนซีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง โดยขณะนี้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างเห็นได้ชัด
นายพนม กล่าวว่า บริษัทมีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าให้ความสนใจติดต่อซื้อที่อยู่อาศัยประมาณ 10-15 รายต่อวัน และส่วนใหญ่จะมีซื้อที่อยู่ระดับราคา 5-10 ล้านบาทขึ้นไป แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ชุมนุม ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อทันที
"2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นผลกระทบชัดเจนว่าลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งต่างประเทศเห็นชัดเจนมากว่ายังไม่ต้องรีบซื้อ และสถานการณ์ตอนนี้ก็เป็นเหมือนกันทั้งตลาด และหากเหตุการณ์ยืดเยื้อออกไป หรือเกิดความรุนแรงเหมือนปี 2553 หรือปลายปี 2551 ก็อาจจะฉุดรายได้บริษัทให้อยู่ในระดับติดลบ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะฟื้นตัวอย่างเร็วสุดใช้เวลา 3-4 เดือน แต่หากช้าก็ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน"
การเมืองลามธุรกิจกำลังซื้อ'วูบ'
สถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง เริ่มส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น 'เซ็นทรัล-เดอะมอลล์' เผยยอดคนเข้าห้างลดลง 10% เพาเวอร์บาย ยอดขายวูบ 30%
การชุมนุมทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลย่างสู่สัปดาห์ที่ 4 เริ่มส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ชุมนุม ซึ่งเห็นได้จากยอดจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้าและยอดธุรกิจค้าปลีกลดลง
ผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% และปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจาก 3.7% เหลือ 3.0%
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน การเงินบัญชีและบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือ ซีพีเอ็น (CPN) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล กล่าวว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมือง ทำให้ยอดคนเข้าห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 6-7 แห่ง ลดลงประมาณ 10% เช่น เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และบางพื้นที่ที่คาดว่าประชาชนจะเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ เช่น สุราษฎร์ธานี เป็นต้น
"สถานการณ์ขณะนี้ ยังส่งผลกระทบต่อบริษัทไม่มาก เชื่อว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น ไม่น่าจะยืดเยื้อ ไปจนถึงปีหน้า อย่างเร็วคงจบในสิ้นเดือนนี้ แต่อย่างช้าน่าจะจบลงภายในสิ้นปี บริษัทยังไม่มีนโยบายให้ส่วนลดค่าเช่ากับร้านค้าต่างๆ แต่จะเน้นจัดกิจกรรม หรืออีเวนท์เพื่อดึงประชาชนที่ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมเข้ามาเดินในห้างสรรพสินค้า"
นายนริศ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี โดยเฉพาะช่วง 9 เดือนของปีนี้ รายได้เติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีรายได้อยู่ที่ระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4.5 พันล้านบาท
"ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างประเมินแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคในปีหน้า ซึ่งมีปัจจัยที่ต้องติดตามหลายเรื่อง โดยเฉพาะพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และการลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งหากโครงการไม่สามารถเดินหน้าได้ ก็จะกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค"
นายนริศ กล่าวว่า หากเศรษฐกิจยังมีเติบโตในระดับ 3% ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ต้องทบทวนแผนลงทุน เพราะการลงทุนของบริษัทส่วนใหญ่มองการเติบโตในระยะยาว แต่หากเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงก็ต้องทบทวนการลงทุน
'เดอะมอลล์' เผยลูกค้าหด 10%
นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรี่ยม และพารากอน ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นบริโภคและปริมาณลูกค้าหมุนเวียนในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะมอลล์ รวมทั้งพารากอน ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ หดตัวลงเกือบ 10% ส่วน ดิ เอ็มโพเรี่ยม จำนวนลูกค้ายังคงใช้บริการเป็นปกติ
"สาขาเดอะมอลล์ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในเส้นทางชุมนุม แต่มีผู้คนออกไปร่วมชุมนุมจำนวนมาก ขณะที่ลูกค้าบางส่วนไม่อยากออกจากบ้าน คนไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยทำให้ลูกค้าเข้าศูนย์ลดลง ซึ่งโดยภาพรวมธุรกิจค้าปลีกขณะนี้จะเห็นว่าผู้ประกอบการแต่ละค่ายต่างช่วยกันกระตุ้นตลาดผ่านกิจกรรมและรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง อาทิ มิดไนท์เซล ซึ่งเริ่มพร้อมกันทั้งเซ็นทรัลและเดอะมอลล์"
สำหรับภาพรวมของห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ผ่านมาถึงปัจจุบันเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6-7% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับปัจจัยบในตลาด โดยปีนี้มีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยกว่า 20 ล้านคน ส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าสาขาในเมือง อย่าง ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ พารากอน มียอดขายเติบโต
นอกจากนี้ เดอะมอลล์ ยังได้ปรับกลยุทธ์การตลาดในครึ่งปีหลังให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการสร้างยอดขายทุกรูปแบบ ทำให้สามารถปิดยอดขาย 5 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้ ได้ตามเป้าหมาย
หากการเมืองกลับมามีเสถียรภาพในปีหน้า คาดว่ายอดขายรวมของทั้ง 3 ห้าง น่าจะเติบโตประมาณ 6-7% เช่นเดียวกับปีนี้ โดยช่วงปลายปีนี้เดอะมอลล์อัดฉีดงบกว่า 200 ล้านบาททำการตลาดเชิงรุกผ่านแคมเปญ ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2556 ถึง 12 ม.ค. 2557 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
เพาเวอร์บายยอดขายหด 30%
นางสอางทิพย์ อมรฉัตร ช่วยกรรม การผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีครบวงจร ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง กล่าวว่าในช่วงเหตุการณ์การชุมนุม ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าของเพาเวอร์บายลดลงถึง 30% โดยเฉพาะสาขาที่ได้รับผลกระทบคือสาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลเวิลด์ และ เซ็นทรัล ชิดลม
"อัตราการเข้าใช้บริการภายในศูนย์การค้าของลูกค้าเริ่มเงียบเหงา เพราะผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายซื้อสินค้า ประกอบกับสินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าราคาแพงและถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย"
ทั้งนี้ บริษัทยังคงได้แคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงท้ายปีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรโมชั่นแกรนด์เซล ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว แต่เชื่อว่าบรรยากาศในงานอาจจะเงียบเหงา และมีผู้เข้าใช้บริการน้อยลงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นางสอางทิพย์ กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ในปีนี้ คาดว่าเติบโตเพียง 4-5% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% หรือที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท โดยมีรายได้หลักมาจากพื้นที่กรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40%
สหพัฒน์เผยชุมนุมกระทบค้าปลีก
ด้าน นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายค้าส่ง มีสินค้าอุปโภคหลายประเภทในเครือสหพัฒนพิบูล จึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ในตอนนี้ว่าแต่ละส่วนได้รับผลกระทบ หรือมียอดขายลดลงเท่าไร แต่จากการรายงานข้อมูลภายในองค์กร พบว่าร้านค้าปลีกที่รับสินค้าไปจำหน่าย ไม่สามารถระบายสินค้าได้มากนัก และยังมีสินค้าในสต็อกค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ เริ่มเห็นสัญญาณความไม่มีเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งยอดขายสินค้าในเครือโดยรวมไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้คาดการณ์ว่าในปีนี้อาจเติบโตได้เพียง 5% จากปีก่อน โดยถือว่าได้ปรับลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ คือ 15%
"เหตุการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ค่อนข้างจะซ้ำเติมภาคธุรกิจอยู่ไม่น้อย แต่ยังคงเชื่อว่าหากการสถานการณ์โดยรวมสงบลง หรือมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็จะทำให้อารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคฟื้นตัวได้"
สายการบินยังไม่ได้รับผลกระทบ
ด้าน นายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานที่ปรึกษาสายการบินโอเรียนท์ ไทย และผู้ให้บริการธุรกิจสายการบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) กล่าวว่ายังไม่มีผลกระทบจากการชุมนุมที่เกิดขึ้นและนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัทใน 28 เมือง ยังไม่มีการยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยจนกว่ารัฐบาลจีนจะประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของตนเอง ห้ามเดินทางเข้ามาประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม บริษัทเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ถือว่าการชุมนุมกดดันยังเป็นปกติ แต่หากภายในสัปดาห์นี้ หากยังหาทางออกหรือข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ ก็น่าเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้น แต่ยังเห็นว่าคนไทยด้วยกันเองไม่น่าจะใช้ความรุนแรงต่อกัน
"ตราบใดที่ประเทศไทยไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนปี 2553 ที่เสื้อแดงชุมนุมและสถานการณ์บานปลายจนควบคุมไม่ได้ นักท่องเที่ยวก็ยังเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยต่อเนื่อง เพียงแต่จะเลือกไปจังหวัดอื่นแทนแหล่งที่มีการชุมนุมทางการเมือง ก็ภาวนาให้ครั้งนี้จบลงโดยเร็ว ผมว่าหลังจากสัปดาห์นี้ถ้าไม่จบนี่ประเทศไทยก็น่าเป็นห่วง"
เช่นเดียวกับ นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ กล่าวว่าธุรกิจสายการบินภายในประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังมียอดผู้โดยสารเป็นไปตามเกณฑ์ แต่อาจได้รับผลกระทบกับสภาพอากาศทางใต้ที่เกิดพายุ ทำให้คนไม่เดินทางไปทางภาคใต้
ทั้งนี้ เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะกระทบกับธุรกิจสายการบินอินเตอร์ เนื่องจากได้มีการประกาศแจ้งเตือนพลเมืองในแต่ละประเทศในการเดินทางเข้าประเทศไทย อีกทั้งยังครอบคลุมถึงการประกันภัยต่างๆ ที่อาจจะเพิ่มขึ้น
"ยอดการใช้บริการในช่วงเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้ เชื่อว่าจะเต็มทุกเที่ยวบิน เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว"
ระบุลูกค้าไทย-ต่างชาติชะลอซื้อคอนโด
ด้าน นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งเอเยนซีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง โดยขณะนี้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างเห็นได้ชัด
นายพนม กล่าวว่า บริษัทมีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าให้ความสนใจติดต่อซื้อที่อยู่อาศัยประมาณ 10-15 รายต่อวัน และส่วนใหญ่จะมีซื้อที่อยู่ระดับราคา 5-10 ล้านบาทขึ้นไป แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ชุมนุม ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อทันที
"2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นผลกระทบชัดเจนว่าลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งต่างประเทศเห็นชัดเจนมากว่ายังไม่ต้องรีบซื้อ และสถานการณ์ตอนนี้ก็เป็นเหมือนกันทั้งตลาด และหากเหตุการณ์ยืดเยื้อออกไป หรือเกิดความรุนแรงเหมือนปี 2553 หรือปลายปี 2551 ก็อาจจะฉุดรายได้บริษัทให้อยู่ในระดับติดลบ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะฟื้นตัวอย่างเร็วสุดใช้เวลา 3-4 เดือน แต่หากช้าก็ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน"
http://money.th.msn.com/News/news.aspx? ... =254553771
การเมืองลามธุรกิจกำลังซื้อ'วูบ'
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
การเมืองลามธุรกิจกำลังซื้อ'วูบ'
โพสต์ที่ 1
value trap
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1523
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเมืองลามธุรกิจกำลังซื้อ'วูบ'
โพสต์ที่ 3
มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรตะหนักไว้ครับ ม๊อฟไม่ได้อยู่คงทนถาวร มันก้ต้องมีวันเลิกม๊อฟ
แล้วสุดท้าย มันก้ผ่านไป(อีกและ) เลือกโอกาศที่จะเป็นเจ้าของสินค้าคุณภาพดีราคาถูก ฉกฉวยประโยชน์จาก MM
อย่าเดินตาม MM เพราะ MM ไม่เคยชนะตลาด
แล้วสุดท้าย มันก้ผ่านไป(อีกและ) เลือกโอกาศที่จะเป็นเจ้าของสินค้าคุณภาพดีราคาถูก ฉกฉวยประโยชน์จาก MM
อย่าเดินตาม MM เพราะ MM ไม่เคยชนะตลาด