ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 139
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 1
ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554 นับเป็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัทอีกครั้ง เพื่อก้าวไปสู่การเติบโตครั้งใหญ่อีกครั้ง บริษัท เอส พี วี แอดวานซ์ จำกัด ได้ร่วมกับ บริษัท ไอทีซิตี้ (มหาชน) จำกัด จัดตั้งบริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 120.0 ล้านบาท และมีการโอนธุรกิจ ทรัพย์สินและพนักงานทั้งหมดจากบริษัท เอส พี วี เดิมทั้งหมดมาที่บริษัท เอส พี วี ไอ นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการขยายธุรกิจให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจของบริษัท จากการร่วมทุนในครั้งนี้ ทำให้ บริษัท เอส พี วี สามารถขยายสาขาในพื้นที่ของร้าน ไอทีซิตี้ ทุกสาขาทั่วประเทศทั้งหมด 43 สาขา
อนาคตจะเป็นเช่นไรช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ
อนาคตจะเป็นเช่นไรช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ
- SI Freedom
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 2
ทุกวันนี้ธุรกิจ IT เปลี่ยนเร็วมากๆๆๆ จริงๆ ชนิดที่แทบจะเรียกได้ว่าอาจพลิกธุรกิจได้เพียงข้ามคืน เช่น สมมติว่า บ.หนึ่งดันเก็บสต๊อกโทรศัพท์รุ่นนึงไว้เยอะ คืนหนึ่งบริษัทผลไม้เปิดตัวโทรศัพท์ที่ดีเลิศกว่าเดิมออกมา .. ไอ้ที่สต๊อกไว้ขายไม่ออกทันที เพราะคนรอซื้อของใหม่ ต้องเอามาลดราคาถูกๆ จนอาจไม่เหลือกำไร
หรือ Notebook ที่ถูก Tablet ตีจนแทบไม่เหลือความเป็นเจ้าตลาด
พวกนี้เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก ต้องหาบริษัทที่สามารถเกาะ Trend ใหม่ๆ ไปได้ตลอด ถ้าหลุด trend เมื่อไร กำไรหายทันที แบบนี้เหมือนจะเสี่ยงเกินไป .. ต้องหาบริษัทที่เป็นเจ้าตลาด ซึ่ง IT ก็ไม่ใช่อีก ผมพยายามมองหา DCA ของธุรกิจ IT แต่หาไม่ค่อยจะเจอจริงๆ รอฟังท่านต่อไปครับ
หรือ Notebook ที่ถูก Tablet ตีจนแทบไม่เหลือความเป็นเจ้าตลาด
พวกนี้เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก ต้องหาบริษัทที่สามารถเกาะ Trend ใหม่ๆ ไปได้ตลอด ถ้าหลุด trend เมื่อไร กำไรหายทันที แบบนี้เหมือนจะเสี่ยงเกินไป .. ต้องหาบริษัทที่เป็นเจ้าตลาด ซึ่ง IT ก็ไม่ใช่อีก ผมพยายามมองหา DCA ของธุรกิจ IT แต่หาไม่ค่อยจะเจอจริงๆ รอฟังท่านต่อไปครับ
เพราะแสวงหา..มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ..มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ..มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้า หรือจะสู้ มานะตน
เพราะสามารถ..มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้า หรือจะสู้ มานะตน
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 3
ร้าน it เป็น speciality stores คือ ขายเฉพาะสินค้าคอมพิวเตอร์ (it)
it เช่น pc, note book, tablet, smart phone
แต่ตอนนี้ smart phone มีการขายมากที่สุด ตามด้วย tablet
เมื่อใช้ smart phone แทน note book ได้
อนาคตของ note book ก็มีแต่ ทรงกรับทรุด
เดิมคนจะซื้อ smart phone จากร้านขายโทรศัพทฺ์ (jmart) ไม่ใช่ ร้านขายคอมพิวเตอร์ (it)
ตอนนี้ ร้านขายคอมพิวเตอร์พยายาม ขาย smart phone,tablet แต่ขายสู้ร้านขายโทรศัพท์ไม่ได้
หนักกว่านั้น smart phone,tablet กระจายการขายไปทุกช่องทาง
เช่น 7-11 lotus bigc makro ขายทางโทรทัศน์ ขายทางเนต
เมื่อเป็นแบบนี้ ร้านที่ขายะสินค้า it ซึ่งตอนนี้พยายามขาย smart phone จะเพิ่มยอดขายได้อย่างไร
ถ้าสนใจหุ้น it ก็ต้องรอจนกว่า ธุรกิจจะฟื้น โดยดูจากยอดขายแต่ละไตรมาส
แต่ตอนนี้ ยังไม่เห็นแววเลยว่าจะดีขึ้นได้อย่างไร
it เช่น pc, note book, tablet, smart phone
แต่ตอนนี้ smart phone มีการขายมากที่สุด ตามด้วย tablet
เมื่อใช้ smart phone แทน note book ได้
อนาคตของ note book ก็มีแต่ ทรงกรับทรุด
เดิมคนจะซื้อ smart phone จากร้านขายโทรศัพทฺ์ (jmart) ไม่ใช่ ร้านขายคอมพิวเตอร์ (it)
ตอนนี้ ร้านขายคอมพิวเตอร์พยายาม ขาย smart phone,tablet แต่ขายสู้ร้านขายโทรศัพท์ไม่ได้
หนักกว่านั้น smart phone,tablet กระจายการขายไปทุกช่องทาง
เช่น 7-11 lotus bigc makro ขายทางโทรทัศน์ ขายทางเนต
เมื่อเป็นแบบนี้ ร้านที่ขายะสินค้า it ซึ่งตอนนี้พยายามขาย smart phone จะเพิ่มยอดขายได้อย่างไร
ถ้าสนใจหุ้น it ก็ต้องรอจนกว่า ธุรกิจจะฟื้น โดยดูจากยอดขายแต่ละไตรมาส
แต่ตอนนี้ ยังไม่เห็นแววเลยว่าจะดีขึ้นได้อย่างไร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 582
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 4
ไม่แน่ใจว่าปีในข่าวนี้ ผิดหรือเปล่า เพราะเป็นข่าวเก่าเมื่อสองปีที่แล้ว .... ถ้าปีไม่ผิด ก็ไม่ต้องไปวิเคราะห์อะไรให้ยุ่งยากหรอกครับ ลองดูผลประกอบการจากตอนนั้น ถึงตอนนี้ ผ่านมา 11 ไตรมาส ก็น่าจะเห็นภาพ เห็นผล แล้ว นะครับnaitai เขียน:ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554 นับเป็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัทอีกครั้ง เพื่อก้าวไปสู่การเติบโตครั้งใหญ่อีกครั้ง บริษัท เอส พี วี แอดวานซ์ จำกัด ได้ร่วมกับ บริษัท ไอทีซิตี้ (มหาชน) จำกัด จัดตั้งบริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 120.0 ล้านบาท และมีการโอนธุรกิจ ทรัพย์สินและพนักงานทั้งหมดจากบริษัท เอส พี วี เดิมทั้งหมดมาที่บริษัท เอส พี วี ไอ นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการขยายธุรกิจให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจของบริษัท จากการร่วมทุนในครั้งนี้ ทำให้ บริษัท เอส พี วี สามารถขยายสาขาในพื้นที่ของร้าน ไอทีซิตี้ ทุกสาขาทั่วประเทศทั้งหมด 43 สาขา
อนาคตจะเป็นเช่นไรช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1523
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 5
ก้อยากจะวิเคราะห์ให้อยู่ครับ แต่ วิเคราะห์ไปแต่ละที โดนสวนแรงๆทุกที โดนมาหลายห้องแล้วทั้ง SIAM IT SIRI
สุดท้ายก้คิดได้ว่า สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรมครับ เราจะรู้เองว่ากิจการจะเป็นยังไง ก้ต่อเมื่อ เวลาได้่ผ่านไปแล้ว
สุดท้ายก้คิดได้ว่า สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรมครับ เราจะรู้เองว่ากิจการจะเป็นยังไง ก้ต่อเมื่อ เวลาได้่ผ่านไปแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 6
ก่อนจะcommentก็ควรจะวิเคราะห์ให้ถ่องแท้สักนิดสิครับ แล้วตอบคำถามของผู้โต้แย้งให้clearmicky1115 เขียน:ก้อยากจะวิเคราะห์ให้อยู่ครับ แต่ วิเคราะห์ไปแต่ละที โดนสวนแรงๆทุกที โดนมาหลายห้องแล้วทั้ง SIAM IT SIRI
สุดท้ายก้คิดได้ว่า สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรมครับ เราจะรู้เองว่ากิจการจะเป็นยังไง ก้ต่อเมื่อ เวลาได้่ผ่านไปแล้ว
ผู้คนก็จะยอมรับในความเห็นของคุณเอง
ตัวอย่างคุณmicky1115เคย comment ในห้องmega ไว้อย่างนี้ครับ
ตลาดอาหารเสริม ค่อนข้างแข่งกันดุครับ
ถ้าบริษัทยาอย่าง T.O SIAM 7ดาว หรือ ฟามาฮอฟ มาลงในตลาดหุ้น ผมว่าน่าสนใจกว่า
ผมคลุกคลีอยู่ในอุตสาหกรรมยา ได้อ่านcommentดังคุณmickyว่าไว้. ชวนให้สงสัยเป็นยิ่งนัก
เมื่อถามไปกลับไม่มีคำตอบ จะให้คิดเช่นไร??
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
- SawScofield
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 238
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 7
เมื่อวานฟัง Money Talk Weekly ของท่านอาจารย์ๆครับ เลยอยากแบ่งปัน
เข้าใจว่าที่มาของการจับมือครั้งนี้เป็นความต้องการของ SPVI ที่ออกตัวว่ามีช่องทางจำหน่ายหลักแค่ใน กทม การไปต่างจังหวัดจึงมองว่า IT city ที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว คัดสรร location มาแล้ว น่าจะเติมเต็มจุดนี้ของ SPVI ได้ ส่วน IT city ได้ส่วนแบ่งยังไงนั้นผมไม่ทันฟังครับขออภัยครับผม
แน่นอนครับ นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมนี้ การไม่ได้ exclusive authorized เพียงรายเดียวจาก Apple Thailand แล้ว คำถามทีเด็ดที่ อ.นิเวศน์และอ.กุศยา กรุณาถามให้ด้วยคือ "ถ้า Apple แพ้คู่แข่งล่ะ" ผู้บริหารตอบได้แต่เพียงว่า "เราก็ต้อง challenge" ตัวเอง
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าไม่นับมิติของการซื้อได้ถูกจริงๆ ธุรกิจรับมาขายต่อที่ไม่ได้มีหน้าร้านเยอะจัด อำนาจต่อรองสูงจัดน่าจะอยู่ยากในระยะยาวรึปล่าวครับ ยิ่งเป็นอุตสาหกรรมนี้ผู้ที่เป็น Inventor/Innovator น่าจะกำอำนาจต่อรองไว้ในมือเกือบเบ็ดเสร็จ ถ้าว่ากันตรงๆ Inventor/Innovator ยังโดนหายใจรดต้นคอกันทุกวัน การรับมาขายต่อก็คงโดนบีบด้วยหลายๆปัจจัยไม่แพ้กัน
คงต้องตามกันไปครับ ไม่กล้าให้ความเห็นเยอะครับ เพราะตัวเองก็ไม่ได้ตามติดอุตสาหกรรมนี้ด้วยความที่มัน dynamic เกินพลังผมครับ ^^"
เข้าใจว่าที่มาของการจับมือครั้งนี้เป็นความต้องการของ SPVI ที่ออกตัวว่ามีช่องทางจำหน่ายหลักแค่ใน กทม การไปต่างจังหวัดจึงมองว่า IT city ที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว คัดสรร location มาแล้ว น่าจะเติมเต็มจุดนี้ของ SPVI ได้ ส่วน IT city ได้ส่วนแบ่งยังไงนั้นผมไม่ทันฟังครับขออภัยครับผม
แน่นอนครับ นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมนี้ การไม่ได้ exclusive authorized เพียงรายเดียวจาก Apple Thailand แล้ว คำถามทีเด็ดที่ อ.นิเวศน์และอ.กุศยา กรุณาถามให้ด้วยคือ "ถ้า Apple แพ้คู่แข่งล่ะ" ผู้บริหารตอบได้แต่เพียงว่า "เราก็ต้อง challenge" ตัวเอง
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าไม่นับมิติของการซื้อได้ถูกจริงๆ ธุรกิจรับมาขายต่อที่ไม่ได้มีหน้าร้านเยอะจัด อำนาจต่อรองสูงจัดน่าจะอยู่ยากในระยะยาวรึปล่าวครับ ยิ่งเป็นอุตสาหกรรมนี้ผู้ที่เป็น Inventor/Innovator น่าจะกำอำนาจต่อรองไว้ในมือเกือบเบ็ดเสร็จ ถ้าว่ากันตรงๆ Inventor/Innovator ยังโดนหายใจรดต้นคอกันทุกวัน การรับมาขายต่อก็คงโดนบีบด้วยหลายๆปัจจัยไม่แพ้กัน
คงต้องตามกันไปครับ ไม่กล้าให้ความเห็นเยอะครับ เพราะตัวเองก็ไม่ได้ตามติดอุตสาหกรรมนี้ด้วยความที่มัน dynamic เกินพลังผมครับ ^^"
Respect, Persistence then Deserve
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 845
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 8
อุตสาหกรรมนี้เปลี่ยนเร็วจริงๆครับ เมื่อไม่กี่ปีก่อน BB กับ iphone ยังสูสีกันอยู่เลย ตอนนี้ BB แทบจะตายสนิทแล้ว ส่วน android ก็มาแรงจริงๆ
ส่วนเรื่อง IT ผมว่าอุปกรณ์คอม นี่เหนื่อยจริงๆจริงๆครับ ผมเองก็อยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คแต่ก็เสียดายตังค์ เพราะไม่ค่อยใช้อะไร เอาไว้ทำงาน แล้วก็เหมือนเอาไว้โอนไฟล์ไป ipad มากกว่า ร้าน IT ก็คนน้อยจริงๆครับ ผมพึ่งไปซื้อแผ่นวินโดว์มา คนไม่เข้าเลย บรรยากาศเลยไม่น่าเดินเท่าไหร่ ไม่เห็นคนจะไปดูพวกของ apple ที่ IT ด้วย
ส่วนเรื่อง IT ผมว่าอุปกรณ์คอม นี่เหนื่อยจริงๆจริงๆครับ ผมเองก็อยากเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คแต่ก็เสียดายตังค์ เพราะไม่ค่อยใช้อะไร เอาไว้ทำงาน แล้วก็เหมือนเอาไว้โอนไฟล์ไป ipad มากกว่า ร้าน IT ก็คนน้อยจริงๆครับ ผมพึ่งไปซื้อแผ่นวินโดว์มา คนไม่เข้าเลย บรรยากาศเลยไม่น่าเดินเท่าไหร่ ไม่เห็นคนจะไปดูพวกของ apple ที่ IT ด้วย
all i need is Zero
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 9
ผมว่า พี่ออกตัวแรงไปนิสสสสส ในห้อง it อะคับmicky1115 เขียน:ก้อยากจะวิเคราะห์ให้อยู่ครับ แต่ วิเคราะห์ไปแต่ละที โดนสวนแรงๆทุกที โดนมาหลายห้องแล้วทั้ง SIAM IT SIRI
สุดท้ายก้คิดได้ว่า สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรมครับ เราจะรู้เองว่ากิจการจะเป็นยังไง ก้ต่อเมื่อ เวลาได้่ผ่านไปแล้ว
ตอนแรกผมคิดว่า it จะยืนระยะได้ ยังเดาไว้ว่าเอาอยู่
อั้นได้ที่ยอดขาย3000ลบ
เอาเข้าจริง 4000-5000ลบก็ขาดทุนซะแล้ว
แต่ผมถอดใจไปก่อนแล้ว
เพราะ เห็นแล้วว่า ตอนต้นปี ไม่มีอะไรจะขายจริงๆ
กระแสตาม web board ก็เห็นชัดเจนว่า
apple ss แรงขึ้น
it city เจอทั้งมรสุมใน และนอก
เอาตามแผนงานที่ฟังจาก opday ก่อนละกันนะคับ
it ลดขนาดพื้นที่ เพื่อจะเบนเข็ม ไปขาย smart phone
โดยยอมเปลี่ยนไปใช้ ยุทธภูมิรอง แทนการเลือกเฉพาะ ยุทธภูมิหลัก
หวังกระจายจุดขายให้มากพอให้คนเข้าถึง
ฟังดูเหมือน จะ work แต่ผลเป็นไง คงต้องรอดู
จริงๆผมเองก็โชว์โง่ไป เรื่องขายออนไลน์ น่าจะช่วยเพิ่มช่องขายได้
สุดท้ายก็แป๊ก
แต่ก็จะขอโชว์โง่ อีกสักที ว่า
ผมคิดว่า it วิจัยและตอบสนองกลุ่มลูกค้าตัวเองยังไม่ถูกจุด
มันแน่ชัดแล้วว่า กลุ่มคน gen x gen yหรือต่ำกว่านั้น
ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายแน่นอน ถ้าจะทำตลาดกลุ่มนี้
ต้องไปคิดการบ้านหนักๆ ว่า จะขายกลุ่มนี้ยังไงหลัก
ถ้าจะไม่ต้องการเฉือน มาร์จิ้น
กลุ่มเป้าหมายหลัก น่าจะเป็น กลุ่ม baby boomer
ที่มีกำลังซื้อ แต่เข้าถึง technogy ได้ไม่คล่องตัว
และต้องการความน่าเชื่อถือ และ service ที่พรีเมี่ยมหน่อย
ซึ่งที่กล่าวมา จะไม่พบเจอ ใน it city
เนื่องจากบีบ cost ลดพนักงาน พวก pc ก็เช้าชามเย็นชาม
คนเข้า it city ก็มาดูของจริง เพื่อ ไปซื้อ ที่อื่น
threat นี้ จะเห็นผลร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ตามการเข้าถึงข้อมูล internet ที่มากขึ้น
และอำนาจซื้อ ที่มากขึ้นของฐาน gen x geny )
เรียกว่าถ้า ยังใช้วิธีเก่า ไม่ปรับวิสัยทัศน์
หาคน หนุ่มมาเปิดโลกทัศน์องค์กร
รอดวันนี้ อีกไม่กี่วันก็ตายอยู่ดี
ปล พี่สุมาอี้ เคยเตือนแล้วว่า อุปกรณ์ ไอที ทำ modern trade ไม่ได้
แต่ผมก็ดันทะลึ่ง แหย่ไปให้ไฟลวก (แต่ jmart ไหงมันเทพจัง555)
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 10
พี่micky ก็อย่าไปคิดไรมาก
สุดท้าย คนเล่นหุ้นมันก็เดินมาจุดไต้ตำตอ กันเองสักวัน
จะได้ คุยทักทาย เพื่อนๆ นลท อย่างมีความสุข
(ถ้าเชื่อใน 6 degree of seperation )
มีอะไร รู้อะไร ก็คุยๆกันไป
ปราชญ์ ท่านกล่าวไว้ว่า
การแบ่งปันความรู้เป็นสิ่งที่ไม่ทำให้ทรัพยากรลดลง
(อดัม สมิธ อาจจะ เถียง55)
สุดท้าย คนเล่นหุ้นมันก็เดินมาจุดไต้ตำตอ กันเองสักวัน
จะได้ คุยทักทาย เพื่อนๆ นลท อย่างมีความสุข
(ถ้าเชื่อใน 6 degree of seperation )
มีอะไร รู้อะไร ก็คุยๆกันไป
ปราชญ์ ท่านกล่าวไว้ว่า
การแบ่งปันความรู้เป็นสิ่งที่ไม่ทำให้ทรัพยากรลดลง
(อดัม สมิธ อาจจะ เถียง55)
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 11
อย่าซีเรียสเลยครับ ผมว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เวลามีคนเห็นต่าง โดยเฉพาะความเห็นที่ negative ในหุ้นตัวนั้น คนที่ถือหุ้นตัวนั้นอยู่ก็จะไม่พอใจ ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของคนที่ถือหุ้นตัวเดียวกัน เวลามาคุยกันในห้องของตัวเอง ก็มีแนวโน้มจะชอบหุ้นตัวนั้นอยู่แล้ว ไม่งั้นก็คงไม่ซื้อ เรียกได้ว่ามีความ bias เกิดขึ้นได้ง่าย พอมีคนเห็นต่างบางคนก็อาจจะไม่ชอบ
จริง ๆ ผมกลับชอบนะ ถ้ามีคนมาคอมเมนต์หุ้นที่เราถืออยู่โดยเฉพาะในเชิงลบ เพราะเราอาจจะกำลัง bias บางอย่างอยู่ จะว่าไปคนที่ไม่สนใจหุ้นที่เราถืออยู่มันก็มีมากกว่าคนที่สนใจอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งก็อาจจะเห็นข้อเสียในหุ้นตัวนั้น เพียงแต่ส่วนใหญ่คงเลือกที่จะไม่เข้าไปคอมเมนต์อะไร เพราะถ้าเป็นความเห็นในเชิงลบ มันก็อาจจะ "เข้าเนื้อ" ต้องมานั่งเถียงกับคนที่ไม่เชื่อ ความเห็นเชิงลบจะถูกหรือจะผิดยังไงเราเองเป็นคนตัดสิน ถ้าเราคิดว่าไม่ใช่ก็อย่าไปเชื่อ ถ้าเราคิดว่าอาจจะใช่ก็เอาไปหาข้อมูลเพิ่ม เรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้น ทั้งคนที่เห็นเชิงบวกและเชิงลบมันก็มีโอกาสผิดได้ทั้งนั้นครับ
จริง ๆ ผมกลับชอบนะ ถ้ามีคนมาคอมเมนต์หุ้นที่เราถืออยู่โดยเฉพาะในเชิงลบ เพราะเราอาจจะกำลัง bias บางอย่างอยู่ จะว่าไปคนที่ไม่สนใจหุ้นที่เราถืออยู่มันก็มีมากกว่าคนที่สนใจอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งก็อาจจะเห็นข้อเสียในหุ้นตัวนั้น เพียงแต่ส่วนใหญ่คงเลือกที่จะไม่เข้าไปคอมเมนต์อะไร เพราะถ้าเป็นความเห็นในเชิงลบ มันก็อาจจะ "เข้าเนื้อ" ต้องมานั่งเถียงกับคนที่ไม่เชื่อ ความเห็นเชิงลบจะถูกหรือจะผิดยังไงเราเองเป็นคนตัดสิน ถ้าเราคิดว่าไม่ใช่ก็อย่าไปเชื่อ ถ้าเราคิดว่าอาจจะใช่ก็เอาไปหาข้อมูลเพิ่ม เรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้น ทั้งคนที่เห็นเชิงบวกและเชิงลบมันก็มีโอกาสผิดได้ทั้งนั้นครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1523
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณ คุณnut คุณ leky ครับ
ตอนนี้โจทย์ข้อสุดท้าย แล้ว คือ ทำยังไงให้ คนมาซื้อของที่ IT City หลังจากปรับลดสาขาที่ด้อยคุณภาพลง และเทรนด์คนใหม่ๆเข้ามา
อีกอันที่ผมเห็นชัดเจน พวกอุปกรณ์คอม MB CPU RAM ETCที่เกี่ยวกับคอมประคอม ไม่มีแล้ว ซึ่งก้ดี เพราะแข่งไปก้เท่านั้น ราคาสู้ไม่ได้
สำหรับผมคิดว่าการที่ ผบหเปิดร้านให้เล็กหน่อยแล้วออกไปภูธร ยังไงชื่อเสียงก้กินขาดกว่าพวก local ร้านคอม อีกอันหนึ่งที่ผมอยากเสริมคือ
IT ควรทำตลาดที่เป็น Nitch market ครับ มันถึงเวลาแล้วที่ สินค้าที่จะเอามาต้อง Only at It city ซึ่งนั่นก้จะทำให้ผูกขาด
จริงๆถ้าจะดูเทรนด์ว่าคนต้องการอะไรเกี่ยวกับ IT ก้ต้องลองเช็คดูจากพวกเวป ไอทีครับเช่น OCZ หลักการคือ เอาของที่คนต้องการมาขายดีกว่านิ่งแช่แป้ง ขายแต่ของลดราคา
และเน้นตลาดโน๊ตบุ๊ค ที่นับวัน ก้จะยิ่งขายได้น้อยลงและเข้าสู่ทางตัน
ตอนนี้โจทย์ข้อสุดท้าย แล้ว คือ ทำยังไงให้ คนมาซื้อของที่ IT City หลังจากปรับลดสาขาที่ด้อยคุณภาพลง และเทรนด์คนใหม่ๆเข้ามา
อีกอันที่ผมเห็นชัดเจน พวกอุปกรณ์คอม MB CPU RAM ETCที่เกี่ยวกับคอมประคอม ไม่มีแล้ว ซึ่งก้ดี เพราะแข่งไปก้เท่านั้น ราคาสู้ไม่ได้
สำหรับผมคิดว่าการที่ ผบหเปิดร้านให้เล็กหน่อยแล้วออกไปภูธร ยังไงชื่อเสียงก้กินขาดกว่าพวก local ร้านคอม อีกอันหนึ่งที่ผมอยากเสริมคือ
IT ควรทำตลาดที่เป็น Nitch market ครับ มันถึงเวลาแล้วที่ สินค้าที่จะเอามาต้อง Only at It city ซึ่งนั่นก้จะทำให้ผูกขาด
จริงๆถ้าจะดูเทรนด์ว่าคนต้องการอะไรเกี่ยวกับ IT ก้ต้องลองเช็คดูจากพวกเวป ไอทีครับเช่น OCZ หลักการคือ เอาของที่คนต้องการมาขายดีกว่านิ่งแช่แป้ง ขายแต่ของลดราคา
และเน้นตลาดโน๊ตบุ๊ค ที่นับวัน ก้จะยิ่งขายได้น้อยลงและเข้าสู่ทางตัน
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 13
niche market ทำ it จุก คงเข็ดนิดหน่อยอะคับ ตัว surface นี่ it โดนไปเยอะเหมือนกันนะคับ เท่าที่ทราบmicky1115 เขียน:ขอบคุณ คุณnut คุณ leky ครับ
ตอนนี้โจทย์ข้อสุดท้าย แล้ว คือ ทำยังไงให้ คนมาซื้อของที่ IT City หลังจากปรับลดสาขาที่ด้อยคุณภาพลง และเทรนด์คนใหม่ๆเข้ามา
อีกอันที่ผมเห็นชัดเจน พวกอุปกรณ์คอม MB CPU RAM ETCที่เกี่ยวกับคอมประคอม ไม่มีแล้ว ซึ่งก้ดี เพราะแข่งไปก้เท่านั้น ราคาสู้ไม่ได้
สำหรับผมคิดว่าการที่ ผบหเปิดร้านให้เล็กหน่อยแล้วออกไปภูธร ยังไงชื่อเสียงก้กินขาดกว่าพวก local ร้านคอม อีกอันหนึ่งที่ผมอยากเสริมคือ
IT ควรทำตลาดที่เป็น Nitch market ครับ มันถึงเวลาแล้วที่ สินค้าที่จะเอามาต้อง Only at It city ซึ่งนั่นก้จะทำให้ผูกขาด
จริงๆถ้าจะดูเทรนด์ว่าคนต้องการอะไรเกี่ยวกับ IT ก้ต้องลองเช็คดูจากพวกเวป ไอทีครับเช่น OCZ หลักการคือ เอาของที่คนต้องการมาขายดีกว่านิ่งแช่แป้ง ขายแต่ของลดราคา
และเน้นตลาดโน๊ตบุ๊ค ที่นับวัน ก้จะยิ่งขายได้น้อยลงและเข้าสู่ทางตัน
ผมเองก็นึกไม่ออกนะว่า ทำไง แต่ถ้าเข้าข่าย เก็งผลิตภัณฑ์ ก็น่าจะเลี่ยงๆ เดี๋ยวจะเหมือน sis
ส่วนเรื่องที่พี่ micky พูด มันก็คล้ายที่ผมจะบอกคับ คือ ไม่ใช่กลุ่มลค เป้าหมาย
ผมก็ยังมองว่า ผู้ใหญ่ ที่มีเงิน แต่เข้าถึง เทคโนโลยี่ ลำบาก ไม่คล่องตัว อาจจะต้องการ trainer
หรือ product consult ที่ใจเย็น ใจดี หน่อย คล้ายๆกับ ที่เวลา คนไปซื้อ สินค้า ใน istudio
แนะนำ อธิบาย ฝอย pr ผลิตภัณฑ์ ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ปิดการขาย
และ เรื่อง after sale service ที่ดีๆหน่อย ซึ่งผมเห็นว่า jmart กำลังค่อยๆทำแล้ว
ระยะสั้น อาจจะใช้เวลา แต่ถ้า เกิด 3r ทางการตลาด
น่าจะเป็น switching cost อ่อนๆ กับกลุ่ม target หลักได้
ส่วน กลุ่ม gen x y หรือต่ำกว่า ไม่มีทางหยุดได้คับ
เขาเข้าถึงข้อมูลทาง internet ง่าย เขาเข้าช่องทางการจัดจำหน่าย ได้หลากหลายมาก
ยิ่งตอนนี้ จะเห็นว่า e commerce เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ขึ้นละ
(ยังดี ที่บ้านเรายังไม่มี e auction เหมือน ebay แบบแข็งๆ)
ดังนั้น ลค กลุ่มนี้ น่าจะเน้นที่ราคามากกว่า loyalty น่าจะน้อย
และไม่ต้องการ service อะไร เพราะว่า สามารถ แก้ปัญหาเอง
จากข้อมุล internet ได้ระดับนึง
ก็ดูๆกันไปคับ ถ้า it กลับมาได้ ก็เป็น เคส กรณีศึกษา ที่เจ๋งมากอันนึง
show me money.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1523
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 16
เม้นมาก ยิ่งถ้าเม้นในทางลบ ก้โดนด่าเยอะครับ
ตัวอย่าง SIRI ผมเม้นด้านลบตั้งแต่หน้า 75 - 80 ซึ่งตอนนั้นราคาหุ้นอยู่แถว 4 บาทกลางๆ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=2220
ตลาด it บ้านเรา ผมจัดว่าเป็น red ocean แข่งกันด้านราคาดุเดือดมาก
สินค้า it ในบ้านเรา ผมคิดว่าน่าจะจัดเป้นสินค้าโภคภัณฑ์ได้
กล่าวคือ คุณจะซื้อ intel core i7 จากร้านไหน มันก็ได้ i7 4770 เหมือนกันหมด
ไม่มีทางจะเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ intel i7 4770
คุณจะซื้อ vga card asus gtx780 จากร้านไหน มันก้ได้ asus gtx780 เหมือนกันหมด
หรือคุณจะซื้อ notebook หรือ computer set ยี่ห้อ acer , toshiba , hp , dell และอื่นๆ
ไม่ว่าจะซื้อจาก it city หรือร้านอื่นๆ ก้ได้ notebook หรือ computer set ยี่ห้อนั้นๆ เหมือนกันหมด
มันกลายเป้นว่าไม่ว่าจะซื้อจากร้านไหน มันก้ได้ยี่ห้อนั้นๆ เหมือนกันหมด
นอกจากนี้ เรื่องประกันก้เป็นประกันของ distributor เดียวกันอีก เช่น ซื้อร้านไหนๆ ก้เป้น
intel i7 4770 หรือ notebook asus ประกัน synnex เหมือนกันอีก เวลาเสีย ไม่ว่าจะซื้อ
จากร้านใด ก้ส่งศูนย์ synnex เหมือนกันหมด อาจจะผ่านร้านที่ซื้อ แต่ร้านที่ซื้อก้ต้องส่งผ่าน
ไป synnex อยู่ดีครับ
ในเมื่อมันไม่แตกต่าง หรือเหมือนกัน 100% ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ผู้ซื้อก้จะเลือกซื้อ
กับผู้ขายที่เสนอราคาให้ถูกที่สุด
ผมว่าตรงนี้แหละที่ทำให้การดำเนินกิจการของ it ตกต่ำลงเรื่อยๆ และไม่ทีท่าว่าจะฟื้น
เพราะตลาด it มันกลายเป้นตลาดโภคภัณฑ์ไปแล้ว
ในกลยุทธ์การแข่งขันของ Michael E. Porter กับ it city
1. กลยุทธ์สร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์
ในตัวผลิตภัณฑ์นั้น ไม่มีความแตกต่างจากคู่แข่งตามที่ผมกล่าวไว้ด้านบน
บริการหลังการขาย ไม่แตกต่างกัน ส่ง distributors เหมือนกันหมด
พนักงานขาย ก้เน้นขายสินค้าเหมือนกันหมด ไม่ใช่ผู้ให้คำแนะนำในระดับ specialist
2. กลยุทธ์การตลาดต้นทุนต่ำ
ข้อนี้ก้ไม่ใช่อีกแหละครับ
ต้นทุนดำเนินงานสูงกว่าคู่แข่งขันรายอื่นๆ เช่น ขนาดพื้นที่เช่าใหญ่โต ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า พนักงาน และอื่นๆ
อีกทั้งการสั่งสินค้า lot ไม่ใหญ่พอที่จะทำให้ได้ราคาอย่าง jib , advice
ดังนั้นการขายสินค้า ราคาจึงสูงกว่าผู้เล่นรายอื่นๆ
3. กลยุทธ์ตลาดย่อย
ตลาดย่อย หรือ niche market ผมมองว่าผู้ค้ารายย่อยตอบสนองได้ดีกว่า เช่น ผู้ซื้อ
ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านโดยตรง ซื้อหลายหนเข้าก้เกิดความสนิทสนม ทำให้เป็นลูกค้า
ประจำไป ข้อนี้ผมก้เป้นนะ ผมซื้อของร้านชิ้นส่วนคอมร้านหนึ่ง จนสนิทสนมกับเจ้า
ของร้าน การพูดคุยอะไรก้ง่าย ราคาไม่ซี้ซั้ว ไม่ต้องมาต่อราคา เช็คราคาร้านอื่นให้เสียเวลา
สินค้าตัวไหนร้านไม่มี เจ้าของร้านก้ไปหยิบยืมจากร้านอื่นมาให้ สะดวกผมที่ไม่ต้องเดิน
ซื้อหลายร้าน แถมราคาจะสูงกว่าร้านที่ซื้อประจำ และบางทีไปดู ไปคุยปรึกษา ไม่ซื้อก้ไม่ว่าอะไร
แต่กับ it city ไม่ใช่ ผู้ซื้อเจอแต่พนักงานขาย ตอนซื้อก็บริการอย่างหนึ่ง แต่พอไม่ได้ซื้อ
ก้บริการอย่างหนึ่ง จำกันไม่ได้ และถามมากก้พาลจะรำคาญ และที่สำคัญ ตั้งราคาไว้อย่างไร
ก้ต้องขายราคานั้น ไม่หยืดหยุ่นแบบร้านค้ารายย่อย ที่จะมีราคาลูกค้าประจำ กับลูกค้าขาจร
หรือเพิ่งจะซื้อกันครั้งแรกๆ
เมื่อ it city ไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่งเด่นเลย บริษัทก้เหมือน stuck in the middle รอวันเฉาตายไปเองครับ
ความคิดผม ยังไม่เห็นทางฟื้น หรือ turnaround ของ it city เพราะ it ไม่มี 3 ข้อดังกล่าวเลย
แล้วจะไปสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างไร
ตัวอย่าง SIRI ผมเม้นด้านลบตั้งแต่หน้า 75 - 80 ซึ่งตอนนั้นราคาหุ้นอยู่แถว 4 บาทกลางๆ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=2220
ตลาด it บ้านเรา ผมจัดว่าเป็น red ocean แข่งกันด้านราคาดุเดือดมาก
สินค้า it ในบ้านเรา ผมคิดว่าน่าจะจัดเป้นสินค้าโภคภัณฑ์ได้
กล่าวคือ คุณจะซื้อ intel core i7 จากร้านไหน มันก็ได้ i7 4770 เหมือนกันหมด
ไม่มีทางจะเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ intel i7 4770
คุณจะซื้อ vga card asus gtx780 จากร้านไหน มันก้ได้ asus gtx780 เหมือนกันหมด
หรือคุณจะซื้อ notebook หรือ computer set ยี่ห้อ acer , toshiba , hp , dell และอื่นๆ
ไม่ว่าจะซื้อจาก it city หรือร้านอื่นๆ ก้ได้ notebook หรือ computer set ยี่ห้อนั้นๆ เหมือนกันหมด
มันกลายเป้นว่าไม่ว่าจะซื้อจากร้านไหน มันก้ได้ยี่ห้อนั้นๆ เหมือนกันหมด
นอกจากนี้ เรื่องประกันก้เป็นประกันของ distributor เดียวกันอีก เช่น ซื้อร้านไหนๆ ก้เป้น
intel i7 4770 หรือ notebook asus ประกัน synnex เหมือนกันอีก เวลาเสีย ไม่ว่าจะซื้อ
จากร้านใด ก้ส่งศูนย์ synnex เหมือนกันหมด อาจจะผ่านร้านที่ซื้อ แต่ร้านที่ซื้อก้ต้องส่งผ่าน
ไป synnex อยู่ดีครับ
ในเมื่อมันไม่แตกต่าง หรือเหมือนกัน 100% ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ผู้ซื้อก้จะเลือกซื้อ
กับผู้ขายที่เสนอราคาให้ถูกที่สุด
ผมว่าตรงนี้แหละที่ทำให้การดำเนินกิจการของ it ตกต่ำลงเรื่อยๆ และไม่ทีท่าว่าจะฟื้น
เพราะตลาด it มันกลายเป้นตลาดโภคภัณฑ์ไปแล้ว
ในกลยุทธ์การแข่งขันของ Michael E. Porter กับ it city
1. กลยุทธ์สร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์
ในตัวผลิตภัณฑ์นั้น ไม่มีความแตกต่างจากคู่แข่งตามที่ผมกล่าวไว้ด้านบน
บริการหลังการขาย ไม่แตกต่างกัน ส่ง distributors เหมือนกันหมด
พนักงานขาย ก้เน้นขายสินค้าเหมือนกันหมด ไม่ใช่ผู้ให้คำแนะนำในระดับ specialist
2. กลยุทธ์การตลาดต้นทุนต่ำ
ข้อนี้ก้ไม่ใช่อีกแหละครับ
ต้นทุนดำเนินงานสูงกว่าคู่แข่งขันรายอื่นๆ เช่น ขนาดพื้นที่เช่าใหญ่โต ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า พนักงาน และอื่นๆ
อีกทั้งการสั่งสินค้า lot ไม่ใหญ่พอที่จะทำให้ได้ราคาอย่าง jib , advice
ดังนั้นการขายสินค้า ราคาจึงสูงกว่าผู้เล่นรายอื่นๆ
3. กลยุทธ์ตลาดย่อย
ตลาดย่อย หรือ niche market ผมมองว่าผู้ค้ารายย่อยตอบสนองได้ดีกว่า เช่น ผู้ซื้อ
ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านโดยตรง ซื้อหลายหนเข้าก้เกิดความสนิทสนม ทำให้เป็นลูกค้า
ประจำไป ข้อนี้ผมก้เป้นนะ ผมซื้อของร้านชิ้นส่วนคอมร้านหนึ่ง จนสนิทสนมกับเจ้า
ของร้าน การพูดคุยอะไรก้ง่าย ราคาไม่ซี้ซั้ว ไม่ต้องมาต่อราคา เช็คราคาร้านอื่นให้เสียเวลา
สินค้าตัวไหนร้านไม่มี เจ้าของร้านก้ไปหยิบยืมจากร้านอื่นมาให้ สะดวกผมที่ไม่ต้องเดิน
ซื้อหลายร้าน แถมราคาจะสูงกว่าร้านที่ซื้อประจำ และบางทีไปดู ไปคุยปรึกษา ไม่ซื้อก้ไม่ว่าอะไร
แต่กับ it city ไม่ใช่ ผู้ซื้อเจอแต่พนักงานขาย ตอนซื้อก็บริการอย่างหนึ่ง แต่พอไม่ได้ซื้อ
ก้บริการอย่างหนึ่ง จำกันไม่ได้ และถามมากก้พาลจะรำคาญ และที่สำคัญ ตั้งราคาไว้อย่างไร
ก้ต้องขายราคานั้น ไม่หยืดหยุ่นแบบร้านค้ารายย่อย ที่จะมีราคาลูกค้าประจำ กับลูกค้าขาจร
หรือเพิ่งจะซื้อกันครั้งแรกๆ
เมื่อ it city ไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่งเด่นเลย บริษัทก้เหมือน stuck in the middle รอวันเฉาตายไปเองครับ
ความคิดผม ยังไม่เห็นทางฟื้น หรือ turnaround ของ it city เพราะ it ไม่มี 3 ข้อดังกล่าวเลย
แล้วจะไปสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 17
ผมเห็นด้วยกับ คุณ micky1115 ครับ ว่า สินค้า IT เป็น ผลิตภัณฑ์โภคภัณฑ์รูปแบบหนึ่งครับ
สินค้าขายเหมือนกัน ราคาก็ตั้งแตกต่างออกไปมากไม่ได้
แต่ถ้าจะให้ ฉีกจาก ธุรกิจปัจจุบัน น่าจะลองเอาสินค้า ที่ร้านอื่นยังไม่วางจำหน่าย มาวางตลาดก่อนใครเพื่อน ( คล้ายกับ มาบุญครอง ทำกัน แต่ในกรณีของการมีหน้าร้านที่น่าเชื่อถือ จะได้เปรียบกว่าครับ )
iPhone รุ่นใหม่ที่ Shop ยังไม่วางจำหน่าย ก็หาทางเปิดตลาดวางจำหน่ายก่อน
รุ่นไหนพิเศษที่ร้านไม่มีจำหน่าย หรือไม่สั่งมา ก็นำมาขายครับ
สินค้าขายเหมือนกัน ราคาก็ตั้งแตกต่างออกไปมากไม่ได้
แต่ถ้าจะให้ ฉีกจาก ธุรกิจปัจจุบัน น่าจะลองเอาสินค้า ที่ร้านอื่นยังไม่วางจำหน่าย มาวางตลาดก่อนใครเพื่อน ( คล้ายกับ มาบุญครอง ทำกัน แต่ในกรณีของการมีหน้าร้านที่น่าเชื่อถือ จะได้เปรียบกว่าครับ )
iPhone รุ่นใหม่ที่ Shop ยังไม่วางจำหน่าย ก็หาทางเปิดตลาดวางจำหน่ายก่อน
รุ่นไหนพิเศษที่ร้านไม่มีจำหน่าย หรือไม่สั่งมา ก็นำมาขายครับ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยวิเคราะห์ it หน่อยครับหาบทวิเคราะห์ยาก......
โพสต์ที่ 19
ผมคิดว่า ไอที มีคู่แข่งน่ากลัวหลายแห่ง
อย่างผมจะซื้อจอคอมฯสัก100-200เครื่อง ก็ต้องพยายามทำให้ได้สินค้าราคาถูกที่สุด และมีการต่อรอง
ผมซื้อของ ไอทีซิตี้ไม่ได้เลยสักครั้ง เพราะต่อราคาไม่ได้
เวลาท่านจัดโปรโมชั่นก็เลยข่วงเวลาการจะซื้อไปแล้ว
สุดท้ายผมซื้อได้แต่ที่ JIB
ต่อราคาได้
มีบริการส่ง
เครมรวดเร็วทันใจ
ไม่พอใจสินค้าคืนของได้เงินสดกลับ
(กรณีนี้ผมซื้อโน๊ตบุ๊ค msi 9หมื่นกว่าบาท ใช้ได้วันเดี๋ยว เปิดเครื่องกว่าจะได้นานเกินครึ่งชั่วโมง
ทางร้านแนะนำ ทำเรื่องเคลม รอของมา1อาทิตย์ ผมบอกคืนเอาเงินสด คุยไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจบข่าว)
สินค้าในร้านไอที ไม่มีอะไรแตกต่าง กับเจ้าอื่น
คงต้องให้มืออาชีพกว่าทุกวันนี้มาบริหารล่ะครับถึงจะเป็นยักษ์ที่ลุกขึ้นมาใหม่
อย่างผมจะซื้อจอคอมฯสัก100-200เครื่อง ก็ต้องพยายามทำให้ได้สินค้าราคาถูกที่สุด และมีการต่อรอง
ผมซื้อของ ไอทีซิตี้ไม่ได้เลยสักครั้ง เพราะต่อราคาไม่ได้
เวลาท่านจัดโปรโมชั่นก็เลยข่วงเวลาการจะซื้อไปแล้ว
สุดท้ายผมซื้อได้แต่ที่ JIB
ต่อราคาได้
มีบริการส่ง
เครมรวดเร็วทันใจ
ไม่พอใจสินค้าคืนของได้เงินสดกลับ
(กรณีนี้ผมซื้อโน๊ตบุ๊ค msi 9หมื่นกว่าบาท ใช้ได้วันเดี๋ยว เปิดเครื่องกว่าจะได้นานเกินครึ่งชั่วโมง
ทางร้านแนะนำ ทำเรื่องเคลม รอของมา1อาทิตย์ ผมบอกคืนเอาเงินสด คุยไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจบข่าว)
สินค้าในร้านไอที ไม่มีอะไรแตกต่าง กับเจ้าอื่น
คงต้องให้มืออาชีพกว่าทุกวันนี้มาบริหารล่ะครับถึงจะเป็นยักษ์ที่ลุกขึ้นมาใหม่