เช่าซื้ออ่วมยอดรถใหม่ร่วงแรง กรองสินเชื่อเข้ม
ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อ ประเมินยอดรถใหม่ปีนี้ร่วงแรง คาดยอดขายไม่ถึง1ล้านคัน ปรับยุทธศาสตร์ทำธุรกิจ กรองการขอสินเชื่อเข้ม
สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนไร้ทิศทางในขณะนี้ ส่งผลในวงกว้างของทุกธุรกิจ โดยธุรกิจเช่าซื้อ ยอดขายรถยนต์ใหม่ปรับตัวลดลงรุนแรงมากกว่า 30% ในไตรมาสแรก ส่งผลให้ยอดเช่าซื้อในระบบปรับตัวลดลง
ยุทธวิธีเช่าซื้อจึงต้องปรับวิธีการทำงาน จากการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพของลูกค้า มีการคัดเลือกลูกค้าเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพมากที่สุด ไม่เน้นปริมาณเหมือนกับในอดีต และร่วมมือกับค่ายรถยนต์ในการจัดรายการเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ก็ยังไม่ได้ช่วยให้กำลังซื้อในระบบกลับคืนมาได้ง่าย เพราะประชาชนยังขาดความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ และการเมือง ที่ยังไร้ทิศทางอยู่ขณะนี้
โตโยต้าเน้นคุณภาพลูกหนี้
นายประยุทธ์ จิตรวัชรโกมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและปฏิบัติการ บริษัท โตโยต้าลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์ว่า จากนี้ไป บริษัทจะหันมาร่วมมือกับค่ายรถยนต์ในการจัดรายการส่งเสริมการขาย เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าไว้ และหันมาเน้นคุณภาพลูกค้าให้มากกว่าเดิม โดยไม่เน้นปริมาณลูกค้า เพราะได้ประเมินสถานการณ์แล้วยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งปีคงจะลดลงมาเหลือไม่เกิน 1.1 ล้านคัน จากก่อนหน้านี้ที่เคยประเมินกันเอาไว้ 1.3 ล้านคัน สิ่งที่ทำได้ ในขณะนี้คือ การออกสินค้าใหม่ บวกกับการให้ส่วนลดต่างๆ ของแจก ของแถมบางรุ่นต้องเสนอดอกเบี้ย 0% เพื่อจูงใจลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายกว่าเดิม
"เราหันมาเน้นคุณภาพของลูกหนี้มากกว่าเดิม ไม่เน้นจำนวน หรือ ปริมาณ เพราะเราต้องดูในเรื่องความเสี่ยงด้วย การจัดรายการกระตุ้นกำลังซื้อก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนอดีต"
"อาคเนย์ฯ"ชูเช่าซื้อต่อยอดธุรกิจอื่น
ขณะที่ค่าย อาคเนย์แคปปิตอล ซึ่งเป็นค่ายเช่าซื้อขนาดเล็ก ออกมาประกาศรุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ โดยหวังจะต่อยอดขยายบริการสินเชื่อเต็มรูปแบบ ซึ่งนายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน ให้ความเห็นว่า กลยุทธ์ของบริษัทจากนี้ไป ยึดแนวคิดการนำเสนอ รถดี ดีลเด็ด สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มตนในการเข้าสู่ตลาดสินเชื่อรถยนต์เต็มรูปแบบ จากก่อนหน้านี้เน้นเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ระยะยาว สำหรับธุรกิจองค์กรโดยลูกค้าจะเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ซึ่งปีที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 7,000 คัน
"สำหรับบริการใหม่ ที่เน้นลูกค้ารายย่อยครั้งนี้ นับเป็นการต่อยอดธุรกิจการเงินของกลุ่มอาคเนย์ ที่นำร่องโดยบริษัทอาคเนย์แคปปิตอล ซึ่งเป็นความคาดหวังว่าจะขยายการให้บริการสินเชื่อ พร้อมด้วยธุรกิจประกันชีวิต และประกันภัยของกลุ่มอาคเนย์ได้อย่างเต็มรูปแบบโดยเป็นการ Synergy ธุรกิจในกลุ่มเพื่อให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร"
"กรุงไทย"ธุรกิจลีสซิ่ง เน้นบริหารเสี่ยง
นายเวทย์ นุชเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานธุรกิจรายย่อยและเครือข่าย ธนาคารกรุงไทย และประธานกรรมการ บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด ได้ย้ำถึงสถานการณ์บริหารจัดการขณะนี้ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้ถือหุ้นในกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง 100% มอบนโยบายการทำงานของลีสซิ่งใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารกรุงไทย หลักใหญ่ คือ เน้นการบริหารความเสี่ยง นั่นคือการเพิ่มความระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากกว่าเดิม ในยุคเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง
"สิ่งสำคัญต้องคัดกรองลูกค้าให้มากๆ และให้เน้นลูกค้าที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท และเป็นพันธมิตรกับธนาคารกรุงไทย เช่น เป็นลูกค้าที่มีการจ่ายเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงไทย เป็นต้น เชื่อว่าวิธีบริหารความเสี่ยงในลักษณะนี้จะช่วยลดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอลในอนาคตได้ ก็นับว่าเป็นการกลั่นกรองเสียก่อนที่จะมาเป็นลูกค้า"
นายภิญญาวัฒน์ จันทรกานตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง กล่าวเสริมว่า บริษัทอยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารกรุงไทย จึงต้องเน้นเรื่องคุณภาพลูกหนี้เป็นหลัก เพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะของบริษัทแม่ เพราะการคัดเลือกลูกค้าจึงเป็นลำดับแรกที่ให้ความสำคัญขณะนี้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
นอกจากการเพิ่มความระมัดระวังการให้สินเชื่อแล้ว การให้สินเชื่อก็จะเลือกขยายไปยังตลาดเฉพาะ ซึ่งได้ให้น้ำหนักกับสินเชื่อ "รถหมุนเงิน" หรือ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ทุกคนรู้จักกันดี เพราะเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนดีกว่าสินเชื่อรถยนต์ใหม่ โดยเติบโตทุกเดือน คาดว่าปีนี้จะมียอดสินเชื่อรถหมุนเงินอยู่ที่ 5 พันล้านบาท ปัจจุบันปล่อยไปแล้ว 400 ล้านบาท จากการเปิดให้บริการสินเชื่อรถหมุนเงินมาได้ 6 เดือนยังไม่พบว่ามีเอ็นพีแอลเลย แต่มียอดชำระล่าช้าบ้าง แต่สุดท้าย ก็มีการชำระเข้ามา ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในอาชีพใดอาชีพหนึ่ง และไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง
ส่วนสัญญาณการผิดนัดชำระ ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์มือสอง ที่เริ่มเห็นมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2556 และบางรายกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล บริษัทจึงเร่งควบคุมให้มีเอ็นพีแอลไม่เกิน 2.5% จากปัจจุบันยอดเอ็นพีแอลรวมทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ 3% หากแยกเป็นรถยนต์มือสอง ยอมรับว่า มียอดเอ็นพีแอลเป็นตัวเลขสอง หลัก จากยอดสินเชื่อรถยนต์มือสอง ที่มีอยู่ 5.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของพอร์ตสินเชื่อรวม
"ลีสซิ่งกสิกรไทย" เล็งรถบรรทุก
ส่วน นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อปีนี้ หากพิจารณาจากหลายปัจจัยแล้ว เชื่อว่าไม่ถึงเป้าที่วางไว้แน่นอน แต่การสร้างผลกำไรต้องรักษาเอาไว้ที่เดิม ไม่สามารถลดเป้าได้ วิธีที่คงกำไรให้ได้ตามเป้า จึงต้องให้น้ำหนักกับการควบคุมเอ็นพีแอล ให้ลดลง โดยมีเป้าเอ็นพีแอลต้องไม่เกิน 1% จากแผนเดิมที่บริษัทจะยืดหยุ่นให้มีเอ็นพีแอล ได้ถึง 1.1-1.2% ปัจจุบันมีเอ็นพีแอล 0.8% โดยใช้มาตรการติดตามลูกหนี้อย่างใกล้ชิด
โครงสร้างการปล่อยสินเชื่อจากนี้ไป จะให้น้ำหนักกับสินเชื่อรถเพื่อการพาณิชย์ เช่น รถกระบะ รถบรรทุกมากขึ้น เพราะว่าสองเดือนที่ผ่านมา ยอดขายรถเก๋งติดลบ โดยเฉพาะเดือนก.พ. ยอดขายรถเก๋งติดลบถึง 48% ขณะที่รถเพื่อการพาณิชย์ติดลบเพียง 35%
อีกหนึ่งประเด็นที่หันมาเน้นให้สินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ เพราะว่าดอกเบี้ยที่ได้รับดีกว่าการปล่อยรถเก๋ง 0.35% และสอดคล้องกับนโยบายการคงกำไรของบริษัทปีนี้ที่ลดลงไม่ได้ แต่สินเชื่อลดลงได้ จึงเชื่อว่าสิ้นปีนี้ยอดสินเชื่อรถยนต์บรรทุกเพื่อการพาณิชย์จะเพิ่มมากกว่า 50% จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ว่าสัดส่วนการปล่อยกู้ระหว่างรถเก๋ง และรถเพื่อการพาณิชย์จะเท่ากันอย่างละ 50%
"กรุงศรีออโต้" เน้นคุมหนี้
เช่นเดียวกับ ค่าย กรุงศรีออโต้ ในฐานะรายใหญ่ในธุรกิจเช่าซื้อ ประกาศชัดว่าไม่เน้นยอดสินเชื่อในปีนี้ แต่หันมาเน้นคุณภาพหนี้แทน เรื่องนี้ นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ลีส ย้ำถึงแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจยุคนี้ จำเป็นต้องปรับให้สอดคล้องกับภาวะและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปรับนโยบายการทำงานใหม่ หันมาเน้นการบริหารคุณภาพลูกหนี้ กับการระมัดระวังการให้สินเชื่อ เพื่อควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลปีนี้ไม่ให้เกิน 2% จากสิ้นปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.5% และให้ติดตามพฤติกรรมลูกหนี้ทุกเดือน
"ขณะนี้ เราต้องดูแลลูกหนี้สินเชื่อทุกเดือน ทุกกลุ่ม และทุกสินเชื่อ เพราะว่ายังไม่เห็นภาพว่าผลิตภัณฑ์สินเชื่อไหนมีความเด่นชัด จึงต้องระมัดระวังการให้สินเชื่อเป็นพิเศษในระยะนี้ และควบคุมไม่ให้มีเอ็นพีแอลเพิ่ม"
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... อเข้ม.html