FROM RAGS TO RICHES

[wispan]

สรุปจากเวทีสัมมนา VI Summit 2016 ที่ประเทศสิงค์โปร์เมื่อวันที่ 23-24 มกราคม ปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง 8IH เป็นผู้จัด โดยในปีที่ได้แล้ว ดร นิเวศน์ ได้มาเป็นแขกรับเชิญอีกครั้ง บรรยายใน หัวข้อ The Golden decades of thai value investors ในปีนี้ ทางดร นิเวศน์ ได้รับเชิญมาอีกรอบเพื่อบรรยายให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา ในปีนี้ ที่มีมากมากว่า 1,500 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงุทน Value investor จากมาเลเซียและสิงค์โปร์ หัวข้อที่ทางดร บรรยายในปีนี้ คือ “From RAG s to Riches” A story of Thai Value Investor โดยในปีนี้ ลูกสาวดร (น้องพิซซ่า) มาเป็นพิธีกรดำเนินรายการหลักให้กับการสัมมนาทั้งสองวัน

ดร เริ่มการบรรยาย ถึง กฎแห่งความมั่งคั่ง Rule of Wealth โดยอุปมาอุปมัย กับตะเกียงอยู่สามดวงที่สำคัญ ซึ่งความสว่างของตะเกียงนั้นเปรียบเทียบได้กับความมั่งคั้ง การที่จะทำให้ตะเกียงมีแสงสว่างมากๆนั้นขึ้นอยู่กับ สองสิ่ง คือ โชค และ การปรับสวิชให้สว่างขึ้น ซึ่งเปรียบเทียบได้กับกลยุทธหรือการการปรับตัวต่อสถานการณ์ของเจ้าของตะเกียง
ตะเกียงดวงแรกที่มีผลต่อความมั่งคั่ง ได้แก่ เงินลงทุนเริ่มต้น ซึ่งมาจากสองทางคือ เงินจากมรดก หรือเงินที่ได้จากโชคต่างๆ ถ้ายิ่งได้มามากเท่าไหร่ก็หมายถึงความสว่างที่มีมาก แหล่งที่สองก็มาจากการประกอบอาชีพและการออม ซึ่งจะมีมากขึ้นอยู่กับอาชีพ ความขยันและการออม กลยุทธสำหรับตะเกียงดวงแรก ถ้ามีเงินเริ่มต้นน้อยคือ แต่งงานกับคนที่รวย หรือ ทำงานให้หนัก ทำงานให้ฉลาดและ ออมให้มากๆ
ตะเกียงดวงที่สองที่มีผลกับความมั่งคั่งได้ แก่ผลตอบแทนของการลงทุนของเงินเริ่มต้น เมื่อผลตอบแทนมาก ความสว่างของตะเกียงยิ่งมาก
ผลตอบแทนการลงทุนในรอบ 10-20ปีที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับเงินเฟ้อที่อยู่ที่ประมาณ 2-3% โดย มี ทองคำร้อยละ 2-3% เงินฝาก 2-3% หุ้นกู้ 4-5% กองทุนอสังหา 7-8% หุ้น 10% แต่ถ้าเป็นการลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณค่า 12-20%
กลยุทธในการปรับให้ผลตอบแทนดีขึ้นสำหรับคนทั่วๆไปคือคือ การจัด Port ที่เป็นมาตรฐานเช่น ควรลงทุนหุ้นเป็นสัดส่วนอย่างน้อย เท่ากับ(80-อายุ)% เงินฝากประมาณ 5-10% ซึ่งอาจารย์แนะนำให้สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในการลงทุนหุ้นให้ซื้อกองทุนประเภท Index Fund อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ผลตอบแทนดีขึ้นไปอีกควรจะลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณค่า 100% และจัด Port แบบ Focus มีโอกาสมั่งคั่งได้เร็วขึ้นไปอีก แต่ถ้าเป็นคนที่อายุน้อยและเป็น Speculate VI อาจะมีการจัด Port ที่ใช้ Margin ในการเพิ่มผลตอบแทนแต่มีความเสี่ยงสูงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามที่หวังได้
ตะเกียงดวงที่สามได้แก่ระยะเวลาการลงทุน ยิ่งมีเวลานานยิ่ง มีโอกาสมั่งคั่งมาก ซึ่งมีเรื่องดวงและ ความพยายามเป็นตัวช่วย กลยุทธในการปรับเรื่องระยยะเวลานานขึ้นคือ รีบลงทุนให้เร็วที่สุด ลงทุนให้ตลอดเวลาผ่านตลาดช่วงต่างๆ และยืดอายุตัวเองให้มากขึ้น โดยการดูแลเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย
อาจารย์ได้ยกตัวอย่างว่าถ้าเราลงทุนที่เงินเริ่มต้น 1 ล้านบาทที่ผลตอบแทนต่างๆผ่านไป 50ปี จะมีเงินเท่าไหร่ ทืผลตอบแทน 5% 11.5เท่า 10% 117เท่า 15% 1,084 และ20% 9,100 เท่า
อาจารย์ยกตัวอย่าง ตะเกียงของ Warren Buffett เริ่มต้นที่เงินประมาณ 1ล้าน US ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย20% ต่อปี ลงทุนมา 60ปี ตอนนี้มีทรัพย์สิน 60ล้าน US
ANNe SCHEIBER เป็นผู้หญิงโสด นิสัยประหยัดอาศัยอยู่ในอพาร์ตเม้นเล็กๆ เริ่มลงทุนด้วยเงิน 5000 Us ตอนอายุ 51ปี ตายตอนอายุ 101ปี ลงทุน 50ปีผลตอบแทนประมาณ 18% มีทรัพย์สินตอนตาย 22ล้าน US บริจาคการกุศลหมด เป็นตัวอย่างของการอยู่อย่างจนจากไปอย่างรวย กลยุทธการลงทุนของ ANNE คือลงทุนในหุ้นระยะยาวและถือแต่ Super Stock เช่น Coca cola Schering –Plough
อาจรย์เพิ่มเติมว่าสมมตินักลงทุนในห้องนี้ ถ้าลงทุน1ล้าน เหรียญสิงค์โปร์ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย 10% เป็นเวลา 50ปี ทุกคนจะมีทรัพย์สินอยู่ที่ 100ล้านเหรียญสิงค์โปร์และถ้าผลตอบแทนเพิ่มเป็นร้อยละ 15 จะมีทรัพย์สินเป็น 1พันล้านเหรียญ
อาจารย์ได้ยกตัวอย่างตะเกียงของตัวเองคือเงินลงทุนเริ่มต้น อาจารย์เกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน อาจารย์เป็นหนึ่งในพี่น้องที่มีโอกาสได้รับการศึกษา การลงทุนอย่างแรกของอาจารย์คือการลงทุนในการศึกษา และใช้การศึกษาเป็นสิ่งที่ทำรายได้และต่อยอดในการทำงาน อาจารย์เก็บเงินมากกว่าร้อยละ30ของรายได้ จนมีเงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 500,000 เหรียญ US ตะเกียงดวงแรกอาจารย์ไม่สว่างเลยแต่อาจารย์ก็พยายามอย่างหนัก
ตะเกียงดวงที่สอง อาจารย์ใช้กลยุทธการลงทุนของ Warren Buffett เน้น Super Stock ลงทุน 100% ตั้งแต่ปี 1997 และมีโชคที่ได้อยู่ในยุคทองของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าในไทย ทำให้ได้รับผลตอบแทน34% ต่อปี ใน 19ปีที่ผ่านมาโดยมีผลตอบแทนติดลบแค่เพียงสองปีและเงิน 1 บาทที่เริ่มลงทุนปัจจุบันมีมูลค่า 260 บาท อาจารย์กล่าวเพิ่มว่าอาจารย์ลงทุนโดยเฉลี่ยร้อยละ 70%อยู่ในหุ้นแค่เพียง 5 ตัวมาตลอด 19ปี และพึ่งเริ่มมาถือเงินสดมากขึ้นปัจจุบันประมาณร้อยละ 30 และเริ่มต้นไปลงทุนในตลาดต่างประเทศประมาณร้อยละ 5 ปีที่ผ่านมากถึงแม้ราคาไม่ขึ้นแต่ที่เวียดนามก็ยังได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณร้อยละ 10
ตะเกียงดวงที่สาม ระยะเวลา อาจารย์เริ่มลงุทนอายุ 44 หลังวิกฤต และหวังที่จะลงทุนไปเรื่อยถึงอายุ 80
ผลตอแทนการลงทุนที่ผ่านมาใน 19ปี สามารถอาชนะ Warren Buffet ได้ผลตอบแทนต่อปีแบบทบต้นที่ 34.0% เทียบกับตลาดที่ 2.6 %,มีผลตอบแทนแพ้ตลาดแค่เพียงสามปี เงินลงทุนอาจารย์ใน 19ปีเพิ่มขึ้น 260 เท่า
อาจารย์เล่าเพิ่มเติมการค้นหา Super Stock คือเริ่มต้นหาแนวโน้มที่เป็น MEGA Trend ที่คนวัยหนุ่มๆสาวหรือคนทีตังค์ใช้ และหาหุ้นที่เป็นผู้ชนะ
โดยผู้ชนะจะมีลักษณะดังนี้
หนึ่ง มีความสามารถในการแข่งขันแบบทนทาน Durable Competitive Advantage ได้แก่ มีเครือข่าย มี Economies of scale มี Brand มีการผูกขาดโดยธรรมชาติ มีวต้นทุนวัตถุดิบราคาถูก มีต้นทุนสูงสำหรับผู้ใช้ในการเลิกใช้ และที่สำคัญไม่ถูกทำลายโยเทคโนโลยี่
สอง มีความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอันเป็นผลจากข้อแรก
สามมีงบการเงินที่ดี เช่นมีผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15% มี NPM ที่สูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม มีกำไรที่เติบโตโดยตลอด มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดี มีการลงทุนอุปกรณNครื่องจักรการบำรุงรักษาที่ต่ำ
สี่ มีราคาถูกและเหมาะสมเช่น PE ไม่มากกว่า 30สำหรับ Super Stock และยังมี Market Cap ขนาดเล็กๆเมิ่เทียบกับศักยภาพในอนาคต
อาจาราย์ได้ให้เหตุผลในการขาย Super Stock ว่าขายเมื่อมี Super Stock ตัวใหม่กรณีไม่มีเงินสดเหลือ ขายเมื่อราคาแพง ขายเมื่อสูญเสียองค์ประกอบ Super Stock และตลาดหรืออุตสาหกกรรมแม้กระทั่งบริษัทเริ่มอิ่มตัว
ตัวอย่าง Super Stock ในเมืองไทย ที่ผ่านมา CPALL HMPRO BH CPN AOT MINT ADVANC
บทสรุปสุดท้ายอาจารย์กล่าวว่าตัวเองเริ่มต้นจาก RAG คือคนจนช่วง 0-22 ปี ทำงานศึกษา 23-32 ปี ค้นหาตัวเอง มีครอบครัว 33-42 เป็นนักลงทุนเต็มตัว 45-51 และเป็นมหาเศรษฐี อายุ 52ถึงปัจจุบัน
อาจารย์ให้คำนิยามตัวเองว่าเป็น Natural Value investor ที่เป็นคนประหยัด มีเหตุผล มีวินัยสูงและ อยู่อย่างสมถะ

ความฝันอาจารย์มีไม่มากตอนเด็กเคยอยากเป็นเหมือนพ่อคือเป็นช่างไม้ โตขึ้นก็พยายามทำให้ตัวเองดีขึ้นเก่งขึ้นทุกๆปี และความฝันมื่อปี 1997 หลังวิกฤตการเงินคืออยากเป็น Leader of THAI VI ซึ่งปัจจุบันคิดว่าทำได้สำเร็จแล้ว
การเปลี่ยนแปลงหลังจากเป็นนักลงุทนที่ประสบความสำเร็จ

ในด้านการใช้ชีวิต ค่อนข้างเหมือนเดิม ดีขึ้นเล็กน้อย
ในด้านการทำงาน ดีขึ้นมาก มีความสุขมากขึ้น เสี่ยงน้อยลง
ในด้านความสุข เปลี่ยนไม่มาก เงินไม่ได้ซื้อความสุข แต่ช่วยให้เวลาเจ็บป่วยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย
ในด้านสังคม เป็นที่รู้จักมากขึ้น คนฟังสิ่งที่ผมพูดมากขึ้น

อาจารย์สรุปตอนท้ายว่าสิ่งที่มำให้ผมประสบความสำเร็จคือโชคและกลยุทธที่ถูกต้อง กลยุทธนั้นคือ FOCUS INVESTING of SUPER STOCK พร้อมกับ Quote คำพูดของ BUFFETT ที่ว่า

"You only have to do very few things right in your life so long as you don’t do too many things wrong”
สรุปผิดพลาดประการใดขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยครับ

[HorseVision]

ขอบคุณครับ

[Richdollar]

ขอบคุณมากครับ

[audipresso]

สรุปได้ยอดเยี่ยมมากเลยครับ ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ

[kongkiti]

ขอบคุณมากครับ

[amornkowa]

ขอบคุณครับ ผมจบสวนและวิศวลาดกระบังเหมือนกีน

[eno_khem]

ดร.เอามาเล่าในรายการ Money Talk ด้วยครับ

[torpongpak]

ขบคุณครับ

[Neverland]

ขอบคุณมากครับ

[RubyRed]

ขอบคุณค่ะ

[xrayman]

ขอบคุณครับ

[Noinar]

ขอบคุณครับ

[i-salmon]

เพิ่งได้อ่าน ขอบคุณครับ

[ผักกาด]

ขอบคุณมากค่า