ข่าวด่วน ข่าวดีมาก ดร.นิเวศน์ ลาออกSCIBมาบริหารกองทุน VIแล้ว

[ForrestGump]

สัมภาษณ์พิเศษ..ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร โบกมือลา SCIB ขอไปบริหารกองทุน

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมานานกว่า 20 ปีเปิดใจกับ
EFINANCETHAI.COMเกี่ยวกับประวัติการทำงานและอนาคตเกี่ยวกับงานที่ชอบ รวมถึง
การตัดสินใจลาออกจากธนาคารนครหลวงไทยซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2547

-ก่อนมาทำงานที่ธนาคารนครหลวงไทย ทำงานด้านใดมาก่อน
ความจริงแล้วจบทางด้านการบริหารการเงินบริหารการลงทุน จบปริญญาเอกด้านการ
ลงทุน ก่อนหน้านี้อยู่ในวงการการเงิน ได้แก่ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,บงล.
นวธนกิจ หลังจากนั้นก็มาทำงานที่แบงก์ ทำมาเกือบ 3 ปีแล้ว อีก 1-2 เดือนก็ครบ3 ปี เข้ามาทำ
งานก่อนที่ธนาคารจะมีการควบรวมกิจการกันประมาณ 1 ปี

-การทำงานในธนาคารดูแลด้านไหน
เป็นการบริหารความเสี่ยงให้ธนาคาร เกี่ยวกับการจัดระบบตรวจสอบความเสี่ยง ซึ่งไม่
ใช่งานเกี่ยวกับกับบริหารกองทุนหรือการลงทุน ซึ่งเราอยากทำมานาน ถึงวันนี้คิดว่าน่าจะเป็นเวลา
ที่สมควรแล้ว

-ทำไมถึงตัดสินใจลาออกจากธนาคาร
จริงๆแล้ว อยากจะทำเกี่ยวกับงานที่เราอยากทำ ทำตามใจตัวเองคือ การบริหารกอง
ทุนหรือการทำงานเกี่ยวกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นทางวิชาการ ให้ความรู้ หรือการบริหารเงิน ถือ
ว่าเป็นวัตถุประสงค์หลัก ยืนยันว่าการลาออกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแบงก์ และยังเปิดกว้างที่จะทำ
งานกับแบงก์อีก แต่ต้องอยู่ในแนวการลงทุน ซึ่งเป็นไปได้พอสมควร มีโอกาสสูงพอสมควรที่สุด
ท้ายก็อยู่ที่นี่ แต่ทำงานด้านการลงทุน แต่การย้ายไปทำตรงโน้นเลยก็ไม่เหมาะ ก็ต้องลาออก
ก่อนให้เปิดกว้างในการตัดสินใจ

-มีบลจ.ไหนติดต่อมาหรือยัง
ยังไม่ได้ติดต่อใคร แต่เราก็ลาออกมาก่อน หลังจากนั้นคงไปศึกษาดู และอาจจะไม่
ใครติดต่อมา แต่แม้ว่าจะไม่มีใครติดต่อมา แต่เราก็บริหารของเราเองอยู่แล้ว โดยส่วนตัวก็
บริหารเงินทุนการลงทุนอยู่แล้ว เป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้เราก็ทำให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในระหว่าง
ที่ยังไม่ได้ทำงานด้านการลงทุน ก็จะไปเป็นผู้เชียวชาญด้านวิชาการของนิด้า จะช่วยด้านวิชาการ
เป็น Part Time ไม่ใช่งานหลัก ซึ่งหากใครต้องการให้ไปช่วยงานด้านการลงทุนก็สามารถติดต่อ
มาได้

-หากมีโอกาสบริหารกองทุนกองทุนที่บริหารจะเป็นอย่างไร
จะเป็นกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนจะมีเงินลงทุนในกองทุนดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทำให้คน
ลงทุนมีความมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดความเสียหาย ถือว่าเป็นการลงทุนที่แฟร์ที่สุด ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุด
ขายได้ ส่วนอัตราผลตอบแทนน่าจะอยู่ประมาณ 10-15% เพราะกองทุนส่วนใหญ่ ผู้จัดการกอง
ทุนไม่ได้มีส่วนในการลงทุน โดยแนวโน้มจะเป็นการลงทุนหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลักษณะนี้ในต่าง
ประเทศมีแล้ว แต่ในเมืองไทยยังไม่เห็นว่ามีใครทำ แต่หากจะทำจริงคงต้องพิจารณาเรื่อง
Conflict of Interest

-มีวิธีการในการลงทุนเป็นอย่างไร
หลังจากที่จบปริญญาเอก อายุ 32 ปี ก็เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยช่วงแรกเป็น
การลงทุนแบบเก็งกำไรจริงๆ เพราะตลาดหุ้นเพิ่งบูม แต่ช่วงนั้นไม่ได้ลงทุนจริงจัง เก็งกำไรเป็น
ช่วง มาลงทุนแบบValue Invester จริงในช่วงก่อนวิกฤติปี 2540 หรือประมาณ2538-2539
ตั้งแต่นั้นลงทุน 100% ปัจจุบันมีหุ้นในพอร์ทประมาณ 20 ตัว และบางตัวถือตั้งแต่วิกฤติ ทำให้
ต้นทุนต่ำ นับถึงปัจจุบันมีประสบการณ์ในการลงทุนประมาณ 20 ปี

-มีวิธีการแบ่งสัดส่วนในการบริหารเงินส่วนตัวอย่างไร
ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นหมด 100% โดยผมบริหารเอง ปีนี้ผลตอบแทนไม่ดี แต่ปีที่แล้ว
ดี ซึ่งผลตอบแทนที่ผมลงทุนเองดีกว่าตลาดโดยตลอด แต่ปีนี้อาจจะแพ้ ก่อนหน้านี้ 7-8 ปีชนะมา
มาก ซึ่งการลงทุนจะเน้นหุ้นที่ให้ปันผลเกือบทุกตัว เพราะเราลงทุนยาว เราต้องคิดว่ากิจการที่ดี
แข็งแกร่งหากไม่มีปันผลต้องมีอะไรผิดปกติ แสดงว่ามีปัญหา โดยสัดส่วนการปันผลอย่างต่ำต้อง
3-4 % ขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่จะได้ 4-5%

-เปรียบเทียบการลงทุนระหว่างตราสาร หรือหุ้นในปัจจุบันเป็นอย่างไร
ผมยังมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นดีกว่า เพราะดูตอนนี้ผลตอบแทนจากหุ้น 10 % ต่อ
ปี ก็ยังน่าจะได้ ขณะที่ตราสารอย่างอื่นดีที่สุดเห็นจะเป็นพันธบัตรรัฐบาลที่พึ่งออกมา แต่ให้ผล
ตอบแทนแค่ 5-6 %ต่อปีเอง ดังนั้นหุ้นก็ยังน่าจะดีกว่าแม้ว่าจะมีความผันผวนของตลาด

-หลักการลงทุนในหุ้นที่ผันผวนควรจะเลือกลงทุนอย่างไร
ต้องลงทุนในกิจการที่ปลอดภัยจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนได้มาก คิดว่ากลุ่มพวก
อุปโภคบริโภคพวกค้าขายที่ค่อนข้างมั่นคง พวกค้าขายที่ไม่ขึ้นกับความผันผวนขอราคาของอัตรา
ดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน เพราะกลุ่มนี้เป็นประเภทที่ซื้อมาขายไป ทำให้โอกาสการขาดทุนมีน้อย
เศรษฐกิจจะกระทบไม่มาก หรือประเภทค้าปลีก Moder Trade เช่น CP7-11 Big C

-มองการลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างจากอดีต
ที่จริง 80-90% ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีคนกลุ่มหนึ่ง 10-20% ที่เริ่ม
มองหาหุ้น คุณค่ามากขึ้น ทำให้หุ้นพวกนี้เริ่มปรับตัวมากขึ้น ทำให้ราคาไม่ได้ถูกเหมือนสมัย
ก่อน คนเริ่มหาคุณค่ามากขึ้น แต่ยังมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับนักลงทุนส่วนใหญ่ในบ้านเรา
ที่พฤติกรรมยังไม่เปลี่ยนมาก ทั้งในเรื่องของความโลภ ความกลัว และสภาพแวดล้อมของตลาด
หุ้นก็เอื้ออำนวยให้เกิดการเก็งกำไร

-เตือนนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในตลาด
การเก็งกำไรระยะสั้นในขณะที่ภาวะผันผวนและภาวะเศรษฐกิจดูเหมือนว่าจะมี สิ่ง
ที่คาดการณ์ความเสี่ยงไม่ได้หลายเรื่อง ถือว่ามีความเสี่ยง เพราะการเก็งกำไรระยะสั้นเหมาะ
สำหรับภาวะที่ค่อนข้างจะสดใส ที่เห็นทุกอย่างดูดี การเก็งกำไรไปได้ เพราะการเก็งกำไรใช้
จิตวิทยาของคน หุ้นเก็งกำไรข้อเสียคือเวลาราคาลงจะลงมากเป็นเท่าตัว

-ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาบูมอีกหรือไม่
คงต้องใช้เวลา เนื่องจากพึ่งจะมีการบูมเมื่อปีที่แล้ว ขึ้นไปตั้ง 117% ถือว่าในภาวะ
ปกติต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะขึ้นไปได้อย่างนั้น และหากหุ้นปรับตัวขึ้นในรอบใหม่ จะมีคนค่อย
เทขายกันมาก ต้องรอผลกำไรในการผลักดันให้ขึ้น และปกติกำไรของบริษัทไม่ได้โตมาก การที่
หุ้นขึ้นตามกำไรจะไม่มีโอกาสขึ้นทีละ 100% ถือว่าค่อนข้างผิดปกติ ช่วงนี้คงต้องหวังการขึ้นตาม
กำไรของบริษัท แม้แต่ในช่วงเลือกตั้งมีโอกาสที่หุ้นจะดีขึ้นแต่จะเป็นการไล่ราคาในหุ้นบางตัว
เท่านั้น

-มองเศรษฐกิจไทยปีนี้อย่างไร
เหลืออีกไม่กี่เดือน แต่ก็น่าจะOK เพราะภาวะน้ำมันของเราที่ถูกตรึงราคาไว้ ทำให้
คนไทยไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไรว่า เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้คนไม่รู้สึกว่าต้องลดการบริโภค
ดังนั้นปีนี้ยังพอไปได้พอสมควร เพราะส่งออกก็ยังพอไปได้

-มองเศรษฐกิจไทยในปีหน้าหลังการเลือกตั้งเป็นอย่างไร
ก็ต้องดูภาวะเศรษฐกิจในตอนนั้น แต่หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่สูง ก็จะทำ
ให้การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลต้องปรับมาก อาจะมีผลกระทบการชะลอการบริโภคลง ตอนนั้นจะ
เห็นภาพที่แท้จริงว่าเศรษฐกิจเราจะมีปฎิกริยาอย่างไร ซึ่งดูยากเหมือนกัน


***** ผมขอซื้อกองทุนนี้ด้วยคนนึง จองก่อนเลยครับ

[ลูกอิสาน]

หากท่าน ดร.บริหารกองทุนหุ้นจริงๆ
ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากครับ
เพราะงานนี้คงจะมีคนเป็นร้อยเป็นพันที่ได้รับประโยชน์
จากความรู้ความสามารถของท่านครับ

เอ้า..ขอร่วมจมหัวจมท้ายลงเงินด้วยคนครับ :lol:

[นักดูดาว]

ดีใจด้วยครับ ที่ท่านได้ทำงานที่ชอบ แบบนี้ถึงเรียกได้ว่าอิสระทางการเงินและการงานครับ ระดับท่านคงไม่ได้ลงมาเป็น Fund Manager ต้องมารับภาระวิเคราะห์บริษัท หรือเยี่ยมบริษัทเองนะ ผม(เดา)ว่าคงเป็นผู้บริหารระดับนโยบายมากกว่า

[ประจวบ]

ผมว่าอันนี้เป็นจุดขายได้ครับคือ
1.ให้อจ.นิเวศน์เป็นผู้จัดการกองทุนแนวvi
2.อจ.เองลงทุนในกองทุนในปริมาณที่มากพอสมควร
คล้ายๆที่ warren buffet บริหารเบิกไช. และลงทุนเงินทั้งหมดของเค้ากับลูกๆหลานๆในกองทุนนี้ด้วย
ระยะแรกพอร์ตอาจจะหวือหวาคือดัชนีขึ้นคนเข้ามาลงทุนกันมาก พอดัชนีตกหรือnavลงมากกว่าตลาดก็ทิ้งหนีกัน แต่ระยะยาวๆผมว่าจะเหลือแฟนพันธ์แท้จริงๆที่ถือไปเรื่อยๆ
และถ้าจะให้ดีน่าจะเป็น ltf จะได้ถือยาวอย่างน้อย5ปีเพื่อรอดูผลงาน

[นักดูดาว]

ใช่เลยครับพี่ประจวบ ดร.นิเวศน์ กลายเป็น"ซูเปอร์แบรนด์"ของการลงทุนแบบนี้ในประเทศไทยไปแล้ว น่าจะช่วยให้มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนกับกองทุนท่านเป็นจำนวนมาก ให้ท่านเปิดบริษัทจัดการกองทุนเอง ผมก็ว่าต้องมีส่วนแบ่งตลาดที่ดีมากแน่ๆครับ

[MacroArt]

อยากเห็นราคาหุ้นกองทุนของ ดร. ขึ้นถึงหลักหมื่นบาทจัง ไม่ต้องแตกพาร์ด้วย

[โป้ง]

สนใจเข้าร่วมครับ

หวังลึกๆ ให้เป็นเหมือน เบิร์คไชร์ ฮาธอเวย์ ของเมืองไทย

[zynetic]

อยากร่วมลงทุนด้วยจังค่ะ ขอให้อาจารย์ตั้งกองทุนเร็วๆ

[noone]

อารายกันครับ ยังไม่ทันรู้เลยว่ากองทุนจะเป็นยังไง บอกว่าจะซื้อกันและ ค่อยๆดูครับ ใจเย็นๆ

[นักดูดาว]

สงสัย

ยิ่งช่วงนี้มีเรื่องสอบสวน NPL และSCIB นี่ก็มี NPL น้อยมากๆ (ตามรายงาน) สงสัยว่า ดร.นิเวศน์ลาออกจาก SCIB เพราะไม่เห็นด้วยกับนโยบายบางอย่าง หรือเปล่าครับ

[ต.หยวนเปียว]

แกอยู่ฝ่ายควบคุมความเสี่ยงใช่ไหมครับ

แกบอกบ่อยๆว่า ลำพังเงินปันผลจากหุ้นก็พอใช้แล้ว
ยังมีรายได้จากขายหนังสือ สอนหนังสือ บรรยายพิเศษ ฯลฯ

[นายสต็อก]

คนที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถก็ต้องเหนื่อยนิดหน่อยครับ
ยิ่งงานบริหารด้วย ความสามารถระดับด๊อกเตอร์ ผมว่างานบริหาร
เป็นเรื่องสบายมากๆ ขอเป็นกำลังใจให้อย่างเต็มที่ครับ...

เศรษฐกิจไทยจะได้รุ่งเรือง เพราะมีนักลงทุนที่เปี่ยมด้วยความ
สามารถและประสบการณ์แบบท่าน ดีมากๆครับ 8)

แล้วชื่อกองทุนนี้ชื่ออะไรครับ...จะได้คอยติดตามผลงาน

[Oh_Geroge!!!]

รับจองทางกระทู้นี้เลยป่ะคับผม

[สมชาย]

ท่านนิเวศน์ ถือหุ้น บิ๊กซ๊ มาหลายเดือน ใครๆก็รู้ แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาท่าน ออกมาเชียร์ บิ๊กซ๊ อย่างออกหน้าออกตา อย่างนี้หรือครับที่เป็นบุคคลที่น่านับถือ

[สมศํกดิ์]

ทำไมหุ้นที่ท่านออกมาเชียร์ เมียท่านถือก่อนหน้าเยอะจัง

[PRO_BABY]

ผมก็ขอจองด้วยครับสัก 6 หลักก็พอครับ

[chatchai]

นักลงทุนแนว VI ต้องไม่เป็นคนหูเบาครับ ไม่ซื้อหุ้นของบริษัท A เพียงเพราะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงแนะนำ เวลาอ่านบทวิเคราะห์หรือคำแนะนำต่างๆ เราควรนำความรู้และความเข้าใจของเราเองวิเคราะห์ว่าควรจะซื้อหรือไม่

ตอนที่ผมแนะนำ WG ในเวบนี้ ผมก็ถือหุ้น WG หลายแสนหุ้นแล้ว

ถามว่าผมผิดไหม ผมว่าคงต้องดูข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ผมเสนอครับ ถ้าคุณสนใจก็คงต้องอ่านและศึกษาข้อมูลและการวิเคราะห์ของผมนั้นถูกต้องแค่ไหน ข้อมูลที่เสนอคงต้องถูกต้อง เพราะเป็นข้อเท็จจริง แต่การวิเคราะห์อาจจะผิดก็ได้

บางคนอ่านแล้ว วิเคราะห์แล้ว อาจจะไม่ลงทุน แต่ก็อาจจะได้หลักในการวิเคราะห์หุ้นอีกรูปแบบหนึ่ง

ในทางกลับกัน ถ้าเราแนะนำว่าหุ้นบริษัทนี้ดี ราคาถูก น่าซื้อ แต่เราไม่ซื้อเอง น่าแปลกไหมครับ เหมือนผู้บริหารที่คอยบอกว่าบริษัทของตัวเองดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตัวเองไม่ซื้อหุ้นของบริษัทเลย แล้วอย่างนี้จะเชื่อได้แค่ไหนครับ

[ต.หยวนเปียว]

เห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยครับ
...ถ้าบอกว่าบริษัทดี แล้วคนบอกไม่ซื้อหุ้นนั้น......

[CK]

นักวิเคราะห์มืออาชีพจริงๆ จะไม่ "ซื้อ" และ "ขาย" หุ้นที่ตัวเองวิเคราะห์ภายในช่วงสามถึงหกเดือน "ก่อน" และ "หลัง" จากบทวิเคราะห์ออกครับ

เป็นจรรยาบรรณการเป็นนักวิเคราะห์ที่สำคัญมาก

[บุคคลทั่วไป]

เห็นด้วยกับคุณ CK ครับเรื่อง นักวิเคราะห์ มืออาชีพที่ไม่ซื้อหรือขายหุ้นก่อนหรือหลัง กี่เดือนๆ กี่เดือน

แต่สำหรับ ดร.นิเวศน์แล้ว ผมคิดว่าเค้าไม่ใช่นักวิเคราะห์มืออาชีพ และเป็นเหมือนการบอกข้อมูลคร่าวๆ มากกว่า ไม่งั้นคงบอกราคาที่ซื้อ และ ราคาที่ขายไปตรงๆ แล้ว ไม่ดีเหรอครับ ถ้าเค้าตั้งใจจะหลอก คนอ่านจริงๆ (อย่าบอกนะว่า ดร. ไม่มีใบประกอบอาชีพวิเคราะห์หลักทรัพย์ถึงบอกละเอียดไม่ได้)

ผมเห็นด้วยกับคุณฉัตรชัยครับ ที่ว่า ถ้าบอกว่าตัวนั้นตัวนี้ดีแล้วไม่ซื้อเนี่ย ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ก็เหมือน ผู้จัดการกองทุนไม่ได้ลงทุนในกองทุนตัวเองนั่นแหละครับ

เมื่ออ่านแล้ว
1. ต้องวิเคราะห์ถึง ธุรกิจจริงๆ ดูงบการเงิน และ ประวัติการทำงานของผู้บริหาร ฯลฯ เอง และตัดสินใจเอง ไม่ใช่ซื้อหุ้นเพราะคนบอก
2. ถ้าเพื่อนๆทั้งหลายคิดว่า ดร.นิเวศน์ไม่จริงใจ มีเจตนาจะเชียร์หุ้นแล้วปล่อยของ เพื่อนๆ ก็ต้องลองดูว่า เมื่อระยะเวลาผ่านไป แล้วมีการทำแบบนั้นจริงหรือไม่
3. ก่อนจะตัดสินใคร ผมว่า ขอให้ดูประวัติการกระทำ ข้อเขียน การซื้อขายหุ้นของเค้าที่ผ่านมา และถ้าคุณคลางแคลงใจ ก็อย่าไปซื้อหรือทำตาม แต่ขอให้เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรนะครับ
4. เรื่องที่บางคนโจมตี ดร.นิเวศน์ว่า เชียร์ซื้อแล้ว บางทีขายไปก่อนนั้น แล้วไปโทษ ดร.นิเวศน์ บางทีผมว่ามันไม่แฟร์ นะครับ คุณลองคิดดูนะว่า
ถ้าคุณเป็น VI จริงๆ คุณต้อง....
- รู้ซึ้งถึงธุรกิจนั้นๆ ถึงจะประเมินศักยภาพและคุณค่าออกมาได้
- ดูงบการเงิน และ ผู้บริหารแล้ว "ซื้อในราคาต่ำกว่ามูลค่า" ที่แท้จริง
นั่นคือ หลักการจริงๆ ถ้าคุณซื้อราคาต่ำกว่ามูลค่า แล้วเมื่อมันขึ้นสูงกว่ามูลค่า คุณก็ขายซะ เท่านั้นเอง
- ถ้า ดร.นิเวศน์ต้องมานั่งบอกว่า ตัวนี้ดี ให้ซื้อราคาเท่านี้ และ ตัวนี้ราคาสูงเกินไป ต้องขายแล้วนะ กับทุกๆ คน คุณว่าเค้าจะทำให้เปลืองตัวทำไม เพราะ หุ้นที่เค้าซื้อก็ไม่ใช่เป็นหุ้นแบบเก็งกำไร ระยะสั้น พอทำบ่อยๆ เค้าก็ไม่มีเครดิตให้เชื่อถืออย่างทุกวันนี้หรอก

โดยสรุป สำหรับผมแล้ว ไม่เคยคลางแคลง ดร.นิเวศน์เลย เพราะ ผมติดตามผลงานของดร.มานาน และ ดร.ก็เป็นคนแรก ๆที่นำหลักการ VI เข้ามาเผยแพร่ ทำให้ผมได้รู้จักคิดเป็นเหตุเป็นผล ไม่ขาดทุน และ ลงทุนอย่างมีความสุข แต่ข้อเขียนของ ดร. สอนให้ผมหัดวิเคราะห์เอง ผมก็ไม่ได้ซื้อทุกตัว ที่ ดร.ว่า น่าสนใจนะครับ

ขอให้เพื่อนๆ ทำใจเป็นกลางและ ให้ระยะเวลา พิสูจน์คนครับ ขอบคุณ :lol: ครับ :lol:

[ประจวบ]

ผมก็เป็นอีกคนนึงที่มั่นใจในตัวอจ.นิเวศน์
และมาเขียนให้กำลังใจหลายๆครั้งแล้วครับ

อจ.มักจะให้ความรู้แบบกว้างๆตามแนวvi
นานๆครั้งจะหลุด"ใบ้หุ้น"มาสักครั้ง
ตั้งแต่ที่ผมติดตามผลงานอจ.มาตลอด3ปี(ตัดหนังสือพิมพ์เก็บไว้ทุกครั้ง)
อจ.จะใบ้หุ้นมาประมาณ3-4ครั้ง
มักจะออกมาตอนที่ตลาดอึมครึมหรือsideway

อจ.จะไม่ใบ้เป็นตัวๆ แต่จะบอกเป็นกลุ่ม
เท่าที่เคยpostไว้คือร.พ สิ่งพิมพ์ ค้าปลีก และหุ้นช้าง10เชือก
หลายๆตัวที่พวกเพื่อนๆpostว่าอ.จ.ถือ
พวกเราไปค้นเจอกันเองเช่น bigc se-ed irc

แม้ผมจะเคารพอจ.มาก แต่ผมเห็นด้วยกับอจ.แค่2กลุ่ม
คือสิ่งพิมพ์และรพ.

viพันธ์แท้ต้องมีวิจารณญานของตัวเองครับ
ขึ้นกับสายตา(ความรู้)และจริตของตัวเองว่าชอบแบบไหน
ผมรู้จักกับคุณมนตรีมาเกือบ3ปีแล้ว
แลกเปลี่ยนความรู้กันบ่อยมาก
แต่เชื่อไหมครับ
ผมถือหุ้นตัวเดียวกับคุณมนแค่1ตัวคือtru(ผมถือเกือบ20ตัว)
และต่างคนก็ต่างขายทิ้งไปโดยได้บอกกล่าวเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

ผมไม่อยากให้พวกเราช่วยกันถล่มจนอจ.หมดกำลังใจ
ทั้งๆที่ข้อเขียนของอจ.เท่ากับสร้าง"คู่แข่ง"ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
แต่เป็นความใจกว้าง ความเป็น"ครู"
ทำให้อจ.เขียนบทความและข้อคิดข้อเตือนใจชาวvi
ออกมาอย่างอย่างสมำเสมอ

[นักดูดาว]

ถ้า ดร.เชียร์ซื้อ ปล่อยของจริง พอร์ตท่านคงไม่หด 25% จากต้นปีมั้งครับ เห็นๆก็ IRC ท่านน่าจะโดนเต็มๆ

แต่ท่านอื่นผมไม่ทราบ ว่าจะวิเคราะห์เพื่อออกของหรือเปล่า
ที่เห็นเจ๋งๆ ก็โบรคชื่อดังบนดาวพุธ เชียร์ซื้อทีไรเป็นได้เรื่องทู๊กที

ดร.นิเวศน์ครับ ว่างจากงานที่สคิบแล้ว เรียนเชิญมาเสวนากับ VI รุ่นน้องๆจะเป็นพระคุณมากครับ

[CK]

ท่านดร.เคยบอกว่าพิมพ์ดีดไม่เก่งครับ เลยอ่านอย่างเดียว

ท่านนักดูดาว ลายเซ็นนี่เป็นมุกหรือของจริงครับ ผมอุตส่าห์ไป
เปิด profile.php บรรทัดที่ 253 ดู มังมีแค่ 100 กว่าบรรทัดเอง

[HI.ผมเอง]

ถ้า ดร.เชียร์ซื้อ ปล่อยของจริง พอร์ตท่านคงไม่หด 25% จากต้นปีมั้งครับ เห็นๆก็ IRC ท่านน่าจะโดนเต็มๆ

แต่ท่านอื่นผมไม่ทราบ ว่าจะวิเคราะห์เพื่อออกของหรือเปล่า
ที่เห็นเจ๋งๆ ก็โบรคชื่อดังบนดาวพุธ เชียร์ซื้อทีไรเป็นได้เรื่องทู๊กที

ถ้ายังไม่ออกของ จริงๆก็น่าเห็นใจครับ

รู้แต่ว่าช่วงนั้นแรงซื้อบวกความอยากได้ของ VIมือใหม่มีมากจริงๆ และก็คงมีรายใหญ่ๆที่ถือมาตั้งแต่ราคายังต่ำอยู่ ได้ขายทำกำไรออกมาเยอะมาก ซึ่งหากย้อนไปดูหุ้นดีๆของชาว VI หลายๆตัวก็ถูกความอยากได้ผลักดันราคาจนสูงมาก
หาก อ. เค้ายังไม่ขายออก ก็แสดงว่าท่านประเมิน intrinsic value ของ irc มากกว่า19บาท ใช่มั๊ยครับ ท่านเลยยังไม่ขายออก
แต่หากมองในเชิงกร๊าฟ นิดหน่อย
ถ้าถืออยู่(ผมได้ถืออยู่นะ)คงต้องขายออกตั้งแต่18ถึง19บาทแล้วมั๊งครับ
นี่คือส่วนหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าต้องศึกษาหลายๆด้าน หลายๆมิติ
หุ้นที่ว่าดี พืนฐานแกร่ง เราประเมิน intrinsic value ไว้อย่างดี แต่ราคาบนกระดานเนี่ย Value มันเกิดจากคนโลภและคนกลัวประเมินค่าไว้(ไม่ใช่เรา)
หุ้นดีๆของชาวVIไม่ได้ห้ามนักเก็งกำไร(ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว)ซื้อเนี่ยครับ
หุ้นดีๆ ของชาว VI ก็ถูกปั่นได้ ไม่ได้มีข้อยกเว้น บางทีก็ปั่นกันเองด้วยความโลภที่รู้ว่าอ. ท่านถืออยู่(มีตัวอย่าง เจ้าถ่านดำ ไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง)
[img][img]http://www.spaceavenue.com/3/cBjtdc1095068337.jpg[/img][/img]

[บุคคลทั่วไป]

ถ้ายังไม่ออกของ จริงๆก็น่าเห็นใจครับ

รู้แต่ว่าช่วงนั้นแรงซื้อบวกความอยากได้ของ VIมือใหม่มีมากจริงๆ และก็คงมีรายใหญ่ๆที่ถือมาตั้งแต่ราคายังต่ำอยู่ ได้ขายทำกำไรออกมาเยอะมาก ซึ่งหากย้อนไปดูหุ้นดีๆของชาว VI หลายๆตัวก็ถูกความอยากได้ผลักดันราคาจนสูงมาก
หาก อ. เค้ายังไม่ขายออก ก็แสดงว่าท่านประเมิน intrinsic value ของ irc มากกว่า19บาท ใช่มั๊ยครับ ท่านเลยยังไม่ขายออก
แต่หากมองในเชิงกร๊าฟ นิดหน่อย
ถ้าถืออยู่(ผมได้ถืออยู่นะ)คงต้องขายออกตั้งแต่18ถึง19บาทแล้วมั๊งครับ
นี่คือส่วนหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าต้องศึกษาหลายๆด้าน หลายๆมิติ
หุ้นที่ว่าดี พืนฐานแกร่ง เราประเมิน intrinsic value ไว้อย่างดี แต่ราคาบนกระดานเนี่ย Value มันเกิดจากคนโลภและคนกลัวประเมินค่าไว้(ไม่ใช่เรา)
หุ้นดีๆของชาวVIไม่ได้ห้ามนักเก็งกำไร(ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว)ซื้อเนี่ยครับ
หุ้นดีๆ ของชาว VI ก็ถูกปั่นได้ ไม่ได้มีข้อยกเว้น บางทีก็ปั่นกันเองด้วยความโลภที่รู้ว่าอ. ท่านถืออยู่(มีตัวอย่าง เจ้าถ่านดำ ไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง)

แนวคิด VI คือ ในระยะยาวมากๆแล้ว ราคาหุ้นก็จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของมันเอง ส่วนในระยะสั้น ก็เป็นไปตาม ความโลภ ความกลัว ของคนในตลาดนั่นเอง เช่น พอมีข่าวอะไรกระทบก็แห่ซื้อหรือขายกันมากๆ แต่พอไม่มีข่าวก็ไม่มีคนสนใจ ราคาหุ้นก็นิ่งๆ ไงครับ

ประเด็นเรื่อง ดร.นิเวศน์เนี่ย อย่ามาเป็นประเ็ด็นให้พวกเรามาแตกแยกกันเลยนะครับ เวปนี้เป็นเวปเพื่อเป็นที่พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สำหรับคนที่ต้องการความรู้ ข้อมูลข่าวสารของการลงทุนแนว VI เหมือนๆ กัน และการกล่าวพาดพิงผู้อื่นในทางไม่ดี ก็ผิดมารยาท กฎของเวปนี้อยู่แล้ว

ดังนั้น ขอให้โพสต์กระทู้ (โดยเฉพาะ กระทู้นี้ในเชิงสร้างสรรค์ดีกว่าครับ) เหมือนที่คุณ ประจวบบอก การลงทุนต้องรวบรวมข้อมูล ความรู้ นำมาประยุกต์ใช้ แล้วตัดสินใจซื้อหรือขายเอง ไม่ใช่ฟังคนอื่น

เป้าหมายของคุณ ForrestGump ก็คงแค่อยากแสดงความดีใจ ไม่ใช่เป็นกระทู้ล่อเป้านะครับ เพื่อนๆ ทุกคน

[CK]

เคยได้ยินมาว่า ดร.นิเวศน์ซื้อ IRC ตั้งแต่มันราคา 10 กว่าบาทตอนพาร์ 10
(ก็คือ 1 บาทหลัง adjust พาร์)

ตอนปลายปี 2003 ราคา IRC อยู่ที่ 19 บาท

วันนี้เหลือประมาณ 10 บาท

ถ้านับจากต้นปี พอร์ตหดไปเกือบ 50%

แต่ถ้านับจากที่ซื้อ ยังกำไร 1,000%

ถ้า IRC จ่ายปันผลได้สัก 32 สตางค์เท่าปีที่แล้ว

ก็ได้ราวๆ 30% จากทุนครับ

[WEB]

ผมเป็นอีกคนที่เคารพนับถือดร. นิเวศน์ครับ ลองนึกภาพดูนะครับ หากเราเอาหนังสือลงทุนที่เขียนโดยคนไทยทุกเล่มมาวางเรียง จากนั้นก็คัดเอาหนังสือที่ดร. นิเวศน์เขียนออกไป ใจหายเลยครับ

[กานต์]

ใครทราบบ้างว่า ดร.นิเวศน์ จะลงทุนในกองทุนนี้สักกี่เปอร์เซนต์ของทรัพย์สินของดร.นิเวศน์ครับ แล้วคิดเป็นเงินประมาณเท่าไร แล้วดร.นิเวศน์ จะจ่ายเป็นเงินหรือหุ้นครับ ถ้าต้องขายหุ้นออกมาเพื่อเอาเงินสดไปซื้อหน่วยลงทุนจะทำให้หุ้นที่ดร.นิเวศน์ ถืออยู่มากๆจะมีราคาต่ำลงมั๊ยครับ

[Boring Stock Lover]

ผมก็นับถือด็อกเตอร์นะ แต่ก็รู้สึกแปลกๆว่า ทางด็อกเตอร์ขาดทุน 25% ก็พอๆกับ SET Index (จริงๆมากกว่าหน่อย) แล้วก็เหมือนกองทุนโดยทั่วไป ซึ่งหลายคนกับไม่ชอบลงทุนกัยกองทุนรวม แต่พอด็อกเตอร์จะมาจัดตั้งคนกับสนใจกันเยอะ น่าคิด