CLINIC
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
CLINIC
โพสต์ที่ 1
หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : 21/04/2560
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท หลักทรัพย์เออีซี จำกัด (มหาชน) / N.A.
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : 21/04/2560
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท หลักทรัพย์เออีซี จำกัด (มหาชน) / N.A.
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: TKC
โพสต์ที่ 4
บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “TKC” หรือ “เดอะคลีนิกค์”) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2552 ทุนจดทะเบียน 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) โดยมีวัตถุประสงค์หลักของบริษัท คือ ดำเนินธุรกิจคลินิกรักษาผิวหน้า ผิวหนัง เส้นผม รักษาโรคทั่วไป และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคด้านผิวหนัง ภายใต้การนำของนายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งที่ได้รับวุฒิบัตรด้านผิวพรรณและความงามจากสถาบันในต่างประเทศมากมาย และมีประสบการณ์ในด้านนี้มากว่า 10 ปี โดยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อีกทั้งเป็นผู้บริหารบริษัทตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ จบการศึกษาปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีความสนใจทางด้านโรคผิวหนังและเลเซอร์ผิวหนังเป็นพิเศษ หลังจากจบการศึกษาในประเทศแล้วได้ศึกษาต่อจนจบหลักสูตรด้าน Fellowship in dermatology จาก Harvard Medical School ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นได้เปิดบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา โดยเน้นให้บริการระดับคุณภาพสูงสุดในด้านบริการตรวจรักษาด้านผิวหนังและศัลยกรรมด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับโลกที่ได้รับการยอมรับและตรวจสอบจาก US FDA (องค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา) และองค์การอาหารและยาของประเทศไทย โดยทุ่มเทในการดูแลคนไข้ด้วยความเป็นมิตรและใกล้ชิด ด้วยเจตนารมณ์ของเดอะคลีนิกค์ในการให้บริการตรวจรักษาโรคด้านผิวหนังและศัลยกรรม โดยผสมผสานศิลปะการตรวจรักษากับวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัยซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในเรื่องประสิทธิภาพของการรักษา ความซื่อสัตย์และจริยธรรม เพื่อให้คนไข้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด โดยแรกเริ่มนั้นบริษัทมีสาขาแรก ตั้งอยู่ที่สาขาสยามสแควร์ ซึ่งถือเป็นใจกลางของกรุงเทพและเป็นทำเลที่มีการแข่งขันสูง และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากดารานักแสดงหลายท่านเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจหลักของบริษัท คือ การเป็นผู้ให้บริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงามในหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ การให้บริการด้านผิวพรรณ ลดริ้วรอย รักษารูปร่าง และศัลยกรรม เป็นต้น โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทมีคลินิกสาขาจำนวน 22 สาขาและคลินิกแฟรนไชส์อีก 3 สาขา และมีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 80 ล้านบาท มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ที่เลขที่ 2922/309 อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ชั้น 29 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ จบการศึกษาปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีความสนใจทางด้านโรคผิวหนังและเลเซอร์ผิวหนังเป็นพิเศษ หลังจากจบการศึกษาในประเทศแล้วได้ศึกษาต่อจนจบหลักสูตรด้าน Fellowship in dermatology จาก Harvard Medical School ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นได้เปิดบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา โดยเน้นให้บริการระดับคุณภาพสูงสุดในด้านบริการตรวจรักษาด้านผิวหนังและศัลยกรรมด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับโลกที่ได้รับการยอมรับและตรวจสอบจาก US FDA (องค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา) และองค์การอาหารและยาของประเทศไทย โดยทุ่มเทในการดูแลคนไข้ด้วยความเป็นมิตรและใกล้ชิด ด้วยเจตนารมณ์ของเดอะคลีนิกค์ในการให้บริการตรวจรักษาโรคด้านผิวหนังและศัลยกรรม โดยผสมผสานศิลปะการตรวจรักษากับวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัยซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในเรื่องประสิทธิภาพของการรักษา ความซื่อสัตย์และจริยธรรม เพื่อให้คนไข้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด โดยแรกเริ่มนั้นบริษัทมีสาขาแรก ตั้งอยู่ที่สาขาสยามสแควร์ ซึ่งถือเป็นใจกลางของกรุงเทพและเป็นทำเลที่มีการแข่งขันสูง และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากดารานักแสดงหลายท่านเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจหลักของบริษัท คือ การเป็นผู้ให้บริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงามในหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ การให้บริการด้านผิวพรรณ ลดริ้วรอย รักษารูปร่าง และศัลยกรรม เป็นต้น โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทมีคลินิกสาขาจำนวน 22 สาขาและคลินิกแฟรนไชส์อีก 3 สาขา และมีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 80 ล้านบาท มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ที่เลขที่ 2922/309 อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ชั้น 29 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: TKC
โพสต์ที่ 8
เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรมยื่นไฟลิ่งขาย IPO 60 ล้านหุ้นเข้า SET ใช้ขยายธุรกิจ-ซื้อเครื่องมือแพทย์
--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 เมษายน 2560 10:29:28 น.
บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (TKC) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมี บล.เออีซี (AEC) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
TKC ประกอบธุรกิจให้บริการตรวจรักษาด้านผิวหนัง ความงาม รักษาผิวพรรณ ดูแลรูปร่างและศัลยกรรม รวมไปถึงการให้บริการด้านการดูแลรักษาแบบองค์รวมควบคู่กับการผสมผสานศิลปะเข้ากับการตรวจรักษาที่เป็นเอกลักษณ์และวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับโลกที่ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการให้บริการตรวจรักษาโรคด้านผิวหนัง ความงาม
ทั้งนี้ บริษัทมีบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในทุกระดับ อาทิเช่น การให้บริการทำทรีทเมนต์เพื่อรักษาผิวหน้า ลดรอยแดง ลดรอยดำ การให้บริการเลเซอร์เพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้า การดูแลรูปร่างด้วยการกำจัดและสลายไขมัน การทำศัลยกรรมตกแต่ง เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจำหน่ายเวชสำอาง โดยมีผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ อาทิเช่น Special Care, Clean & Prepare, Whitening Set, Sun Care และ Antioxidant เป็นต้น
หากในอนาคตบริษัทมีโอกาสที่จะลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน อย่างกลุ่มประเทศ CLMV การลงทุนในรูปแบบของแฟรนไชส์ หรือการร่วมทุน (Merger Acquisition) กับพันธมิตรท้องถิ่น จึงเป็นรูปแบบที่น่าสนใจและควรนำมาพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ บริษัทอาจจะเริ่มต้นจากการขยายสาขาไปยังเมืองสำคัญของประเทศนั้นๆ ก่อนเป็นสาขาแรก จากนั้นจึงจะพิจารณาขยายสาขาต่อๆไป ซึ่งการขยายสาขาไปยังประเทศเพื่อนบ้านนับเป็นความท้าทายใหม่ที่บริษัทจะมุ่งหน้าไปในอนาคต แต่ก็ไม่เป็นเรื่องยาก เพราะในอนาคตหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วบริษัทจะมีความพร้อมทางด้านทุนทรัพย์ สินค้าและบริการ
สำหรับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคลินิกเวชกรรม และเงินลงทุนสำหรับการซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ โดย ณ วันที่ 31 ธ.ค.59 บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อการเปิดสาขาแห่งใหม่ 8 สาขาในช่วงปี 60-61 มุ่งเน้นตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 15-20 ล้านบาท/สาขา โดยแบ่งออกเป็นเงินมัดจำค่าเช่า 1.50 – 2.00 ล้านบาท ค่าตกแต่งสาขา 3-4 ล้านบาท ค่าเครื่องมือทางการแพทย์ 10-14 ล้านบาท และอุปกรณ์ 1 ล้านบาท
TKC มีทุนจดทะเบียน 110,000,000 บาท หรือคิดเป็นจำนวน 220,000,000 หุ้น ส่วนทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 80,000,000 บาท หรือคิดเป็นจำนวน 160,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ต่อหุ้น 0.50 บาท ผู้ถือหุ้นหลัก คือ กลุ่มทองวัฒน์ ถือหุ้นรวมกัน 144,245,220 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 90.15% ได้แก่ นพ.อภิรุจ ทองวัฒน์ และนางพจนันท์ ศณีอภัย หลังจากเสนอขาย IPO แล้วจะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 65.57%
ผลดำเนินงานในปี 59 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 289.06 ล้านบาท หนี้สิน 242.33 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 46.73 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 650.97 ล้านบาท จาก 650.24 ล้านบาทในปี 58 ซึ่งมาจากรายได้การบริหารและค่ารักษาพยาบาล และ รายได้จากการขาย ส่วนกำไรอยู่ที่ 32.66 ล้านบาท ลดลงจาก 51.77 ล้านบาทในปี 58 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 53.96% ลดลงจากปีก่อนที่ 56.12% และอัตรากำไรสุทธิที่ 5.07% ลดลงจาก 8.05%
--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 เมษายน 2560 10:29:28 น.
บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (TKC) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมี บล.เออีซี (AEC) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
TKC ประกอบธุรกิจให้บริการตรวจรักษาด้านผิวหนัง ความงาม รักษาผิวพรรณ ดูแลรูปร่างและศัลยกรรม รวมไปถึงการให้บริการด้านการดูแลรักษาแบบองค์รวมควบคู่กับการผสมผสานศิลปะเข้ากับการตรวจรักษาที่เป็นเอกลักษณ์และวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับโลกที่ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการให้บริการตรวจรักษาโรคด้านผิวหนัง ความงาม
ทั้งนี้ บริษัทมีบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในทุกระดับ อาทิเช่น การให้บริการทำทรีทเมนต์เพื่อรักษาผิวหน้า ลดรอยแดง ลดรอยดำ การให้บริการเลเซอร์เพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้า การดูแลรูปร่างด้วยการกำจัดและสลายไขมัน การทำศัลยกรรมตกแต่ง เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจำหน่ายเวชสำอาง โดยมีผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ อาทิเช่น Special Care, Clean & Prepare, Whitening Set, Sun Care และ Antioxidant เป็นต้น
หากในอนาคตบริษัทมีโอกาสที่จะลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน อย่างกลุ่มประเทศ CLMV การลงทุนในรูปแบบของแฟรนไชส์ หรือการร่วมทุน (Merger Acquisition) กับพันธมิตรท้องถิ่น จึงเป็นรูปแบบที่น่าสนใจและควรนำมาพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ บริษัทอาจจะเริ่มต้นจากการขยายสาขาไปยังเมืองสำคัญของประเทศนั้นๆ ก่อนเป็นสาขาแรก จากนั้นจึงจะพิจารณาขยายสาขาต่อๆไป ซึ่งการขยายสาขาไปยังประเทศเพื่อนบ้านนับเป็นความท้าทายใหม่ที่บริษัทจะมุ่งหน้าไปในอนาคต แต่ก็ไม่เป็นเรื่องยาก เพราะในอนาคตหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วบริษัทจะมีความพร้อมทางด้านทุนทรัพย์ สินค้าและบริการ
สำหรับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคลินิกเวชกรรม และเงินลงทุนสำหรับการซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ โดย ณ วันที่ 31 ธ.ค.59 บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อการเปิดสาขาแห่งใหม่ 8 สาขาในช่วงปี 60-61 มุ่งเน้นตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 15-20 ล้านบาท/สาขา โดยแบ่งออกเป็นเงินมัดจำค่าเช่า 1.50 – 2.00 ล้านบาท ค่าตกแต่งสาขา 3-4 ล้านบาท ค่าเครื่องมือทางการแพทย์ 10-14 ล้านบาท และอุปกรณ์ 1 ล้านบาท
TKC มีทุนจดทะเบียน 110,000,000 บาท หรือคิดเป็นจำนวน 220,000,000 หุ้น ส่วนทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 80,000,000 บาท หรือคิดเป็นจำนวน 160,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ต่อหุ้น 0.50 บาท ผู้ถือหุ้นหลัก คือ กลุ่มทองวัฒน์ ถือหุ้นรวมกัน 144,245,220 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 90.15% ได้แก่ นพ.อภิรุจ ทองวัฒน์ และนางพจนันท์ ศณีอภัย หลังจากเสนอขาย IPO แล้วจะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 65.57%
ผลดำเนินงานในปี 59 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 289.06 ล้านบาท หนี้สิน 242.33 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 46.73 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 650.97 ล้านบาท จาก 650.24 ล้านบาทในปี 58 ซึ่งมาจากรายได้การบริหารและค่ารักษาพยาบาล และ รายได้จากการขาย ส่วนกำไรอยู่ที่ 32.66 ล้านบาท ลดลงจาก 51.77 ล้านบาทในปี 58 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 53.96% ลดลงจากปีก่อนที่ 56.12% และอัตรากำไรสุทธิที่ 5.07% ลดลงจาก 8.05%
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: TKC
โพสต์ที่ 9
“AECS” ยื่นไฟลิ่ง “เดอะคลีนิกค์” ต่อ กลต. เรียบร้อยแล้ว เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เร็วๆนี้
Source - Local Press Release (Th/Eng)
Tuesday, April 25, 2017 13:05
กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.เออีซี (AECS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือTKC ผู้ให้บริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงามในหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อประชาชน( IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาทต่อหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้าน "ชนะชัย จุลจิราภรณ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยเม็ดเงินระดมทุนจะนำไปขยายสาขาใหม่ 8 แห่งในปี 60-61 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลการดำเนินงานในระยะยาว คาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้หลังจากได้รับอนุมัติจากทาง กลต.ได้ในเร็วๆนี้
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยว่า ฝ่ายวาณิชธนกิจ สายงานIB5 ของบริษัทฯได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อประชาชน( IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้หลังจากได้รับอนุมัติจากทาง กลต.ได้ในเร็วๆนี้
บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงามในหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ การให้บริการด้านผิวพรรณ ลดริ้วรอย รักษารูปร่าง และศัลยกรรม โดย สิ้นปี 2559 บริษัทมีคลินิกสาขาจำนวน 22 สาขา และคลินิกแฟรนไชส์อีก 3 สาขา และมีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 80 ล้านบาท ภายใต้การบริหารงานของนายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ทั้งนี้ TKC มีบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในทุกระดับ อาทิ การให้บริการทำทรีทเมนต์เพื่อรักษาผิวหน้า ลดรอยแดง ลดรอยดำ การให้บริการเลเซอร์เพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้า การดูแลรูปร่างด้วยการกำจัดและสลายไขมัน การทำศัลยกรรมตกแต่ง เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจำหน่ายเวชสำอาง โดยมีผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ อาทิเช่น Special Care, Clean & Prepare, Whitening Set, Sun Care และ Antioxidant เป็นต้น
โดยกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการจะเน้นการให้บริการลูกค้ากลุ่ม Medium High ถึง High End และจะมีการเก็บฐานข้อมูลลูกค้า ซึ่งทางบริษัทจะมีการติดต่อส่งข่าวสารหรือโปรโมชั่นให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการส่งโปรโมชั่นแนบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าในวันเกิด เพื่อสร้างความประทับใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก ทางบริษัทยังมุ่งเน้นการประสานงานกับทางการตลาดของธนาคารต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าผ่านฐานข้อมูลลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารด้วยวิธีการต่างๆ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี (AEC) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (TKC) ในช่วง 2557 มีรายได้จากการให้บริการและค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการทยอยรับรู้รายได้จากการให้บริการแล้ว จำนวน 438.45 ล้านบาท และมีกำไร(ขาดทุน)สุทธิ จำนวน (37.36) ล้านบาท ส่วนในปี 2558 มีรายได้จากการให้บริการและค่ารักษาพยาบาล จำนวน 640.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 51.77 ล้านบาท และปี2559 มีรายได้จากการให้บริการและค่ารักษาพยาบาล จำนวน 640.51 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 32.66 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปี 2557 ทาง TKC มีอัตราขาดทุนสุทธิในปี 2557 จากการกำหนดอายุคอร์สยังไม่สอดคล้องกับการใช้บริการจริง และบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นในปี 2558 มีผลมาจากรายได้จากการใช้บริการของลูกค้าที่ชำระเงินก่อนปี 2558 มาใช้บริการในปี 2558 เพิ่มขึ้น รวมถึงในปี 2557 มีการกำหนดอายุคอร์สใหม่จากเดิม 2 ปี เป็น 1 ปี ส่งผลให้มีรายได้จากคอร์สที่ชำระเงินในปี 2556 หมดอายุในปี 2558 จำนวน 23.93 ล้านบาท และคอร์สที่ชำระเงินในปี 2557หมดอายุในปี 2558 จำนวน 70.72 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ปี 2559 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือร้อยละ 5 เนื่องจากรายได้จากคอร์สที่ชำระเงินในปี 2558 หมดอายุในปี 2559 มีจำนวนเพียง 77.59 ล้านบาท และหรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.14 และลดลงร้อยละ 0.04 ในปี 2558 ในปี 2559 ตามลำดับ
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ จำนวน 8 สาขา ซึ่งจะทยอยเปิดในช่วงปี 2560-2561 โดยมุ่งเน้นตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 15 - 20 ล้านบาท/สาขา โดยแบ่งออกเป็น เงินมัดจำค่าเช่า 1.50 – 2.00 ล้านบาท ค่าตกแต่งสาขา 3.00 - 4.00 ล้านบาท ค่าเครื่องมือทางการแพทย์ 10.00 - 14.00 ล้านบาท และอุปกรณ์ 1.00 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
นอกจากนี้ TKC มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าผู้บริโภคเป็นแรงขับเคลื่อนในตลาด ทางบริษัทจึงได้ทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงความต้องการอย่างตรงจุด และเมื่อนำความเข้าใจในผู้บริโภคมาปรับใช้กับการวางกลยุทธ์ ทำให้ส่งผลดีต่อการดำเนินงานและผลประกอบการที่เป็นเป้าหมายธุรกิจในระยะยาว ซึ่งบริษัทจึงได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อเตรียมรับมือกับการแข่งขันเพื่อสร้างความได้เปรียบในระยะยาว อาทิ การพัฒนาการให้บริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย, การพัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ, การสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รับรู้และจดจำ, การขยายขอบเขตการให้บริการ, ทำเลที่ตั้ง, ด้านราคาและการส่งเสริมทางการตลาด, การประชาสัมพันธ์, การทำสื่อการตลาดให้ลูกค้ากลุ่มดิจิตอลเนทีฟ (Digital Native)ต่อเนื่อง
Source - Local Press Release (Th/Eng)
Tuesday, April 25, 2017 13:05
กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.เออีซี (AECS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือTKC ผู้ให้บริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงามในหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อประชาชน( IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาทต่อหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้าน "ชนะชัย จุลจิราภรณ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยเม็ดเงินระดมทุนจะนำไปขยายสาขาใหม่ 8 แห่งในปี 60-61 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลการดำเนินงานในระยะยาว คาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้หลังจากได้รับอนุมัติจากทาง กลต.ได้ในเร็วๆนี้
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยว่า ฝ่ายวาณิชธนกิจ สายงานIB5 ของบริษัทฯได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อประชาชน( IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้หลังจากได้รับอนุมัติจากทาง กลต.ได้ในเร็วๆนี้
บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงามในหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ การให้บริการด้านผิวพรรณ ลดริ้วรอย รักษารูปร่าง และศัลยกรรม โดย สิ้นปี 2559 บริษัทมีคลินิกสาขาจำนวน 22 สาขา และคลินิกแฟรนไชส์อีก 3 สาขา และมีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 80 ล้านบาท ภายใต้การบริหารงานของนายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ทั้งนี้ TKC มีบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในทุกระดับ อาทิ การให้บริการทำทรีทเมนต์เพื่อรักษาผิวหน้า ลดรอยแดง ลดรอยดำ การให้บริการเลเซอร์เพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้า การดูแลรูปร่างด้วยการกำจัดและสลายไขมัน การทำศัลยกรรมตกแต่ง เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจำหน่ายเวชสำอาง โดยมีผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ อาทิเช่น Special Care, Clean & Prepare, Whitening Set, Sun Care และ Antioxidant เป็นต้น
โดยกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการจะเน้นการให้บริการลูกค้ากลุ่ม Medium High ถึง High End และจะมีการเก็บฐานข้อมูลลูกค้า ซึ่งทางบริษัทจะมีการติดต่อส่งข่าวสารหรือโปรโมชั่นให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการส่งโปรโมชั่นแนบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าในวันเกิด เพื่อสร้างความประทับใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก ทางบริษัทยังมุ่งเน้นการประสานงานกับทางการตลาดของธนาคารต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าผ่านฐานข้อมูลลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารด้วยวิธีการต่างๆ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี (AEC) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (TKC) ในช่วง 2557 มีรายได้จากการให้บริการและค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการทยอยรับรู้รายได้จากการให้บริการแล้ว จำนวน 438.45 ล้านบาท และมีกำไร(ขาดทุน)สุทธิ จำนวน (37.36) ล้านบาท ส่วนในปี 2558 มีรายได้จากการให้บริการและค่ารักษาพยาบาล จำนวน 640.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 51.77 ล้านบาท และปี2559 มีรายได้จากการให้บริการและค่ารักษาพยาบาล จำนวน 640.51 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 32.66 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปี 2557 ทาง TKC มีอัตราขาดทุนสุทธิในปี 2557 จากการกำหนดอายุคอร์สยังไม่สอดคล้องกับการใช้บริการจริง และบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นในปี 2558 มีผลมาจากรายได้จากการใช้บริการของลูกค้าที่ชำระเงินก่อนปี 2558 มาใช้บริการในปี 2558 เพิ่มขึ้น รวมถึงในปี 2557 มีการกำหนดอายุคอร์สใหม่จากเดิม 2 ปี เป็น 1 ปี ส่งผลให้มีรายได้จากคอร์สที่ชำระเงินในปี 2556 หมดอายุในปี 2558 จำนวน 23.93 ล้านบาท และคอร์สที่ชำระเงินในปี 2557หมดอายุในปี 2558 จำนวน 70.72 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ปี 2559 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือร้อยละ 5 เนื่องจากรายได้จากคอร์สที่ชำระเงินในปี 2558 หมดอายุในปี 2559 มีจำนวนเพียง 77.59 ล้านบาท และหรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.14 และลดลงร้อยละ 0.04 ในปี 2558 ในปี 2559 ตามลำดับ
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ จำนวน 8 สาขา ซึ่งจะทยอยเปิดในช่วงปี 2560-2561 โดยมุ่งเน้นตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 15 - 20 ล้านบาท/สาขา โดยแบ่งออกเป็น เงินมัดจำค่าเช่า 1.50 – 2.00 ล้านบาท ค่าตกแต่งสาขา 3.00 - 4.00 ล้านบาท ค่าเครื่องมือทางการแพทย์ 10.00 - 14.00 ล้านบาท และอุปกรณ์ 1.00 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
นอกจากนี้ TKC มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าผู้บริโภคเป็นแรงขับเคลื่อนในตลาด ทางบริษัทจึงได้ทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงความต้องการอย่างตรงจุด และเมื่อนำความเข้าใจในผู้บริโภคมาปรับใช้กับการวางกลยุทธ์ ทำให้ส่งผลดีต่อการดำเนินงานและผลประกอบการที่เป็นเป้าหมายธุรกิจในระยะยาว ซึ่งบริษัทจึงได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อเตรียมรับมือกับการแข่งขันเพื่อสร้างความได้เปรียบในระยะยาว อาทิ การพัฒนาการให้บริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย, การพัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ, การสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รับรู้และจดจำ, การขยายขอบเขตการให้บริการ, ทำเลที่ตั้ง, ด้านราคาและการส่งเสริมทางการตลาด, การประชาสัมพันธ์, การทำสื่อการตลาดให้ลูกค้ากลุ่มดิจิตอลเนทีฟ (Digital Native)ต่อเนื่อง
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: TKC
โพสต์ที่ 10
CLINIC : บริษัท เดอะ คลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)
ประเภทธุรกิจ
ดำเนินธุรกิจคลินิกผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
กลุ่มอุตสาหกรรม บริการ
สถานะ Filing
จำนวนหุ้นที่ IPO 60,000,000 หุ้น
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น n/a
ราคา IPO n/a
ราคา PAR 0.50 บาท
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)
ข้อมูล Filing www.theklinique.com
ประเภทธุรกิจ
ดำเนินธุรกิจคลินิกผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
กลุ่มอุตสาหกรรม บริการ
สถานะ Filing
จำนวนหุ้นที่ IPO 60,000,000 หุ้น
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น n/a
ราคา IPO n/a
ราคา PAR 0.50 บาท
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)
ข้อมูล Filing www.theklinique.com