สรุปความรู้งาน money talk@set เดือน ธ.ค.60 (Part 2)

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
earthcu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 348
ผู้ติดตาม: 0

สรุปความรู้งาน money talk@set เดือน ธ.ค.60 (Part 2)

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เนื่องด้วยมีโอกาสได้ไปงาน Money Talk@set เดือนธันวาคมที่ผ่านมา จึงอยากจะสรุปความรู้ที่ได้จากงานครั้งนี้บางส่วนเผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนนักลงทุนท่านอื่นๆที่ไม่ได้มาร่วมงานนี้ครับ


Part 2 กลยุทธ์ VI รับหุ้นไทย Set All Time High ปี 61
วิทยากร
1.คุณ พีรนาถ โชควัฒนา
2.น.พ.พงษ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี
3.คุณ อนุรักษ์ บุญแสวง
4.คุณ ประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์
5.ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร


คำถาม หุ้นไทยปีหน้า (2018) จะเป็นอย่างไร และหุ้นประเภทไหนที่ชอบ

1.พี่่พีรนาถ
-โดยปกติไม่ค่อยสนใจดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เพียงแต่มองว่าในระยะยาวมีโอกาสที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นไปได้ถึง 3000 จุด (อาจจะในอีกหลายๆปีข้างหน้า)
ซึ่งในปีหน้านั้นมองไปแล้วเห็นว่าคนส่วนใหญ่นั้นรู้สึกดีกับตลาดหุ้นจึงทำให้เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้าง

-ภาพรวมแล้วพื้นฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจของบ้านเรายังเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านของเรายังไม่ได้

-สาเหตุที่มองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้นยังมีโอกาสเติบโต เพราะมองว่าหลายๆบริษัทในบ้านเรานั้นเริ่มมีรายได้ที่เติบโตมาจากต่างประเทศ
ซึ่งแม้กระทั่งบริษัท Start Up ในบ้านเรานั้นเองหลายๆบริษัทก็ไม่่ได้มองว่าจะหารายได้แค่ตลาดบ้านเรา แต่หลายๆบริษัทก็เริ่มมองไปที่ตลาดต่างประเทศ
เพื่อจะสามารถ Drive รายได้และกำไรให้เติบโตได้ในอนาคต

-การเรียนรู้รวมไปถึงเรื่องของ technology นั้นทำให้ความแตกต่างระหว่างบริษัทเล็กและบริษัทใหญ่นั้นน้อยลงจนเริ่มใกล้เคียงกันมากขึ้น

-หุ้นกลุ่มที่ดีก็คือหุ้นที่ตัวเราเข้าใจในตัวบริษัทมากที่สุด


คำถาม หุ้นไทยปีหน้า (2018) จะเป็นอย่างไร และหุ้นประเภทไหนที่ชอบ

2.พี่หมอพงษ์ศักดิ์
-4-5ปีนี้นั้นถือว่าเป็นช่วงที่หุ้นทั่วโลกเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ย เพราะฉะนั้นมีโอกาสที่อาจจะเกิด Market Correction ในระดับ 20% ขึ้นได้
ส่วนตัวจึงยังมีความกังวลเมื่อเห็นคนส่วนใหญ่ที่มองในแง่ที่ดีมาก และพยายามเฝ้ามองตลาดด้วยความระมัดระวัง

-จากข้อมูลที่ศึกษามาช่วงนี้เป็นช่วงที่หุ้นโตต่อเนื่องในแง่ของจำนวนเดือนสูงเป็นอันดับที่ 2 ของประวัติศาสตร์
(ครั้งก่อนที่หุ้นโตต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้นั้นคือตั้งแต่ช่วงปี 1930-1940)

-หุ้นกลุ่มที่อาจจะเหมาะกับการลงทุนในช่วงต่อๆไปนั้น มองบริษัทที่อาจจะเป็น Defensive Stock ซึ่งราคาในปัจจุบันไม่ได้ถูก Price in อะไรมาก
หรือบริษัทที่อาจจะถูกข่าวร้ายเข้ามาเยอะๆ ทำให้ราคาหุ้นลงมามากๆ จนแทบจะเป็น worst case ของบริษัทแล้วก็มีโอกาสที่จะเป็นหุ้นที่น่าสนใจในอนาคตได้

ในทำนองกลับกัน บริษัทที่มีความคาดหวังเยอะๆ จนทำให้ราคาหุ้นของบริษัทขึ้นไปสูงมากๆ ในกรณีที่ความคาดหวังของบริษัทไม่ได้เป็นอย่างที่คาด เช่นกำไรบริษัทต่ำกว่าที่คาด
ก็มีแนวโน้มสูง ที่จะทำให้ราคาหุ้นจะลงมาเยอะๆ (เราจึงควรระมัดระวังบริษัทลักษณะนี้ให้มากๆ)


คำถาม หุ้นไทยปีหน้า (2018) จะเป็นอย่างไร และหุ้นประเภทไหนที่ชอบ

3.พี่โจ ลูกอีสาน
-ในฐานะนักลงทุนในแนว VI นั้นถือว่าเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก เพราะไม่สามารถคาดเดาทิศทางตลาดได้

-เพราะฉะนั้นบริษัทที่เราเลือกลงทุนจึงสำคัญที่สุด แทนที่จะคาดเดาทิศทางตลาด เราควรที่จะคาดเดากำไรบริษัทแทน
เพราะเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ง่ายกว่าโดยอาศัยข้อมูลประกอบจาก เอกสาร56-1, การประชุมผู้ถือหุ้น, Opp Day ของบริษัท

-จากข้อมูลจนถีงล่าสุด 16/12/17 ตลาดหลักทรัพย์นั้นขึ้นมาประมาณ 10% แต่นักลงทุนหลายๆท่านก็ยังมีนักลงทุนที่ขาดทุนอยู่
ส่วนหนึ่งก็คือจากหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 700 บริษัท นั้นมีบริษัทที่ระดับราคาหุ้นต่ำกว่าปีที่แล้วอยู่ประมาณ 50% ของบริษัททั้งหมด

-หุ้นที่น่าสนใจในปี 2018 มองบริษัทที่อาจจะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายเงินของภาครัฐบาลในปีหน้่า โดยที่ต้องดูราคาหุ้นประกอบด้วยว่าราคาหุ้นนั้น
perform กับข่าวแล้วหรือยัง


คำถาม หุ้นไทยปีหน้า (2018) จะเป็นอย่างไร และหุ้นประเภทไหนที่ชอบ

4.พี่ประชา
-การคาดเดาดัชนีตลาดหลักทรัพย์เป็นอะไรที่คาดเดาได้ยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Time Frame ในระดับ 1 ปีนั้นยังถือว่าสั้นมากเกินไป
เพราะฉะนั้นจึงสนใจราคาหุ้นในปัจจุบันมากกว่าว่าเป็นอย่างไร

-ในปัจจุบันนั้น ข้อมูลที่นักลงทุนรายย่อยได้รับนั้นไม่ต่างกัน (ซึ่งแตกต่างจากในอดีต ที่การเข้าถึงแหล่งของข้อมูลเช่นเอกสาร 56-1 นั้นค่อนข้างยาก ถึงขนาดจะต้องไปขอ
copy file เอกสารดังกล่าวจากตลาดหลักทรัพย์) สิ่งที่สำคัญมากกว่าในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องของการตีความข้อมูล

-ราคาหุ้นนั้นมองว่าเป็น People Expectation ราคาหุ้นที่สูงมาก ก็อาจจะมาจากความคาดหวังที่สูงมาก

-ปีนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมา 10% ก็มีบางบริษัทที่ราคาหุ้นขึ้น 200-400% และก็มีบริษัทที่ราคาหุ้นติดลบอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์
รวมไปถึงมีบางบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ด้วย

-ปีหน้าต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้น


คำถาม หุ้นไทยปีหน้า (2018) จะเป็นอย่างไร

5.อาจารย์นิเวศน์
-มองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์เก่าๆ พบว่ามีแค่ช่วงปี 2544 เท่านั้นที่ตลาดหุ้นไทยราคาเพิ่มต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ปี ซึ่งช่วงนั้นเกิดจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
และในช่วงปี 2551 ที่ตลาดหุ้นไทยราคาเพิ่มต่อเนื่องติดต่อกัน 2 ปี
ซึ่งในปี 2560 ก็จะเป็นครั้งที่ 2 ที่ตลาดหุ้นไทยราคาเพิ่มต่อเนื่องติดต่อกัน 2 ปี

-ปีหน้ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นปีที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐนั้นจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในช่วงก่อนๆนั้นตลาดหุ้นส่วนใหญ่ที่โตนั้นส่วนหนึ่งมาจากการที่อัตราดอกเบี้ยของหลายๆประเทศอยู่ในระดับที่ต่ำติดต่อกัน


คำถาม ปีหน้าต้องดูอะไรบ้างในการลงทุน

1.พี่่พีรนาถ
-พยายามมองผู้บริหาร CEO ของบริษัทว่ามีความสามารถในการปรับตัวได้ทันต่อความเร็วในการเปลี่ยนแปลงขนาดไหน
รวมไปถึงมีการประยุกต์ใช้ Technology อย่างไร เช่นในบางบริษัทนั้นเริ่มที่จะพยายามหาบุคลากรเกี่ยวกับ Data Analysis
เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคจาก Big Data


คำถาม ปีหน้าต้องดูอะไรบ้างในการลงทุน

2.พี่หมอพงษ์ศักดิ์
-พยายามมองบริษัทที่ราคาหุ้นลงมาต่ำมามากๆ (Worst case) แล้วโอกาสที่ราคาจะลงอีกน่าจะน้อย (Downside risk ต่ำ)
เวลาที่บริษัทเจอข่าวร้ายเยอะๆ ซึ่งถ้าเรามองว่าปีหน้าและปีต่อๆไปนั้นมีโอกาสที่สถานการณ์จะคลี่คลาย ก็น่าจะปลอดภัย
และต้องเลือกลงทุนในธุรกิจที่พฤติกรรมของผู้บริโภคมุ่งไปทางนั้น (ซึ่งนั่นคือภาพใหญ่ที่เราจะต้องดู)

-การที่นักลงทุนส่วนใหญ่หรือตลาดมองนั้นจะมองแค่ 3 เดือน, 6 เดือน แต่ถ้าเราพยายามมอง time frame ที่ยาวนานขึ้นเช่น 1-2 ปีแล้วรอได้จะเป็นโอกาสของเรา
ที่จะได้รับรางวัลจากการรอคอย


คำถาม ปีหน้าต้องดูอะไรบ้างในการลงทุน

3.พี่โจ ลูกอีสาน
-ปัจจุบันนั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็น่าจะ All Time High หรือสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แล้วในกรณีที่เราพยายามนำผลตอบแทนจากเงินปันผลเข้่าไปรวมด้วย
เพราะฉะนั้นอย่าไปกังวลมากจนเกินไป โดยเราอาจจะเลือกลงทุนในบริษัทที่คุณภาพดีและมีเงินปันผล โดยที่ถ้าเราใช้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็น่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด

-หุ้น IPO (Initial Public Offering,การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก) นั้นปีนี้สังเกตว่าหลายๆบริษัทที่ซื้อแล้วขาดทุน โดยปีนี้นั้นถือว่ามี IPO เยอะที่สุดและส่วนใหญ่ก็เข้่าตลาดมา
ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งค่อนข้างจะเป็นช่วงที่ราคาแพงที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งนั้น Underwriter เองก็จะได้เงินตาม% ของราคาหุ้นที่ขายได้ ทำให้เจ้าของบริษัทที่เข้ามาก็ Happy และ Underwriter ก็ Happy
ซึ่งมีโอกาสสูงที่คนที่จะลำบากก็คือผู้ที่ซื้อหุ้น IPO เพราะมีโอกาสที่จะขาดทุนจากการลงทุนได้
และก็สังเกตเห็นมีบางบริษัทที่เป็นบริษัทกลุ่มวัฏจักรพยายามนำหุ้น IPO เข้าตลาดมาช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงที่กำไรอยู่ในช่่วงที่กำลัง peak พอดี

-ภาวะบูมที่สุดในการลงทุนของตลาดโลก ช่วงนี้เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำต่อเนื่องติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ

-Technology ของโลกเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว เพราะฉะนั้นเราต้องติดตามความเคลื่อนไหวของโลก, technology อยู่เสมอ
เพราะหลายๆธุรกิจที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ จนทำให้ยอดขายและกำไรของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญได้
โลกหมุนเร็ว ต้องดูโลก ,
อย่ารักหุ้นผูกพันธ์ ร่วมหัวแต่ไม่จมท้าย
การที่เราสามารถที่จะขายหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนไปนำเงินลงทุนในบริษัทอื่นๆแทน ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของนักลงทุนรายย่อย


คำถาม ปีหน้าต้องดูอะไรบ้างในการลงทุน

4.พี่ประชา
-สำหรับภาพรวมนั้นยังมอง positive ในระยาวแบบระมัดระวัง
ส่วนหนึ่งที่ยังมองว่า positive นั้นเพราะมองว่าการขึ้นของตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมานั้นเป็นการขึ้นแบบระมัดระวัง
และผู้บริหารของหลายๆบริษัทยังคงความระมัดระวัง ไม่พยายามกู้หนี้ยืมสินจนเกินไป

-ภาพในอดีตนั้น ช่วงที่ตลาดหุ้นระดับ 1700 จุด ผลตอบแทนจากการฝากเงินธนาคารออมทรัพย์ 5% และฝากเงินประจำได้ 10%
หุ้นธนาคารสมัยนั้นให้ปันผลแค่ 2% แต่คนช่่วงนั้นก็ซื้อหุ้นจนดัน P/E ตลาดหลักทรัพย์จาก 20 เท่าเป็น 32 เท่า

-เปรียบการลงทุนเสมือนการขับรถ
เราควรที่จะขับรถที่ความเร็ว 90km/hr มากกว่าการที่พยายามขับรถที่ความเร็ว 120km/hr หรือมากกว่า
เพราะเราสามารถที่จะถึงเป้าหมายได้เหมือนกัน โดยที่เวลาไม่ได้แตกต่างกันมากสักเท่าไร และถ้าเราขับรถด้วยความเร็วสูงอาจจะทำให้มีความเครียดจากการขับรถเพิ่มขึ้นได้มาก
และรวมไปถึงอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย (ลงทุนแบบไม่ต้องรีบร้อนและระมัดระวัง)

-โลกเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือพฤติกรรมมนุษย์
Charlie Munger กล่าวไว้ประวัติศาสตร์จะไม่่เหมือนเดิม 100% แต่มีโอกาสที่ส่วนใหญ่จะคล้ายเดิม

-สิ่งที่สำคัญของมนุษย์คือการรู้จักปรับตัว การที่เราได้มีโอกาสเจออะไรที่ผิดพลาด ให้ลองย้อนกลับไปทบทวนแล้วคิดดูอีกรอบแล้วให้ลองกลับไปทำใหม่อีกรอบดู

-Source แหล่งข้อมูลการลงทุนที่สำคัญคือ Opp Day, Money talk weekly เป็นข้อมูลที่เปรียบเสมือน company visit แบบย่อยๆ
ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ไทยเพราะได้มีโอกาสฟังข้อมูลจากปากผู้บริหารโดยตรง
(ปล. อาจารย์ไพบูลย์ รายการอื่นๆที่น่าสนใจเช่น รายการ business model, Hard topic ของช่อง Money Channel)

-ช่วงหลังเริ่มๆ มีบริษัทไทยที่ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดสู่่ตลาดประเทศเป็น% success rate ที่สูงขึ้นเมื่่อเทียบกับช่วงหลายปีก่อน

-พยายามเลือกลงทุนในบริษัทที่ฝ่ายบริหารมีความสามารถในการปรับตัวได้เก่งและมีความยอดเยี่ยม


คำถาม ปีหน้าต้องดูอะไรบ้างในการลงทุน, Theme การลงทุน

5.อาจารย์นิเวศน์
-ประวัติศาสตร์ก่อนหน้านั้น America หุ้นในกลุ่ม technology เคยบูมมากจนกระทั่งถึงปี 2000 แล้วช่วงนั้นก็ร่วงลงไปถึง 90%

-ส่วนในเมืองไทยนั้น ตั้งแต่ปี 2540 ช่วงแรกๆนั้นอาจารย์เลือกลงทุนในแนวของ Benjamin Graham แล้วหลังจากนั้น
ก็ค่อยเป็นแนวหุ้น Growth จนกระทั่ง P/E ของหุ้น Growth ขึ้นไปจาก 10 เท่าเป็น 20 เท่าและ 30 เท่า จนกระทั่งปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ขึ้นไปถึง 50 เท่า หรือมากกว่า 50 เท่า
ทำให้เริ่มที่จะหาหุ้นในลักษณะนี้ยาก ตอนนี้เลยเริ่มหันกลับมาลงทุนใน style เต่าอีกครั้ง (ชนะอย่างเต่า) โดยไม่พยายามเลือกหุ้นที่ P/E สูงๆ แต่พยายามหันกลับมามองบริษัทที่
หุ้นที่ P/E ต่ำๆ โดยมองบริษัทที่ 4-5 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นอาจจะไม่ค่อยขึ้นมาก จ่ายปันผลดีๆ (มีบางบริษัทที่จ่ายปันผลในระดับ 5-6% อย่างต่อเนื่อง)
โดยคาดหวังผลตอบแทนการลงทุนที่ประมาณ 10% (ผลตอบแทนเงินปันผล 5% และ Capital Gain ประมาณ 5%)


ขออนุญาติสรุปตามที่เข้าใจครับ ซึ่งเนื้อหาบางส่วนอาจจะไม่ตรงกับที่วิทยากรพูดทั้งหมด โดยผมขออนุญาติเรียบเรียงเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ
ในกรณีที่ผมเข้าใจคลาดเคลื่อน รบกวนพี่ๆที่ฟังในวันดังกล่าว ช่วยแนะนำเพิ่มเติมหรือแก้ไขให้ด้วยครับ
(ถ้าพี่ๆเพื่อนๆต้องการความละเอียดของเนื้อหาที่สมบูรณ์ สามารถอ่านได้จากที่พี่ Amorn และพี่ I-Salmon post ไว้ได้ครับ)


ขอขอบคุณวิทยากรทุกๆท่าน (ท่านอาจารย์นิเวศน์, พี่พีรนาถ, พี่หมอพงศ์ศักดิ์, พี่โจ ลูกอีสาน, พี่ประชา) ที่กรุณาให้ความรู้คำแนะนำในด้านการลงทุนแก่ผมและนักลงทุนท่านอื่นๆเป็นอย่างสูงครับ
ขอขอบคุณทีมงานที่จัด money talk monthly ทุกท่านครับ
และขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านครับที่ช่วยแนะนำความรู้ในด้านการลงทุนให้ผมอยู่เสมอๆ

ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ
:bow:

earthcu/17 Dec 17
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
โพสต์โพสต์