เพราะมีหุ้นตัวนั้น ฉันจึงมีวันนี้ "คุณ ประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์"
https://youtu.be/b3HY8fdFbD4
ที่มา: Money station
เพราะมีหุ้นตัวนั้น ฉันจึงมีวันนี้ /คุณ ประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์
- pookii
- Verified User
- โพสต์: 1840
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เพราะมีหุ้นตัวนั้น ฉันจึงมีวันนี้ /คุณ ประชา ดำรงค์สุทธิ
โพสต์ที่ 2
"พีอีที่ต่ำไม่ใช่โจทย์ที่ถูกต้องของการลงทุน แต่อยากให้ซื้อของดีและถูก"
ตอนที่ซื้อคิดแต่ว่าถูกอย่างเดียวเลย P/E 5 เท่า งบการเงินดูดี financial ratio ทุกอย่างดูดี พอราคาขึ้นไปถึง fair value แล้วเราก็ขายไปซื้อหุ้นตัวใหม่ ปรากฎว่าผ่านไป 1 ปี ขาดทุน 60% เพราะผลประกอบการแย่กว่าที่คิด ไปประชุมผู้ถือหุ้น รู้สึกว่าผู้บริหารไม่ได้อยากโตแล้ว แค่อยากทำไปเรื่อยๆ ผ่านมาแค่ 2 ปีเลยรู้ว่าทีมผู้บริหารสำคัญมาก ถ้าไม่อยากให้โตแล้วโอกาสที่หุ้นจะขึ้นแทบไม่มีเลย สุดท้ายก็จะตกต่ำลง เพราะการแข่งขันมันรุนแรงขึ้น กว่าจะขายหุ้นตัวนี้หมดขาดทุนไป 60-70%
เป็นเคสที่ทำให้หลังจากนั้นมาเข็ดกับหุ้น P/E ถูกๆ เพราะมีหุ้นบางตัวที่เราคิดว่าแพงแล้วกลับราคายังขึ้นต่อได้อีก มีความยั่งยืนกว่า ผู้บริหารอยากโตมากกว่า แม้ว่าหุ้นตัวนั้น P/E จะสูงกว่า 12-13 เท่า
อีกตัวนึงคิดว่าวิเคราะห์อย่างดีแล้ว ศักยภาพดีมากแต่เราขายเร็วเกินไป ตอนที่เริ่มดูราคาอยู่ที่ 40 ต้นๆ P/E ประมาณ 18 เท่า มีข่าวว่าจะขึ้นภาษีสนามบิน ทำการบ้านเสร็จแล้วก็ซื้อเลย ช่วงที่น้ำท่วมราคาก็ตกลงมา 30 กว่าบาทด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ขาย คิดแต่ว่า 2-3 ปีน่าจะต้องได้เป็นเด้ง ผ่านไป 2-3 ปี มันก็โตจริงๆนักท่องเที่ยวจีนก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเราก็คาดไม่ถึง ราคาหุ้นก็ขึ้นไปเป็น 100% ซึ่งเราก็พอใจมากแล้วก็ขายไป ที่ P/E 25 เท่าของปีนั้น ซึ่งถือว่าสูงมากแล้วเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่การที่เราไปยึดติดกับ valueation มากเกินไป ไม่ได้มองสภาพความเป็นจริงว่ามันมี positive surprise ที่มันคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ ทุกวันนี้ P/E 35 เท่า ราคาหุ้นขึ้นมาอีก 7-8 เท่า เสียดายมาก แต่พอราคาขึ้นมาตลอดเราก็รู้สึกว่ามันแพงเกินไปที่จะกลับไ
ปซื้อใหม่แล้ว
เป็นประสบการณ์ที่แย่มาก เสียดายมาก แต่ถ้าเป็นหุ้นที่เราไม่เชื่อมั่นในธุรกิจแล้วมันขึ้นอย่าไปเสียดาย
ผมอยากให้ทุกคนเป็นนักลงทุนพื้นฐานในสไตล์ของตัวเอง ฟังทุกคนเป็นกรณีศึกษาแล้วย้อนกลับมาพัฒนาเป็นการลงทุนของตัวเอง
การลงทุนในหุ้นต้องทำ 2 อย่าง คือ
1. ทำเหมือนเดิม คือรู้หลักการลงทุนขึ้นพื้นฐานก่อน
2. ทำไม่เหมือนเดิม บางอย่างที่เคยทำมาแล้ว บางอย่างอาจจะถูก แต่บางอย่างเราก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติม ถ้าเราต้องการเป็นนักลงทุนที่ดีเราต้องไปต่อยอด ไม่งั้นเราก็จะได้ผลตอบแทนตามค่าเฉลี่ยเท่านั้น
Opportunity day เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน ผมเกิดมาจาก opp day เลยก็ว่าได้ การได้ไปพบผู้บริหาร ได้พูดคุย ซักถามจะได้ข้อมูลและความรู้ที่มีประโยชน์และมีคุณค่ามากๆ ต่อการตัดสินใจ และควรทำอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกคน
เพราะมีหุ้นตัวนั้น จึงมีฉันในวันนี้
EP1: ประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์
FB : MONEY Station
ตอนที่ซื้อคิดแต่ว่าถูกอย่างเดียวเลย P/E 5 เท่า งบการเงินดูดี financial ratio ทุกอย่างดูดี พอราคาขึ้นไปถึง fair value แล้วเราก็ขายไปซื้อหุ้นตัวใหม่ ปรากฎว่าผ่านไป 1 ปี ขาดทุน 60% เพราะผลประกอบการแย่กว่าที่คิด ไปประชุมผู้ถือหุ้น รู้สึกว่าผู้บริหารไม่ได้อยากโตแล้ว แค่อยากทำไปเรื่อยๆ ผ่านมาแค่ 2 ปีเลยรู้ว่าทีมผู้บริหารสำคัญมาก ถ้าไม่อยากให้โตแล้วโอกาสที่หุ้นจะขึ้นแทบไม่มีเลย สุดท้ายก็จะตกต่ำลง เพราะการแข่งขันมันรุนแรงขึ้น กว่าจะขายหุ้นตัวนี้หมดขาดทุนไป 60-70%
เป็นเคสที่ทำให้หลังจากนั้นมาเข็ดกับหุ้น P/E ถูกๆ เพราะมีหุ้นบางตัวที่เราคิดว่าแพงแล้วกลับราคายังขึ้นต่อได้อีก มีความยั่งยืนกว่า ผู้บริหารอยากโตมากกว่า แม้ว่าหุ้นตัวนั้น P/E จะสูงกว่า 12-13 เท่า
อีกตัวนึงคิดว่าวิเคราะห์อย่างดีแล้ว ศักยภาพดีมากแต่เราขายเร็วเกินไป ตอนที่เริ่มดูราคาอยู่ที่ 40 ต้นๆ P/E ประมาณ 18 เท่า มีข่าวว่าจะขึ้นภาษีสนามบิน ทำการบ้านเสร็จแล้วก็ซื้อเลย ช่วงที่น้ำท่วมราคาก็ตกลงมา 30 กว่าบาทด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ขาย คิดแต่ว่า 2-3 ปีน่าจะต้องได้เป็นเด้ง ผ่านไป 2-3 ปี มันก็โตจริงๆนักท่องเที่ยวจีนก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเราก็คาดไม่ถึง ราคาหุ้นก็ขึ้นไปเป็น 100% ซึ่งเราก็พอใจมากแล้วก็ขายไป ที่ P/E 25 เท่าของปีนั้น ซึ่งถือว่าสูงมากแล้วเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่การที่เราไปยึดติดกับ valueation มากเกินไป ไม่ได้มองสภาพความเป็นจริงว่ามันมี positive surprise ที่มันคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ ทุกวันนี้ P/E 35 เท่า ราคาหุ้นขึ้นมาอีก 7-8 เท่า เสียดายมาก แต่พอราคาขึ้นมาตลอดเราก็รู้สึกว่ามันแพงเกินไปที่จะกลับไ
ปซื้อใหม่แล้ว
เป็นประสบการณ์ที่แย่มาก เสียดายมาก แต่ถ้าเป็นหุ้นที่เราไม่เชื่อมั่นในธุรกิจแล้วมันขึ้นอย่าไปเสียดาย
ผมอยากให้ทุกคนเป็นนักลงทุนพื้นฐานในสไตล์ของตัวเอง ฟังทุกคนเป็นกรณีศึกษาแล้วย้อนกลับมาพัฒนาเป็นการลงทุนของตัวเอง
การลงทุนในหุ้นต้องทำ 2 อย่าง คือ
1. ทำเหมือนเดิม คือรู้หลักการลงทุนขึ้นพื้นฐานก่อน
2. ทำไม่เหมือนเดิม บางอย่างที่เคยทำมาแล้ว บางอย่างอาจจะถูก แต่บางอย่างเราก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติม ถ้าเราต้องการเป็นนักลงทุนที่ดีเราต้องไปต่อยอด ไม่งั้นเราก็จะได้ผลตอบแทนตามค่าเฉลี่ยเท่านั้น
Opportunity day เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน ผมเกิดมาจาก opp day เลยก็ว่าได้ การได้ไปพบผู้บริหาร ได้พูดคุย ซักถามจะได้ข้อมูลและความรู้ที่มีประโยชน์และมีคุณค่ามากๆ ต่อการตัดสินใจ และควรทำอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกคน
เพราะมีหุ้นตัวนั้น จึงมีฉันในวันนี้
EP1: ประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์
FB : MONEY Station