ตลาดฟื้นรอบนี้ flowเข้าหุ้นตัวไหน ตอนที่ 1 จาก เพจซั่มหุ้น
สรุปโดย Seminar Knowledge Page
ตอนนี้ความมั่นใจของคนในตลาดหุ้นยังไม่ดี ไม่มีใครรู้ว่าโรคระบาดจะมีphase2,3หรือไม่
แต่เราไปโฟกัสหุ้นที่ชอบจะดีกว่า
ถ้าศก กลับมา หุ้นที่ชอบ ต้องวิเคราะห์ว่า กำไรจะกลับมาเป็นปกติหรือเปล่า
SET index เปิดgap หลุดแนวรับลงมาที่ 1,514 จุด ตั้งแต่ 27 มค แต่ดัชนียังไม่ลงที่จุดต่ำสุดเลย
ช่วง กลาง กพ ตั้งแต่โรคระบาดเริ่มแพร่ระบาดไปที่ประเทศอื่น ทำให้ SET ลงค่อนข้างแรง และต่ำสุดที่ 969จุด
ในช่วงปลายเดือนมีนาคม SET ปรับฐานไป 36% และ reboundมาที่ 1236 จุด หรือขึ้น 27.6%
ดังนั้น จะนำช่วงนี้ของSET ไปเทียบกับกลุ่มต่างๆว่า กลุ่มไหนแข็งกว่าตลาด
1. กลุ่มที่ลงแรงกว่าตลาด และ มีเรื่องสงครามน้ำมันเข้ามาแทรกในต้นเดือนมีนาคม
ทำให้กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีโดนสองเด้ง
แต่ล่าสุดก็ฟื้นเร็วจาก US เป็นตัวกลาง ให้รัสเซีย กับ ซาอุ คุยกัน ทำให้น้ำมันดีดกลับมา
ปิโตรเคมี จากต่ำสุด 434 จุด ไปที่ 697 จุด ลงไป 47.5% , rebound 60.6%
พลังงาน จากต่ำสุด 13,500 ไปที่ 20,000 จุด ลงไป 44.9% , rebound 48.1%
2.กลุ่มก่อสร้าง ขึ้นมาจากต่ำสุด 38 จุด (-42.4 % ) ไปที่ 56 จุด (47.4%)
ซึ่งกลุ่มนี้อิงกับงานของภาครัฐเป็นหลัก ไม่เกี่ยวข้องการบริโภคโดยตรง
ราคาหุ้นของกลุ่มก่อสร้างลงมา เปรียบเทียบตั้งแต่ช่วงจุดสูงสุดของ SET ประมาณ 1,750 จุดช่วงกลางปี 2019
เมื่อเปรียบกับหุ้นรายตัวโดยถ้าดูจากกราฟ ถ้าหุ้นอยู่ใต้SET แสดงว่าลงแรงกว่าSET
กลุ่มก่อสร้างลงมาจากโรคเลื่อนprojectต่างๆ ถูกเลื่อนออกมาจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า
แต่ถ้าดูเฉพาะCovid ไม่ค่อยถูกกระทบ แต่โครงการจะdelayไปหน่อย
ถือว่า เป็นการเล่นเก็งกำไร เล่นสั้น ถ้าจะลงทุนกลุ่มนี้
SexxCx PE 6เท่าดูน่าสนใจ
3.Finance แข็งกว่าตลาดมาตลอดช่วง 3-4 ปี แต่ตั้งแต่SETหลุดแนวรับมา
ทำให้ลงมากกว่าตลาด คือ ต่ำสุด 2,600 (-42.8%) และ ขึ้นมาที่ 3500 จุด (34.6%)
ตอนนี้ปัญหา Covid ทำให้กำลังซื้อ และ กำลังในการผ่อนชำระลดน้อยลง
และทำให้เกิด NPL เพิ่มขึ้น
ธปท ทำ soft loan ให้financeสามารถไปช่วยลูกค้าได้
ลูกค้าfinance ก็สามารถหยุดพักชำระดอกเบี้ย และไม่ลงเป็น NPL ในช่วงนี้
ทำให้กลุ่มนี้ไม่โดนกระทบ จากภาครัฐช่วย กลุ่มนี้เลยเด้งแรงมาก 34%และชนะตลาด
หุ้นกลุ่มนี้ยังค่อนข้างถูกในหลายตัว ราคาค่อนข้างน่าสนใจ
ต้องติดตามให้ดีว่า อีก 3-6 เดือนจะจบจริงไหม
หลังเปิดเมืองให้คนออกมา จะเกิดphase 2 หรือเปล่า
ตัวที่แข็งกว่าตลาด เช่น JxT ราคาตอนนี้อยู่เท่ากับช่วง กค ปีที่แล้ว ที่SETทำจุดสูงสุดของปี
MxC (PE 24 ) ,SAxxD(PE 17) ก็ถูกลงมาก เมื่อเทียบกับฐานกำไรปกติ
ต้องดูเรื่องสภาพคล่องด้วย
4.กลุ่มสื่อ ลงแรงกว่าตลาด จากต่ำสุด 28จุด(-41%)ไปที่ 37จุด(+32%)
เช่น PLAxx ช่วงนี้เจอโรคระบาด แต่ไม่ตาย ยังไงก็ผ่านไปได้ ถ้าฟื้นจะเด้งแรง
ให้ทำการบ้านเหมือน Finance ถ้าลงทุนต้องดูระยะยาว ลงทุนข้ามวิกฤตไป
5. Electronic จากต่ำสุด 727 จุด (-43.2% ) ไปที่ 950 จุด (+30.7%)
เป็นกลุ่มนึงที่อิงหลายอย่าง KxE,HxNx ,SxI ซึ่งผลิตชิ้นส่วนในหลายอุตสาหกรรม
และส่งออกไปต่างประเทศ ต้องดู ศก โลก ประกอบด้วย ซึ่งน่าสนใจ เมื่อ 5G เข้ามา
และ ต่างประเทศฟื้นตัว Reboundขึ้นมา 30% พอๆกับตลาด
ส่วนกลุ่มอาหาร ลงไปต่ำสุดที่ 8200จุด (-36.7%) และดีดกลับมาที่ 10,500 จุด (+28%) อาจจะดีในอนาคตก็ได้
ตลาดฟื้นรอบนี้ flowเข้าหุ้นตัวไหน จาก เพจซั่มหุ้น
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตลาดฟื้นรอบนี้ flowเข้าหุ้นตัวไหน จาก เพจซั่มหุ้น
โพสต์ที่ 2
ตลาดฟื้นรอบนี้ flowเข้าหุ้นตัวไหน ตอนที่ 1 จาก เพจซั่มหุ้น
สรุปโดย Seminar Knowledge Page
ตอนนี้ความมั่นใจของคนในตลาดหุ้นยังไม่ดี ไม่มีใครรู้ว่าโรคระบาดจะมีphase2,3หรือไม่
แต่เราไปโฟกัสหุ้นที่ชอบจะดีกว่า
ถ้าศก กลับมา หุ้นที่ชอบ ต้องวิเคราะห์ว่า กำไรจะกลับมาเป็นปกติหรือเปล่า
SET index เปิดgap หลุดแนวรับลงมาที่ 1,514 จุด ตั้งแต่ 27 มค แต่ดัชนียังไม่ลงที่จุดต่ำสุดเลย
ช่วง กลาง กพ ตั้งแต่โรคระบาดเริ่มแพร่ระบาดไปที่ประเทศอื่น ทำให้ SET ลงค่อนข้างแรง และต่ำสุดที่ 969จุด
ในช่วงปลายเดือนมีนาคม SET ปรับฐานไป 36% และ reboundมาที่ 1236 จุด หรือขึ้น 27.6%
ดังนั้น จะนำช่วงนี้ของSET ไปเทียบกับกลุ่มต่างๆว่า กลุ่มไหนแข็งกว่าตลาด
1. กลุ่มที่ลงแรงกว่าตลาด และ มีเรื่องสงครามน้ำมันเข้ามาแทรกในต้นเดือนมีนาคม
ทำให้กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีโดนสองเด้ง
แต่ล่าสุดก็ฟื้นเร็วจาก US เป็นตัวกลาง ให้รัสเซีย กับ ซาอุ คุยกัน ทำให้น้ำมันดีดกลับมา
ปิโตรเคมี จากต่ำสุด 434 จุด ไปที่ 697 จุด ลงไป 47.5% , rebound 60.6%
พลังงาน จากต่ำสุด 13,500 ไปที่ 20,000 จุด ลงไป 44.9% , rebound 48.1%
2.กลุ่มก่อสร้าง ขึ้นมาจากต่ำสุด 38 จุด (-42.4 % ) ไปที่ 56 จุด (47.4%)
ซึ่งกลุ่มนี้อิงกับงานของภาครัฐเป็นหลัก ไม่เกี่ยวข้องการบริโภคโดยตรง
ราคาหุ้นของกลุ่มก่อสร้างลงมา เปรียบเทียบตั้งแต่ช่วงจุดสูงสุดของ SET ประมาณ 1,750 จุดช่วงกลางปี 2019
เมื่อเปรียบกับหุ้นรายตัวโดยถ้าดูจากกราฟ ถ้าหุ้นอยู่ใต้SET แสดงว่าลงแรงกว่าSET
กลุ่มก่อสร้างลงมาจากโรคเลื่อนprojectต่างๆ ถูกเลื่อนออกมาจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า
แต่ถ้าดูเฉพาะCovid ไม่ค่อยถูกกระทบ แต่โครงการจะdelayไปหน่อย
ถือว่า เป็นการเล่นเก็งกำไร เล่นสั้น ถ้าจะลงทุนกลุ่มนี้
SexxCx PE 6เท่าดูน่าสนใจ
3.Finance แข็งกว่าตลาดมาตลอดช่วง 3-4 ปี แต่ตั้งแต่SETหลุดแนวรับมา
ทำให้ลงมากกว่าตลาด คือ ต่ำสุด 2,600 (-42.8%) และ ขึ้นมาที่ 3500 จุด (34.6%)
ตอนนี้ปัญหา Covid ทำให้กำลังซื้อ และ กำลังในการผ่อนชำระลดน้อยลง
และทำให้เกิด NPL เพิ่มขึ้น
ธปท ทำ soft loan ให้financeสามารถไปช่วยลูกค้าได้
ลูกค้าfinance ก็สามารถหยุดพักชำระดอกเบี้ย และไม่ลงเป็น NPL ในช่วงนี้
ทำให้กลุ่มนี้ไม่โดนกระทบ จากภาครัฐช่วย กลุ่มนี้เลยเด้งแรงมาก 34%และชนะตลาด
หุ้นกลุ่มนี้ยังค่อนข้างถูกในหลายตัว ราคาค่อนข้างน่าสนใจ
ต้องติดตามให้ดีว่า อีก 3-6 เดือนจะจบจริงไหม
หลังเปิดเมืองให้คนออกมา จะเกิดphase 2 หรือเปล่า
ตัวที่แข็งกว่าตลาด เช่น JxT ราคาตอนนี้อยู่เท่ากับช่วง กค ปีที่แล้ว ที่SETทำจุดสูงสุดของปี
MxC (PE 24 ) ,SAxxD(PE 17) ก็ถูกลงมาก เมื่อเทียบกับฐานกำไรปกติ
ต้องดูเรื่องสภาพคล่องด้วย
4.กลุ่มสื่อ ลงแรงกว่าตลาด จากต่ำสุด 28จุด(-41%)ไปที่ 37จุด(+32%)
เช่น PLAxx ช่วงนี้เจอโรคระบาด แต่ไม่ตาย ยังไงก็ผ่านไปได้ ถ้าฟื้นจะเด้งแรง
ให้ทำการบ้านเหมือน Finance ถ้าลงทุนต้องดูระยะยาว ลงทุนข้ามวิกฤตไป
5. Electronic จากต่ำสุด 727 จุด (-43.2% ) ไปที่ 950 จุด (+30.7%)
เป็นกลุ่มนึงที่อิงหลายอย่าง KxE,HxNx ,SxI ซึ่งผลิตชิ้นส่วนในหลายอุตสาหกรรม
และส่งออกไปต่างประเทศ ต้องดู ศก โลก ประกอบด้วย ซึ่งน่าสนใจ เมื่อ 5G เข้ามา
และ ต่างประเทศฟื้นตัว Reboundขึ้นมา 30% พอๆกับตลาด
ส่วนกลุ่มอาหาร ลงไปต่ำสุดที่ 8200จุด (-36.7%) และดีดกลับมาที่ 10,500 จุด (+28%) อาจจะดีในอนาคตก็ได้
ตลาดฟื้นรอบนี้ flowเข้าหุ้นตัวไหน ตอนที่ 2 จาก เพจซั่มหุ้น
สรุปโดย Seminar Knowledge Page
6.ICT ถือเป็นsector ลงมา 108 จุด(- 29% ) น้อยกว่าตลาด 36% และดีดกลับขึ้นมา 27.8%
หุ้นในกลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะ ผู้บริโภคไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็ต้องใช้สัญญาณinternet
แต่อาจโดนกระทบระยะสั้น เช่น ขอความร่วมมือให้ลดราคา ช่วยประชาชน
รายได้ระยะสั้นอาจลดไปบ้าง
แต่หลังโรคระบาดหายไป รายได้ก็กลับมา เป็นหุ้นแนว conservative
7.ธนาคาร เป็นกลุ่มนึงที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับ ศก ค่อนข้างมาก
ลงต่ำสุด ที่ 235 จุด (-42.8%) และฟื้นกลับมา 294 จุด (25.1%)
(ปกติน้องAof เจ้าของเพจซั่มหุ้น จะไม่ค่อยยุ่งกับกลุ่มนี้)
ตอนนี้คาดว่าปีนี้ GDP น่าจะติดลบ
ก่อนหน้านี้ กลุ่มธนาคาร รายได้จากค่าธรรมเนียมก็ถูกตัดไปแล้ว
การปล่อยสินเชื่อ จะขึ้นกับGDP ซึ่งปีนี้ ศก ถดถอย และฟื้นในปีหน้า
แต่กลับไปอยู่ในจุดเดิมที่ควรจะเป็นในปีนี้ ทำให้รับรู้รายได้ช้าไป
การปล่อยเงินกู้ ธนาคารก็ไม่อยากปล่อยเพราะกลัวหนี้เสีย คนกู้ก็ไม่อยากกู้ในช่วงนี้
ดังนั้นกลุ่มนี้ไม่ชอบ ศก แย่
สังเกตว่า หุ้นในกลุ่มธนาคารจะอยู่ใต้SETหมด ยกเว้น TIxCO ยืนเหนือSETได้
ดังนั้น การถือTIxCO จะดูสบายใจมากกว่าตัวอื่น
ธปท ปรับลดอัตราสมทบของธนาคารลง ทำให้ธนาคารสามารถปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น MLRลงได้
ทำให้ธนาคารลดรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ และ ลดค่าใช้จ่ายจากเงินฝากที่ต้องไปส่งให้ ธปท
TISxO มีสินเชื่อ MLR 20%ของport
ดังนั้นเป็นเหตุผลที่จะถือค่อนข้างสบายใจ แต่ธนาคารอื่นๆ หลังฟื้นตัว ต้องดูอีกที
บริษัทอื่นที่มาทำการปล่อยกู้ จะโดนdisruptหรือไม่
มีลูกค้ากลุ่มนึงเช่น พ่อค้า แม่ค้า อาจไปกู้จากบริษัทเหล่านี้
ดังนั้น ถ้าจะลงทุนก็ไปลงทุนในหุ้นที่เรารู้ดีกว่า
8. กลุ่มท่องเที่ยวลงมา(-34.4%) ใกล้เคียงกับSET แต่ฟื้นตัวน้อยกว่า(25%) SET ดังนั้น
เป็นกลุ่มที่มาช้ากว่ากลุ่มอื่นๆ เพราะช่วงที่ออกไปเที่ยวได้ คนก็ยังไม่อยากไปเที่ยวไกลๆมาก
ถือว่าปีนี้เป็นปีที่เหนื่อยสำหรับกลุ่มท่องเที่ยว
ธุรกิจโรงแรมที่มีภาระหนี้สินเยอะ ทำให้ MxNT , Cextel ราคาลงมาแรง
แต่จากมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ เรื่องหุ้นกู้ ทำให้ความเสี่ยงลดลง
การลงทุน ควรรออีกหน่อย
MxNT PE 9 เท่า แต่ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น การท่องเที่ยวกลับมา ราคาก็ไม่น่าจะอยู่ตรงนี้
แต่ดูเรื่องสภาพคล่องด้วย เพราะขาดเรื่องเงินสด
9. กลุ่มขนส่ง - 37% และขึ้นมา 25%
เช่น AxT ซึ่งดูดีกว่า SET
10.กลุ่มพาณิชย์ ลงมา 27,000จุด (-27.5%) rebound ไปที่ 32,891จุด (+21%)
ส่วนนึง อิงท่องเที่ยว และ กำลังซื้อด้วย
ชอบ COMx ถ้าราคาลงมาน่าสนใจ
CPxLL เป็นหุ้นคุณค่า ระยะยาวจะโดนผลกระทบจากนักท่องเที่ยว แต่ไม่น่ากลัว
PE 26เท่า กำไรใช้โฟกัสจากกำไรปกติ ไม่ได้ใช้กำไรของปีนี้ซึ่งไม่ปกติ ถือว่าไม่แพงมาก
แต่ถ้าตลาดลงมาแรง PE ช่วง20กว่าๆก็น่าสนใจ
HxPRO ใกล้เคียงกับตลาด Economy of scaleน่าสนใจ
Mxkro แข็งแกร่งกว่าตลาด หุ้นกลับมาที่เดิม
Mx (PE 19 เท่า แต่ถ้าหักค่าใช้จ่ายที่ตั้งสำรอง จะเห็นPEที่แท้จริง)
ถ้าเหตุการณ์ไม่ลากยาว ก็น่าสนใจ ช่วงนี้มีขายหน้ากาก คนรอซื้อมาก
อยากเห็น margin ของงบ Q1 หน้ากากยังจำเป็น ยิ่งเปิดเมืองก็ยังจำเป็นต้องใช้
และแฟชั่นกำลังจะมาด้วย ถือเป็น demandส่วนเพิ่ม
Mexa PE เริ่มไม่แพงแล้ว อยู่ในกลุ่มกิจการอาหารเสริม เทรนมา แต่เติบโตไม่หวือหวา
ต้องดูที่ความคุ้มค่า ซึ่งตอนนี้ไม่แพงแล้ว
การWork from Home เมื่อcovid จบ จะมีsectorไหนเติบโตขึ้นบ้าง
เช่น การใช้สินค้าเทคโนโลยี ได้แก่ กล้องติดNotebook, Notebook
หรือการวางระบบ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
หลังโรคระบาดหายไป การทำงานข้างนอกสูงขึ้น
ดังนั้นมองที่ SYxEX(PE 8 ), SxS ซึ่งเป็นบริษัทกระจายสินค้า
11. อสังหา โดนมาหลายทีแล้ว เช่น ตอน ธปท ประกาศใช้ LTV หรือช่วงนี้จาก Covid-19
ลดลงต่ำสุดที่ 156 จุด (-36.8%) และฟื้นน้อยกว่า(+21.8%) ตลาด
Supplyเดิมที่พร้อมขาย อยู่ในช่วงระบายstock
บางตัว Bottom PE 3 เท่า แต่ต้องดูBack log ทำเลของแต่ละที่ ก็ดูน่าสนใจ
12. กลุ่มสุขภาพ ปรับฐาน 31.9% และขึ้นมา 21.1%
คนยังไม่แน่ใจ โดยเฉพาะ รพ ที่พึ่งสร้างตึกเสร็จ
ช่วงนี้บางคน เลี่ยงได้ ก็เลี่ยงไปก่อน
แต่ถ้าช่วงหุ้นลงแรงๆ และทำการบ้านดี น่าถือ
13. ยานยนต์ ลงแรงก่อนหน้านี้ ทำให้คราวนี้ -23.7% และฟื้นกลับมา 12.5%
อาจต้องระมัดระวัง ศก เริ่มฟื้นตัว ค่อยมาดูแต่ละตัว
14. แฟชั่น ลงแรงก่อนหน้า ทำให้คราวนี้ -18.4% และฟื้นกลับมา 7.2%
สรุป
Finance ภาพเปลี่ยน ความเสี่ยงเริ่มลดลง
สื่อ เช่น Plaxb ก็น่าสนใจ
ICT , พาณิชย์ ก็น่าสนใจ
ปิโตร เล่นเก็งกำไร
ช่วงนี้อยากให้แบ่ง port ให้ถือหุ้นยาวไว้บ้าง
สรุปโดย Seminar Knowledge Page
ตอนนี้ความมั่นใจของคนในตลาดหุ้นยังไม่ดี ไม่มีใครรู้ว่าโรคระบาดจะมีphase2,3หรือไม่
แต่เราไปโฟกัสหุ้นที่ชอบจะดีกว่า
ถ้าศก กลับมา หุ้นที่ชอบ ต้องวิเคราะห์ว่า กำไรจะกลับมาเป็นปกติหรือเปล่า
SET index เปิดgap หลุดแนวรับลงมาที่ 1,514 จุด ตั้งแต่ 27 มค แต่ดัชนียังไม่ลงที่จุดต่ำสุดเลย
ช่วง กลาง กพ ตั้งแต่โรคระบาดเริ่มแพร่ระบาดไปที่ประเทศอื่น ทำให้ SET ลงค่อนข้างแรง และต่ำสุดที่ 969จุด
ในช่วงปลายเดือนมีนาคม SET ปรับฐานไป 36% และ reboundมาที่ 1236 จุด หรือขึ้น 27.6%
ดังนั้น จะนำช่วงนี้ของSET ไปเทียบกับกลุ่มต่างๆว่า กลุ่มไหนแข็งกว่าตลาด
1. กลุ่มที่ลงแรงกว่าตลาด และ มีเรื่องสงครามน้ำมันเข้ามาแทรกในต้นเดือนมีนาคม
ทำให้กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีโดนสองเด้ง
แต่ล่าสุดก็ฟื้นเร็วจาก US เป็นตัวกลาง ให้รัสเซีย กับ ซาอุ คุยกัน ทำให้น้ำมันดีดกลับมา
ปิโตรเคมี จากต่ำสุด 434 จุด ไปที่ 697 จุด ลงไป 47.5% , rebound 60.6%
พลังงาน จากต่ำสุด 13,500 ไปที่ 20,000 จุด ลงไป 44.9% , rebound 48.1%
2.กลุ่มก่อสร้าง ขึ้นมาจากต่ำสุด 38 จุด (-42.4 % ) ไปที่ 56 จุด (47.4%)
ซึ่งกลุ่มนี้อิงกับงานของภาครัฐเป็นหลัก ไม่เกี่ยวข้องการบริโภคโดยตรง
ราคาหุ้นของกลุ่มก่อสร้างลงมา เปรียบเทียบตั้งแต่ช่วงจุดสูงสุดของ SET ประมาณ 1,750 จุดช่วงกลางปี 2019
เมื่อเปรียบกับหุ้นรายตัวโดยถ้าดูจากกราฟ ถ้าหุ้นอยู่ใต้SET แสดงว่าลงแรงกว่าSET
กลุ่มก่อสร้างลงมาจากโรคเลื่อนprojectต่างๆ ถูกเลื่อนออกมาจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า
แต่ถ้าดูเฉพาะCovid ไม่ค่อยถูกกระทบ แต่โครงการจะdelayไปหน่อย
ถือว่า เป็นการเล่นเก็งกำไร เล่นสั้น ถ้าจะลงทุนกลุ่มนี้
SexxCx PE 6เท่าดูน่าสนใจ
3.Finance แข็งกว่าตลาดมาตลอดช่วง 3-4 ปี แต่ตั้งแต่SETหลุดแนวรับมา
ทำให้ลงมากกว่าตลาด คือ ต่ำสุด 2,600 (-42.8%) และ ขึ้นมาที่ 3500 จุด (34.6%)
ตอนนี้ปัญหา Covid ทำให้กำลังซื้อ และ กำลังในการผ่อนชำระลดน้อยลง
และทำให้เกิด NPL เพิ่มขึ้น
ธปท ทำ soft loan ให้financeสามารถไปช่วยลูกค้าได้
ลูกค้าfinance ก็สามารถหยุดพักชำระดอกเบี้ย และไม่ลงเป็น NPL ในช่วงนี้
ทำให้กลุ่มนี้ไม่โดนกระทบ จากภาครัฐช่วย กลุ่มนี้เลยเด้งแรงมาก 34%และชนะตลาด
หุ้นกลุ่มนี้ยังค่อนข้างถูกในหลายตัว ราคาค่อนข้างน่าสนใจ
ต้องติดตามให้ดีว่า อีก 3-6 เดือนจะจบจริงไหม
หลังเปิดเมืองให้คนออกมา จะเกิดphase 2 หรือเปล่า
ตัวที่แข็งกว่าตลาด เช่น JxT ราคาตอนนี้อยู่เท่ากับช่วง กค ปีที่แล้ว ที่SETทำจุดสูงสุดของปี
MxC (PE 24 ) ,SAxxD(PE 17) ก็ถูกลงมาก เมื่อเทียบกับฐานกำไรปกติ
ต้องดูเรื่องสภาพคล่องด้วย
4.กลุ่มสื่อ ลงแรงกว่าตลาด จากต่ำสุด 28จุด(-41%)ไปที่ 37จุด(+32%)
เช่น PLAxx ช่วงนี้เจอโรคระบาด แต่ไม่ตาย ยังไงก็ผ่านไปได้ ถ้าฟื้นจะเด้งแรง
ให้ทำการบ้านเหมือน Finance ถ้าลงทุนต้องดูระยะยาว ลงทุนข้ามวิกฤตไป
5. Electronic จากต่ำสุด 727 จุด (-43.2% ) ไปที่ 950 จุด (+30.7%)
เป็นกลุ่มนึงที่อิงหลายอย่าง KxE,HxNx ,SxI ซึ่งผลิตชิ้นส่วนในหลายอุตสาหกรรม
และส่งออกไปต่างประเทศ ต้องดู ศก โลก ประกอบด้วย ซึ่งน่าสนใจ เมื่อ 5G เข้ามา
และ ต่างประเทศฟื้นตัว Reboundขึ้นมา 30% พอๆกับตลาด
ส่วนกลุ่มอาหาร ลงไปต่ำสุดที่ 8200จุด (-36.7%) และดีดกลับมาที่ 10,500 จุด (+28%) อาจจะดีในอนาคตก็ได้
ตลาดฟื้นรอบนี้ flowเข้าหุ้นตัวไหน ตอนที่ 2 จาก เพจซั่มหุ้น
สรุปโดย Seminar Knowledge Page
6.ICT ถือเป็นsector ลงมา 108 จุด(- 29% ) น้อยกว่าตลาด 36% และดีดกลับขึ้นมา 27.8%
หุ้นในกลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะ ผู้บริโภคไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็ต้องใช้สัญญาณinternet
แต่อาจโดนกระทบระยะสั้น เช่น ขอความร่วมมือให้ลดราคา ช่วยประชาชน
รายได้ระยะสั้นอาจลดไปบ้าง
แต่หลังโรคระบาดหายไป รายได้ก็กลับมา เป็นหุ้นแนว conservative
7.ธนาคาร เป็นกลุ่มนึงที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับ ศก ค่อนข้างมาก
ลงต่ำสุด ที่ 235 จุด (-42.8%) และฟื้นกลับมา 294 จุด (25.1%)
(ปกติน้องAof เจ้าของเพจซั่มหุ้น จะไม่ค่อยยุ่งกับกลุ่มนี้)
ตอนนี้คาดว่าปีนี้ GDP น่าจะติดลบ
ก่อนหน้านี้ กลุ่มธนาคาร รายได้จากค่าธรรมเนียมก็ถูกตัดไปแล้ว
การปล่อยสินเชื่อ จะขึ้นกับGDP ซึ่งปีนี้ ศก ถดถอย และฟื้นในปีหน้า
แต่กลับไปอยู่ในจุดเดิมที่ควรจะเป็นในปีนี้ ทำให้รับรู้รายได้ช้าไป
การปล่อยเงินกู้ ธนาคารก็ไม่อยากปล่อยเพราะกลัวหนี้เสีย คนกู้ก็ไม่อยากกู้ในช่วงนี้
ดังนั้นกลุ่มนี้ไม่ชอบ ศก แย่
สังเกตว่า หุ้นในกลุ่มธนาคารจะอยู่ใต้SETหมด ยกเว้น TIxCO ยืนเหนือSETได้
ดังนั้น การถือTIxCO จะดูสบายใจมากกว่าตัวอื่น
ธปท ปรับลดอัตราสมทบของธนาคารลง ทำให้ธนาคารสามารถปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น MLRลงได้
ทำให้ธนาคารลดรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ และ ลดค่าใช้จ่ายจากเงินฝากที่ต้องไปส่งให้ ธปท
TISxO มีสินเชื่อ MLR 20%ของport
ดังนั้นเป็นเหตุผลที่จะถือค่อนข้างสบายใจ แต่ธนาคารอื่นๆ หลังฟื้นตัว ต้องดูอีกที
บริษัทอื่นที่มาทำการปล่อยกู้ จะโดนdisruptหรือไม่
มีลูกค้ากลุ่มนึงเช่น พ่อค้า แม่ค้า อาจไปกู้จากบริษัทเหล่านี้
ดังนั้น ถ้าจะลงทุนก็ไปลงทุนในหุ้นที่เรารู้ดีกว่า
8. กลุ่มท่องเที่ยวลงมา(-34.4%) ใกล้เคียงกับSET แต่ฟื้นตัวน้อยกว่า(25%) SET ดังนั้น
เป็นกลุ่มที่มาช้ากว่ากลุ่มอื่นๆ เพราะช่วงที่ออกไปเที่ยวได้ คนก็ยังไม่อยากไปเที่ยวไกลๆมาก
ถือว่าปีนี้เป็นปีที่เหนื่อยสำหรับกลุ่มท่องเที่ยว
ธุรกิจโรงแรมที่มีภาระหนี้สินเยอะ ทำให้ MxNT , Cextel ราคาลงมาแรง
แต่จากมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ เรื่องหุ้นกู้ ทำให้ความเสี่ยงลดลง
การลงทุน ควรรออีกหน่อย
MxNT PE 9 เท่า แต่ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น การท่องเที่ยวกลับมา ราคาก็ไม่น่าจะอยู่ตรงนี้
แต่ดูเรื่องสภาพคล่องด้วย เพราะขาดเรื่องเงินสด
9. กลุ่มขนส่ง - 37% และขึ้นมา 25%
เช่น AxT ซึ่งดูดีกว่า SET
10.กลุ่มพาณิชย์ ลงมา 27,000จุด (-27.5%) rebound ไปที่ 32,891จุด (+21%)
ส่วนนึง อิงท่องเที่ยว และ กำลังซื้อด้วย
ชอบ COMx ถ้าราคาลงมาน่าสนใจ
CPxLL เป็นหุ้นคุณค่า ระยะยาวจะโดนผลกระทบจากนักท่องเที่ยว แต่ไม่น่ากลัว
PE 26เท่า กำไรใช้โฟกัสจากกำไรปกติ ไม่ได้ใช้กำไรของปีนี้ซึ่งไม่ปกติ ถือว่าไม่แพงมาก
แต่ถ้าตลาดลงมาแรง PE ช่วง20กว่าๆก็น่าสนใจ
HxPRO ใกล้เคียงกับตลาด Economy of scaleน่าสนใจ
Mxkro แข็งแกร่งกว่าตลาด หุ้นกลับมาที่เดิม
Mx (PE 19 เท่า แต่ถ้าหักค่าใช้จ่ายที่ตั้งสำรอง จะเห็นPEที่แท้จริง)
ถ้าเหตุการณ์ไม่ลากยาว ก็น่าสนใจ ช่วงนี้มีขายหน้ากาก คนรอซื้อมาก
อยากเห็น margin ของงบ Q1 หน้ากากยังจำเป็น ยิ่งเปิดเมืองก็ยังจำเป็นต้องใช้
และแฟชั่นกำลังจะมาด้วย ถือเป็น demandส่วนเพิ่ม
Mexa PE เริ่มไม่แพงแล้ว อยู่ในกลุ่มกิจการอาหารเสริม เทรนมา แต่เติบโตไม่หวือหวา
ต้องดูที่ความคุ้มค่า ซึ่งตอนนี้ไม่แพงแล้ว
การWork from Home เมื่อcovid จบ จะมีsectorไหนเติบโตขึ้นบ้าง
เช่น การใช้สินค้าเทคโนโลยี ได้แก่ กล้องติดNotebook, Notebook
หรือการวางระบบ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
หลังโรคระบาดหายไป การทำงานข้างนอกสูงขึ้น
ดังนั้นมองที่ SYxEX(PE 8 ), SxS ซึ่งเป็นบริษัทกระจายสินค้า
11. อสังหา โดนมาหลายทีแล้ว เช่น ตอน ธปท ประกาศใช้ LTV หรือช่วงนี้จาก Covid-19
ลดลงต่ำสุดที่ 156 จุด (-36.8%) และฟื้นน้อยกว่า(+21.8%) ตลาด
Supplyเดิมที่พร้อมขาย อยู่ในช่วงระบายstock
บางตัว Bottom PE 3 เท่า แต่ต้องดูBack log ทำเลของแต่ละที่ ก็ดูน่าสนใจ
12. กลุ่มสุขภาพ ปรับฐาน 31.9% และขึ้นมา 21.1%
คนยังไม่แน่ใจ โดยเฉพาะ รพ ที่พึ่งสร้างตึกเสร็จ
ช่วงนี้บางคน เลี่ยงได้ ก็เลี่ยงไปก่อน
แต่ถ้าช่วงหุ้นลงแรงๆ และทำการบ้านดี น่าถือ
13. ยานยนต์ ลงแรงก่อนหน้านี้ ทำให้คราวนี้ -23.7% และฟื้นกลับมา 12.5%
อาจต้องระมัดระวัง ศก เริ่มฟื้นตัว ค่อยมาดูแต่ละตัว
14. แฟชั่น ลงแรงก่อนหน้า ทำให้คราวนี้ -18.4% และฟื้นกลับมา 7.2%
สรุป
Finance ภาพเปลี่ยน ความเสี่ยงเริ่มลดลง
สื่อ เช่น Plaxb ก็น่าสนใจ
ICT , พาณิชย์ ก็น่าสนใจ
ปิโตร เล่นเก็งกำไร
ช่วงนี้อยากให้แบ่ง port ให้ถือหุ้นยาวไว้บ้าง