เม่ากลับใจ สัมภาษณ์ อาจารย์มี่ (ตอนที่ 2: การลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์)

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
เม่ากลับใจ
Thai VI Partner
โพสต์: 107
ผู้ติดตาม: 0

เม่ากลับใจ สัมภาษณ์ อาจารย์มี่ (ตอนที่ 2: การลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์)

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เม่ากลับใจ สัมภาษณ์ อาจารย์มี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์ (ตอนที่ 2)

ตอนที่ 2: การลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
“มุมมองการลงทุนต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ ปัจจัยบวกจาก Covid-19”

ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่แพ้ตลาดมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
ใครที่ลงทุนหุ้นกลุ่มนี้หากเป็นการลงทุนระยะยาวก็น่าจะเชื่อได้ว่าน่าจะเจ็บตัวกันไปไม่มากก็น้อยครับ
แต่สาเหตุที่พี่มี่มองว่ากลุ่มนี้น่าจะเริ่มกลับมาน่าจับตามอง
แม้ว่ายอดขายรวมของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
แต่บริษัทในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ในประเทศไทยกลับเติบโตได้มากในช่วง lock down
แสดงว่าบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดนั้นน่าจะโดนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) แย่งส่วนแบ่งตลาดมาได้มากขึ้น
และในประเทศไทยมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กอยู่มาก
ดังนั้นก็น่าจะเชื่อได้ว่าน่าจะมีการล้มหายตายจากของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปพอสมควร
ดังนั้นแล้วด้าน supply น่าจะหายไปพอสมควร

ส่วนราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้นหากเทียบกับประเทศอื่นๆแล้วก็ถือว่าถูกมาก
คอนโดติดรถไฟฟ้าประเทศไทยอยู่ที่หลักล้านต้นๆ
ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า หรือ เวียดนาม ในพื้นที่ที่มีการคมนาคมสะดวกนั้นราคาแพงกว่าประเทศมาก
ดังนั้นหากมองในมุมของความคุ้มค่าเงิน อสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยดูว่าน่าสนใจกว่าประเทศพม่า หรือ เวียดนามอยู่พอสมควร

แต่ประเด็นที่น่าสนใจในปัจจุบันนอกจากเรื่องราคาแล้ว ประเทศไทยยังมีระบบสาธารณสุขที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่มาก
หรือสามารถกล่าวได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีโรงพยาบาลเอกชนที่มีคุณภาพในการรักษาที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านเรามาก
หากมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออย่าง Covid-19 เชื่อได้ว่าระบบสาธารณสุขของเรานั้นสามารถที่จะรองรับได้
ดังนั้นประเทศไทยน่าจะดูมีความน่าสนใจในมุมของประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดี
และ ช่วงที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศไทยนั้นก็มีน้อยมาก
ดังนั้นหากมองเรื่องความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อที่ต่ำมากก็ดึงดูดให้ผู้ที่อยากจะมีที่อยู่อาศัยในต่างประเทศอาจจะมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจ

ซึ่งในบางประเทศที่มีการแพร่หลายของโรค Covid-19 เช่น หลายๆประเทศในทวีปยุโรปนั้นโรงพยาบาลไม่มีเตียงที่เพียงพอสำหรับการรักษา
จำเป็นต้องปล่อยให้คนที่มีอายุมากนั้นต้องเสียชีวิต เนื่องจากเตียงที่มีต้องรักษาผู้ที่มีอายุน้อยกว่า
ซึ่งแม้ว่าผู้ป่วยอาจจะมีความสามารถในการจ่ายเงินสำหรับการรักษาพยาบาล
แต่โรงพยาบาลในประเทศที่มีการระบาดของ Covid-19 จะเลือกที่จะรักษาผู้ที่มีอายุน้อยก่อน
ดังนั้นการมีเงินมากในประเทศที่พัฒนาแล้วก็อาจจะไม่สามารถได้รับการรักษาได้
ซึ่งหากมองไปในเหตุและผลของเรื่องของการรอดชีวิต
สมมุติฐานที่น่าคิด คือ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ที่มีฐานะทางการเงินที่ดีในประเทศที่พัฒนาแล้ว
อาจจะมองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความสามารถในการรักษาพยาบาลที่เพียงพอ

ซึ่งหากผู้ที่มีฐานะทางการเงินในประเทศที่พัฒนาแล้วต้องการหาบ้านหลังที่สองที่มีความสามารถในการรักษาที่เพียงพอ
ประเทศไทยก็น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เพราะ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว,
ค่าครองชีพไม่แพง, ราคาบ้าน หรือ คอนโด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆก็ถูกกว่ากันมาก
และ ปริมาณเตียงก็มีเพียงพอสำหรับการรักษา
ดังนั้นปัจจัยด้านบวกเหล่านี้อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้หลังจากประเทศไทยเปิดประเทศแล้วอาจจะมีชาวต่างชาติให้ความสนใจ
ในการเข้ามาซื้อบ้านหลังที่สองด้วยเหตุผลเรื่องสาธารณสุข
โดยต่างชาติอาจจะไม่ได้หมายถึงชาติตะวันออกอย่างเดียว แต่อาจจะรวมถึงประเทศในเอเชีย เช่น พม่า, อินเดีย หรือ จีน เป็นต้น

นอกจากโอกาสที่ชาวต่างชาติจะสนใจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเมื่อเราเปิดประเทศแล้ว
หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นๆทั่วโลกแล้ว
ของเราก็ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาทั้งโลกอยู่มาก โดย PE เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 5 เท่า
(ค่าเฉลี่ยกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งโลกอยู่ที่ประมาณ 10 เท่า)
ดังนั้นความเสี่ยงในการลงทุนก็อาจจะดูว่าไม่มากเมื่อเทียบกับโอกาสใหม่ๆที่อาจจะกำลังจะเข้ามา

โดยวิธีการเลือกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่พี่มี่ใช้ในการลงทุนก็มองเรื่องผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะในช่วงการ lock down ประเทศที่ผ่านมาที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้นถดถอย
แต่ถ้าบริษัทไหนมีรายได้ หรือ ยอด presale เติบโตได้ก็แสดงว่าเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการบริหารจัดการที่ดี
หรือ มีผู้บริหารที่เก่ง ก็นำประเด็นเหล่านี้มาวิเคราะห์ต่อว่าควรจะเลือกลงทุนในบริษัทไหน
และ รวมถึงพิจารณาอัตราการทำกำไร, อัตราหนี้สินต่อทุน และ งบการเงิน เพื่อประกอบการลงทุน

จะเห็นได้ว่าอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกว่าเป็นหุ้นปราบเซียนในช่วงที่ผ่านมานั้นอาจจะทำให้นักลงทุนนั้นมองข้ามไป
แต่ลึกๆแล้วหากพิจารณาโอกาสใหม่ๆที่อาจจะเกิดขึ้น ประกอบกับระดับ PE Ratio ที่ต่ำมาก
หุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็อาจจะเป็นพระเอกในตอนจบก็เป็นไปได้ครับ

การลงทุนมีความเสี่ยง เม่ากลับใจ เพียงให้ข้อมูลและแนวทางการลงทุนจากพี่มี่เพื่อแบ่งปันมุมมอง,
ประสบการณ์ และแนวทางการวิเคราะห์ ของพี่มี่เพื่อเป็นไอเดียในการลงทุนเท่านั้นนะครับ
และ ขอย้ำอีกทีว่าไม่ใช่การชี้นำให้ลงทุนตามนะครับ เพราะ การลงทุนต้องเข้าใจในหลักเหตุและผลเสมอครับ

ชอบกด like ใช่กด Share
ฝากเพจการลงทุน เม่ากลับใจ
ไว้ในอ้อมใจนักลงทุนทุกท่านด้วยครับ

#เซียนมี่
#เม่ากลับใจ
แนบไฟล์

โพสต์โพสต์