วิธีการวัดผลการลงทุน 5 ด้าน ที่ผมชวนคุณลองทำดู / Pocket investor

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pocket investor
Thai VI Partner
โพสต์: 158
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการวัดผลการลงทุน 5 ด้าน ที่ผมชวนคุณลองทำดู / Pocket investor

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีทุกท่านครับ และวันสุดท้ายของการลงทุนในปี 2020 ก็จบไปเรียบร้อยแล้ว กับการปิดตลาดหลักทรัพย์ในวันสุดท้ายของปี 2020 การลงทุนของคุณในปีนี้เป็นอย่างไรบ้างเอ่ย? หลายๆท่านอาจจะยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ ยังไม่เป็นไรครับ เพราะ...
.
Content นี้ จะเป็นบทความสุดท้ายของปีนี้ ที่ผมจะมาบอกว่า "ถึงเวลามาวัดผลการลงทุนกันแล้ว!"
.
.
เมื่อพูดถึง "การวัดผลการลงทุน" เชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะนึกถึงการวัด "ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน" เพียงอย่างเดียว แต่การจะอยู่บนเส้นทางการลงทุนได้อย่างประสบความสำเร็จและมีความสุขแล้วนั้น ส่วนตัวคิดว่า "ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน เป็นแค่ 1 ใน 5 ด้าน" เท่านั้นครับ
.
อย่างที่เคยบอกว่า การวัดผลการลงทุน เป็นสิ่งสำคัญที่จะบอก "ผลลัพธ์" ว่ากลยุทธ์การลงทุนที่คุณใช้อยู่มันประสบความสำเร็จแค่ไหน ซึ่งความสำเร็จนี้มันคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ความสำเร็จจากการลงทุนเพียงปีเดียว
.
แต่ความสำเร็จในการลงทุนนั้น มันต้องอาศัยการทำผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องหลายๆปี ในระยะเวลายาวนานเพียงพอ จนคุณจะได้พบกับ "ความมหัศจรรย์ของผลตอบแทนทบต้น" ผมเชื่อเหลือเกินว่า การจะเดินทางไปถึงจุดนั้นได้ ต้องอาศัย องค์ประกอบสำคัญทั้ง 5 ด้าน ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ครับ น่าจะเป็น "ปัจจัยสำคัญที่ควรวัดผล" ว่าคุณประสบความสำเร็จแค่ไหนในปีนี้ จะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันเลย!
.
1. ด้านผลตอบแทน…
ปีนี้คุณได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร?
.
การที่คุณเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่เราคาดหวังกันมากที่สุดก็ คือ "เงิน" ดังนั้น คุณจึงควรต้องวัดอัตราผลตอบแทนที่ทำได้ในแต่ละปี ออกมาว่าเราประสบความสำเร็จแค่ไหน หรือพูดง่ายๆว่า เราได้เงินจากตลาดหุ้นมาเท่าไรในปีนี้ โดย คำนวณได้จาก
.
(เงินลงทุนทั้งหมด ณ ปลายปี + เงินปันผลที่ได้ระหว่างปี) / (เงินลงทุนทั้งหมด ณ ต้นปี + เงินสดที่ฝากเข้ามาระหว่างปี - เงินสดที่ถอนออกระหว่างปี)
.
นี่เป็นวิธีที่ผมใช้คำนวณผลตอบแทนครับ โดย เงินลงทุนทั้งหมด ประกอบด้วยมูลค่าตลาดของหุ้นที่ถืออยู่ในพอร์ตทั้งหมด + เงินสดคงเหลือที่พร้อมจะซื้อหุ้น
.
ตัวอย่างการคำนวน
เงินในพอร์ตต้นปี = 1,000,000 บาท
ฝากเงินเพิ่มระหว่างปี = 300,000 บาท
เงินปันผล = 40,000 บาท
ไม่มีเงินถอนออก
เงินในพอร์ตปลายปี = 1,800,000 บาท
.
อัตราผลตอบแทน = (15,000,000 + 40,000) / (1,000,000 +300,000)
= 18.4%
.
ซึ่งเมื่อคำนวนได้แล้ว เราก็เอาอัตราผลตอบแทนที่ทำได้ไปเปรียบเทียบ ใน 2 มิติ คือ
.
(1) เทียบกับผลตอบแทนที่คาดหวัง(ตั้งเป้าหมายไว้) >> ก็จะตอบได้ว่าถ้าผลตอบแทนที่ทำได้มากกว่าเราก็(น่าจะ)ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจ เช่น ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าอยากได้ผลตอบแทน 15% ต่อปี แต่ปีนี้ได้มา 18% ก็ถือว่าสูงกว่าเป้าหมาย เป็นต้น
.
(2) เทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยตลาด >> ต้องบอกว่าการลงทุนนั้น เราคงไม่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีทุกๆปี โดย เฉพาะในปีที่ตลาดภาพรวมซบเซา จากปัจจัยต่างๆที่มากระทบ ในทางกลับกัน บางปีตลาดอาจจะขึ้นมามากก็ได้
.
การเปรียบเทียบผลตอบแทนกับตลาด จะช่วยตัดผลของความผันผวนตรงนี้ได้ แล้วตอบว่าเรายังทำผลตอบแทนได้ดีกว่าคนส่วนมากหรือไม่ เช่น ปีนี้ตลาดติดลบจากปีก่อนไป -8% ถ้าเราทำผลตอบแทนได้สูงกว่า ก็ถือว่ายังดีกว่าตลาด
.
อย่างไรก็ตามการวัดผลตอบแทน แค่เพียง 1 ปี แล้วตอบทันทีว่าเราประสบความสำเร็จหรือไม่ อาจจะเร็วเกินไปหน่อย เพราะปีนี้คุณอาจจะโชคดีก็ได้! อย่างที่บอกว่าเกมนี้มันเป็นเกมระยะยาว ดังนั้น การที่เราจะทำผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว คงต้องอาศัยปัจจัยความสำเร็จในด้านอื่นๆอีก 4 ด้านด้วยครับ
.
2. ด้านพื้นฐานกิจการที่คุณถือหุ้น…
คุณเห็นพัฒนาการอะไรในกิจการที่คุณถือหุ้นอยู่บ้าง?
.
นี่เป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งที่เราควรจะประเมินวัดผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "นักลงทุนที่เน้นถือหุ้นระยะยาว" ที่ถือหุ้นข้ามปี นั่นก็ คือ การประเมินพื้นฐานของกิจการ ครับ
.
ในระยะยาวแล้วราคาหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงเสมอ...หรือในอีกมุมหนึ่ง "ในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง" ก็ได้ ดังนั้น การวัดอัตราผลตอบแทน โดย Focus แค่มูลค่าพอร์ตอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้เป็นทั้งหมด ที่บอกว่าคุณประสบความสำเร็จมั้ย
.
อีกสิ่งที่ควรต้องดูประกอบกัน คือ พื้นฐานกิจการ ที่สะท้อน "มูลค่าที่แท้จริง" ของบริษัทที่คุณเป็นเจ้าของอยู่ มันเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดย ดูได้จากพัฒนาการของบริษัท ที่จะตอบว่าคุณเลือกหุ้นได้ถูกตัวหรือเปล่าครับ
.
โดย พัฒนาการของบริษัท อาจจะดูได้จาก ผลประกอบการที่ดีขึ้น รายได้ดีขึ้น กำไรดีขึ้น จ่ายปันผลได้มากขึ้น หรือ ความแข็งแกร่งของกิจการที่เพิ่มขึ้น เช่น จำนวนฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ร้านสาขามากขึ้น แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น เป็นต้น และสิ่งที่ต้องถามต่อไปด้วย คือ แล้วมันยังคงมีแนวโน้มดีต่อเนื่องหรือเปล่า?
.
ซึ่งถ้าคุณยังมั่นใจว่าเลือกหุ้นได้ถูกตัว สุดท้ายราคาในระยะยาวย่อมสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงแน่นอน และนี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ (ถ้าคุณไม่ขายหุ้นไปเสียก่อนนะ)
.
3. ด้านการเรียนรู้…
คุณได้เรียนรู้บทเรียนจากการลงทุน อะไรบ้างในปีนี้?
.
นักลงทุน คือ นักเรียนรู้ตลอดชีวิต
การที่คุณจะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้นั้น หนึ่งสิ่งสำคัญ คือ คุณต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่อง หลักการลงทุน การทำความเข้าใจธุรกิจ ความรู้ด้านงบการเงิน การเข้าใจโลก หรือจิตวิทยาตลาด เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดทั้งจาก การศึกษาผ่านการอ่าน ดู ฟัง หรือเกิดจากประสบการณ์การลงทุนของคุณเอง
.
สิ่งสำคัญที่อยากให้คุณลองคิดทบทวนดู คือ คุณมีความรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้างในปีนี้? ประสบการณ์ลงทุนที่ทั้ง สำเร็จ และ ผิดพลาด ในปีนี้ สอนบทเรียนอะไรคุณบ้าง และจะนำมันมาปรับใช้ในการพัฒนาวิธีลงทุนของคุณอย่างไร?
.
ยิ่งคุณมีความรู้และประสบการณ์มากเท่าไร เชื่อว่าความสำเร็จในการลงทุนของคุณยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น? ดังนั้น "จงพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ" และเชื่อมั่นในวิถีทางการลงทุนที่ถูกต้องครับ
.
4. ด้านการจัดการเวลา…
คุณจัดสรรเวลาในการลงทุนได้ดีแค่ไหน?
.
การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาในเส้นทางนี้ได้ไม่เกิน 1-2 ปี คุณอาจจะต้อง "ทุ่มเทเวลาในการศึกษา" พอสมควรถึงจะเข้าใจวิธีการลงทุนที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเอง
.
แต่การลงทุนเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งในชีวิต...อีกสิ่งสำคัญที่ผมอยากให้คุณวัดผล คือ "คุณใช้เวลากับการลงทุนมากแค่ไหน" เชื่อว่าถ้าคุณลงทุนมาสักพักหนึ่งแล้ว คุณควรจะสามารถจัดสรรเวลากับการลงทุนที่เหมาะสมได้ครับ
.
และอย่าลืมถามตัวเองว่า เราให้เวลากับสิ่งอื่นๆที่สำคัญในชีวิต ได้เหมาะสมแค่ไหน เช่น ครอบครัว สุขภาพ หน้าที่การงาน เพื่อนๆ แรงบันดาลใจ หรือ สิ่งต่างๆที่ทำให้คุณมีความสุข เป็นต้น เพราะชีวิตการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ นั่นก็ คือ "การใช้ชีวิตอย่างสมดุล" ครับ
.
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณยังใช้เวลามากหรือหมกมุ่นกับการลงทุนมากไป หรือคุณให้เวลากับมันน้อยเกินไปจนยังไม่เข้าใจ คุณก็อาจจะต้องพิจารณาปรับให้เหมาะสมในปีต่อๆไปได้ครับ : )
.
5. ด้านความสุข…
คุณมีความสุขในการลงทุนหรือเปล่า?
.
สิ่งสำคัญที่สุด คือ อย่าลืมกลับมาถามตัวเองว่า คุณ 'มีความสุข' กับการลงทุนหรือไม่ เพราะ การที่จะลงทุนได้ในระยะยาว คุณต้องรักในการลงทุนและมีความสุขที่ได้ทำมันครับ
.
ผมเชื่อเสมอว่าทุกคนสามารถลงทุนได้ในแบบของคุณ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณคิดว่าการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเองนั้น "มันไม่เหมาะกับคุณ" คุณรู้สึกไม่ชอบการเรียนรู้ ไม่ชอบธุรกิจ คุณมีความกลัวและเครียดจากการลงทุน จนเสียสุขภาพ คุณก็อาจจะไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยตัวเองครับ
.
การเลือกลงทุนผ่าน "กองทุนรวม" ให้มืออาชีพช่วยบริหารให้ หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า มันก็ยังเป็นแนวทางที่ดีในการบริหารการเงิน สิ่งสำคัญ คือ "เป็นในแบบที่คุณมีความสุข"
.
แต่ถ้าใครมี Passion กับการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเองมากๆ ยังสนุกกับการได้ศึกษาบริษัทและเรื่องราวการลงทุนต่างๆทุกๆวัน ก็จงจดจำความรู้สึกนี้ไว้ให้ดีๆ เพราะนี่คือพลังงานขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในการลงทุน
.
จบแล้วครับ กับวิธีวัดผลการลงทุนทั้ง 5 ด้าน ตอนนี้ทุกท่านน่าจะพอตอบตัวเองได้แล้วใช่มั้ยครับ ว่าปีนี้คุณประสบความสำเร็จแค่ไหน...แต่ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จมากๆหรือ เละเทะไม่เป็นท่าในปีนี้...
.
คุณยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอในปีต่อๆไป เพราะเส้นทางการลงทุนนี้คุณสามารถอยู่กับมันไปอีกนาน และคุณไม่ต้องกังวลเลย เพราะ อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งแหละที่ยังร่วมเดินทางไปกับทุกๆท่านในเส้นทางนี้อยู่ครับ
.
ตอนนี้ผมทำเพจ Pocket investor มาครบ 1 ปี แล้วครับ ต้องบกว่าสนุกมากๆไม่ต่างจากการลงทุนเลย ขอบคุณทุกท่านจริงๆที่ติดตามกันมาตลอดครับ พักผ่อนและดูแลสุขภาพให้ดี แล้วพบกันใหม่หลังปีใหม่น้า
.
ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่ดีและขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนและการใช้ชีวิต อย่างที่ตั้งใจไว้นะครับ
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ ❤
Pocket investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pocket investor
Thai VI Partner
โพสต์: 158
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิธีการวัดผลการลงทุน 5 ด้าน ที่ผมชวนคุณลองทำดู / Pocket investor

โพสต์ที่ 2

โพสต์

*แก้ไขตัวเลขผิดครับ ขออภัยครับ

ตัวอย่างการคำนวน
เงินในพอร์ตต้นปี = 1,000,000 บาท
ฝากเงินเพิ่มระหว่างปี = 300,000 บาท
เงินปันผล = 40,000 บาท
ไม่มีเงินถอนออก
เงินในพอร์ตปลายปี = 1,500,000 บาท
.
อัตราผลตอบแทน = (1,5000,000 + 40,000) / (1,000,000 +300,000)
= 18.4%
โพสต์โพสต์