สรุปจาก การตลาดสร้างสรรค์บน Clubhouse สำหรับธุรกิจแต่ละประเภท
Cr:Page วันนี้สรุป__มา Clubhouse Thailand
1. ประเภท Expert/Service Base Business
ex. digital agency, ทนายความ, หมอ, ผู้เชี่ยวชาญด้านความสวยความงาม, coach, consultant ให้คำปรึกษาต่างๆ
-ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญของเราเป็น product/service offer
- benefit จากช่องทางของ Clubhouse มากที่สุด
- เป็นช่องทางที่คุณสามารถออกมาพูดได้ เป็น top of funnel สร้าง lead generation ไปสู่การขาย
- ควรจะต้องทำ personal branding -> LinkedIn (ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือเจ้าของธุรกิจ)
- Expert สามารถเป็น influencer ได้อย่างรวดเร็วใน Clubhouse
- ให้คุณพูดเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ add value to community หรือจอยห้องแล้วถามคำถามที่เป็นการ add value
- คนมีของในเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วยิ่งพูดนานๆ ตัวจริงในวงการนี้ คนจะฟังแล้วรู้ ถ้าเราไม่ใช่ตัวจริงคนก็ฟังแล้วรู้เหมือนกัน
- ไม่ต้องลงเงิน แต่ต้องลงพลัง
2. Mass Brand
ex. แบรนด์ขายสินค้าอุปโภคบริโภค FMCG, เครื่องสำอางค์, รถยนต์
- ต้องไม่ hard Sell แต่เข้ามาเพื่อ add value
- แนะนำให้ทำในเชิง personal branding มากกว่าองค์กร เพราะ people buy people เราซื้อวิสัยทัศน์ของ CEO เหมือน Apple คนซื้อใน vision, mission ของ Steve Jobs / เราควรเป็น Steve Jobs ในเวอร์ชั่นของตัวเอง
- วิธีการเปิด room ต่างๆ เช่น แบรนด์เครื่องสำอาง มาเปิดห้องแล้วพูดเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง
-ไปดึง influencer ที่มีความน่าเชื่อถือ การดูแลเส้นผม การดูแลผิว ดึงมา 10-15 คน มาพูดคุย ไม่ต้องขายของตรงๆ
-ใช้ new product launch มาพูดคุยกันก็ได้ โดยการส่งให้ influnecer ใช้ล่วงหน้าแล้วมาพูดกัน
- ช่องทางมัน real ถ้า fake คนจะรู้ ถ้าคนที่มาพูดไม่ได้ชอบจริงๆ คนจะรู้เวลามาพูด เสียงบอกได้
- คุณต้อง show up แล้วเอาเสียงมาพูดจริงๆ
- ช่องทางนี้คน expect อะไรที่มัน authentic, real มนุษย์เราโหยหาอะไรที่มัน real มันจริง เพราะเบื่อที่มันมีการสร้างภาพปรุงแต่งผ่าน social media ช่องทางอื่นๆ ที่เราอยู่มา 10 ปีแล้ว
- Clubhouse ออกมาตอบโจทย์ ทำให้คนเราสามารถมี human connection พูดคุยกับคนที่ real
-ในแง่ของ brand คือเราจะได้รับ feedback อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันถ้ามันไม่ดีก็จะกลับมาทำร้ายเราได้เช่นกัน
ex. สมมุติมีหนังออกใหม่ คนดูหนังจบออกมา เปิดห้อง CH ได้เลย มันจะพูดถึงอย่างรวดเร็ว ถ้าดีคนก็ชม ถ้าทำหนังแล้วไม่เวิร์ค คนก็ออกมาพูดเลย
- ถ้าคุณ launch product, feedback จะกลับมารวดเร็ว เวลาเจ้าของแบรนด์จะ launch ต้องใช้ client centric ถ้าไม่เกิดก็แป้กเลย เพราะทุกวันนี้มันถูกพูดถึงได้เร็วมาก
- ซึ่งถือว่าดีในแง่ของผู้บริโภค สินค้าที่ดีก็จะได้รับการพูดถึงและบอกต่อ สินค้าที่ไม่ดี เอาเปรียบ ก็จะถูก feeback ในทางลบ เพื่อนำไปปรับปรุง
ส่งผลให้ตลาดมีสินค้าดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นการช่วยยกระดับตลาด
- สามารถเข้ามาทำ activity ต่างๆ ได้ meet & greet กับ FC
- ใช้หาว่า product ใหม่ๆ ของแบรนด์เรา ควรออกอะไร ทำ CRM ได้ หรือแม้กระทั่ง focus group เมื่อก่อนเราเสียงบทำ foucus group เยอะมาก เราสามารถใช้ช่องทาง Clubhouse ทำ focus group ได้เลย เช่น ถ้าเราจะ launch skincare ตัวใหม่อยู่ คุณมองว่ายังขาดอะไรอยู่บ้าง คนที่ยกมือมาตอบ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเรา ได้โปรดัก ได้ไอเดีย ที่ insight มากๆ
- ใช้เพื่อหาปัญหาของแบรนด์ ทำ focus group ว่า คน happy หรือไม่ happy กับสินค้าของเรา
-ใช้ test idea แทนที่เราจะไป launch เลยก็ทำ focus groupในนี้ brandstrom ก่อน แล้วก็ทำ lot จำกัดให้ influencer หรือ early adopter ไปทดลองใช้ดูก่อนแล้วจะได้ feedback
- สามารถใช้ในเชิงสร้างสรรค์จัดกิจกรรมอื่นๆ ได้อีกมากมาย
- นอกจากทำ personal branding ยังได้ไอเดียใหม่ๆ อีกด้วย
—————————————
ช่วง Q&A
.
1. ธุรกิจ software
.
[คุณ A]: ทำธุรกิจ software กลุ่มลูกค้าคือผู้บริหาร, วิศวกรที่ใช้โปรแกรมพวกนี้ ปกติใช้ Facebook, Youtube ซึ่งสามารถโชว์ feature โชว์ภาพได้แต่ใน Clubhouse จะต้องทำยังไงบ้าง
.
[Nida]
-ใน Clubhouse ผู้บริหารเต็มไปหมดเลย expert สายต่างๆ
- Facebook มีความ mass มาก ในขนาดที่ Clubhouse กรองคนเข้ามาตามความสนใจต่างๆ เหมือน pantip สมัยก่อน
- อย่างคุณก็เป็น expert base business เราสามารถเปิดห้องสนาทนาเกี่ยวกับเรื่องที่เราเชี่ยวชาญ หรือ add value to ห้องต่างๆ เกี่ยวกับโปรแกรมที่เราขาย
.
[คุณ A]
ผมทำ software house, software หลักของคือไว้ใช้ตรวจสอบเช็ค/บันทึก สภาพเครื่องจักร, การเปิด PO, ควบคุมสต็อก ลูกคาคือ โรงงานอุตสาหกรรม 80%, คนที่ต้องทำงาน support ระบบต่างๆ เช่น ดูแลสนามบิน 20%
.
[Nida]
อาจจะต้องใช้ twitter หรือ inbox ดึงคนออกไปจากช่องทางอื่นเพื่อ nurture หล่อเลี้ยงจนเขาเป็นลูกค้าของเรา ดึงไป Youtube, FB Group แนะนำให้เขียน profile ให้ชัดกว่านี้ เขาจะได้เข้าใจเลยว่าเราทำอะไรอยู่ profile สามารถบรรยายให้เยาวก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีต้องให้คนอ่านและสามารถ get ได้เลยใน 3 บรรทัดแรก หรือถ้าเป็นคำเฉพาะที่กลุ่มลูกค้าเลย get ก็โอเคเลย
.
เราไม่ได้ขาย mass ไม่ต้องสนว่าคนเข้ามากี่คน เน้น quality lead เพราะลูกค้าเราเป็นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
- Facebook ที่คนอาจจะตามเพจเรามากก็จริง แต่ quality จริงๆ น้อยมาก มีสักกี่คนที่จะกลายเป็นลูกค้าเรา
- Clubhouse มีความพิเศษคือเราสามารถเจาะไป niche ต่างๆ ได้ ธุรกิจ ประมาณไหน เราควรไปเข้าห้องไหน ไป engage ห้องนั้น ไป add value และคนจะรู้จักเราว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
.
หรือ จะ collaborate กับเขาก็ได้ Clubhouse จะต่างกับช่องทางอื่นเพราะจะมีเฉพาะคนที่ follow เรา แต่ที่นี้เราสามารถดึงคนที่เรา follow เข้ามาได้อาจจะไป collab กับคนที่ compliement เรา ขายลูกค้ากลุ่มเดียวกันแต่สินค้าคนละอย่าง ที่มันเสริมกันได้ ex. ตัวอย่างเปิดห้องคุย 5 ประเด็นที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับเรื่อง XXX software ไม่ต้องกลัวที่จะตั้งหัวข้อแคบ ถ้าหัวข้อ general ไปอาจจะไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเราเข้ามา
—————————————
- การตลาดใน Clubhouse ค่อนข้างต่างจากช่องทางอื่น ช่องทางอื่น hard sale ลงรูป
- ช่องทางนี้ไว้สร้าง brand awareness ไม่ให้เราหลุดจาก top of mind เพราะ ปกติคนจะจำสินค้าแต่ละ category ได้ประมาณ 7 brand อย่างน้อยเราต้องอยู่ใน top 3
-บางทีการเป็นที่ 2 ยังไม่พอที่จะอยู่รอดเลย ทำยังไงก็ได้ให้ aim เป็นที่ 1 ในอุตสาหกรรม
-ใน nich market นั้นๆ ให้คนมองว่าคุณ offer product/service ที่ดีที่สุด
- เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราทำแค่ average แค่ acceptable คุณภาพแค่ ok มันก็เท่ากับเราเป็น commodity เหมือนเราเป็นมาม่า เมื่อไรที่เราทำอย่างนั้น มันจะเกิดการตัดราคา อยู่ใน red ocean กลายเป็นว่าเราขายของเหมือนกันแต่ไม่มีใคร win เพราะแข่งกันตัดราคาไปเรื่อยๆ
- แต่การที่เราขึ้นมาเป็น industry leader เลือกทำสิ่งที่ยากกว่า ลงทุน ลงแรงมาก จะทำให้เรามี offer ที่เหนือกว่าคนอื่น ทำให้เราอยู่ใน blue ocean ไม่มีใครเทียบ service ของเราได้
- แล้วคุณจะรัก blue ocean ไม่ต้องมีการแข่งกัน แย่งลูกค้ากัน ไม่ต้องไปโฟกัส energy ในการตบตี แต่ไปโฟกัสที่การพัฒนา product พัฒนา service พัฒนาทีมงาน
- Serve ลูกค้าด้วยบริการที่ดีที่สุดและ customer จะอยุ่กับคุณไปตลอดชีวิตและเขาจะบอกต่อ จะ refer คุณ
-โฟกัส energy ในการทำโปรดดักที่ดีที่สุดและสื่อสารไปหาคนให้ดีที่สุดและเยอะที่สุด
—————————————
2. ธุรกิจเสื้อผ้า, สิ่งทอ
.
[คุณ B]: ปัจจุบันทำธุรกิจสิ่งทอ การผลิตผ้า อยู่ในสมาคม พวกทอผ้า/ย้อมผ้า อยากจะเป็นตัวกลางในการ connect ระหว่างพวกแบรนด์, designer, แม่ค้าออนไลน์กับผู้ผลิต เพราะจากในอดีตที่ต้อง import มาจากต่างประเทศ คนจะได้ไม่ต้อง import อยากถามว่าใน Clubhouse ถ้าคนไม่ follow เรา เขาก็จะไม่เห็นเรา อย่างนี้เราจะทำยังไงดี จะทำยังไงให้คนที่มีความสนใจเดียวกัน มาเจอกัน ตอนนี้กระจัดกระจาย
.
[Nida]
มีได้การเปิดห้องหรือไปจอย stage ไหม
.
[คุณ B]
มี แต่ก็มีแต่คนรู้จักกันเข้ามา network มัน expand ไปอย่างช้าๆ
.
[Nida]
จริงๆ อยากให้ไม่ต้องเน้นที่คนหาเยอะๆ Clubhouse เป็นแพลตฟอร์มที่เราซื้อ follower ไม่ได้ เราก็ต้องใช้เวลา networking เหมือนการออกไปเจอคนตามสมาคมเลย แต่ข้อดีคือไม่ต้องออกไปจริงๆ
.
หาคนนอก Clubhouse แต่ในวงการเดียวกันก่อน แล้วชวนเขามาลองจัดเป็น summit แล้วตั้งห้วข้อที่น่าสนใจ เขาจะเข้ามาฟังเองแล้วเดียวเขาก็จะ ping คนอื่นๆ เข้ามา ในนี้ก็มีกลุ่มเสื้อผ้า กลุ่ม net idol ที่เขาตัดเย็บเสือผ้าเอง ก็อาจจะ connect กับคนพวกนี้ แล้วเอาคนรุ่นใหม่ๆ มาจอยคุยกัน เช่น "ปัญหาของผ้า, จะเลือกผ้ายังไง, ปัญหา 5 ข้อที่ทำให้การผลิตแย่ ข้อควรระวังมีอะไรบ้าง" เอาเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญอยู่แล้วมาพูด ที่มันจะ add value ทั้งคนที่ทำอยู่แล้วทั้งแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ หรือคนที่กำลังจะอยากทำแบรนด์เสื้อผ้า
.
ลอง think out of the box ว่าใครน่าจะสนใจสินค้าประเภทนี้ อาจจะเจอกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ
.
ฝ่ายขาย ฝ่ายเครื่องจักร คนที่เป็น user แบรนด์เสื้อผ้า มานั่งพูดคุยกัน สามารถสร้างหัวข้อต่างๆ แล้วดู feedack อันไหนคนสนใจ อันไหนคนไม่สนใจ อันไหนเวิร์คไม่เวิร์ค เวลาพูดต้องโฟกัสให้อย่างน้อย 80% ของเนื้อหาตรงกับ topic ของห้องที่เราตั้งไว้
.
จำนวนไม่ใช่ประเด็น ต่อให้มี follower 1M แต่ถ้าคนเข้ามากดติดตามเราเพราะวิดีโอตลก ไม่ได้สนใจเราเลย สุดท้ายก็ขายอะไรไม่ได้เลย อย่าไปทำคอนเทนต์อะไรที่จะไปดึงดูดคนที่ไม่ใช่เข้ามา เราหา high quality lead, เราไม่ได้หา mass เราต้องการคนที่ใช่เท่านั้น ต่อให้เปิดแล้วมี 1-2 คน ก็ดีเพราะเข้าอาจจะกลายเป็นลูกค้าเราก็ได้
.
อย่างเรามี follower เยอะ เพราะเราเข้าไป contribute ห้องต่างๆ พอคนฟัง แล้ว เห้ย คนนี้รู้จริงเรื่อง marketing นะ พอเราพูดคนก็จะสนใจในสิ่งที่เราพูด แล้วก็มาตามเรา ค่อยๆ เริ่มต้น ให้คนที่ follow เป็นคนที่สนใจเราจริงๆ
แล้วค่อย lead ไปที่อื่น add call to action เพิ่มเติม เช่น ถ้าสนใจเกี่ยวกับ xxx ให้ติดต่อได้ที่ yyy กระตุ้นให้คน take action ดีกว่าเราจะไม่ทำอะไรเลย
.
ขายแบบไม่ขาย คนชอบคิดว่าการขายเป็นเรื่องไม่ดี selling is serving
ไม่ใช่ intention ขายๆๆ แต่เป็นการ add value และ serve คน แล้วลูกค้าจะเข้ามาหาเราเอง
—————————————
Date: 26 FEB 2021 (18:00 - 19:00)
Speaker: @nidaleard Nida Leardprasopsuk (Coach Nida)
#Clubhouse #ClubhouseTH #ClubhouseThailand #ClubhouseMarketing #CoachNida #nidaleard
#todayinotetotext #todayinoteto #วันนี้สรุปมา