สรุปสัมมนา คลับเล็กๆจริงใจไม่จริงโจ้
เรื่อง หนทางสู่สายลงทุน
โดย คุณ A Sarawadee Vichayanotai,
Vithan Un BottomLiner
Bam Chevatanakornkulm( Bird ),
Tanapoom Damraks,
Amorn Kowanidcharoen.
Panusan Theerakul (หมอบอส)
น้องจั้ม Sorawis
หนทางสู่อาชีพสายลงทุน โดย คุณอั้น Vithan
แนะนำตัว
คุณอั้นทำงานเริ่มแรกที่ธนาคารกสิกรไทย ในฝ่ายวิเคราะห์ของ Kasikorn Private Banking ในปี 2013
ซึ่งprivate Bankingในไทยเพิ่งจะเริ่มต้นบูม
มีหน้าที่วิเคราะห์ จัดพอร์ตกองทุนรวมให้กับลูกค้า โดยมีกองทุนตราสารหนี้ หุ้น ทองคำ และน้ำมันเป็นต้น
จัดเป็นportfolio
ต่อมาก็ย้ายมาทำที่ Finnomina ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีเยอะหน่อย ศึกษาเกี่ยวกับData scientistมากขึ้น
ตอนอยู่ธนาคารกสิกร ส่วนใหญ่ใช้ VBA แต่ที่นี่จะใช้ Python เป็นหลัก พัฒนา roboadvisor โดยใช้ AI ดูด้านการตลาด และช่วยด้านลงทุน ต่อมามีเพื่อนชวนไปเป็นผู้จัดการกองทุน ปัจจุบันเป็นBlogger #BottomLiner
Framework การลงทุน ปัจจุบันที่ใช้ เน้น Fundamental + Alternative data
Alternative data ปกติราคาแพง แต่ไม่มีตัง ก็เลยทำเอง โดยไปดึงจาก website มาเอง
เช่น webboard มียอดกดค้นหากี่ครั้ง มีสมาชิกใหม่กี่คน พวกนี้ทำได้เลย
หรือหาข้อมูล ยอด download app แค่ไหน หรือข้อมูลยอดspending.
ข้อมูลเหล่านี้สามารถ นำมา predict งบได้ แต่บางทีงบดี หุ้นตก เพราะความคาดหวัง
เชื่อว่าการ valuation เป็น dynamic มองว่า valuation จะสูงได้ growth ต้องสูงตาม มองตัวเลขอนาคตเป็นหลัก
ดู forward pe เป็นต้น
นำข้อมูลในอดีต ใช้เพื่อศึกษา ดู high,low อยู่ตรงไหน
ส่วนเรื่องโมเดล เทคนิคที่ได้จากสมัยทำงาน ได้พี่ๆที่กสิกรสอนมา ตัวอย่างปัจจัยที่นำมาคำนวณว่า target price set index จะเป็นเท่าไหร่
ก็จะใส่ input ไปหลายๆอย่าง เช่น GDP โตเท่าไหร่ เงินเฟ้อเท่าไหร่ จะส่งผลต่อกำไรเท่าไหร่ ในสมัยก่อนก็ใช้ regression
ใช้.Technicalน้อย แต่ใช้ tactical เช่นดู sentiment ของคน และ ดู fund flow
ดู event timeline และจับจังหวะ peak ของsentiment จะใช้ technical เฉพาะตอนซื้อจะซื้อจะขาย เช่น กรณีเข้าเงื่อนไขที่วางไว้ เมื่อมาถึงแนวต้านที่ดูไว้ ถ้าเป็น port trading ก็จะขายออกหมด
อีกเทคนิคในการดู sentiment จะใช้วิธี เช็คชื่อในห้อง line ถ้าซื้อกันหมดแล้ว เราก็ขาย (จะทำตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่)
คุณอั้นได้อธิบายเกี่ยวกับงานโดยแบ่งตามAsset class / รูปแบบธุรกิจ
1. หุ้น แบ่งเป็น
1.1 งานSales มีหน้าที่นำข้อมูลจากนักวิเคราะห์และโทรคุยกับลูกค้า
1.2 งานนักวิเคราะห์ แบ่งเป็น
แบบแรก นักวิเคราะห์ที่อยู่ตามโบรคเกอร์ บริษัทหลักทรัพย์(บล)
แบบที่สอง นักวิเคราะห์ที่อยู่กับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ)
2. กองทุน Wealth Management
2.1 Sales (เรียก RM, FA แล้วแต่ที่)
2.2 นักวิเคราะห์ (เรียก IC, FA แล้วแต่ที่)
สำหรับมือใหม่มาสมัครงาน
งานนักวิเคราะห์
ถ้าแค่ชอบเล่นหุ้น ไม่แนะนำให้สมัครเป็นนักวิเคราะห์ มีข้อจำกัด และ คู่แข่งเยอะ
Career path มีความเป็น S curve สูงมาก ทั้งตำแหน่งการงานและbenefit
ถ้าเข้ามาใหม่จะถูกกดเงินเดือน และ หลังผลงานออกมาโดดเด่นจึงได้ปรับขึ้นเงินเดือน ขึ้นตำแหน่ง
ช่วงแรกก็ต้องปั้ม license เช่น CFA
แนะนำใครอยากสมัครสายนี้ต้องฝึก coding เพิ่มเติม จะได้เปรียบ
ถ้าใครเคยทำงานสาย Quants มาจะได้เปรียบ
มีข้อแนะนำว่า ก่อนมาสอบสัมภาษณ์ ให้ฝึกเขียนโปรแกรม Python
ฝึกหาความสัมพันธ์ เช่น ทองกับ $ ทำความเข้าใจในหลายๆเรื่อง สร้างความแตกต่าง ที่นอกเหนือไปจาก bottom up
ส่วนงานทางWealth Management จะหนักไปทาง Macro เยอะ
ตัวเลขเศรษฐกิจ จะถูกนำมาพูดคุยมากกว่า คุยหุ้นรายตัว
แต่เราก็ยังสามารถเรียนรู้เรื่องหุ้นได้ ผ่านการวิเคราะห์หุ้นที่อยู่ในดัชนี เพราะ อย่างเช่น S&P 500 ในตลาด US เราก็ศึกษาหุ้นTech ซึ่งมีราวๆ 20%กว่า หากรวมกับFacebook Amazon ก็จะได้ 30% กว่า วิเคราะห์หุ้นไม่กี่ตัว ก็จะเข้าใจทิศทางของตลาดหุ้น US ตรงนี้เราก็เรียนรู้ได้
เรื่อง Fund Flow ดูอย่างไรดี
สำคัญคือ ก็ต้องดูว่า FED จะไปทางไหน (เสริมในสรุปนี้ คือถ้า fed ขึ้นดอกเบี้ย เงินมักจะไหลกลับ US)
ให้ข้อคิดว่า
3ข้อที่ต้องเรียนรู้คือ
1.เข้าใจเรื่องFundamental
2.รู้Event timeline ที่สำคัญ ตัวเลขเศรษฐกิจ รวมถึง รู้ว่าไบเดนคุยถึงเรื่องอะไร
3.ต้องรู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไรด้วย
ต่อมาเสริมเทคนิควิธีดูว่า
Fund Flow มองผ่าน Bond Yied แทนได้ ต้องเข้าใจเรื่อง Hot money และ Carry trade
โดยดู Bond ระยะสั้น เข้า ออกแค่ไหน ค่าเงินจะถูกกระทบ
หรือใช้เทคนิค quants เช่นนำตัวเลข Fund Flow 30วันมาบวกกัน จะพอบอกทิศทางได้ สุดท้ายจะอยู่ในกรอบ เด้งไปเด้งมา หรือจะmodify ถ่วงน้ำหนักด้วย Exponential weight ทำอย่างอื่นเพิ่มเติมก็ได้
อาชีพผู้จัดการกองทุน
ตัวเนื้องาน เน้นเลือกหุ้น จัดพอร์ต กระจายความเสี่ยง
ส่วนนักวิเคราะห์ เน้นเชียร์หุ้น เจาะลึกหุ้น เจาะอุตสาหกรรม
แต่ career path เริ่มจากไหนก่อนก็ได้ ผู้จัดากรกองทุนปกติจะเริ่มจาก Assist Fund Manager แต่บางทีก็ข้ามได้
คุณอั้น เคยเป็นนักวิเคราะห์ก่อน (แถมยังเป็นกองทุน ไม่ใช่หุ้นรายตัว) แต่ก็ข้ามมาเป็นผู้จัดการกองทุนหุ้นเลย
หน้าที่ นักวิเคราะห์ใน wealth ก็เหมือน multi-asset fund manager
คือ จะดูว่าลงทุนสินทรัพย์อะไรดี ต้องใช้เศรษฐศาสตร์เยอะใช้
ถ้าเป็นสายพื้นฐาน เชียร์วิเคราะห์หุ้นไทย ตอนนี้เริ่มเปิดรับนักวิเคราะห์หุ้นต่างประเทศมากขึ้น ก็เป็นโอกาส
ถ้าเป็นสาย quants ก็จะได้เปรียบเพราะมีข้อมูลให้ใช้มากกว่า มีข้อมูล consensus ให้เปรียบเทียบ sentiment
บางครั้งข่าวร้ายมา หุ้นก็ขึ้น เพราะ sentiment แย่อยู่แล้ว แต่ตัวเลขจริงดีกว่าที่คาด ตัวอย่างเช่น หุ้น Baba มีข่าวโดนปรับ แต่หุ้นขึ้น เพราะวิเคราะห์แล้ว ปรับนิดเดียว ไม่กระทบต่อบริษัทมากนัก
คุณอั้น พูดถึง CFAมีท้งหมด 3 ระดับ ส่วนตัวไม่ได้สนใจ จึงแนะนำให้สอบ level1 ก่อนก็พอ แล้วไปทำงานหาประสบการณ์ดีกว่า
ก็สามารถเป็นผู้จัดการกองทุนได้แล้ว เพราะการอ่านหนังสือไปสอบlevel 2,3 ใช้พลังเยอะ เอาเวลาไปอ่านหุ้น คุ้มกว่า (อันนี้ก็แล้วแต่คนจริงๆ)
ช่วงถามตอบ (ช่วยกันตอบ พี่เอ คุณอั้น คุณเบิร์ด พี่อมร)
Q: เป็นนักลงทุนมือใหม่. อยากมีอิสรภาพทางการขึ้น ลงทุนในหุ้นและคริปโต โดยจะลงเดือนละ 10000บาท
ต้องทำอย่างไร
A: ต้องดูก่อนว่าเราถนัดอะไร เช่น ถนัดด้าน Fundamental หรือ Technical
จะได้ศึกษาได้ถูกทาง หรือ หาอาจารย์ที่เก่งด้านนี้
ช่วงแรกต้องหาความรู้ โดยหาหนังสือดีๆ เข้าคอร์สตอบรม และ หาเพื่อนพูดคุยหุ้น จะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน
Q: ถ้าเริ่มต้นจากความไม่มีความรู้ พอจะแนะนำกองทุนที่ดีได้ไหม
A: อันดับแรก ให้หาความรู้ก่อน
ถึงแม้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ก็อาจมีความเสี่ยงได้
เช่น ตอนช่วง Covid , Money market ที่ลงในกองตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งปกติความเสี่ยงต่ำ
ตอนนั้นราคาไหลลงมาเป็น 10% ดังนั้น ไม่แนะนำให้ลงทุน โดยเราไม่เข้าใจในสินทรัพย์นั้น
อันดับสอง เราสามารถใช้บริการจากสถาบันการเงิน เมื่อเราสมัครเป็นลูกค้าของเขาแล้ว
เราค่อยๆทยอยลงทุนตามผู้แนะนำการลงทุน
ครั้งแรกลงทุนเท่าไหร่ดี
-ต้องน้อยจนไม่เสียใจ ถ้าเงินก้อนนี้หายไป50%%
-แต่ต้องไม่น้อยจนไม่อินกับมัน
คุณอั้น เสริมว่า ถ้าไม่มีเวลา ก็ไปทิ้งเงินส่วนหนึ่งในIndex Fund ก็ได้ โดยเฉพาะใน US, China ไปก่อนได้
Timing เป็นอีกเรื่อง Stay invest เป็นเรื่องสำคัญในระยะยาว ระยะสั้นอาจรอพักปรับฐานก่อนก็ได้
เรียนรู้การลงทุนโดยผ่านวิกฤตสักหนึ่งรอบ จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น
น้องจั้ม Sorawis มาแชร์เรื่อง Commodity ที่ศึกษามาเยอะ
ตอนรัฐบาลแจกเงินพิเศษ ทำให้เกิดการบริโภคมากขึ้น inventory ลดลง
ส่วนจีนมีการ stock ของมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การสั่งข้าวโพด สั่ง 3 orderๆละ 1ล้านตันกว่าๆใน มค
และ อีก3ครั้งในพค ทำให้สินค้าหลายอย่าง แพงเป็นพิเศษ.
ทำให้commodity มีราคาแพง เงินเริ่มเฟ้อ
เรือเทกอง demandเต็มหมดแล้ว. Utilization 95-100%
เรือตู้ demandเพิ่มพิเศษ ตอนนี้เจอเรือไม่เพียงพอ ไม่ใช่แค่ตู้ไม่พอแล้ว
คุณBird มาเสริมต่อว่า ค่าเรือเทกอง ราคาเหล็กแพงขึ้น เราไม่รู้ว่าขึ้น เพราะอะไร
สิ่งที่นักลงทุนควรมี คือ ต่อม เอ๊ะ
เมื่อRecovery. กลับมา ต้องดูว่า
อะไรจะกลับมา และ อะไรไม่กลับมา
ถือเป็นskillที่ต้องฝึก ง่ายสุด คือ ลอกโดยฟังความคิดของคนอื่นก่อน
เช่น ทุกเช้าจะมีนักวิเคราะห์จากหลายโบรคพูดออกสื่อ หาดูได้ตาม Youtube
ตัวอย่างการวิเคราะห์
โจ ไบเดน เพิ่มงบลงทุน infrastructure 2.3 Billion
คนได้ประโยชน์ คือ คนทำธุรกิจก่อสร้าง ถนนหนทาง ปูน เหล็ก ทองแดง
ธุรกิจเครื่องจักรหนัก caterpillar (cash cow)
ช่วง Covid. เรือก็ถูกlock down คนซื้อของผ่าน E-commerce
ทำให้ต้องจ้างคนส่งมากขึ้น และขนผ่านเรือ
ทำให้ ราคาเหล็ก ทองแดง น้ำมัน และ ราคาไม้ที่นำมาสร้างไม้ ราคาขึ้นสูงมาก
Covid ทำให้ดอกเบี้ยถูก. และ Developer ขายของไม่ออก เลยลดราคา
ต้นทุนในการทำบ้านถูกdemand pull ราคาสูงขึ้น
เราหาข้อมูลได้จาก Morning Brief
Macro View : Finnomina , Kbank ,บล หยวนต้า
Q: น้องKumthonถามคุณอั้นว่า ส่วนตัวเรียนปี1เอกการเงิน และเขียนCode
อยากเป็น Fund Manger จะช่วยเพิ่มโอกาสไหม
A: เพิ่มโอกาสแน่นอน ในส่วนQuant Fund Managerในไทยปิดไปเกือบหมด
แนะนำถ้าอยากทำ ต้องไปต่างประเทศ. โดยเรียนจบ ป เอก
ส่วนในไทย ไม่ซีเรียสว่าต้องเรียนจบ ป เอก
สาย Quant ก็เป็น Fund manager แบบ Traditional ได้
เรื่องการสมัครงาน
คุณ Bird แนะนำว่า
สมัยเคยอยู่ Product development บอกว่า คนที่มาสมัครงาน จะเน้นรับคนที่อายุน้อย
เพราะถ้าจบ level3 ในตอนอายุเยอะ จะไม่มีมีเงินจ่ายค่าจ้าง
ดังนั้น ถ้าเรียนปริญญาตรี ก็แนะนำว่าให้ทำงานก่อน
คุณอั้นเสริมว่า
เป็นอีก 1 คนที่โยนใบสมัครงาน CFA 3 ทิ้ง เพราะส่วนมากอายุเยอะ และแพง จ่ายไม่ไหว แนะนำว่า สายลงทุน หากอยากเริ่มให้เริ่มตั้งแต่อายุน้อย หรือยอมลดเงินเดือนหากเปลี่ยนสาย เป็นไปได้ เรียนตรี และโท ต่อเลย ละรีบกลับมาทำงาน อย่ารอสอบ CFA ให้ครบ
หมอบอส แชร์การลงทุนว่า หลายคนลงทุนแนว Market hunter โดยมองหุ้นที่มีproject ในช่วงแค่2-3ปี
หุ้นไทยหลายตัวเติบโตแบบ amazon,Facebook ค่อนข้างยาก
หุ้นที่เติบโตในอดีต เช่น CPALL,HMPRO ถ้าเรามองย้อนหลัง5ปี กำไรไม่ค่อยโต โดยเฉพาะ CPALL Q1 กำไรลดลง
ดังนั้นถ้าใครลงทุนในหุ้น จะไม่สามารถถือหุ้นจนลืมได้เหมือนสมัยก่อน
หมอบอส พูดถึงประเภทของสินทรัพย์ แบ่งเป็น
1.Stock
2.Bond,Currency
3.Commodity : ทองคำ , เงิน
เงินจะวนไปมาในสามกลุ่มนี้ บางทีหุ้นมีPEสูงได้ ถ้าเงินไหลเข้ามา
คลิปโต ถือเป็นสินทรัพย์ประเภทที่4 ที่เงินไหลเข้าได้ ถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกอีกอย่างโดยมี
Market cap 2 Trillion ซึ่งคิดเป็นแค่2-3%ของตลาดหุ้น
Q: ลงหุ้นมาสองปี โดยเริ่มที่หุ้นไทยมาก่อน หลังจากฟังสื่อsocial ก็ออกไปลงทุนใน US,จีน
และมีใส่เงินลงไปเพิ่มด้วย สองปีทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้น10% อยากได้คำแนะนำ
A: คุณSarut แนะนำว่า คนที่สามารถทำกำไรได้ในสองปี ถือว่าเป็นคนส่วนน้อย
(ส่วนใหญ่ลงทุนครั้งแรกจะขาดทุน)
การเปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุน ต้องมีBench markที่เหมาะสม
ตลาดหุ้นไทย : SET
ตลาดหุ้นอเมริกา : S&P500,Nasdaq
เราก็วัดจากผลตอบแทนของเราเทียบกับBench mark ถ้าทำได้สูงกว่า ก็ถือว่าดี
คุณอั้นเสริมว่า โอกาสแบบนี้ เป็นช่วงนี้ได้ลองเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
ลงทุนมาสองปี และ ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ น่าจะเจอปรับฐานแรงมากในช่วงต้นปีนี้
อาจสูญเสียความมั่นใจบ้าง
เกือบ10ปีที่แล้ว หลังเริ่มเล่นหุ้นได้ 2-3 ปีก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตอนนั้นเน้นหุ้นเหมืองเหล็ก หุ้นจีน เจอปรับฐาน ก็หมดตัวเหมือนกัน แต่เราได้เรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์ในการลงทุน
ในระยะยาว การลงทุนในหุ้นที่ดี จะได้ผลตอบแทนที่ดี แต่ในtime frame ช่วงระยะสั้นจะมีความผันผวน โดยเฉพาะหุ้นเทค ตอนนี้ยังหาหุ้นวิ่งสวนตลาดไม่เจอ มีแค่ตัวเดียวในพอร์ต
คุณ sarut ถามคุณ อั้น ว่าตัวไหน และปรับพอร์ต และบริหารความเสี่ยงอย่างไรไปบ้าง
วิ่งสวน = lattice semiconductor
ส่วนตัว มีการปรับport ไปบ้าง ขายหุ้นเล่นรอบถือสั้นไปหมด เหลือแต่ถือยาว และลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยที่ทำให้เติบโตในอนาคต
มีการกระจายความเสี่ยงด้วย ช่วงนี้ได้ หุ้นไทย ก็ช่วย balance ความสมดุล
หมอบอส บอกว่าสองปี บอกยาก ยังหาตัวตนไม่เจอ ตอนนั้น ปรัญญาการลงทุน ยังไม่เจอ
กรณีนี้ ถ้ามีสังคมนักลงทุน ช่วยพากันไปได้ ทำให้คนอื่นที่เก่งกว่า พาเราไปได้
เราต้องพาตัวเองไปให้ถูกจุด ( ถ้าเลือกอาจารย์ที่จะติดตาม ต้องเลือกให้ถูก )
ตอนแรก หาคนที่พร้อมจะแชร์ ลงคนเดียวอาจผิดได้ เพื่อนช่วยผลักดันกันไป
Q: คุณKit ชอบแนวทางวีไอ ทำงานปีที่3 แต่ยังประมูลค่าหุ้นไม่เป็น มีเพื่อนเข้าตลาดทีหลัง ย้ายไปลงFuture
และบอกว่ามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว อยากขอคำแนะนำ
A: คุณBird แนะนำว่า Key point เรื่องความสุข
1.เป้าหมาย เช่น เป็นหมอฟัน จนเกษียณ ใช่ไหม ต้องลองย้อนดู
2.ไม่ต้องรีบเกษียณ ดร นิเวศน์ ยังไม่หยุดลงทุนเลย
3.เพื่อนที่ลงทุนFuture ซึ่งผันผวนมาก อีกหน่อยอาจมาบอกว่า ยังทำOTอยู่เลย
อาจมีการคืนตลาดได้
คุณอั้น เสริมว่า มีเพื่อนหลายคน ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำให้มีความทุกข์อยู่
Q: คุณPhachara ทำงานมาสาย AI มา 1 ปี ถามคุณอั้นว่า เกี่ยวกับสายงานQuants มีโอกาสในไทยแค่ไหน
A: งานสายQuants ในไทยเป็นแบบQuantitative จ๋าๆ ไม่ค่อยมีงานรองรับ จะผสม fundamental
ถ้าเป็นหุ้นรายตัว ก็มีตามบล เป็นการปั่นหา Alpha หาสัญญาณ มาเชียร์ซื้อขาย
ถ้าทำ AI อยู่แล้ว ก็มาเรียนรู้การทำdata จัดเรียง data เพื่อลงทุนได้ที่ ได้ที่กลุ่ม Python ML for investing ขั้นพื้นฐานใน 20 ชั่วโมง
ถ้า focus สาย Quant จ๋าๆ ไม่เอา fundamental ที่ไทย สมัยก่อนมี world quant แต่ตอนนี้ปิดไปแล้ว
ตอนนี้จะเหลืองานพวก DW คุม Bot ทำ delta,grama hedge
สมัยก่อนมี กสิกร ภัทร scbs , บัวหลวง
ในไทย เป็น Quant technical ทำง่ายกว่า
ส่วนPython เริ่มใช้มา2-3 ปีในไทย คุณอั้นเสริม ไม่ได้ใช้อาร์ เอาdeep learning มาจัดdata
Q: สอบถาม Career path -Quant
A: เดิมทีแบ่งเป็น ไทย และ ต่างประเทศ
ในต่างประเทศ จะมีความ quant จ๋ามาก ปั่น (คือทำทุกวิธีทางบน data ที่มีเช่น ราคา volume ตัวเลขงบการเงิน) หา Alpha มาจัดพอร์ต
มีเพื่อนที่ฮ่องกง เขียน code มีการซื้อขาย แต่งเลขตอน ATC มีเพื่อนที่สิงคโปร์เน้นทำ Arbitrage (หาผลกำไรจากราคาที่แตกต่าง)
คุณBird เสริมว่า ลองหา กองทุนที่มีAI เช่น (มีทั้งลงทุนกองหุ้นไทย และ กองหุ้นต่างประเทศ) จะมีรับตำแหน่งงานนี้อยู่
ในไทย หางาน Quant ยาก หา3ที่จะเจอครึ่งที่
พยายามfocus fundamental ดีกว่า
คุณอั้นเสริมว่า Factor investing พวก smart beta fund จะออกมาเสนอขายมากขึ้นในไทย จะต้องจ้างคนเพิ่ม และงาน quant ในตอนนี้หาจาก fintech ก็มีเปิดรับอยู่บ้าง
คุณSarut เตรียมเนื้อหามาพูดเกี่ยวกับคริปโต
เริ่มจาก ทำไมต้องศึกษา Crytocurrency เพราะราคาขึ้นมาเยอะ (ไม่ใช่เทรด)
หลักการ ต้องการเอาชนะเงินเฟ้อ ถือว่าใช้ได้ โดยเราต้องเอาเงินเย็นไปซื้อasset ที่เอาชนะเงินเฟ้อ
จากข้อมูลจากลงทุนแมน
เงินเฟ้อปี2019 ไทย 0.87%, US 1.6%
มาดูผลตอบแทนของแต่ละสินทรัพย์
1.เงินฝาก 0.25%
2.ตราสารหนี้แต่ละบริษัท ออกมาขายให้ประชาชน เช่น SCC,PTT อัตราดอกเบี้ยมากกว่า2%
3.อสังหาริมทรัพย์ capital gain 5% , ปล่อยเช่า 5-8% ดังนั้นผลตอบแทนรวม 10%ขึ้นไป
4.หุ้นและตราสารทุน โดยเลือกหุ้นเอง หรือ ลงทุนผ่านกองทุนรวม
ผลตอบแทนเฉลี่ย 12% จากสถิติของS&P500
5.ทองคำ ปี2000 ทองบาทละ 5,600 บาท ตอนนี้ บาทละ 27,000 บาท
ผลตอบแทน 18%ต่อปี
6. Crytocurrency
Top3
1.Bitcoin (BTC)เริ่มปี2009 10ปีขึ้นมา 1,400 เด้ง
2.Ethereum(ETH) 6ปีขึ้นมา 1,300 เด้ง
3.Binance (BNB) 4ปีขึ้นมา 5,800 เด้ง
จะสื่อว่า สิ่งมหัศจรรย์จะเกิดในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
ปัจจุบันเงินโยกจากตลาดหุ้นเยอะมาก
บิตคัพ มีคนมาเปิดบัญชีแล้ว 1.3ล้านบัญชี และรอเปิดอีก 200,000บัญชี
ส่วนหุ้นไทย มีบัญชี 3 ล้านบัญชี
อะไรทำให้มันขึ้นได้ขนาดนี้ 1,000 เด้ง
คุณSanut ลงทุน7เดือน ช่วยportหุ้นเยอะ ในเรื่องHedgeกับหุ้นต่างประเทศที่ลงมามากได้
แต่BTCมากับความเสี่ยง เราต้องศึกษาและอ่าน
เริ่มลองจากportน้อยๆก่อนเช่น 10% จนมั่นใจค่อยเพิ่มได้
วงจรของCryto 4ปี1รอบ เร็วกว่าวงจรหุ้น 10ปี/รอบ และรอรอบนึงประมาณ 80% ซึ่งเกิดมาสามรอบแล้ว
หมอบอสเสริมว่า Cryto เป็นเรื่องใหม่ มีบางตัวที่มีFundamental คือTop3 BTC,ETH,BNB
แต่หลายตัวไม่มีพื้นฐาน แต่ได้กำไร ต้องระวังในการเก็งกำไร
หรือลงในstartup เช่น Kidcoin เราต้องศึกษาใหม่หมด
เน้นsecurities อยู่ที่ตัวคุณเอง ระวังการโดนHack
ก่อนศึกษาCryto ต้องเข้าใจ securitiesก่อน
คนถือCryto ลืมรหัสBTC 20% หรือ 200ล้านถูกLockไว้
ระวังExchangeที่ถูกปิดหนีด้วย
คุณSarut บอกว่า Cryto ลงทุนแบบวีไอ คือ Hold / Buy on dip และถือ
ตอนนี้ไม่มีต้นทุนแล้ว เพราะขายดึงเอาต้นทุนออกหมดแล้ว
หมอบอส บอกต่อว่า ให้ดูว่าสร้างEco systemได้ไหม
Cryto เช่น ETH ไปวางค้ำ แล้วเอาเงินอีกสกุลไปใช้ เหมือนวงเงินค้ำ และระบบต้องรู้ว่า
มูลค่าเป็นเท่าไหร่ โดยให้วงเงิน 50-70% เราไม่สามารถกู้เกินค่าเงินได้
คุณอั้นเสริมว่า การเล่น Cryto แบ่งออกเป็น 3 แบบ
1.ลงในตัวใหญ่เช่น BTC เป็นยานแม่ หน้าใหม่เข้ามารู้จัก ซื้อก่อน
อยู่รอดข้ามcycle แต่เหรียญเก่าๆเละยังไม่ขึ้นมา ตอนนี้ดังๆเช่น BTC ETH BNB
2.ลงใน altcoin หรือเหรียญที่ไม่ใช่ยานแม่ เหมือนเล่นหุ้นเล็ก ก็หาเหตุผลในการขึ้น ทุกตัวมีสตอรี่ของมัน เช่น Ripple ใช้งานจริง หรือจะหา Next BTC , Next ETH ก็ได้
3.ลงทุนบน Infrastructure ใหม่ๆ จะได้เงินใหม่ไหลเข้ามาดันราคาให้ฟรีๆ
เช่น ETH,Pancake,BNB และติดตามในแง่เชิงพื้นฐานได้ง่ายกว่า
หมอบอส พูดต่อว่า สังคมของ Cryto ไม่ชัดเจนเหมือน VI
ไม่ค่อยเจอคนมีความรู้จริงๆ และส่วนใหญ่คุยผ่าน Telegram,Twitter, Reddit
คุณ Sarut เสริมว่า ไม่มี Fair priceสำหรับ Cryto ใช้เทคนิเคิลเป็นหลัก
Telegram – Noise เยอะมาก ดูเฉพาะCEOมาพูด
หมอบอสมาอัปเดทในส่วนของวัคซีนCovid
ตอนนี้ คนมีความลังเลในการฉีดวัคซีน ว่าฉีดดีไหม ซึ่งพบในทุกประเทศ
คนที่ไม่ฉีดแบ่งเป็นสามกลุ่ม (3C)
1.Consistency กลุ่มคนที่กักตัว เช่น นักลงทุน ไม่อยากฉีด
2.Convinience กลุ่มคนที่ขี้เกียจ ไม่อยากไป รพ
3.Non confidence ไม่มั่นใจในวัคซีน ค่อนข้างเยอะ
ดังนั้นต้องพยายามพูดความจริง แล้วให้คนตัดสินใจเอง
Sinovac หลายคนได้ฉีด ประสิทธิภาพโดยรวมไม่สูงมาก ฉีดกันตาย
แต่มีผลข้างเคียงเช่น ปวดหัว 1-2 วัน ปวดกล้ามเนื้อ พบเยอะสัก 35%
แต่ส่วนใหญ่ไม่แพ้รุนแรง คิดว่า Covidจะไม่จบใน1-2 ปี
การฉีดวัคซีนหลายตัวก็เป็นไปได้
สรุป ฉีดไปก่อน เพราะคุ้มค่าฉีด การแพ้รุนแรง แค่ 1.2 case / 100,000 โดส
แต่อาจเจอผลข้างเคียง ส่วนเอกชนนำเข้าวัคซีนมาอาจเป็นปลายปี เราฉีดเป็นเข็มที่สามได้
“ วัคซีนเหมือนงานกลุ่ม ถ้าคนอื่นไม่ฉีดเยอะ เศรษฐกิจไม่สามารถเดินได้”
คุณBirdเสริมว่า พึ่งได้ข่าวเมื่อเช้า ผลจากอินโดนีเซีย ได้อัตราที่ค่อนข้างสูงมาก
ส่วนตัวผม ผู้สรุป ได้ฉีดครบ2เข็มมา1เดือน ไม่พบผลข้างเคียง ใช้ชีวิตได้ปกติ
เลยชักชวนให้ฉีด เพื่อตัวคุณเอง ครอบครัว และ เพื่อประเทศกันครับ