Recovery of Uneven Economy เมื่อธุรกิจเราฟื้นตัวไม่เท่ากัน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2576
ผู้ติดตาม: 1

Recovery of Uneven Economy เมื่อธุรกิจเราฟื้นตัวไม่เท่ากัน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Reopening The World, UnLocking Opportunities
โอกาสใหม่ เมื่อโลกเปลี่ยน
หัวข้อ Recovery of Uneven Economy
เมื่อธุรกิจเราฟื้นตัวไม่เท่ากัน

โดย คุณบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน
TMBAM Eastspring

ดำเนินรายการโดย คุณเฟิร์น ศิรัถยา อิศรภักดี

จากPage 4 บอกถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่ไม่เท่ากัน
แบ่งออกเป็น Develop Market เริ่มจะใช้ชีวิตเกือบปกติ สามารถออกมาข้างนอก
โดยไม่ใส่หน้ากากแล้ว ที่อังกฤต เชียร์บอลในสนามเหมือนปกติเลย

แต่ Emerging Market ยังมีการล้าช้ากว่า บางประเทศก็อยู่ในช่วงLock down
เนื่องจากการฟื้นตัวไม่เท่ากัน เทียบกับช่วงก่อนเจอCovid มีน้อยประเทศที่ฟื้นตัวหลังปี2022

ความแตกต่างหลัก ก็คือ
เรื่องสถานะทางการเงิน การคลังของ DM & EM ไม่เท่าเทียมกัน
US ซึ่งเป็นตัวแทนของ DM ช่วยเหลือชัดเจน เพิ่มกำลังซื้อของประชาชน
พอตกงาน ก็ได้รับเงินช่วยเหลือ 300$ต่อสัปดาห์
ช่วง โจ ไบเดน เข้ามา ก็เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขึ้นอีก 15$/hour ทำงาน8ชมต่อวัน = 120$ ต่อวัน
ทำงาน 5วันต่อสัปดาห์ คิดแล้ว ได้เงินเพิ่มขึ้น 6000 $ หรือ 18,000 บาท ต่อสัปดาห์

Income shock
ปี2020 Covid ระบาดแรง US ติดเชื้อสูงมาก ปัจจุบัน ติดเชื้อ34 ล้านคน จากทั่วโลก 190 ล้านคน
แต่US เป็นประเทศแรกๆที่ดำเนินชีวิตคล้ายตอนช่วงก่อนCovid

Emerging Market สาธารณสุขฟื้นตัวช้ากว่า ทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
มาตรการที่ใช้ของ EM คือการลดภาระ ค่าใช้จ่าย มากกว่า การเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน
ต่างกับ สหรัฐ ซึ่งวงเงินช่วยเหลือสำหรับคนว่างงาน มากกว่า เงินที่ได้รับตอนทำงานปกติเสียอีก
ทำให้ตอนนี้ สหรัฐ ขาดคนทำงาน เพราะ เหตุผลข้างต้น

การฟื้นตัวของEmerging market เกือบทุกประเทศล่าช้า แต่ปี2022 มีแค่บางประเทศ ฟื้นตัวเหมือนปกติ เช่นจีน
ประเทศในกลุ่ม G20 ซึ่งมีทั้งประเทศในEM, DM ก็มีการฟื้นตัวไม่เท่ากัน

******เหตุผลที่ฟื้นตัวไม่เท่ากัน ก็คือ
1.การควบคุมผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้ติดเชื้อของโลกลดลง แต่ในส่วนของ EM โดยเฉพาะเอเชียเพิ่มขึ้น
2.การกระจายวัคซีนในแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน DMมีการฉีดวัคซีนคิดเป็น%ของประชากรสูงกว่ามาก
3.ประสิทธิภาพของวัคซีน DM ส่วนใหญ่ใช้วัคซีน Mrna ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า
EU ควบคุมการติดเชื้อได้ชัดเจน แต่เอเชีย ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นตลอด
ถึงแม้ทั่วโลก ฉีดวัคซีนได้ 40ล้านโดส ต่อวัน คิดเป็น 7,800 ล้านโดส
แต่การกระจายวัคซีนไม่เท่ากันทั่วโลก

US,EU กระจายวัคซีนได้ดี คนได้2โดส มากกว่า 30%
แต่ในเอเชีย คนที่ได้2โดส น้อยกว่า 9% ส่วนคนได้ตั้งแต่ 1โดส คิดเป็ฯ 24-25%

ไทย การรับวัคซีนยังช้ากว่าทางเอเชีย ประมาณ 11-12%

ประสิทธิภาพของวัคซีน ก็นับเป็นอีกปัจจัย ที่ทำให้การฟื้นตัวของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน

EU บอลยูโรที่ผ่านมา คนเข้าไปชมการแข่งขันเกือบเต็มสนาม แถมยังไม่ใส่หน้ากากด้วย
เป็นตัวอย่างค่อนข้างชัด ที่EU เปิดประเทศ ตอนนี้อยู่ขั้นตอนให้สมาชิกแต่ละประเทศเปิดพรหมแดน
คนที่รับสองโดสแล้ว เดินทางโดยไม่ต้องกักตัว

ที่อังกฤต ซึ่งเป็นเจ้าภาพบอลยูโร ฉีดวัคซีนกว่า 60%กว่า ส่วน2โดสก็เกิน50%แล้ว
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การฟื้นตัวไม่เท่ากัน

******* แต่ในความเสี่ยง ก็มีโอกาสซ่อนอยู่

อัตราการออมหลังCovid สูงขึ้น เพราะ ไม่กล้าใช้จ่าย
โดย Develop market อัตราการออมสูง แต่เศรษฐกิจเริ่มกลับมา คนกล้าออกไปใช้จ่าย
ส่วน Emerging market ไม่กล้าใช้จ่าย แต่ออมสูง

จากการสำรวจ ว่าถ้าหลังcovidอยากทำอะไร ส่วนใหญ่ก็จะเลือกท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก
รองลงมา ก็เป็นการออกไปทานข้าวนอกบ้าน ดังนั้นการสันทนาการเป็นเรื่องที่คนอยากใช้จ่ายมากสุด

US ร้านค้า ร้านอาหาร อัตราการเปิดร้านใกล้เคียงกับก่อน Covidแล้ว ประมาณ 80%
ตอนนี้ ร้านแมคโดนัล มีปัญหาเรื่องการขาดพนักงานมาให้บริการ เพราะ คนยังไม่อยากทำงาน ได้รับเงินชดเชยอยู่

เราเริ่มเห็นโอกาส จากประเทศที่ฟื้นตัวก่อน ธุรกิจอะไรที่ฟื้นตามบ้าง ถ้าประเทศในEM ฟื้น ก็น่าจะคล้ายกัน

ซึ่งทาง TMBAM Eastspring เสนอกองทุน TMB Eastspring Dynamic Leisure and entertainment
มาเพื่อรับกับ Theme ธุรกิจรับการเปิดเมือง

ส่วนถ้าจะดูเรื่องหุ้น เราก็ดูว่าบริการอะไรที่ฟื้นตัวเร็วตอน
เปิดเมือง ก็สามารถศึกษาและลงทุนได้ครับ
ข้อมูลอยู่สไลด์ท้ายๆครับ
แนบไฟล์

โพสต์โพสต์