โพสต์
..............
ผมเคยนั่งคิดถึงเรื่องที่ว่า “เป้าหมายในชีวิตที่แท้จริงของเราคืออะไร” ชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่ แล้วก็ตกตะกอนจนได้ข้อสรุปว่าเป้าหมายในชีวิตของผมคือ “อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข ผมอยากใกล้ชิดกับครอบครัว อยากให้ครอบครัวสุขสบาย” ซึ่งแน่นอนว่า หนทางหรือกระบวนการที่จะนำพาผมให้เดินทางไปสู่เป้าหมายในชีวิตคือ “ผมต้องหาเงิน”
..............
แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มนุษย์ก็คล้ายๆกัน พอเราทำงานหาเงินไปเรื่อยๆอย่างไม่ลืมหูลืมตา เรากลับเปลี่ยนการหาเงินให้กลายเป็นเป้าหมายหลักในชีวิต จากนั้นก็เอาเป้าหมายที่แท้จริงซึ่งก็คือ “การมีคุณภาพชีวิตที่ดี” ถอยร่นลงมากลายเป็นเรื่องรอง และให้ความสำคัญกับมันน้อยลง จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตามุ่งมั่นคร่ำเคร่งกับการทำงานหาเงินหรือการลงทุนอย่างบ้าคลั่ง เรากำลังหลงทางและสับสนมึนงงไปหมดว่าสุดท้ายชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่ ?
...............
ผมตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่า “อันที่จริงแล้ว ชีวิตเราต้องการอะไร ?” ซึ่งผมก็ยังคงได้คำตอบคล้ายๆเดิมอีกครั้งว่า “ผมต้องการครอบครัวที่ดี ต้องการบ้านที่น่าอยู่ อยากไปเที่ยวต่างประเทศบ้างปีละ 2-3 ครั้ง ลูกและภรรยามีคุณภาพชีวิตที่ดี ครอบครัวรักกัน ไม่ทะเลาะกัน” การที่จะเดินไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าวนี้ได้ ผมต้องมีเงินประมาณหนึ่งเลยนะ ค่อยๆคิดอย่างช้าๆ พอเราสามารถคิดวิเคราะห์ทุกชั่วขณะของชีวิตให้เป็นเหตุเป็นผลเช่นนี้ได้แล้ว เราอาจจะก้าวข้ามผ่านภาพลวงตาต่างๆในสังคม ณ ปัจจุบันไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
...............
หากคุณหลงระเริงเล่นกับระบบทุนนิยมไปเรื่อยๆ เพียงไม่นาน คุณก็จะเคลื่อนย้ายกระบวนการหรือวิธีการเดินทางไปสู่เป้าหมาย ให้กลายไปเป็นเป้าหมายเสียเอง “การหาเงินกลายเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตไปเสียแล้ว” เรื่องที่สัมพันธ์กันก็คือ อคติทางการลงทุนที่ร้ายแรงใดๆก็ไม่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและสภาพจิตใจได้เท่ากับการ “คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างที่ใจเราต้องการ” ในตำราการลงทุนทุกแขนงจึงพร่ำบอกคุณเสมอว่า “คุณควรเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น” คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญกับความผิดพลาดด้วยตนเองไปเสียทุกเรื่องหรอก เพราะเมื่อใดก็ตามที่ความผิดพลาดนั้นเผยตัวในชีวิตคุณขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ มันอาจสายเกินไปที่จะแก้ไขให้กลับคืนมาดังเดิม
................
ในชีวิตคุณนั้นต้องการเงินหรือความสุข “สำหรับผม เงินเป็นเพียงส่วนประกอบของความสุขเหล่านั้น” หากมีทัศนคติเช่นนี้ ก็อาจทำให้เราจัดการกับความโลภ ความกลัว และสภาวะความตึงเครียดจากการลงทุนหรือการทำงานหาเงินได้บ้าง การตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่างๆจะมีเหตุมีผลมากขึ้น มันเป็นเรื่องของการบริหารสภาวะจิตใจ ซึ่งสามารถทำให้คุณลงทุนและอยู่ในตลาดหุ้นได้อย่างมีความสุข
.................
มี่ : ทิวา ชินธาดาพงศ์
……………………………………………..................
ขอขอบคุณภาพประกอบและข้อมูลบางส่วนจาก
BLACK SWAN วันมืดมิด ในชีวิตการลงทุน EP.1 โดย ลงทุนแมน และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
บันทึกไม่สำเร็จ