สัมมนา วีไอภาคใต้ กับ อาจารย์ โจ ลูกอีสาน 5 มีนาคม 2566

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2576
ผู้ติดตาม: 1

สัมมนา วีไอภาคใต้ กับ อาจารย์ โจ ลูกอีสาน 5 มีนาคม 2566

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อาจารย์โจ ลูกอีสาน มาให้คำแนะนำในงานวีไอภาคใต้ว่า

มือใหม่ยังไม่ต้องหาความสมบูรณ์แบบในการลงทุน มางานแล้ว ไม่ควรอาย ถามคำถามกับอาจารย์โจ
หรือนักลงทุนท่านอื่นได้ สิ่งที่เรียนรู้จะติดตัวไปตลอดชีวิต ขนาดอาจารย์ลงทุนมา23ปียังรู้อะไรไม่หมดเลย
ยังมาหาคำตอบในงานนี้เหมือนกัน

เงินถึงจุดหนึ่งก็ต้องใช้บ้าง อาจารย์เสริม ว่า อาจารย์ใช้จ่ายพอสมควร เทียบกับดร นิเวศน์ที่ใช้จ่ายน้อย
ตามหลักการวีไอ เหมือน วอร์เรน บัฟเฟตต์
นอกจากนี้สังเกตได้ว่า ไม่เคยได้ยินว่า ดร นิเวศน์ สนใจลงทุนหุ้นIPO ถึงแม้ว่าซื้อแล้วได้กำไรมาก็ตาม
คิดว่า ไม่อยากให้บริษัทเอาไปใช้หาประโยชน์
วิธีการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ถึงแม้จะถึงเป้าหมายช้าหน่อย แต่ก็ไม่ด่างพร้อย
-เชื่อมั่นว่า อาจารย์โจภูมิใจในจุดนี้ ความด่างพร้อยน้อยมาก ไม่ใช้insider ไม่ไปcompany visit 7-8ปี
อาจารย์อยากจะเลี่ยง กลัวอดใจไม่ไหวถ้าผู้บริหารบอกข้อมูลสำคัญออกมา เลยไม่ไปcompany visit

สถานการณ์ตลาดหุ้นปีนี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี หลังจากปีที่แล้ว ลงแรงมาก
ส่วนตลาดหุ้นไทย ไม่คิดว่าจะลงในปีนี้ แต่ถ้าคิดย้อนหลังปีที่แล้วตลาดหุ้นก็ขึ้นมา เทียบกับตลาดต่างประเทศที่ลงไปเยอะ
หุ้นแอปเปิ้ลขึ้นมาเกือบ20% เป็นหุ้นที่อาจารย์ถืออยู่
เรื่องที่เสียเวลา การลงทุนในหุ้น แต่ไปดูสภาวะเศรษฐกิจ วีไอจะไปดูคุณภาพของบริษัท ถ้าบริษัทเราดี ถึงแม้เศรษฐกิจไม่ดี หุ้นก็ขึ้นเอง ฟันธงจากประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ปัญหาคือ หาหุ้นเจอหรือเปล่า
หุ้นที่ดี ประกอบด้วย
1.หุ้นที่แข่งขันได้ดี มีความสามารถในการสร้างกำไร การสร้างกำไรต่อเนื่องอย่างยาวนาน
2.ซื้อในราคาที่ดีด้วย
เหมือนกับการไปซื้อของที่โลตัส แมคโคร อย่างเช่น น้ำมันถั่วเหลืองแต่ละยี่ห้อ คุณภาพใกล้เคียง ดังนั้นตัวตัดสินก็คือราคา
แต่หุ้นจะไม่เหมือนกับน้ำมันถั่วเหลือง มีคุณภาพต่างกัน ดังนั้นนอกจากซื้อในราคาที่ดี คุณภาพของการสร้างกำไรของบริษัทต้องดีด้วย ต้องแยกแยะให้ถูก
ราคาไม่แพงเกินไป ก็ดูจากPE = Price/ Earning
โดย Earning คือ กำไรที่คาดหมายว่าเป็นกำไรในอนาคต

อาจารย์แนะนำหนังสือ One Up on Wall street ซึ่ง ดร นิเวศน์ เป็นคนแปลมาแจกสำหรับมือใหม่ที่มางานนี้ด้วย
อาจารย์เข้าวงการหุ้นตั้งแต่ตอนเรียนม4ที่กรุงเทพ โดยอ่าน นสพ กรุงเทพธุรกิจ ที่คุณน้าซื้อมาอ่าน แต่ไม่ชอบตาราง
หุ้นใน นสพ แต่จริงๆไม่ซับซ้อน มีอัตราส่วนทางการเงินแบบง่ายๆ
อาจารย์ตี้มาเสริมว่า เมื่อก่อน ก็ศึกษาหุ้นแต่ละตัว โดยเอาตารางหุ้นในนสพ กรุงเทพธุรกิจมาแปะข้างฝาบ้าน
เวลาอ่านจบหนึ่งบริษัท ก็ขีดฆ่าออกไป รู้สึกว่า ขยันสุดๆ เลย กว่าจะทำหมดก็คงใช้เวลาเยอะ
อาจารย์ตี้ลงทุนมา25ปี ที่เหมือนกับอาจารย์โจ คือมีภรรยาเป็นอาจารย์อยู่ที่ หาดใหญ่เหมือนกัน
สงสัยต้นแบบวีไอไทยรุ่นสอง ต้องมีแฟนเป็นอาจารย์ที่มอ ซะแล้วครับ
วันงาน ยังเจอน้องCharoensak คนนี้ก็พึ่งแต่งานเมื่อ15มค และภรรยาคืออาจารย์ที่มอ เห็นออกกำลังกายอยู่ที่มอ ประจำ
รูปแบบคล้ายอาจารย์โจเลย เสียดายว่า ไม่ทันแล้วคงได้แต่เอาหลักการมาใช้แทน อิอิ

นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า เป็นคนที่เอื้อเฟื้อกับเพื่อนจริงๆ คนที่โชคดีมาร่วมงานได้เช่น น้องเอ๊ะ ยังนำคำถามจากคนที่พลาดมาถามอาจารย์โจให้เลย
เช่น คำถามเรื่องการบริหารจิตใจอย่างไร ในสภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี อาจารย์บอกว่า นักลงทุนต้องมีแก่นการลงทุน
ก่อน ต้องยึดมั่น ทำให้เรามีหลักยึดเวลาตลาดหุ้นตกลง20-30% ไม่สติแตก
เวลาทีสถานการณ์ตลาดที่ผันผวน เราจะมีที่ยึดเหนี่ยวได้
สังเกตเวลาหุ้นตกหนัก ก็จะมีอาจารย์โจมาให้สัมภาษณ์และให้กำลังใจนักลงทุนเคียงคู่กับดร นิเวศน์ตลอดมา
เดี๋ยวผมจะไปสรุปเนื้อหาของหนังสือ One Up on Wall Streetมาฝากก่อนไปเนื้อหาสัมมนาต่อนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Bird.Songwut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 159
ผู้ติดตาม: 0

Re: สัมมนา วีไอภาคใต้ กับ อาจารย์ โจ ลูกอีสาน 5 มีนาคม 2566

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณสำหรับการสรุปเนื้อหาด้วยครับ
"มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้นจะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล"
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub
golfinvest
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 99
ผู้ติดตาม: 1

Re: สัมมนา วีไอภาคใต้ กับ อาจารย์ โจ ลูกอีสาน 5 มีนาคม 2566

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขออนุญาติพี่อมร ช่วยแปะเนื้อหา ที่ผมสรุปไว้ครับ

——-

<<Meeting VI ภาคใต้ 5/3/2023 ครั้งที่ 55 จัดมาต่อเนื่อง 13ปี กับ 3Q>>

พี่โจลงทุนมา 23 ย่าง 24 ปี ทุกวันนี้ก็ยังรู้ไม่หมด

ถ้าเราใช้วิธีการที่ถูกอาจจะเดินช้านิดนึงแต่เชื่อว่าถึงจุดหมายแน่นอน ถ้าถึงจุดหมายแล้วไม่มีอะไรด่างพร้อย เราจะภูมิใจตัวเอง

คนที่ present เก่ง สามารถ marketing เรียกราคาได้อย่างไม่น่าเชื่อ พูดซักหมื่นคน มีคนเชื่อซัก 2-3คนก็คุ้มแล้ว

ปีนี้ตลาดลงไป ytd น่าจะ 3-4% ปีที่แล้วตลาดไทยลงค่อนข้างน้อย ก็ถือว่าชดเชยกัน

GDP ที่ประกาศก็ค่อนข้างแย่ แต่ถ้าเราลงทุนในหุ้น แล้วดูที่ภาวะเศรษฐกิจ มันเสียเวลา ให้ focus ที่กิจการ เพชร ยังไง ก็เป็นเพชร ปัญหาคือจะหาเพชรเจอมั้ย

หาหุ้นที่ดีแล้ว เราต้องซื้อในราคาที่ดีด้วย ถ้าทำอย่างนี้ได้ไม่มีทางจน ซื้อของต่ำกว่ามูลค่าทั่วไปที่มันควรจะเป็น

พี่โจเข้า วงการหุ้นเข้าใจว่าตั้งแต่ ม.4 พี่โจเรียน สุรศักดิ์มนตรี ได้อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจ เห็น ตารางหุ้นในหนังสือพิมพ์ ไม่คิดว่าตารางนี้จะมีความมั่งคั่งให้ค้นหา นี่คือ ดอกผลที่สนใจหุ้นตั้งแต่อายุน้อยๆ

หุ้นลงก็แค่ซื้อเพิ่มถ้าหาเงินไม่ได้ก็ไม่ต้องทำอะไร ถ้าไม่มีเงินเพิ่ม ทางเลือกอีกทางที่ทำได้ก็คือ switch ตัว

หลักการต้องมั่นคงก่อน ไม่งั้นก็จะกลายเป็นไม้หลักปักขี้เลน ผู้รู้ใน facebook บางทีเค้าก็เป็นส่วนนึงของ ตลาดเหมือนกัน

(พี่ตี้) ในตลาดหุ้นมันเต็มไปด้วยความผันผวน เราต้องมีหลักการไม่ง้ันไม่สามารถ ประสบความสำเร็จได้เลย ถ้าเราซื้อแล้วมันลง แต่เรารู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายมันจะกลับไปอยู่ดี ซึ่งถ้าเราทนถือไม่ได้อาจจะเป็นเพราะว่า เราไม่ได้เข้าใจมันตั้งแต่แรกก็ได้ คือเราต้องหา intrinsic value ให้เจอ และซื้อราคาที่มีส่วนลด

(พี่ตี้) เวลาที่เราลงทุนไม่ใช่ว่าเราจะรู้ไปทุกอย่าง แบบยาวๆ บางทีถึงขนาดถามผู้บริหารเค้าก็อาจจะไม่รู้ ในระยะยาว แต่ถ้า 1q ล่วงหน้า ผู้บริหารอาจจะรู้

————

หลักการ VI 4ข้อ
1)เราซื้อหุ้นส่วนธุรกิจ สิ่งที่เคลื่อนไหวในกระดาน คือราคาหุ้น มูลค่ากับ ราคาไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เราต้อง focus ที่มูลค่าที่แท้จริง
2)ต้องประเมินมูลค่าหุ้นที่เราซื้อให้ได้ คร่าวๆ และเทียบกับราคาตลาด
3)ต้องซื้อราคาที่มีส่วนลด
4)เข้าใจนายตลาด ว่านายตลาดเหมือนคนบ้า เวลาอารมณ์ดีก็เสนอขายให้แพงๆ เวลาอารมณ์ไม่ดี ก็มาเสนอให้ถูกๆ เราสามารถหาประโยชน์จากนายตลาด / เราต้องทำย้อนแย้งกับนายตลาด

*** เวลาสติแตกเมื่อไหร่ทุกอย่างพัง ***

โอกาสไม่ได้มาบ่อย ถ้ามันมาเราก็อย่าพลาด แต่ส่วนใหญ่ทำใจซื้อไม่ได้สำหรับมือใหม่

—————

ส่วนใหญ่ ฝูงชนมักผิด แต่ไม่ใช่เราจะสวนทุกเรื่อง เราต้องสวนด้วยความรู้

ลงทุนหุ้นต้องมี IQ บ้าง แต่สำคัญกว่าคือ EQ

คนที่ชอบตามแห่ อาจจะลงทุนได้ยาก เช่น เค้าเห่อสินค้าอะไรแล้วเราไปเห่อด้วย อาจจะไม่เหมาะกับ VI แต่ถ้า คนตามแห่กันไป แล้วเราเกิดคำถาม ว่าดีจริงมั้ย ก็เหมือนกับว่าเราสวนกับ ฝูงชน แบบนี้เหมาะกับ VI

VI เราอยู่ได้เพราะ ตลาดไม่มีประสิทธิภาพ และ เราไปหาจุดนั้นแหละ ถ้าตัวไหนแพงไปเรา short ตัวไหนถูก ก็ซื้อหุ้น

หุ้น growth ต้องดูว่า growth ได้จริงหรือเปล่า ถ้า ไม่โตตลาดจะลงโทษอย่างหนัก

E ห้ามดูย้อนหลัง มองข้างหน้าอย่างเดียว ราคาหุ้น สะท้อนปัจจัยข้างหน้า ประเมินอย่างซื่อสัตย์ ไม่เข้าข้างตัวเอง

ถ้ามี growth 20% pe 20 กับ growth 30% pe 30 จะเลือกตัวไหน?
ต้องดูคู่แข่ง ดู TAM / growth 50% มองว่าเป็นการเติบโตที่สูงไปในระยะยาว ในทางปฏิบัติมันต้องเป็น product ที่พลิกโลก ทุกปีที่ผ่านไป ฐานมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

หุ้นที่ดีควรมีเวลาให้เราปล่อยหุ้นได้บ้าง ถ้าขึ้นแปบเดียว อาจจะมีแรงซื้อขึ้นมาแปบเดียวแล้วก็ลง ปล่อยหุ้นไม่ได้

บริษัทไหนที่ผูกกับอะไรที่ดีชั่วคราว จะไม่ยุ่ง

ถ้าหุ้นขึ้นจะทยอยขาย ถ้าลงกลับมาก็ถือว่าขายไปบางส่วนแล้ว อย่างน้อยได้ขายไปบ้าง

valuation มันไม่ต้อง exactly ประมาณๆก็พอ เมื่อเวลาผ่านไปเรามองไปข้างหน้า เวลาเปลี่ยนพื้นฐานเปลี่ยน valuation ก็ต้องเปลี่ยนด้วย

ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างเฟ้อ หุ้นหลายตัวสามารถค้างฟ้าได้นาน เป็นราคาที่ไม่กล้าถือ

ความจริงใจของผู้บริหารดีที่สุดคือ มีเงินสดแล้วไม่มีแพลนใช้ ก็ปันผล หรือ ลดทุน

ถ้าเข้า ipo มาแล้วขายหุ้นส่วนตัวด้วย ประเด็นนี้พี่โจก็มองเหมือนกัน ถ้ามีประเด็นนี้ ก็ระวัง

(พี่ตี้) พยายามลงทุนในธุรกิจที่คาดการณ์ได้ง่าย บางธุรกิจคาดการณ์ยากตั้งแต่วันแรก อยู่แล้ว แต่เราพยายามจะไปเข้าใจมันมากกว่า

(พี่ตี้) สมัยแรกๆลงทุนใหม่ๆใช้เวลาเยอะมาก
เอาตารางยาวๆ แปะข้างฝา และไล่ติ๊กอ่าน 56-1ทุกวัน
มานั่งคิดย้อนกลับไปมันจะยากในวันแรกๆ
แนะนำให้อ่านจาก 56-1 ทุกบริษัท
อ่านข่าว set.or.th ทุกวัน
เวป thaivi
youtube ฟังๆไปเรื่อยๆก็สะสมไป
รายงานประจำปี อ่านเยอะๆจะได้รู้จักเยอะๆ
มันต้องทนๆเอาวันแรกๆ

พี่โจ
มือใหม่หลายคน อยากซื้อหุ้นเลย นอกจากลอกหุ้นแล้ว วิธีนึงคือซื้อหุ้นปันผลก่อนดีมั้ย yield 5-6% จะไม่ผันผวนมาก แล้วค่อยขยายการศึกษาหุ้น จากหุ้นปันผล

ตอนนี้พี่โจซื้อหุ้น
1) ที่ไปเติบโตในต่างประเทศได้ ที่ประสบความสำเร็จ ในประเทศไทย แล้วน่าจะทำซ้ำได้ ในต่างประเทศ
2)หุ้นตัวที่มีตัวเร่งที่ทำให้กำไรเค้าเติบโต คนรู้แล้ว แล้วผ่านไป รู้แล้วเคยตอบสนองแล้วราคาลงมาคนลืมไปแล้ว ก็เป็นโอกาสที่ให้เราซื้อ

——————
ขอบคุณพี่โจ พี่ตี้ และเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่ช่วยกันถามคำถามครับ
โพสต์โพสต์