ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
- pong
- Verified User
- โพสต์: 361
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 1
เพื่อนๆพี่ๆ มีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
หลายคนบอกว่า ต้นทุนในการก่อสร้างสูงขึ้น ดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น ควรจะรีบซื้อในปีนี้ เพราะปีหน้า บ้านก็จะแพงขึ้น แถมเงินดาวน์เงินผ่อนก็ต้องสูงขึ้นตาม
แต่ทำไมหลายกระแสก็กลับบอกว่า ธุรกิจภาคอสังหาชลอตัว บ้านขายไม่ออกบ้าง ผู้ประกอบการก็มี ลด แลก แจก แถม มากขึ้น บางคนกลับรอ เพราะจะต่อรองได้มาก เมื่อผู้ขายเริ่มแบกรับต้นทุนไม่ไหว และยังขายไม่ออก
หลายคนบอกว่า ต้นทุนในการก่อสร้างสูงขึ้น ดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น ควรจะรีบซื้อในปีนี้ เพราะปีหน้า บ้านก็จะแพงขึ้น แถมเงินดาวน์เงินผ่อนก็ต้องสูงขึ้นตาม
แต่ทำไมหลายกระแสก็กลับบอกว่า ธุรกิจภาคอสังหาชลอตัว บ้านขายไม่ออกบ้าง ผู้ประกอบการก็มี ลด แลก แจก แถม มากขึ้น บางคนกลับรอ เพราะจะต่อรองได้มาก เมื่อผู้ขายเริ่มแบกรับต้นทุนไม่ไหว และยังขายไม่ออก
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 2
จะซื้อก็รีบซื้อครับ ปีหน้าแพงกว่าเดิมแน่ๆครับ ส่วนที่ขายไม่ได้ก็ขายไม่ได้
ส่วนที่ขายได้ก็ขายต่อไป ยังไม่วิกฤติขนาดนั้นครับ แค่ชลอตัวหน่อยเท่านั้น จะรอต่อรอง คงไม่ได้ซื้อครับ ทำรังแต่พอตัวก็พอครับ ใหญ่ๆเกินไป เกิดสถานะการเปลี่ยนจะรับมือไม่ไหวนะครับ
ผู้ขายรายใดรับมือไม่ไหวก็หยุดไปเองครับ รายอื่นๆก็เข้ามาแทน คนไม่มีบ้าน มีอีกเยอะ แล้วก็อยากมี ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น จะลด แลก แจก แถม ยังไง ตอนนี้ หรือปีหน้า คนสร้างเขาก็ยังมีกำไรละครับ น้อยหน่อย ไม่ขาดทุนแน่ พึ่งมีประสบการณ์โหดร้ายมาไม่กี่ปี ยังกลัวกันอยู่ครับ
เคยอ่านมาจำไม่ได้ที่ไหน ผู้บริหาร lh บอกไว้ว่า ประมาณว่า ถ้าไม่ไหวก็หยุดสร้าง หยุดทุกอย่างครับ ถือเงินสดแทน รอให้ดีขึ้น แล้วค่อยมาสร้างกันต่อ ว่ากันหใม่ แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องหยุด สร้างต่อไป รวยต่อไป ตอนนี้ก็มีคอนโด สร้างเสร็จก่อนขายมาตีตลาด ผู้ผลิตรายอื่นๆ ตามไม่ทันอีกแล้วครับ
ส่วนที่ขายได้ก็ขายต่อไป ยังไม่วิกฤติขนาดนั้นครับ แค่ชลอตัวหน่อยเท่านั้น จะรอต่อรอง คงไม่ได้ซื้อครับ ทำรังแต่พอตัวก็พอครับ ใหญ่ๆเกินไป เกิดสถานะการเปลี่ยนจะรับมือไม่ไหวนะครับ
ผู้ขายรายใดรับมือไม่ไหวก็หยุดไปเองครับ รายอื่นๆก็เข้ามาแทน คนไม่มีบ้าน มีอีกเยอะ แล้วก็อยากมี ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น จะลด แลก แจก แถม ยังไง ตอนนี้ หรือปีหน้า คนสร้างเขาก็ยังมีกำไรละครับ น้อยหน่อย ไม่ขาดทุนแน่ พึ่งมีประสบการณ์โหดร้ายมาไม่กี่ปี ยังกลัวกันอยู่ครับ
เคยอ่านมาจำไม่ได้ที่ไหน ผู้บริหาร lh บอกไว้ว่า ประมาณว่า ถ้าไม่ไหวก็หยุดสร้าง หยุดทุกอย่างครับ ถือเงินสดแทน รอให้ดีขึ้น แล้วค่อยมาสร้างกันต่อ ว่ากันหใม่ แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องหยุด สร้างต่อไป รวยต่อไป ตอนนี้ก็มีคอนโด สร้างเสร็จก่อนขายมาตีตลาด ผู้ผลิตรายอื่นๆ ตามไม่ทันอีกแล้วครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 3
บางครั้งการซื้อบ้านก็ไม่ใช่เพียงแค่ราคาและอัตราดอกเบี้ยนะครับ
ผมว่าการซื้อบ้าน บางครั้งเราต้องพิจารณาหลายอย่างซึ่งก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน
เช่น ทำเลที่ตั้งของโครกงาร ทำเลที่ตั้งของบ้าน แบบบ้าน บริษัทผู้ประกอบการ
เหมือนหาคู่ครองนะครับ ต้องพิจารณากันหลายประการเพราะต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน
ถ้าเจอที่ถูกใจจริงๆ แล้วมีเงินพอซื้อได้ ก็ซื้อเถอะครับ
ผมว่าการซื้อบ้าน บางครั้งเราต้องพิจารณาหลายอย่างซึ่งก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน
เช่น ทำเลที่ตั้งของโครกงาร ทำเลที่ตั้งของบ้าน แบบบ้าน บริษัทผู้ประกอบการ
เหมือนหาคู่ครองนะครับ ต้องพิจารณากันหลายประการเพราะต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน
ถ้าเจอที่ถูกใจจริงๆ แล้วมีเงินพอซื้อได้ ก็ซื้อเถอะครับ
- HI.ผมเอง
- Verified User
- โพสต์: 811
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 5
ผมอยู่ในวงการนี้ ครับ
ซื้อปีนี่ดีกว่าแน่นอน
เพราะคนขายกำลังอยากระบายของเต็มที่ แต่ต้องเลือกบ.ที่ดูน่าไว้ใจหน่อยนะ
และเลือกที่เห็นของก่อน ดีกว่า ชัวร์กว่า
ปีหน้า ราคาน่าจะสูงขึ้น
ถึงแม้ว่าใครๆคิดว่าจะเกิดการลดราคาเพื่อแข่งขันกันมากมาย
แต่ลึกๆแล้ว
ตอนนี้
แทบทุกบ. หยุดการผลิตไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะฉนั้น
ของที่จะสร้างในปีหน้า
ก็ใช้ต้นทุนในปีหน้าด้วย
แต่ที่กำลังลดราคากันอยู่นี่
คือต้นทุนปีนีครับ
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ demand น้อยกว่า supply ในปีหน้า
กำลังซื้อไม่ได้หดหายอย่างที่เข้าใจกัน
เพียงแต่กำลังลังเล ว่าจะซื้อของได้ถูกกว่าเท่านั้นเอง
ซื้อปีนี่ดีกว่าแน่นอน
เพราะคนขายกำลังอยากระบายของเต็มที่ แต่ต้องเลือกบ.ที่ดูน่าไว้ใจหน่อยนะ
และเลือกที่เห็นของก่อน ดีกว่า ชัวร์กว่า
ปีหน้า ราคาน่าจะสูงขึ้น
ถึงแม้ว่าใครๆคิดว่าจะเกิดการลดราคาเพื่อแข่งขันกันมากมาย
แต่ลึกๆแล้ว
ตอนนี้
แทบทุกบ. หยุดการผลิตไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะฉนั้น
ของที่จะสร้างในปีหน้า
ก็ใช้ต้นทุนในปีหน้าด้วย
แต่ที่กำลังลดราคากันอยู่นี่
คือต้นทุนปีนีครับ
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ demand น้อยกว่า supply ในปีหน้า
กำลังซื้อไม่ได้หดหายอย่างที่เข้าใจกัน
เพียงแต่กำลังลังเล ว่าจะซื้อของได้ถูกกว่าเท่านั้นเอง
-
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 6
จริงหรือที่ว่าบ้านขายไม่ค่อยได้
ผมเพิ่งซื้อบ้าน LH ผมยังเห็นคนงานสร้างบ้านทั้งวันทั้งคืนไม่มีวันหยุด
แล้วก็เห็นคนเข้ามาดูบ้านอยู่ตลอดเวลา แป๊ปเดียว ก็ขายหมดอีกแล้ว
คงจริงอย่างทีคุณอนันต์ว่า อยากให้สื่อประโคมว่าอสังหาวิกฤติ เขาจะได้ซื้อ
ที่ดินถูกๆ
ผมเพิ่งซื้อบ้าน LH ผมยังเห็นคนงานสร้างบ้านทั้งวันทั้งคืนไม่มีวันหยุด
แล้วก็เห็นคนเข้ามาดูบ้านอยู่ตลอดเวลา แป๊ปเดียว ก็ขายหมดอีกแล้ว
คงจริงอย่างทีคุณอนันต์ว่า อยากให้สื่อประโคมว่าอสังหาวิกฤติ เขาจะได้ซื้อ
ที่ดินถูกๆ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 8
จริงครับพี่chatchai เพราะผมดูบ้าน LH มา 9 เดือน (หาทำเลถูกใจ) มันขึ้นตลอดแทบทุกเดือน เคยลงชื่อจะซื้อแล้วเปลี่ยนใจไม่ซื้อ เชื่อมั๊ย มีคนซื้อแทนที่เลยทันที อะไรมันจะขายง่ายปานนั้น แล้วถ้าบ้านไม่เสร็จไม่ให้จองอีกนะ (ทั้งๆที่ใครๆบอกไม่ดี เขาน่าจะรีบให้ลูกค้าจองๆไปก่อน)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 9
ในฐานะที่เคยซื้อบ้านมาก่อนpong เขียน:เพื่อนๆพี่ๆ มีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
หลายคนบอกว่า ต้นทุนในการก่อสร้างสูงขึ้น ดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น ควรจะรีบซื้อในปีนี้ เพราะปีหน้า บ้านก็จะแพงขึ้น แถมเงินดาวน์เงินผ่อนก็ต้องสูงขึ้นตาม
แต่ทำไมหลายกระแสก็กลับบอกว่า ธุรกิจภาคอสังหาชลอตัว บ้านขายไม่ออกบ้าง ผู้ประกอบการก็มี ลด แลก แจก แถม มากขึ้น บางคนกลับรอ เพราะจะต่อรองได้มาก เมื่อผู้ขายเริ่มแบกรับต้นทุนไม่ไหว และยังขายไม่ออก
ขอบอกว่าเวลาซื้อบ้านให้ซื้อเมื่อเรามี"ความพร้อม"
อย่าไปสนใจในภาวะตลาดมากนัก
เพราะบ้านซื้อแล้วขายยาก
ไม่เหมือนหุ้น หรือ รถยนต์ที่ปล่อยได้ทันที
กรุณาตัดสินใจดีๆด้วยตนเอง
ดูที่ความพร้อมตัวเองเป็นหลักครับว่าจะผ่อนไปไหวหรือเปล่า
ที่สำคัญ.........อย่ารีบร้อนซื้อบ้าน
ใจเย็นๆ ยิ่งใจเย็นเท่าไหร่ ยิ่งมีอำนาจต่อรองมากเท่านั้น
เพื่อนผมซื้อบ้านไป 8 ล้านบาทหนึ่งคนเมื่อปีที่แล้ว
เพราะกลัวจะไม่ได้ลดภาษีโอน
ตอนนี้บ้านทำเลเดียวกันกำลังลดราคา 20-30%
เพื่อนอีกคนซื้อบ้านชานเมือง 50 ตร.วา ราคา 5 ล้านบาท
ผมอยากบอกว่า....สุดแพง
ในราคา 5 ล้านซื้อที่สร้างบ้านเองในหมู่บ้านผม
ได้ที่ดิน 100 ตร.วา บ้านขนาดเดียวกัน ได้เงินทอนอีก 1 ล้าน
ดังนั้น ใจเย็นๆครับ ค่อยๆดู ค่อยๆศึกษา อย่าตัดสินใจเพราะอารมณ์ของตลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ปีหน้า
โพสต์ที่ 10
ผมว่าบ้านน่าราคาลดลง
แปลกแต่จริง
สาเหตุที่ผมคิดอย่างนี้ก็คือ
บ้านมือสองปีหน้าจะไหลเข้าตลาดบ้านใหม่อย่างแน่นอน
เพราะบ้านใหม่จะมีต้นทุนใหม่
ที่นี่ก็เกิดความต้องการไม่สมดุลกับแล้วละ
จะต้องมีบ้านจำนวนหนึ่งที่ไม่มีคนซื้อ ปัญหา
กลุ่มบ้านเหล่าอยู่แถวไหน แถวนั้นราคาก็จะตกแรง
ในที่สุดราคามือสองมือใหม่จะลดลงเร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้
แปลกแต่จริง
สาเหตุที่ผมคิดอย่างนี้ก็คือ
บ้านมือสองปีหน้าจะไหลเข้าตลาดบ้านใหม่อย่างแน่นอน
เพราะบ้านใหม่จะมีต้นทุนใหม่
ที่นี่ก็เกิดความต้องการไม่สมดุลกับแล้วละ
จะต้องมีบ้านจำนวนหนึ่งที่ไม่มีคนซื้อ ปัญหา
กลุ่มบ้านเหล่าอยู่แถวไหน แถวนั้นราคาก็จะตกแรง
ในที่สุดราคามือสองมือใหม่จะลดลงเร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้
-
- Verified User
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 12
ถ้ายอมซื้อบ้านมือสองอายุ 5 ปี ขึ้นไป ก็มีที่ราคาค่อนข้างน่าสนใจอยู่บ้าง แต่คนส่วนใหญ่อยากได้บ้านใหม่ บ้านมือสองเลยถูกกว่าบ้านมือหนึ่งมาก ปัจจุบันโครงการบ้านมีลูกเล่นที่เพิ่มมูลค่าบ้านจากสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางมากขึ้น หรือโฆษณาว่าใช้วัสดุบางอย่างที่ดีกว่า จึงทำให้บ้านใหม่มีราคาขายที่สูงขึ้นได้เรื่อยๆ ผมเห็นบ้านใหม่บางโครงการสามารถขายได้ราคาสูงกว่าบ้านอายุ 5 ปีขนาดเดียวกันในทำเลเดียวกันประมาณ 2 เท่า ก็ยังขายได้เลย บ้านใหม่โครงการขนาดเล็กราคาก็จะต่ำกว่าบ้านโครงการที่มีส่วนกลางครบอยู่ประมาณ 15-30% แต่ราคาที่ดินและวัสดุซิครับที่เพิ่มขึ้น เรียกว่าถ้าคิดจะซื้อที่ดินและปลูกบ้านเองตอนนี้ อาจจะประหยัดได้เพียง 10% เมื่อเทียบกับซื้อบ้านจากโครงการขนาดเล็ก และน่าจะแพงกว่าซื้อบ้านมือสองอายุ 5 ปีขึ้นไปแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 13
ถ้าให้เลือกซื้อบ้านของบริษัทเดียวกัน คุณภาพเหมือนกัน อยู่บนถนนสายเดียวกัน
โครงการแรกอยู่ริมถนน โครงการที่สองอยู่ในซอยลึกประมาณ 2 ก.ม. ไม่เปลี่ยว
ราคาเท่ากัน โครงการแรกซื้อบ้านได้ 80 ตร.ว. เนื้อที่บ้าน 200 ตร.ม. โครงการสองซื้อบ้านได้ 140 ตร.ว. เนื้อที่บ้าน 300 ตร.ม.
เพื่อนๆจะซื้อบ้านโครงการไหนครับ
โครงการแรกอยู่ริมถนน โครงการที่สองอยู่ในซอยลึกประมาณ 2 ก.ม. ไม่เปลี่ยว
ราคาเท่ากัน โครงการแรกซื้อบ้านได้ 80 ตร.ว. เนื้อที่บ้าน 200 ตร.ม. โครงการสองซื้อบ้านได้ 140 ตร.ว. เนื้อที่บ้าน 300 ตร.ม.
เพื่อนๆจะซื้อบ้านโครงการไหนครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 14
ลึก 2 กม. ลึกมากสำหรับการเดิน ไม่สะดวกสำหรับลูกๆในการเดินทาง หรือไม่ก็คงต้องซี้อรถส่วนตัวให้
-
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 15
คุณคิดว่าถ้าคนคาดการณ์ว่าในอนาคตดอกเบี้ยจะขึ้น แล้วจะทำให้ Demand ในอสังหาชะลอตัวลง ผมว่าคุณคิดผิดนะ
เพราะบ้านเป็นสินค้าปัจจัย 4 ครับ ยังไงก็ต้องมีครับหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเห็นดอกเบี้ยขึ้นแล้วคิดจะมีบ้านกลับกัน ผมว่าต้องรีบซื้อเลยครับ
เพราะในอนาคตดอกเบี้ยจะแพงขึ้นอีก
สาเหตุที่ Demand ช่วงนี้ตกคงเพราะปัญหาความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจ มาตราการภาษี และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากกว่านะครับ
เพื่อนๆเห็นด้วยกับผมไหมครับ
เพราะบ้านเป็นสินค้าปัจจัย 4 ครับ ยังไงก็ต้องมีครับหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเห็นดอกเบี้ยขึ้นแล้วคิดจะมีบ้านกลับกัน ผมว่าต้องรีบซื้อเลยครับ
เพราะในอนาคตดอกเบี้ยจะแพงขึ้นอีก
สาเหตุที่ Demand ช่วงนี้ตกคงเพราะปัญหาความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจ มาตราการภาษี และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากกว่านะครับ
เพื่อนๆเห็นด้วยกับผมไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
อืม
โพสต์ที่ 16
ความเข้าใจเกี่ยวกับบ้านใหม่เป็นที่ต้องการของคนส่วนใหญ่ถูกต้องคับ
เพียงแต่ต้องเข้าใจต่อว่า100โครงการไม่ไช่ทุกบริษัทจะขายได้ทุกบริษัท
บางที่โครงการใหญ่ แพ้โครงการเล็ก บาที่โครงเล็ก แพ้โครงการใหญ่
ความเข้าใจ เกี่ยวกับความต้องการที่อยู่อาศัยของคนก็เป็นเรื่องถูกต้อง
เพียงแต่ความสามารถการจ่ายของคนจ่ายเงินน่าจะลดลงแค่สินเชื่อ
ส่วนบุคคล น่าจะมีผลทำให้ภาระการจ่ายเงินสูงขึ้น และความสามารถ
การจ่ายเงินลดลง ตัวอย่าง
คนเงินเดือน8000 บาท มีจำนวน 70% คนเงินเดือน12000บาท15%
คนเงินเดือน 15000-18000 มีจำนวน 10%
คนเงินเดือน 25000บาทขึ้น5%
ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขสมมุติคับ
จะเห็นว่าคนที่สามารถผ่อนบ้านได้นี่คนกินเงินเดือนมีส่วนน้อยมากที่ทำได้
ยิ่งถ้าคนเหล่านี้มีภาระสินเชื่อส่วนบุคคลละก้อ ความสามารถการจ่าย
น่าจะลดลงแน่นอน
อ้าวแล้วบ้านปัจจุบันที่ขายดีกันใครซื้อ
ส่วนหนึ่ง น่าจะเกิดการเก็งกำไรจากคนฐานะปานกลางหรือ
คนมีเงินเก็บ ถ้าไม่เกิดการอยู่อาศัยจริง ผมว่าท้ายที่สุด
ก็ยังน่าห่วงเหมือนกัน
บ้านมือสอง บ้านมือหนึ่ง ท้ายสุด ถ้าขาดคนอยู่ แพงแต่มูลค่า
ก็หมดความหมาย
ถ้าคุณมีโอกาสได้เดินทางไปตามถนนเส้นต่างต่าง
ในเมืองจะพบโครงการต่างต่างขึ้นเป็นดอกเห็ด
สาเหตุหลักคงไม่ไช่เรื่องขายโครงการได้ทั้งหมด
แต่เพราะขึ้นเนื่องจากจะมีการปล่อยน้ำมันดีเซลปีหน้า
ดังนั้นการสร้างในปีนี้บริษัทส่วนใหญ่คิดว่าได้ต้นทุนถูก
กว่าปีหน้ากำไรน่าจะมากกว่า แต่บริษัทเหล่านั้นไม่ได้คำนวน
เรื่องบ้านมือสอง ความสามารถการจ่ายเงินของคนกินเดือนเริ่มลดลง
ดังนั้นปีหน้า สินค้าใหม่ต่างต่างในตลาดจะล้น คนมีกำลังซื้อจะลดลง
ถึงแม้ ปีหน้าแบงค์จะเริ่มปล่อยสินเชื่อมากขึ้นเพราะได้ดอกเบี้ยที่ขึ้น
ทำให้กำไรสูงขึ้นก็ตาม แต่คนทีผ่านสินเชือและผ่อนได้ตลอดรอดฝั่ง
จะมีแค่ไหนที่ไม่กลับมาเป็นnpl กลับมา สิ่งที่มองเห็นชัดคือ
ข่าวหน้านสพที่คนในสังคมเริ่มเครียด มากขึ้น กับ ภาระที่หนักอึ่ง
ในการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายต่างต่าง
ผมไม่ได้บอกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จะไม่มีกำไรในปีหน้านะ
เพียงแต่พูดถึงภาระว่าโดยรวม
เมื่อสิบปีก่อน
เพื่อนผมท่านหนึ่งมีเงินเก็บก้อนหนึ่งเพราะความอยากมีบ้านของตัวเอง
และคิดที่ว่าที่ดินเป็นสิ่งมูลค่า เก็บไว้ให้ลูก
เลยตัดสินใจไปผ่อนแบงค์ ผ่อน ได้2 ปี มีปัญหารายได้ลดลง
ไม่มีความสามารถผ่อนต่อได้ เลยพยายามจะขายที่ดินผืนนี้ แต่ขายไม่ได้
ถึงแม้ราคาที่ดินจะขายถูกกว่าโครงการในปีนั้นก็ตาม จนกระทั่ง
ต้องปล่อยให้แบงค์ยึด และผ่อนจ่ายกับเงินส่วนต่างอีกหลายปี
กว่าจะหมดหนี้ จนทุกวันนนี้เพื่อนท่านนั้นมักบ่นว่าถ้า
ไม่ซื้อที่ดินผืนนั้นเขาคงมีเงินมาขยายธุรกิจบ้างไม่ต้องยืมเงินคนรู้จักไป
ทั่ว
เพียงแต่ต้องเข้าใจต่อว่า100โครงการไม่ไช่ทุกบริษัทจะขายได้ทุกบริษัท
บางที่โครงการใหญ่ แพ้โครงการเล็ก บาที่โครงเล็ก แพ้โครงการใหญ่
ความเข้าใจ เกี่ยวกับความต้องการที่อยู่อาศัยของคนก็เป็นเรื่องถูกต้อง
เพียงแต่ความสามารถการจ่ายของคนจ่ายเงินน่าจะลดลงแค่สินเชื่อ
ส่วนบุคคล น่าจะมีผลทำให้ภาระการจ่ายเงินสูงขึ้น และความสามารถ
การจ่ายเงินลดลง ตัวอย่าง
คนเงินเดือน8000 บาท มีจำนวน 70% คนเงินเดือน12000บาท15%
คนเงินเดือน 15000-18000 มีจำนวน 10%
คนเงินเดือน 25000บาทขึ้น5%
ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขสมมุติคับ
จะเห็นว่าคนที่สามารถผ่อนบ้านได้นี่คนกินเงินเดือนมีส่วนน้อยมากที่ทำได้
ยิ่งถ้าคนเหล่านี้มีภาระสินเชื่อส่วนบุคคลละก้อ ความสามารถการจ่าย
น่าจะลดลงแน่นอน
อ้าวแล้วบ้านปัจจุบันที่ขายดีกันใครซื้อ
ส่วนหนึ่ง น่าจะเกิดการเก็งกำไรจากคนฐานะปานกลางหรือ
คนมีเงินเก็บ ถ้าไม่เกิดการอยู่อาศัยจริง ผมว่าท้ายที่สุด
ก็ยังน่าห่วงเหมือนกัน
บ้านมือสอง บ้านมือหนึ่ง ท้ายสุด ถ้าขาดคนอยู่ แพงแต่มูลค่า
ก็หมดความหมาย
ถ้าคุณมีโอกาสได้เดินทางไปตามถนนเส้นต่างต่าง
ในเมืองจะพบโครงการต่างต่างขึ้นเป็นดอกเห็ด
สาเหตุหลักคงไม่ไช่เรื่องขายโครงการได้ทั้งหมด
แต่เพราะขึ้นเนื่องจากจะมีการปล่อยน้ำมันดีเซลปีหน้า
ดังนั้นการสร้างในปีนี้บริษัทส่วนใหญ่คิดว่าได้ต้นทุนถูก
กว่าปีหน้ากำไรน่าจะมากกว่า แต่บริษัทเหล่านั้นไม่ได้คำนวน
เรื่องบ้านมือสอง ความสามารถการจ่ายเงินของคนกินเดือนเริ่มลดลง
ดังนั้นปีหน้า สินค้าใหม่ต่างต่างในตลาดจะล้น คนมีกำลังซื้อจะลดลง
ถึงแม้ ปีหน้าแบงค์จะเริ่มปล่อยสินเชื่อมากขึ้นเพราะได้ดอกเบี้ยที่ขึ้น
ทำให้กำไรสูงขึ้นก็ตาม แต่คนทีผ่านสินเชือและผ่อนได้ตลอดรอดฝั่ง
จะมีแค่ไหนที่ไม่กลับมาเป็นnpl กลับมา สิ่งที่มองเห็นชัดคือ
ข่าวหน้านสพที่คนในสังคมเริ่มเครียด มากขึ้น กับ ภาระที่หนักอึ่ง
ในการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายต่างต่าง
ผมไม่ได้บอกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จะไม่มีกำไรในปีหน้านะ
เพียงแต่พูดถึงภาระว่าโดยรวม
เมื่อสิบปีก่อน
เพื่อนผมท่านหนึ่งมีเงินเก็บก้อนหนึ่งเพราะความอยากมีบ้านของตัวเอง
และคิดที่ว่าที่ดินเป็นสิ่งมูลค่า เก็บไว้ให้ลูก
เลยตัดสินใจไปผ่อนแบงค์ ผ่อน ได้2 ปี มีปัญหารายได้ลดลง
ไม่มีความสามารถผ่อนต่อได้ เลยพยายามจะขายที่ดินผืนนี้ แต่ขายไม่ได้
ถึงแม้ราคาที่ดินจะขายถูกกว่าโครงการในปีนั้นก็ตาม จนกระทั่ง
ต้องปล่อยให้แบงค์ยึด และผ่อนจ่ายกับเงินส่วนต่างอีกหลายปี
กว่าจะหมดหนี้ จนทุกวันนนี้เพื่อนท่านนั้นมักบ่นว่าถ้า
ไม่ซื้อที่ดินผืนนั้นเขาคงมีเงินมาขยายธุรกิจบ้างไม่ต้องยืมเงินคนรู้จักไป
ทั่ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 19
การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านนั้นสามารถกู้ร่วมได้ครับ เช่น กู้ร่วมสามีภรรยา พ่อแม่พี่น้องครับ
เท่าที่สังเกต ผมว่าเรื่องการซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไร ยังไม่มากจนน่ากลัวนะครับ
จากการที่เพิ่งผ่านวิกฤตมา รวมทั้งมีนักวิชาการต่างๆออกมาให้ความเห็นเตือนเรื่องฟองสบู่ เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวสูงขึ้น ผมว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการระวังตัวอยู่โดยตลอด
บ้านจะล้นตลาด ก็คงเป็นบางทำเล บางราคาครับ บ้านไม่เหมือนสินค้าอื่น เพราะเคลื่อนย้ายไม่ได้ ที่ดินก็มีจำกัด ซื้อที่หลังก็มีแต่ไกลออกไป สมัยก่อนแค่รัวสิตคลอง 2 ก็เรียกว่าไกลแล้ว แต่สมัยนี้ต้องคลอง 4 ครับ แถวพุทธมณฑลก็ต้อง สาย 3 สาย 4 แล้วครับ
อีกซัก 3 - 4 ปี ถ้าเศรษฐกิจยังโตได้ปีละ 5-6% คงไปไกลกว่านี้ และถ้าระบบรถไฟฟ้าเสร็จตามโครงการ บ้านภายในถนนวงแหวนรอบนอกคงแพงขึ้นอีก
การซื้อบ้าน ถ้ามีความสามารถผ่อน มีความจำเป็น และพบบ้านถูกใจ ก็ซื้อเถอะครับ แต่ถ้ายังก็รอก่อนครับ
เท่าที่สังเกต ผมว่าเรื่องการซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไร ยังไม่มากจนน่ากลัวนะครับ
จากการที่เพิ่งผ่านวิกฤตมา รวมทั้งมีนักวิชาการต่างๆออกมาให้ความเห็นเตือนเรื่องฟองสบู่ เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวสูงขึ้น ผมว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการระวังตัวอยู่โดยตลอด
บ้านจะล้นตลาด ก็คงเป็นบางทำเล บางราคาครับ บ้านไม่เหมือนสินค้าอื่น เพราะเคลื่อนย้ายไม่ได้ ที่ดินก็มีจำกัด ซื้อที่หลังก็มีแต่ไกลออกไป สมัยก่อนแค่รัวสิตคลอง 2 ก็เรียกว่าไกลแล้ว แต่สมัยนี้ต้องคลอง 4 ครับ แถวพุทธมณฑลก็ต้อง สาย 3 สาย 4 แล้วครับ
อีกซัก 3 - 4 ปี ถ้าเศรษฐกิจยังโตได้ปีละ 5-6% คงไปไกลกว่านี้ และถ้าระบบรถไฟฟ้าเสร็จตามโครงการ บ้านภายในถนนวงแหวนรอบนอกคงแพงขึ้นอีก
การซื้อบ้าน ถ้ามีความสามารถผ่อน มีความจำเป็น และพบบ้านถูกใจ ก็ซื้อเถอะครับ แต่ถ้ายังก็รอก่อนครับ
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 20
น่ากลัวแฮะ สงสัยต้องไปหาข้อมูลเจ้าอสังหาที่ถือไว้ เพิ่มหน่อย
-
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 21
ตามที่พี่ chatchai ถามเกี่ยวกับ ราคาบ้านที่ต่างกัน ตรว.ต่างกัน ใน location ใกลักัน เพื่อนผมมีประสบการณ์ครับ
บนถนนราชพฤกษ์ครับ (สาทร-เพชรเกษม ตัดใหม่) มีโครงการ golden อยู่และ หากขับรถข้ามแยก บรมราชชนนี ไปอีกนิด ก็มีโครงการ LH อยู่ (นันทวัน)
ทั้ง 2 โครงการติดถนนใหญ่ LH ขายบ้านสร้างเสร็จ ราคาประมาณ 10 ล้านจะได้เนื้อที่ประมาณ 80 ตรว. ขณะที่ golden ขายบ้านสั่งสร้าง ราคา 10 ล้าน จะได้ที่ดิน ประมาณ 100 ตรว. หากนับการเดินทางเข้าเมือง golden ใกล้กว่า
คนที่ไปซื้อ หากเทียบ location เทียบขนาดที่ดินที่จะได้ แล้ว golden ย่อมได้เปรียบ
พนักงานขาย gold ก็พยายามยกข้อดีเกี่ยวกับบ้านสั่งสร้างทุกอย่าง ทั้งวัสดุที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพิ่มเติม ต่อเติม ปรับเปลี่ยน ได้ โดยจะให้ทางเราดูจากบ้านตัวอย่างที่ตกแต่งไว้อย่างสวยหรู แบบเห็นแล้วธาตุไฟแตก
(แต่หากคำนวณดูแล้ว ไม่รู้อีก 1-2 ล้านจะเอาอยู่รึเปล่า)
LH บ้านก็ดูงั้น เตรียมความพร้อมให้หมด ทั้งแอร์ (เดินท่อแอร์ฝังให้เสร็จ) ห้องพระ กันขโมย ประตูรีโมท และที่สำคัญคือ ชุมชน ที่ดูแล้วมีความเป็น life มากกว่าติดที่ที่ดินที่เล็กกว่า แต่ที่แน่นอนคือ คุณไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้วนอกจากเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น
เป็นคุณจะเลือกซื้อโครงการไหนครับ
บนถนนราชพฤกษ์ครับ (สาทร-เพชรเกษม ตัดใหม่) มีโครงการ golden อยู่และ หากขับรถข้ามแยก บรมราชชนนี ไปอีกนิด ก็มีโครงการ LH อยู่ (นันทวัน)
ทั้ง 2 โครงการติดถนนใหญ่ LH ขายบ้านสร้างเสร็จ ราคาประมาณ 10 ล้านจะได้เนื้อที่ประมาณ 80 ตรว. ขณะที่ golden ขายบ้านสั่งสร้าง ราคา 10 ล้าน จะได้ที่ดิน ประมาณ 100 ตรว. หากนับการเดินทางเข้าเมือง golden ใกล้กว่า
คนที่ไปซื้อ หากเทียบ location เทียบขนาดที่ดินที่จะได้ แล้ว golden ย่อมได้เปรียบ
พนักงานขาย gold ก็พยายามยกข้อดีเกี่ยวกับบ้านสั่งสร้างทุกอย่าง ทั้งวัสดุที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพิ่มเติม ต่อเติม ปรับเปลี่ยน ได้ โดยจะให้ทางเราดูจากบ้านตัวอย่างที่ตกแต่งไว้อย่างสวยหรู แบบเห็นแล้วธาตุไฟแตก
(แต่หากคำนวณดูแล้ว ไม่รู้อีก 1-2 ล้านจะเอาอยู่รึเปล่า)
LH บ้านก็ดูงั้น เตรียมความพร้อมให้หมด ทั้งแอร์ (เดินท่อแอร์ฝังให้เสร็จ) ห้องพระ กันขโมย ประตูรีโมท และที่สำคัญคือ ชุมชน ที่ดูแล้วมีความเป็น life มากกว่าติดที่ที่ดินที่เล็กกว่า แต่ที่แน่นอนคือ คุณไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้วนอกจากเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น
เป็นคุณจะเลือกซื้อโครงการไหนครับ
- HI.ผมเอง
- Verified User
- โพสต์: 811
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 22
เคยอ่ายบทวิจัย ของทาง แสนสิริ
เค้าคำนวนว่า
ทุกๆการขึ้นของดอกเบี้ยเงินกู้ 1 %
จะทำให้อำนาจการซื้อ(การผ่อนนั่นเอง) ลดลง9%
คือซื้อบ้านได้เล็กลง
ถ้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ผมว่าปีนี้น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่ซื้อแล้วคุ้ม
แต่ถ้าซื้อเพื่อเก็งกำไร
ผมว่า คงได้กำไรลำบาก แล้วก็จะสร้างปัญหากับภาพรวมในอนาคต
ตอนนี้เห็นคอนโดสร้างใหม่ เริ่มเข็นออกมาขายมากๆ ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน
เพราะ ถ้าจำไม่ผิด
ฟองสบู่อสังหาคราวที่แล้วที่เริ่มแตกในปี38นั้น
สิ่งที่นักเก็งกำไรวิ่งเข้าใส่มากที่สุดก็คือ คอนโด
ผมเองยังมองว่า
ที่เห็นลดราคาแข่งกันตอนนี้นั้น
คงทำได้เฉพาะสินค้าที่เค้าผลิตในปีนี้เท่านั้น
สำหรับปีหน้า
บนราคาเดียวกัน
คงได้บ้านหลังเล็กลง
หรือไม่ก็ เป็นบ้านที่ลด spec มากๆ
เพราะมันไม่เป็นตรรกะ สักเท่าไหร่
ที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น
แต่สามารถขายในราคาที่ต่ำลง
แต่ถ้ามีสินค้าที่ว่าจริง
แสดงว่า บ. ที่ขายคงต้องประสบ กับปัญหาทางการเงินอย่างแรง
เลยต้องการเงินมาหมุนเวียนมาก ขนาดยอมขายทั้งๆที่ขาดทุน
แล้วถ้าบ.ที่ขาย มีปัญหาแบบนี้
ถามว่า
เราจะกล้าเสี่ยงไปซื้ออีกหรือไม่
บทเรียนจากคราวที่แล้วที่ คนซื้อบ้านแล้วผ่านไป2ปียังเห็นแค่เสาเข็ม
คงเป็นคำตอบที่ดี
เค้าคำนวนว่า
ทุกๆการขึ้นของดอกเบี้ยเงินกู้ 1 %
จะทำให้อำนาจการซื้อ(การผ่อนนั่นเอง) ลดลง9%
คือซื้อบ้านได้เล็กลง
ถ้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ผมว่าปีนี้น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่ซื้อแล้วคุ้ม
แต่ถ้าซื้อเพื่อเก็งกำไร
ผมว่า คงได้กำไรลำบาก แล้วก็จะสร้างปัญหากับภาพรวมในอนาคต
ตอนนี้เห็นคอนโดสร้างใหม่ เริ่มเข็นออกมาขายมากๆ ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน
เพราะ ถ้าจำไม่ผิด
ฟองสบู่อสังหาคราวที่แล้วที่เริ่มแตกในปี38นั้น
สิ่งที่นักเก็งกำไรวิ่งเข้าใส่มากที่สุดก็คือ คอนโด
ผมเองยังมองว่า
ที่เห็นลดราคาแข่งกันตอนนี้นั้น
คงทำได้เฉพาะสินค้าที่เค้าผลิตในปีนี้เท่านั้น
สำหรับปีหน้า
บนราคาเดียวกัน
คงได้บ้านหลังเล็กลง
หรือไม่ก็ เป็นบ้านที่ลด spec มากๆ
เพราะมันไม่เป็นตรรกะ สักเท่าไหร่
ที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น
แต่สามารถขายในราคาที่ต่ำลง
แต่ถ้ามีสินค้าที่ว่าจริง
แสดงว่า บ. ที่ขายคงต้องประสบ กับปัญหาทางการเงินอย่างแรง
เลยต้องการเงินมาหมุนเวียนมาก ขนาดยอมขายทั้งๆที่ขาดทุน
แล้วถ้าบ.ที่ขาย มีปัญหาแบบนี้
ถามว่า
เราจะกล้าเสี่ยงไปซื้ออีกหรือไม่
บทเรียนจากคราวที่แล้วที่ คนซื้อบ้านแล้วผ่านไป2ปียังเห็นแค่เสาเข็ม
คงเป็นคำตอบที่ดี
-
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 24
ซื้อโครงการหลัง คงเป็น แนวคิด vichatchai เขียน:ถ้าให้เลือกซื้อบ้านของบริษัทเดียวกัน คุณภาพเหมือนกัน อยู่บนถนนสายเดียวกัน
โครงการแรกอยู่ริมถนน โครงการที่สองอยู่ในซอยลึกประมาณ 2 ก.ม. ไม่เปลี่ยว
ราคาเท่ากัน โครงการแรกซื้อบ้านได้ 80 ตร.ว. เนื้อที่บ้าน 200 ตร.ม. โครงการสองซื้อบ้านได้ 140 ตร.ว. เนื้อที่บ้าน 300 ตร.ม.
เพื่อนๆจะซื้อบ้านโครงการไหนครับ
ได้Value ของที่ดินที่เพิ่มตามเวลา+ได้เนื้อที่บ้าน=ค่าเสื่อม?
รอตัวเร่ง
คือ การขยายถนนซอย
หรือความเจริญทางสังคมที่เพิ่มขึ้นในอนาคต มั๊งครับ :lol: :lol: :lol:
-
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อบ้านปีนี้ หรือ ปีหน้า
โพสต์ที่ 25
พี่ chatchai
ผมเดาจากข้อมูลที่มีจำกัดก่อนนะครับว่า
2 โครงการที่พี่ว่า อาจจะมีข้อสันนิษฐานดังนี้
1. ราคาที่ดินดิบ ตอนซื้อมา แตกต่างกัน ทำให้ต้นทุกแตกต่างกันก็เป็นได้ครับ
2. หากโครงการทั้ง 2 เปิดในเวลาที่ต่างกันมาก อาจจะเป็น แบบบ้าน คนละแบบ เพราะปี 47 เท่าที่ทราบคือ LH เพิ่ม spec ในบ้านสบายไปอีกหลายรายการ และแน่นอน ราคาย่อมเพิ่มขึ้น spec ที่ว่าเช่น ห้องพระ/หิ้งพระ แอร์ laundry area, ที่ใส่รองเท้าในและนอกบ้าน, ตู้เก็บอุปกรณ์, ฯลฯ
ถ้าจะให้ดีผมอยากทราบชื่อโครงการนั้นจังเลยครับ เพื่อเป็นกรณีศึกษา
ผมเดาจากข้อมูลที่มีจำกัดก่อนนะครับว่า
2 โครงการที่พี่ว่า อาจจะมีข้อสันนิษฐานดังนี้
1. ราคาที่ดินดิบ ตอนซื้อมา แตกต่างกัน ทำให้ต้นทุกแตกต่างกันก็เป็นได้ครับ
2. หากโครงการทั้ง 2 เปิดในเวลาที่ต่างกันมาก อาจจะเป็น แบบบ้าน คนละแบบ เพราะปี 47 เท่าที่ทราบคือ LH เพิ่ม spec ในบ้านสบายไปอีกหลายรายการ และแน่นอน ราคาย่อมเพิ่มขึ้น spec ที่ว่าเช่น ห้องพระ/หิ้งพระ แอร์ laundry area, ที่ใส่รองเท้าในและนอกบ้าน, ตู้เก็บอุปกรณ์, ฯลฯ
ถ้าจะให้ดีผมอยากทราบชื่อโครงการนั้นจังเลยครับ เพื่อเป็นกรณีศึกษา