ความเห็นของ ดร.นิเวศน์ สำหรับตลาดหุ้นปีหน้า
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
ความเห็นของ ดร.นิเวศน์ สำหรับตลาดหุ้นปีหน้า
โพสต์ที่ 1
วันนี้ ผมได้ไปฟังสัมมนาในหัวข้อ "ตลาดหุ้นปีไก่ ลงทุนอย่างไรไม่ให้เจ๊ง" ที่ โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซสมานะครับ เลยเอามาฝากนะครับ
ถึงในช่วงนี้ ดัชนีตลาดหุ้นดูเหมือนจะดูดีขึ้นนะครับแต่คุณ ดร.นิเวศน์ ท่านได้ให้ความคิดเห็นในแง่ของ นักลงทุนระยะยาว ไว้ว่าในช่วงปีหน้ามีความเสี่ยงค่อนข้างเยอะ ตามเท่าที่ผมจดมาได้นะครับก็เนื่องมาจาก
1. ฐานกำไรในปี 47 มีการเติบโตสูงมาก ซึ่งเป็นการเติบโตที่ไม่ใช้ลักษณะธรรมดา (คิดว่าในปีถัดๆ ไปจะโตได้เร็วขนาดนี้หรือ?)
2. การเติบโตของปีนี้ ไม่ใช่เป็นแบบคุณภาพ แต่เป็นไปในลักษณะที่ขายของได้ราคาแพงขึ้นไม่ใช้ผลิตได้มากขึ้น หรือขายได้จำนวนมากขึ้น และส่วนมากปีนี้หุ้นที่มีการเติบโตสูงก็จะเป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมี ซึ่งถ้าในระยะยาวแล้วก็ไม่มีใครมั่นใจว่าราคาสินค้าจะอยู่ได้สูงขนาดนี้
3. เกี่ยวกับกลุ่ม Bank ท่านได้ให้สังเกตว่า กำไรของธนาคารที่เพิ่มขึ้นมามากเนี่ย ให้สังเกตดีๆ ว่าธนาคารส่วนใหญ่ในปีนี้ยังไม่ได้ทำการเสียภาษี 30% ไม่ใช้ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น
เท่าที่ผมจดมาได้ก็ประมาณเนี้ยครับ จึงเตือนให้รอบคอบตอนจังหวะที่จะเข้าไปซื้อหุ้นมา ถือหุ้นดีจริงแต่ไปซื้อตอนยอดดอยก็แย่นะครับ
ส่วนผมมีคำถามกับพวกพี่ๆ นะครับ (ขอใช้พี่นะครับเพราะผมเพิ่งอายุ 22 ) ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของนักลงทุนระยะยาวคือ ความเป็นธรรมภิบาลของผู้บริหาร เนื่องจากผมเป็นพวกมือใหม่เนี่ยจะหาข้อมูลได้ยังไงว่า ผู้บริหารคนนั้น คนนี้ ดียังไง ถ้ามีใครทราบก็ช่วยบอก หรือให้คำแนะนำด้วยครับ
ถึงยังไง นักลงทุนระยะยาวก็รอบคอบก่อนที่จะซื้อหุ้นอยู่แล้ว ใช่ป่าวครับ
ถึงในช่วงนี้ ดัชนีตลาดหุ้นดูเหมือนจะดูดีขึ้นนะครับแต่คุณ ดร.นิเวศน์ ท่านได้ให้ความคิดเห็นในแง่ของ นักลงทุนระยะยาว ไว้ว่าในช่วงปีหน้ามีความเสี่ยงค่อนข้างเยอะ ตามเท่าที่ผมจดมาได้นะครับก็เนื่องมาจาก
1. ฐานกำไรในปี 47 มีการเติบโตสูงมาก ซึ่งเป็นการเติบโตที่ไม่ใช้ลักษณะธรรมดา (คิดว่าในปีถัดๆ ไปจะโตได้เร็วขนาดนี้หรือ?)
2. การเติบโตของปีนี้ ไม่ใช่เป็นแบบคุณภาพ แต่เป็นไปในลักษณะที่ขายของได้ราคาแพงขึ้นไม่ใช้ผลิตได้มากขึ้น หรือขายได้จำนวนมากขึ้น และส่วนมากปีนี้หุ้นที่มีการเติบโตสูงก็จะเป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมี ซึ่งถ้าในระยะยาวแล้วก็ไม่มีใครมั่นใจว่าราคาสินค้าจะอยู่ได้สูงขนาดนี้
3. เกี่ยวกับกลุ่ม Bank ท่านได้ให้สังเกตว่า กำไรของธนาคารที่เพิ่มขึ้นมามากเนี่ย ให้สังเกตดีๆ ว่าธนาคารส่วนใหญ่ในปีนี้ยังไม่ได้ทำการเสียภาษี 30% ไม่ใช้ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น
เท่าที่ผมจดมาได้ก็ประมาณเนี้ยครับ จึงเตือนให้รอบคอบตอนจังหวะที่จะเข้าไปซื้อหุ้นมา ถือหุ้นดีจริงแต่ไปซื้อตอนยอดดอยก็แย่นะครับ
ส่วนผมมีคำถามกับพวกพี่ๆ นะครับ (ขอใช้พี่นะครับเพราะผมเพิ่งอายุ 22 ) ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของนักลงทุนระยะยาวคือ ความเป็นธรรมภิบาลของผู้บริหาร เนื่องจากผมเป็นพวกมือใหม่เนี่ยจะหาข้อมูลได้ยังไงว่า ผู้บริหารคนนั้น คนนี้ ดียังไง ถ้ามีใครทราบก็ช่วยบอก หรือให้คำแนะนำด้วยครับ
ถึงยังไง นักลงทุนระยะยาวก็รอบคอบก่อนที่จะซื้อหุ้นอยู่แล้ว ใช่ป่าวครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 456
- ผู้ติดตาม: 0
ความเห็นของ ดร.นิเวศน์ สำหรับตลาดหุ้นปีหน้า
โพสต์ที่ 3
เห็นด้วยกับท่าน ดร.นิเวศน์ เลยค่ะ ปัจจัยเสี่ยงเต็มไปหมดในปีหน้า ตั้งแต่
1. น้ำมันดีเซลที่จะลอยตัวในต้นปีหน้า ---> ต้นทุนแทบทุกอย่างแพงขึ้น ของแพง ---> กำลังซื้อหดลง ----> ผลประกอบการบริษัทแย่ลง
ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น (แต่โอเปคก็บอกว่าจะลดลงในไตรมาส 2 ก็ไม่รู้ว่าจะจริงอ๊ะเปล่า)
2. เงินดอลล่าอ่อน --> เงินบาทแข็งขึ้น ----> ส่งออกอ่วมมมม เพราะเท่าที่ดูตอนนี้เราพึ่งพาการส่งออกมาก การค้าภายในประเทศถ้าถามคนค้าขายดูจะรู้ว่าฝืดมาก ๆ แต่การท่องเที่ยวน่าจะดี ถ้า...ปัญหาภาคใต้เบาบางลง ซึ่งคงยากกก
3. ภัยแล้งที่กำลังมาเยือนจาก "เอลนีโย่" ยิ่งตอกย้ำสินค้าเกษตรให้ย่ำแย่ ---> ราคาต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ประชาชนชาวเกษตรกรในระดับรากหญ้าคงแย่ตาม ๆ กัน
4. ถ้าทั้งการค้าภายในและภายนอกประเทศแย่ มันจะมีอะไรที่ดีได้ละคะ ? เพราะทำให้กำลังการบริโภคลดลงอย่างมาก
5. การเมืองในปีหน้าที่ไม่น่าจะไปแบบฉลุยเหมือน 4 ปีที่กำลังจะผ่านไป เพราะมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น และกระแสความนิยมในตัวพรรคไทยรักไทยที่ลดลง การเลือกตั้งที่จะมาถึงหลายท่านบอกว่าก่อนเลือกตั้งทุกครั้งหุ้นจะขึ้น แล้วหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรคะมีใครทราบบ้าง(พอดีตัวเองก็เป็นน้องใหม่ในแวดวงหุ้นก็เลยไม่ทราบ ก็ขอมองแบบวิเคราะห์ไปตามเนื้อผ้า) ถ้าการเมืองภายในประเทศไม่มีเสถียรภาพเหมือนก่อน ก็น่าจะกระทบต่อความไว้วางใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศ
6. ส่วนต่างประเทศก็มีเหตุอันเกี่ยวข้องกับการทำสงครามทั้งในอิรักเอง และต่อไปไม่รู้ว่าจะขยับไปเกาหลีเหนือ และอิหร่านหรือไม่ ? แล้วยังต้องระวังเรื่องการก่อวินาศกรรมที่บิลลาเด็นออกมาเตือนกันหรือเปล่าอีก
ดังนั้นคงมีบางบริษัทเท่านั้นที่จะเอาตัวรอดไปได้ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้น้อยกว่าบริษัทอื่น ๆ หรือมีการบริหารที่รัดกุมขึ้น, ควบคุมต้นทุนได้ดี
การลงทุนในปีนี้ที่ว่ายากแล้ว ปีหน้ายิ่งยากกว่าหลายเท่านักค่ะ (ถ้าไม่มีเจ้ามือ)
1. น้ำมันดีเซลที่จะลอยตัวในต้นปีหน้า ---> ต้นทุนแทบทุกอย่างแพงขึ้น ของแพง ---> กำลังซื้อหดลง ----> ผลประกอบการบริษัทแย่ลง
ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น (แต่โอเปคก็บอกว่าจะลดลงในไตรมาส 2 ก็ไม่รู้ว่าจะจริงอ๊ะเปล่า)
2. เงินดอลล่าอ่อน --> เงินบาทแข็งขึ้น ----> ส่งออกอ่วมมมม เพราะเท่าที่ดูตอนนี้เราพึ่งพาการส่งออกมาก การค้าภายในประเทศถ้าถามคนค้าขายดูจะรู้ว่าฝืดมาก ๆ แต่การท่องเที่ยวน่าจะดี ถ้า...ปัญหาภาคใต้เบาบางลง ซึ่งคงยากกก
3. ภัยแล้งที่กำลังมาเยือนจาก "เอลนีโย่" ยิ่งตอกย้ำสินค้าเกษตรให้ย่ำแย่ ---> ราคาต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ประชาชนชาวเกษตรกรในระดับรากหญ้าคงแย่ตาม ๆ กัน
4. ถ้าทั้งการค้าภายในและภายนอกประเทศแย่ มันจะมีอะไรที่ดีได้ละคะ ? เพราะทำให้กำลังการบริโภคลดลงอย่างมาก
5. การเมืองในปีหน้าที่ไม่น่าจะไปแบบฉลุยเหมือน 4 ปีที่กำลังจะผ่านไป เพราะมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น และกระแสความนิยมในตัวพรรคไทยรักไทยที่ลดลง การเลือกตั้งที่จะมาถึงหลายท่านบอกว่าก่อนเลือกตั้งทุกครั้งหุ้นจะขึ้น แล้วหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรคะมีใครทราบบ้าง(พอดีตัวเองก็เป็นน้องใหม่ในแวดวงหุ้นก็เลยไม่ทราบ ก็ขอมองแบบวิเคราะห์ไปตามเนื้อผ้า) ถ้าการเมืองภายในประเทศไม่มีเสถียรภาพเหมือนก่อน ก็น่าจะกระทบต่อความไว้วางใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศ
6. ส่วนต่างประเทศก็มีเหตุอันเกี่ยวข้องกับการทำสงครามทั้งในอิรักเอง และต่อไปไม่รู้ว่าจะขยับไปเกาหลีเหนือ และอิหร่านหรือไม่ ? แล้วยังต้องระวังเรื่องการก่อวินาศกรรมที่บิลลาเด็นออกมาเตือนกันหรือเปล่าอีก
ดังนั้นคงมีบางบริษัทเท่านั้นที่จะเอาตัวรอดไปได้ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้น้อยกว่าบริษัทอื่น ๆ หรือมีการบริหารที่รัดกุมขึ้น, ควบคุมต้นทุนได้ดี
การลงทุนในปีนี้ที่ว่ายากแล้ว ปีหน้ายิ่งยากกว่าหลายเท่านักค่ะ (ถ้าไม่มีเจ้ามือ)
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ความเห็นของ ดร.นิเวศน์ สำหรับตลาดหุ้นปีหน้า
โพสต์ที่ 4
ผมว่าผลงานของบริษัทในระหว่างที่เค้าบริหารก็วัดความมีคุณธรรมของเค้าได้บ้างแล้วล่ะครับ เพราะหากเคาซื่สัตย์ไอ้เร่องการยืมเงินบริษัท หรอตั้งบ.ลูกมาดูดเงินแม่คงไม่มี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ความเห็นของ ดร.นิเวศน์ สำหรับตลาดหุ้นปีหน้า
โพสต์ที่ 5
ผมไม่ได้มองร้ายขนาดนั้น
ก่อนอื่น ขอให้ย้อนหลังไปในช่วงปลายปีก่อน ทุกคนมองว่าปีนี้เศรษฐกิจจะดี บางคนถึงกลับบอกว่าดัชนีจะไปถึงพันจุด
ราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีก่อน พอเหตุการณ์จริงเกิดขึ้น ถึงแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่บริษัทต่างๆในตลาดก็สามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ทำไมราคาหุ้นถึงลดลงจากปลายปีก่อน ก็เพราะราคาวิ่งมาเพื่อรองรับกับข่าวดีที่เกินจริง
พอปลายปีนี้ ทุกคนเริ่มกังวลแต่ข่าวร้าย เพราะอะไร ก็เพราะหุ้นไม่ขึ้นซิครับ ราคาหุ้นตอบรับกับข่าวกังวลต่างๆ
ปีหน้าจะเลวร้ายจริงหรือ
ราคาน้ำมันดีเซลจะลอยตัว ผมว่าถึงเวลาก็กระทบไม่มากหรอกครับ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะต่ำ และที่สำคัญทุกคนมีการเตรียมตัวกันล่วงหน้าแล้วครับ
เรื่องภาษีเงินได้ที่บริษัทหลายแห่งจะเริ่มเสียกันอีกครั้ง ถ้ามองในแง่บริษัท แน่นอนว่ากำไรสุทธิย่อมลดลง แต่ถ้ามองในแง่รัฐบาล ก็จะได้เงินภาษีเพิ่มขึ้นอีกมากครับ
อัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจะปรับขึ้นอย่างมากก็แค่ 1% -2% ซึ่งก็จะไม่กระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่าไรหรอกครับ เพราะเวลาธนาคารคำนวณจำนวนเงินผ่อนกู้ซื้อบ้านนั้น ธนาคารคิดจากอัตราดอกเบี้ยที่ 7% - 8% อยู่แล้วครับ ดังนั้นถ้าดอกเบี้ยไม่สูงเกินกว่านั้น จำนวนเงินผ่อนต่องวดก็เท่าเดิมครับ
ค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ผมถามว่าอ่อนแค่ยังไม่ถึง 10% เลยครับ และในอดีตก็เคยแข็งถึง 38 บาทมาแล้ว จะกังวลไปทำไมครับ
ปัจจัยต่างๆ แน่นอนว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงบ้าง แต่ผมว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังดีอยู่ครับ ตราบใดที่เศรษฐกิจจีน และสหรัฐ ไม่เลวร้ายมากนัก
ก่อนอื่น ขอให้ย้อนหลังไปในช่วงปลายปีก่อน ทุกคนมองว่าปีนี้เศรษฐกิจจะดี บางคนถึงกลับบอกว่าดัชนีจะไปถึงพันจุด
ราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีก่อน พอเหตุการณ์จริงเกิดขึ้น ถึงแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่บริษัทต่างๆในตลาดก็สามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ทำไมราคาหุ้นถึงลดลงจากปลายปีก่อน ก็เพราะราคาวิ่งมาเพื่อรองรับกับข่าวดีที่เกินจริง
พอปลายปีนี้ ทุกคนเริ่มกังวลแต่ข่าวร้าย เพราะอะไร ก็เพราะหุ้นไม่ขึ้นซิครับ ราคาหุ้นตอบรับกับข่าวกังวลต่างๆ
ปีหน้าจะเลวร้ายจริงหรือ
ราคาน้ำมันดีเซลจะลอยตัว ผมว่าถึงเวลาก็กระทบไม่มากหรอกครับ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะต่ำ และที่สำคัญทุกคนมีการเตรียมตัวกันล่วงหน้าแล้วครับ
เรื่องภาษีเงินได้ที่บริษัทหลายแห่งจะเริ่มเสียกันอีกครั้ง ถ้ามองในแง่บริษัท แน่นอนว่ากำไรสุทธิย่อมลดลง แต่ถ้ามองในแง่รัฐบาล ก็จะได้เงินภาษีเพิ่มขึ้นอีกมากครับ
อัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจะปรับขึ้นอย่างมากก็แค่ 1% -2% ซึ่งก็จะไม่กระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่าไรหรอกครับ เพราะเวลาธนาคารคำนวณจำนวนเงินผ่อนกู้ซื้อบ้านนั้น ธนาคารคิดจากอัตราดอกเบี้ยที่ 7% - 8% อยู่แล้วครับ ดังนั้นถ้าดอกเบี้ยไม่สูงเกินกว่านั้น จำนวนเงินผ่อนต่องวดก็เท่าเดิมครับ
ค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ผมถามว่าอ่อนแค่ยังไม่ถึง 10% เลยครับ และในอดีตก็เคยแข็งถึง 38 บาทมาแล้ว จะกังวลไปทำไมครับ
ปัจจัยต่างๆ แน่นอนว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงบ้าง แต่ผมว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังดีอยู่ครับ ตราบใดที่เศรษฐกิจจีน และสหรัฐ ไม่เลวร้ายมากนัก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ความเห็นของ ดร.นิเวศน์ สำหรับตลาดหุ้นปีหน้า
โพสต์ที่ 9
ผมเห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยครับ
บางข่าวมีผลทางจิตวิทยาเท่านั้น ไม่ได้กระทบกับการทำกำไรเลย
นักลงทุนที่อดทน ควรหาประโยชน์จากราคาที่ถูกกระทบจากข่าวเหล่านี้ครับ
เวลาที่ใครๆก็มองเห็นแต่ข่าวร้าย ผมคิดว่าควรวิเคราะห์ข่าวนั้นอย่างจริงจัง หากไม่มีผลกระทบมาก ก็เป็นโอกาสซื้อเท่านั้นเอง..
บางข่าวมีผลทางจิตวิทยาเท่านั้น ไม่ได้กระทบกับการทำกำไรเลย
นักลงทุนที่อดทน ควรหาประโยชน์จากราคาที่ถูกกระทบจากข่าวเหล่านี้ครับ
เวลาที่ใครๆก็มองเห็นแต่ข่าวร้าย ผมคิดว่าควรวิเคราะห์ข่าวนั้นอย่างจริงจัง หากไม่มีผลกระทบมาก ก็เป็นโอกาสซื้อเท่านั้นเอง..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ความเห็นของ ดร.นิเวศน์ สำหรับตลาดหุ้นปีหน้า
โพสต์ที่ 10
ใช่ครับ ผมก็กะว่าจะรอตัวที่พลาดไปในปีนี้ ภาวนาให้มีโอกาส เจ๋งๆสักทีเหอะ แล้วบทเรียนในปีนี้ซึ่งจึงๆแล้วเป็นปีที่ดีสำหรับการเรียนรู้การลงทุนครับ เพราะ ผิดเป็นครู ขาดทุนจากตลาดหุ้นเป็นอาจารย์ ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
ความเห็นของ ดร.นิเวศน์ สำหรับตลาดหุ้นปีหน้า
โพสต์ที่ 11
เรื่องส่งออก..หากดอลล่าร์อ่อน บาทแข็งไม่ดีแน่น แม้ว่าจะดูจะไม่กระทบมากนักในภาคธุรกิจ
แต่ผมมองเรื่องหนี้ภาคประชาชนที่ผมเดาว่าจะเป็นตัวเร่งขาลงในปีหน้า ผมว่าโดยเฉลี่ยแล้ววินัยทางการเงินของคนไทยยังน้อยครับ โดยมากก็อยู่กันแบบปริ่มๆทั้งนั้น หากภาคธุรกิจเริ่มอ่อนลง ส่งผลกับภาคประชาชนที่ปริ่มๆอยู่แล้วก็น่าคิดครับ
ผมไม่คาดหวังอะไรมากนักในปีหน้า สำหรับหุ้นบางตัวผมมองทางขายมากกว่าทางซื้อนะครับ
แต่ผมมองเรื่องหนี้ภาคประชาชนที่ผมเดาว่าจะเป็นตัวเร่งขาลงในปีหน้า ผมว่าโดยเฉลี่ยแล้ววินัยทางการเงินของคนไทยยังน้อยครับ โดยมากก็อยู่กันแบบปริ่มๆทั้งนั้น หากภาคธุรกิจเริ่มอ่อนลง ส่งผลกับภาคประชาชนที่ปริ่มๆอยู่แล้วก็น่าคิดครับ
ผมไม่คาดหวังอะไรมากนักในปีหน้า สำหรับหุ้นบางตัวผมมองทางขายมากกว่าทางซื้อนะครับ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร