ข่าว rpc ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว rpc ครับ
โพสต์ที่ 1
โรงกลั่น RPC มีกำลังการกลั่น 17 พันบาร์เรลต่อวัน (KBD) แต่ปัจจุบันกลั่นได้จริง
ประมาณ 12 KBD เนื่องจากวัตถุดิบ Condensate Residue (CR) ที่ได้จาก ATC มีปริมาณ
จำกัด (ตามขนาดกำลังการผลิตของ ATC) อย่างไรก็ตาม บริษัทฯก็ยังมีทางเลือกที่จะขยาย
ปริมาณกลั่นให้เพิ่มขึ้นจากการจัดหาวัตถุดิบเข้ามา โดย RPC กำลังเจรจาซื้อ CR เพิ่มจาก
ATC ในส่วนที่เตรียมขยายกำลังการผลิตอีกในปี 2549 นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจซื้อ CR จาก
SGPC (บริษัทที่ดำเนินโครงการโรงกลั่นขนาด 30 KBD ที่ RPC เคยถือหุ้น) หากโรงกลั่นของ
SGPC ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างสามารถดำเนินการได้ในต้นปี 2549 บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจา
ซื้อน้ำมันดิบจากบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานแหล่งน้ำมันดิบ
แห่งใหม่ในประเทศ เราเชื่อว่าทางเลือกนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากแหล่งสัมปทานดัง
กล่าวมีผลผลิตไม่มากนักขนาด 10 KBD และน้ำมันดิบที่ได้นำมากลั่นได้สัดส่วนน้ำมันเบนซิน
ค่อนข้างต่ำ ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของโรงกลั่นขนาดใหญ่ในประเทศ หากบริษัทฯ สามารถ
บรรลุข้อตกลงก็จะสามารถเพิ่มกำลังการกลั่นได้ราวกลางปีหน้า
VTN-P (RPC ถือหุ้นสัดส่วน 60%) ซึ่งดำเนินโครงการโรงกลั่นแห่งแรกที่ประเทศ
เวียดนามจะเริ่มผลิตได้ในราวกลางปีหน้าที่กำลังการกลั่น 2.5 KBD ผู้บริหารฯ คาดว่าจะสามารถ
ผลิตได้เต็มกำลังการกลั่นในปีแรก โดยคาดว่าจะมีรายได้ปีละ 1.1-1.4 พันล้านบาท กำไรสุทธิปี
ละ 40-50 ล้านบาท (คิดเป็นส่วนแบ่งกำไรที่ RPC ได้รับต่อปี 24-30 ล้านบาท) เนื่องจากเป็นโรง
กลั่นขนาดเล็กและอยู่ในแหล่งที่มีความต้องการบริโภคที่สูง ทำให้มีโอกาสที่จะขยายกำลังการ
กลั่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
หุ้นยังนิ่งอยู่เลยหวังว่าปันผลคงดีนะ
ประมาณ 12 KBD เนื่องจากวัตถุดิบ Condensate Residue (CR) ที่ได้จาก ATC มีปริมาณ
จำกัด (ตามขนาดกำลังการผลิตของ ATC) อย่างไรก็ตาม บริษัทฯก็ยังมีทางเลือกที่จะขยาย
ปริมาณกลั่นให้เพิ่มขึ้นจากการจัดหาวัตถุดิบเข้ามา โดย RPC กำลังเจรจาซื้อ CR เพิ่มจาก
ATC ในส่วนที่เตรียมขยายกำลังการผลิตอีกในปี 2549 นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจซื้อ CR จาก
SGPC (บริษัทที่ดำเนินโครงการโรงกลั่นขนาด 30 KBD ที่ RPC เคยถือหุ้น) หากโรงกลั่นของ
SGPC ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างสามารถดำเนินการได้ในต้นปี 2549 บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจา
ซื้อน้ำมันดิบจากบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานแหล่งน้ำมันดิบ
แห่งใหม่ในประเทศ เราเชื่อว่าทางเลือกนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากแหล่งสัมปทานดัง
กล่าวมีผลผลิตไม่มากนักขนาด 10 KBD และน้ำมันดิบที่ได้นำมากลั่นได้สัดส่วนน้ำมันเบนซิน
ค่อนข้างต่ำ ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของโรงกลั่นขนาดใหญ่ในประเทศ หากบริษัทฯ สามารถ
บรรลุข้อตกลงก็จะสามารถเพิ่มกำลังการกลั่นได้ราวกลางปีหน้า
VTN-P (RPC ถือหุ้นสัดส่วน 60%) ซึ่งดำเนินโครงการโรงกลั่นแห่งแรกที่ประเทศ
เวียดนามจะเริ่มผลิตได้ในราวกลางปีหน้าที่กำลังการกลั่น 2.5 KBD ผู้บริหารฯ คาดว่าจะสามารถ
ผลิตได้เต็มกำลังการกลั่นในปีแรก โดยคาดว่าจะมีรายได้ปีละ 1.1-1.4 พันล้านบาท กำไรสุทธิปี
ละ 40-50 ล้านบาท (คิดเป็นส่วนแบ่งกำไรที่ RPC ได้รับต่อปี 24-30 ล้านบาท) เนื่องจากเป็นโรง
กลั่นขนาดเล็กและอยู่ในแหล่งที่มีความต้องการบริโภคที่สูง ทำให้มีโอกาสที่จะขยายกำลังการ
กลั่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
หุ้นยังนิ่งอยู่เลยหวังว่าปันผลคงดีนะ
- pong
- Verified User
- โพสต์: 361
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว rpc ครับ
โพสต์ที่ 4
2 โบรกนี้ ให้ราคาเป้าหมายแตกต่างกันจัง
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 204RPC.pdf
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 151204.pdf
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 204RPC.pdf
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 151204.pdf
- pong
- Verified User
- โพสต์: 361
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว rpc ครับ
โพสต์ที่ 10
RPCซื้อหุ้น'เอสซีทีปิโตรเลียม'100% ตั้งเป้าโกยรายได้-ขยายลูกค้าเพิ่ม
โดย กระแสหุ้น
ระยองเพียว" รุกถือหุ้น 100% ใน เอสซีทีปิโตรเลียม" โดยซื้อหุ้นเพิ่ม 1.4 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 5 บาท จากผู้ถือหุ้น 31 ราย หวังเพิ่มยอดการค้าจากธุรกิจค้าส่ง -ขยายฐานลูกค้าน้ำมันในประเทศให้ครอบคลุมมากขึ้น
นางศิรพร กฤษณกาญจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPC เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2547 ว่า ที่ประชุมมีมติให้บริษัทเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น บริษัท เอสซีทีปิโตรเลียม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 30%เป็น 100% ด้วยวิธีการเข้าซื้อหุ้น.เอสซีทีปิโตรเลียม จำนวน 1.4 ล้านหุ้น ในราคาพาร์ 5 บาท จากผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 31 ราย คิดเป็นเงิน จำนวน 7 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในไม่เกินวันที่ 10 มกราคม 2548 เพื่อให้ RPC เพื่อเป็นการเพิ่มยอดการค้าจากธุรกิจค้าส่งของบริษัทฯและมีประโยชน์ในเชิงธุรกิจ เพราะเป็นการผนวกลูกค้าในตลาดที่ SCT มีอยู่เข้าไว้ในฐานของ RPC อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพของ RPC ในการขยายธุรกิจค้าส่งน้ำมันในอนาคต หากมีการขยายกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นการลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน และ การพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อรองรับการเติบโตของเครือ RPC อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
ทั้งนี้บริษัท เอสซีทีปิโตรเลียม ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันซึ่งมียอดการขาย 4,500 ล้านบาทต่อปี โดยทำการค้ากับบริษัทอื่นที่มิใช่ RPC 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีผลกำไรสุทธิประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี รวมทั้ง เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าน้ำมัน ทำให้ RPC สามารถขยายตลาดค้าส่งภายในประเทศให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต, สามารถดำเนินการขยายธุรกิจขนส่งที่บริษัทในเครือของ บจก.เอสซีทีปิโตรเลียม ดำเนินการอยู่ได้ และการบริหารนโยบายคล่องตัวมากขึ้น โดยบริษัทสามารถกำหนดนโยบายครอบคลุมสู่ กิจการบริษัทย่อยได้โดยตรงมากขึ้น และมีความคล่องตัวและผลประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจที่จะส่งผลดีต่อบริษัทมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัท เอสซีทีปิโตรเลียม มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ประกอบธุรกิจค้าส่งน้ำมันหรือตัวแทนจำหน่าย น้ำมันเชื้อเพลิงอิสระ ให้บริการซื้อขายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดกับผู้ค้ารายใหญ่และรายย่อยทั่วประเทศ อาทิ น้ำมันดีเซล เบนซิน 91 เบนซิน 95 และน้ำมันเตา นอกจากนั้นยังลงทุนในธุรกิจขนส่งน้ำมันด้วยการจัดตั้งบริษัท จตุรทิศขนส่ง จำกัด ขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินธุรกิจขนส่ง -
โดย กระแสหุ้น
ระยองเพียว" รุกถือหุ้น 100% ใน เอสซีทีปิโตรเลียม" โดยซื้อหุ้นเพิ่ม 1.4 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 5 บาท จากผู้ถือหุ้น 31 ราย หวังเพิ่มยอดการค้าจากธุรกิจค้าส่ง -ขยายฐานลูกค้าน้ำมันในประเทศให้ครอบคลุมมากขึ้น
นางศิรพร กฤษณกาญจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPC เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2547 ว่า ที่ประชุมมีมติให้บริษัทเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น บริษัท เอสซีทีปิโตรเลียม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 30%เป็น 100% ด้วยวิธีการเข้าซื้อหุ้น.เอสซีทีปิโตรเลียม จำนวน 1.4 ล้านหุ้น ในราคาพาร์ 5 บาท จากผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 31 ราย คิดเป็นเงิน จำนวน 7 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในไม่เกินวันที่ 10 มกราคม 2548 เพื่อให้ RPC เพื่อเป็นการเพิ่มยอดการค้าจากธุรกิจค้าส่งของบริษัทฯและมีประโยชน์ในเชิงธุรกิจ เพราะเป็นการผนวกลูกค้าในตลาดที่ SCT มีอยู่เข้าไว้ในฐานของ RPC อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพของ RPC ในการขยายธุรกิจค้าส่งน้ำมันในอนาคต หากมีการขยายกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นการลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน และ การพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อรองรับการเติบโตของเครือ RPC อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
ทั้งนี้บริษัท เอสซีทีปิโตรเลียม ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันซึ่งมียอดการขาย 4,500 ล้านบาทต่อปี โดยทำการค้ากับบริษัทอื่นที่มิใช่ RPC 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีผลกำไรสุทธิประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี รวมทั้ง เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าน้ำมัน ทำให้ RPC สามารถขยายตลาดค้าส่งภายในประเทศให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต, สามารถดำเนินการขยายธุรกิจขนส่งที่บริษัทในเครือของ บจก.เอสซีทีปิโตรเลียม ดำเนินการอยู่ได้ และการบริหารนโยบายคล่องตัวมากขึ้น โดยบริษัทสามารถกำหนดนโยบายครอบคลุมสู่ กิจการบริษัทย่อยได้โดยตรงมากขึ้น และมีความคล่องตัวและผลประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจที่จะส่งผลดีต่อบริษัทมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัท เอสซีทีปิโตรเลียม มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ประกอบธุรกิจค้าส่งน้ำมันหรือตัวแทนจำหน่าย น้ำมันเชื้อเพลิงอิสระ ให้บริการซื้อขายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดกับผู้ค้ารายใหญ่และรายย่อยทั่วประเทศ อาทิ น้ำมันดีเซล เบนซิน 91 เบนซิน 95 และน้ำมันเตา นอกจากนั้นยังลงทุนในธุรกิจขนส่งน้ำมันด้วยการจัดตั้งบริษัท จตุรทิศขนส่ง จำกัด ขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินธุรกิจขนส่ง -
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ข่าว rpc ครับ
โพสต์ที่ 16
เค้าขายให้ที่ราคาพาร์ ต่ำกว่า BV ซะอีกครับCK เขียน: ผู้ถือหุ้นเดิมขายเพราะอะไรครับ
ที่ยอมขาย เพราะเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกันนั่นเองครับ
ผมเดาว่าเค้าต้องการ ลดข้อครหาเรื่องที่ส่วนใหญ่ rpc ขายน้ำมันให้ SC ครับ
ก็เลยซื้อซะเลยดีกว่า และ SC ก็ทำกำไรทุกปีนะครับ มีเงินสดเหลือด้วย ถ้าผมจำไม่ผิด..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว