บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 1
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน
นิวยอร์ก - หนังสือพิมพ์อินเตอร์เนชันแนล เฮรัลด์ ทรีบูน รายงานว่า เบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ บริษัทของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวสหรัฐ รายงานรายได้ก่อนหักภาษีจากการลงทุนประจำปี 2547 อยู่ที่ 3,500 ล้านดอลลาร์
รายได้กว่าครึ่งหนึ่งของเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ เกิดขึ้นจากการเก็งกำไรค่าเงินดอลลาร์ ส่วนอีก 1,800 ล้านดอลลาร์ มาจากการทำข้อตกลงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน และการทำกำไรอีก 730 ล้านดอลลาร์ในจังก์บอนด์ ก็เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นกัน
นายบัฟเฟตต์กล่าวในรายงานผลประกอบการว่า เมื่อครั้งที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งช่วงปลายทศวรรษ 2533 เขาควรนำหุ้นออกขาย แทนการพร่ำบ่นว่าราคาสูงไป แต่ขณะนี้เมื่อคิดว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เขาจึงดำเนินตามความคิดของตัวเอง แม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เขารู้สึกหวั่นวิตก เพราะมีอีกหลายคนที่คิดเห็นแบบเดียวกับเขา
นายบัฟเฟตต์ยังได้กล่าวย้ำถึงคำเตือนก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของสหรัฐ และความจำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหานี้ โดยการอาศัยเงินลงทุนจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ นายบัฟเฟตยังเสริมอีกว่า หากสหรัฐยังไม่มีการแก้ปัญหาเรื่องโครงสร้าง ในที่สุดแล้ว สินทรัพย์ของชาวอเมริกันก็จะตกเป็นของต่างชาติ เพื่อหาเงินมาสนับสนุนการใช้จ่ายที่มากเกินไปของชาวอเมริกันเอง
นิวยอร์ก - หนังสือพิมพ์อินเตอร์เนชันแนล เฮรัลด์ ทรีบูน รายงานว่า เบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ บริษัทของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวสหรัฐ รายงานรายได้ก่อนหักภาษีจากการลงทุนประจำปี 2547 อยู่ที่ 3,500 ล้านดอลลาร์
รายได้กว่าครึ่งหนึ่งของเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ เกิดขึ้นจากการเก็งกำไรค่าเงินดอลลาร์ ส่วนอีก 1,800 ล้านดอลลาร์ มาจากการทำข้อตกลงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน และการทำกำไรอีก 730 ล้านดอลลาร์ในจังก์บอนด์ ก็เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นกัน
นายบัฟเฟตต์กล่าวในรายงานผลประกอบการว่า เมื่อครั้งที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งช่วงปลายทศวรรษ 2533 เขาควรนำหุ้นออกขาย แทนการพร่ำบ่นว่าราคาสูงไป แต่ขณะนี้เมื่อคิดว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เขาจึงดำเนินตามความคิดของตัวเอง แม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เขารู้สึกหวั่นวิตก เพราะมีอีกหลายคนที่คิดเห็นแบบเดียวกับเขา
นายบัฟเฟตต์ยังได้กล่าวย้ำถึงคำเตือนก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของสหรัฐ และความจำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหานี้ โดยการอาศัยเงินลงทุนจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ นายบัฟเฟตยังเสริมอีกว่า หากสหรัฐยังไม่มีการแก้ปัญหาเรื่องโครงสร้าง ในที่สุดแล้ว สินทรัพย์ของชาวอเมริกันก็จะตกเป็นของต่างชาติ เพื่อหาเงินมาสนับสนุนการใช้จ่ายที่มากเกินไปของชาวอเมริกันเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 3
เมื่อวานผมเพิ่งโทรบอกพี่ชาย ว่าถ้าค่าเงินเป็นแบบนี้ บัพเฟต จะรวยน้อยลง
นึกไม่ถึง ท่านบัพเฟต ของเราสุดยอดจริงๆ
ส่วนเรื่องขายชาติ อะไรนั่น ก็แล้วแต่จะคิด
มันก็เหมือนกับคุณขับรถโตโยต้า ขายชาติหรือเปล่า
คุณใช้คอมพิวเตอร์ ขายชาติหรือเปล่า
คุณเคี้ยวหมากฝรั่ง ขายชาติหรือเปล่า
คุณกินเนสกาแฟ ขายชาติหรือเปล่า
ทุกๆคนดูเหมือนพยายามกล่าวหาคนอื่น จนลืมดูการกระทำของตัวเอง
นึกไม่ถึง ท่านบัพเฟต ของเราสุดยอดจริงๆ
ส่วนเรื่องขายชาติ อะไรนั่น ก็แล้วแต่จะคิด
มันก็เหมือนกับคุณขับรถโตโยต้า ขายชาติหรือเปล่า
คุณใช้คอมพิวเตอร์ ขายชาติหรือเปล่า
คุณเคี้ยวหมากฝรั่ง ขายชาติหรือเปล่า
คุณกินเนสกาแฟ ขายชาติหรือเปล่า
ทุกๆคนดูเหมือนพยายามกล่าวหาคนอื่น จนลืมดูการกระทำของตัวเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 4
เพิ่มเติมเรื่องขายชาติ
ถ้าเรากู้แบงค์กรุงเทพ แล้วมีต่างชาติถือหุ้น ขายชาติหรือเปล่า
เราซื้อหุ้น metco cei ขายชาติหรือเปล่า
ผมว่า ปัจจุบันนี้ เป็นเรื่อง ของโลก ประเทศจะค่อยๆ หมดบทบาทลง การยึดครองโลก เป็นการยึดครองทางเศรษฐกิจ ผ่านบริษัทข้ามชาติ
ประเทศไทยจะพัฒนา ควรจะออกจากกรอบคำว่า ขายชาติ แล้วใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยเพาะรัฐบาลไทย ที่มีความคิดจะไปซื้อ ทีมฟุตบอล ผมว่าเป็นแนวคิดที่หลุดกรอบดีมาก
ถ้าอีกหน่อยรัฐบาลไทยไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ วอเรน บัพเฟต จะยิ่งดีเข้าไปอีก
และอ่านข่าวมาว่า ท่านนายก จะไม่ใช้เงินภาษี 1.5 ล้านๆ มาสร้างโครงการใหญ่ๆ แต่จะใช้ทุนนอก อืม ผมว่า ดีมากเลยครับ
ถ้าเรากู้แบงค์กรุงเทพ แล้วมีต่างชาติถือหุ้น ขายชาติหรือเปล่า
เราซื้อหุ้น metco cei ขายชาติหรือเปล่า
ผมว่า ปัจจุบันนี้ เป็นเรื่อง ของโลก ประเทศจะค่อยๆ หมดบทบาทลง การยึดครองโลก เป็นการยึดครองทางเศรษฐกิจ ผ่านบริษัทข้ามชาติ
ประเทศไทยจะพัฒนา ควรจะออกจากกรอบคำว่า ขายชาติ แล้วใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยเพาะรัฐบาลไทย ที่มีความคิดจะไปซื้อ ทีมฟุตบอล ผมว่าเป็นแนวคิดที่หลุดกรอบดีมาก
ถ้าอีกหน่อยรัฐบาลไทยไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ วอเรน บัพเฟต จะยิ่งดีเข้าไปอีก
และอ่านข่าวมาว่า ท่านนายก จะไม่ใช้เงินภาษี 1.5 ล้านๆ มาสร้างโครงการใหญ่ๆ แต่จะใช้ทุนนอก อืม ผมว่า ดีมากเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 5
เห็นออกนอกเรื่องของหัวข้อกระทู้ก็ขอเสริมเล็กน้อย
ส่วนลึก ๆ ผมเชื่อว่าคนไทย ก็อยากจะใช้ของไทย ถ้าคุณภาพ และความสวยงานใกล้เคียงกัน ถึงแม้ราคาของไทยอาจจะแพงกว่า นิดหน่อย อย่างน้อยก็เป็นการให้เงินมันหมุนอยู่ในประเทศ
ที่น่าน้อยใจก็คงเป็นเรื่องที่เราไม่คิดที่จะพัฒนาอะไรของเราเอง พยายามใช้กำแพงที่ไม่เหมาะสมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของภาษี เพื่อปกป้องกลุ่มธุรกิจมากเกินไป ทำให้เราไม่ effective ทำให้สินค้าไม่ค่อยเกิดการพัฒนาเท่าไรนัก
ส่วนลึก ๆ ผมเชื่อว่าคนไทย ก็อยากจะใช้ของไทย ถ้าคุณภาพ และความสวยงานใกล้เคียงกัน ถึงแม้ราคาของไทยอาจจะแพงกว่า นิดหน่อย อย่างน้อยก็เป็นการให้เงินมันหมุนอยู่ในประเทศ
ที่น่าน้อยใจก็คงเป็นเรื่องที่เราไม่คิดที่จะพัฒนาอะไรของเราเอง พยายามใช้กำแพงที่ไม่เหมาะสมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของภาษี เพื่อปกป้องกลุ่มธุรกิจมากเกินไป ทำให้เราไม่ effective ทำให้สินค้าไม่ค่อยเกิดการพัฒนาเท่าไรนัก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 6
กรณีเก็งกำไรค่าเงินไม่เหมือนกับการซื้อสินค้าต่างชาตินะครับ
เพราะถ้าจะซื้อเงินสกุลอื่น ก็ต้องขายเงินเหรียญสหรัฐในตลาด ซึ่งก็จะทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง
ผมเห็นหลายคนในประเทศนี้เคยกล่าวหาคนบางคนที่กำไรจากการเก็งกำไรค่าเงินบาทนะครับ เลยอยากลองเปรียบเทียบดู
เพราะถ้าจะซื้อเงินสกุลอื่น ก็ต้องขายเงินเหรียญสหรัฐในตลาด ซึ่งก็จะทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง
ผมเห็นหลายคนในประเทศนี้เคยกล่าวหาคนบางคนที่กำไรจากการเก็งกำไรค่าเงินบาทนะครับ เลยอยากลองเปรียบเทียบดู
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- house
- Verified User
- โพสต์: 683
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 7
ผมคุยกับเพื่อนไว้ว่าถ้าเงินบาทอ่อน ลำดับมหาเศรษฐีโลก คงเปลี่ยน
คนรวยที่สุดในโลกน่าจะเป็นคนนอกสหรัฐ แต่ที่มั่นใจมากๆ ก็คือ หากเงินบาทอ่อนจริง ในบรรดาเศรษฐี สหรัฐทั้งหมด ผมเชื่อว่าลุงบัฟเจ็บน้อยที่สุด และอาจอาศัยเทคนิคทางการเงินแซงหน้าเกตต์ ได้
คนรวยที่สุดในโลกน่าจะเป็นคนนอกสหรัฐ แต่ที่มั่นใจมากๆ ก็คือ หากเงินบาทอ่อนจริง ในบรรดาเศรษฐี สหรัฐทั้งหมด ผมเชื่อว่าลุงบัฟเจ็บน้อยที่สุด และอาจอาศัยเทคนิคทางการเงินแซงหน้าเกตต์ ได้
ทำให้เต็มที่ เพื่อจะไม่เสียใจภายหลัง
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 10
แต่งานนี้ก็เห็นอะไรหลายอย่างในการกระทำของ VI พันธ์แท้ระดับ ซูเปอร์แมนท่านนี้นะครับ ว่า ไม่ใช่ถือไปเรื่อยๆแต่ หากราคาสูงเกินไปก็ขายดีกว่า และการมองเห็นอนาคตของค่าเงินจากความช่ำชอง การเก็งกำไรรอบนี้ผมว่าเป็นการลงทุนใน GDP ของประเทศที่ บัฟเฟตลงทุนมากกว่า ที่จะเป็นการเก็งกำไรแบบ เฮดจ์ฟันด์นะครับ และสิ่งที่เค้าทำผมว่าก็แค่เป็นการบริหารความเสี่ยงมากกว่า เก็งกำไรแบบที่รายใหญ่ๆ ทำกัน(ปั่นแปะ)
-
- Verified User
- โพสต์: 135
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 11
อ่านแล้วสงสัยครับ หรือผมอ่านไม่เข้าใจอยู่คนเดียวก็ไม่รู้
ตกลงว่าบัฟเฟตไม่ได้ขายหุ้นตอนช่วง 2533 แต่ว่าหลังจากนั้นคาดการณ์ว่า ค่าเงินUS จะอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำการตามความคิด คือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน + เก็งกำไรจากค่าเงิน
ผมเข้าใจถูกไหมครับ
ตกลงว่าบัฟเฟตไม่ได้ขายหุ้นตอนช่วง 2533 แต่ว่าหลังจากนั้นคาดการณ์ว่า ค่าเงินUS จะอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำการตามความคิด คือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน + เก็งกำไรจากค่าเงิน
ผมเข้าใจถูกไหมครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 12
พูดถึงเรื่องขายชาติ
ตอนเด็ก ผมเคยคิดว่าทำไมต้องมาสนใจเรื่องขาดดุล เรื่องนำเข้าส่งออกทำไมมากมาย
เพราะพอพูดถึงคนละประเทศกันก็กลายมาเป็นเรื่องใหญ่
ไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องขายจังหวัดเลย ... กรุงเทพขาดดุลระยองเนื่องจากนำเข้าสินค้ามากมายทำให้กรุงเทพเป็นจังหวัดที่ไม่น่าลงทุน .. ไม่เห็นจะมีใครวิตก
ก็แค่ความคิดแบบเด็กๆ ...
แต่พอมาคิดอีกที จะมีวิธีมั๊ยนะที่โลกในอนาคตจะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทุกคนรู้สึกกับต่างชาติ = ต่างจังหวัด ... เราคนประเทศเดียวกัน=เราคนโลกเดียวกัน
คิดยังไงก็คิดไม่ออก
ตอนเด็ก ผมเคยคิดว่าทำไมต้องมาสนใจเรื่องขาดดุล เรื่องนำเข้าส่งออกทำไมมากมาย
เพราะพอพูดถึงคนละประเทศกันก็กลายมาเป็นเรื่องใหญ่
ไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องขายจังหวัดเลย ... กรุงเทพขาดดุลระยองเนื่องจากนำเข้าสินค้ามากมายทำให้กรุงเทพเป็นจังหวัดที่ไม่น่าลงทุน .. ไม่เห็นจะมีใครวิตก
ก็แค่ความคิดแบบเด็กๆ ...
แต่พอมาคิดอีกที จะมีวิธีมั๊ยนะที่โลกในอนาคตจะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทุกคนรู้สึกกับต่างชาติ = ต่างจังหวัด ... เราคนประเทศเดียวกัน=เราคนโลกเดียวกัน
คิดยังไงก็คิดไม่ออก
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 13
เรื่องของค่าเงินถ้าซื้อขายตามธุรกรรมปกติ น่าจะไม่เป็นปัญหา แต่ถ้ากองทุนบางกองที่ใหญ่มาก ๆ แล้วฉวยโอกาสถล่มค่าเงินของบางประเทศ ก็คงเหมือนพวกรายใหญ่ที่ปั่นหุ้นให้ขึ้นหรือลงด้วยอำนาจเงินที่มากกว่า
เรื่องอย่างนี้ก็คงเหมือนกรณีปั่นหุ้นที่ต้องตีความว่าปั่นหรือไม่ปั่น
เรื่องอย่างนี้ก็คงเหมือนกรณีปั่นหุ้นที่ต้องตีความว่าปั่นหรือไม่ปั่น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 14
กองทุนเกือบทุกแห่ง คงไม่มีใครบ้าพอที่จะนำเงินไปเล่นปั่นแปะหรอกครับ การที่ผู้จัดการกองทุนจะซื้อหรือขาย ก็คงจะพิจารณาจากฐานะของประเทศนั้นๆแหละครับ เหล่าต่างจาก Buffett อย่างไรครับ
แล้วหลักการที่มีหลายคนพูดว่า Buffett จะพิจารณาแต่บริษัทที่จะลงทุนเท่านั้น โดยไม่สนใจเศรษฐกิจมหภาค คงไม่ผิดแล้วละครับ เพราะการลงทุนครั้งนี้เป็นการมองที่เศรษฐกิจมหภาค
แล้วหลักการที่มีหลายคนพูดว่า Buffett จะพิจารณาแต่บริษัทที่จะลงทุนเท่านั้น โดยไม่สนใจเศรษฐกิจมหภาค คงไม่ผิดแล้วละครับ เพราะการลงทุนครั้งนี้เป็นการมองที่เศรษฐกิจมหภาค
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ฟันกำไรพันล้านจากดอลลาร์อ่อน(เก็งกำไร ?)
โพสต์ที่ 16
ทีคุณฉัตรชัยเปรียบเทียบกับของประเทศไทย...ผมเข้าใจครับ
การทำธุระกิจ..ไม่ผิดหรอกครับ เพราะทำเพื่อหวังผลกำไร ใครๆก็หวังทั้งนั้นไม่งั้นก็คงไม่ทำธุรกิจครับ
ของไทยเราผิดตรงที่ว่า มีการใช้โอกาสจากอำนาจรัฐเอื้ออำนวยในการทำธุรกิจ โดยใช้โอกาสและข้อมูลภายในพร้อมกับพยายามบอกคนอื่นว่าจะไม่มีการลดค่าเงินอย่างแน่นอน บอกทำไมครับว่าจะไม่ทำแต่ก็ทำ ....แล้วผลเสียที่เกิดขึ้นมันแตกต่างหนักกว่าการซื้อขายเงินสกุลดอลล่าร์สหร.มาก ความแข็งแรงของสกุลเงินมันก็ต่างกันมากครับ
ความแตกต่างข้อต่อมาคือ BF เค้าไม่ได้มีส่วนในการบริหารประเทศครับ...ความสำนึกมันจะต่างกันกับคนที่สมควรจะมานั่งบริหารประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เค้าเพิ่งได้ผลประโยชน์จากความวิบัติของคนที่เค้าจะเข้ามาดูแลปกครองให้กินดีอยู่ดี ไม่ต่างอะไรจากคนที่บวชเป็นพระแต่ยังอยากมีเมีย....ถ้าจะมีเมียก็ควรจะสึกมาเป็นคนธรรมดาจะไม่มีใครว่าอะไรเลยครับ
สรุปว่าถ้าเป็นผม ได้ทำไปแบบนั้นแล้วผมจะไม่กล้ามานั่งตำแหน่งนายกบริหารประเทศหรอกครับ....ผมอายครับ และผมรู้ตัวว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง เพราะผมจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองไว้ก่อนเป็นอันดับ1ถึงขนาดพร้อมที่จะทำร้ายคนอื่นได้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลยครับ......พื้นฐานความสำนึกของนักธุกิจแบบสุดกู่ มันตรงข้ามกับความสำนึกในการเสียสละที่จะมาช่วยผู้คนอย่างเห็นได้ชัดเจนมากครับ
ผมมองพื้นฐานความคิดอ่านของคนเป็นหลักครับ อาจจะมองไม่เหมือนคนอื่นๆที่มองความสามารถในการทำธุรกิจว่าเป็นคนเก่งเป็นคนรวย แล้วจะสามารถช่วยบ้านเมืองได้
ก็แค่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้างนิดหน่อยนะครับ คงไม่ว่าอะไรกัน(ที่สวนกระแสอีกแล้ว)..... :lol: :lol: :lol:
การทำธุระกิจ..ไม่ผิดหรอกครับ เพราะทำเพื่อหวังผลกำไร ใครๆก็หวังทั้งนั้นไม่งั้นก็คงไม่ทำธุรกิจครับ
ของไทยเราผิดตรงที่ว่า มีการใช้โอกาสจากอำนาจรัฐเอื้ออำนวยในการทำธุรกิจ โดยใช้โอกาสและข้อมูลภายในพร้อมกับพยายามบอกคนอื่นว่าจะไม่มีการลดค่าเงินอย่างแน่นอน บอกทำไมครับว่าจะไม่ทำแต่ก็ทำ ....แล้วผลเสียที่เกิดขึ้นมันแตกต่างหนักกว่าการซื้อขายเงินสกุลดอลล่าร์สหร.มาก ความแข็งแรงของสกุลเงินมันก็ต่างกันมากครับ
ความแตกต่างข้อต่อมาคือ BF เค้าไม่ได้มีส่วนในการบริหารประเทศครับ...ความสำนึกมันจะต่างกันกับคนที่สมควรจะมานั่งบริหารประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เค้าเพิ่งได้ผลประโยชน์จากความวิบัติของคนที่เค้าจะเข้ามาดูแลปกครองให้กินดีอยู่ดี ไม่ต่างอะไรจากคนที่บวชเป็นพระแต่ยังอยากมีเมีย....ถ้าจะมีเมียก็ควรจะสึกมาเป็นคนธรรมดาจะไม่มีใครว่าอะไรเลยครับ
สรุปว่าถ้าเป็นผม ได้ทำไปแบบนั้นแล้วผมจะไม่กล้ามานั่งตำแหน่งนายกบริหารประเทศหรอกครับ....ผมอายครับ และผมรู้ตัวว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง เพราะผมจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองไว้ก่อนเป็นอันดับ1ถึงขนาดพร้อมที่จะทำร้ายคนอื่นได้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลยครับ......พื้นฐานความสำนึกของนักธุกิจแบบสุดกู่ มันตรงข้ามกับความสำนึกในการเสียสละที่จะมาช่วยผู้คนอย่างเห็นได้ชัดเจนมากครับ
ผมมองพื้นฐานความคิดอ่านของคนเป็นหลักครับ อาจจะมองไม่เหมือนคนอื่นๆที่มองความสามารถในการทำธุรกิจว่าเป็นคนเก่งเป็นคนรวย แล้วจะสามารถช่วยบ้านเมืองได้
ก็แค่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้างนิดหน่อยนะครับ คงไม่ว่าอะไรกัน(ที่สวนกระแสอีกแล้ว)..... :lol: :lol: :lol: