ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
-
- Verified User
- โพสต์: 158
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
โพสต์ที่ 1
ข้อมูลอ้างอิงจาก www. greenbull.net คุณInvisible Hand
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ซึ่งเป็นกองทุนปิด คือ ไม่รับซื้อคืน และไม่มีอายุกองทุน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีมูลค่ากองทุน 1,750 ล้านบาท โดยจะลงทุนโดยการซื้อสินทรัพย์ คือ โรงงานให้เช่าจาก บ. ไทคอน อินดัสเทรียล จำกัด ( มหาชน ) หรือ TICON จำนวน 39 โรงงาน มีพื้นที่ดินรวม 137 ไร่ 1 งาน และมีพื้นที่โรงงานให้เช่ารวม 89,900 ตร. ม. กระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 5 แห่ง ดังต่อไปนี้
1 นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ. ชลบุรี จำนวน 20 โรงงาน
2 สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ. อยุธยา จำนวน 10 โรงงาน
3. นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ. อยุธยา จำนวน 5 โรงงาน
4. นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ. อยุธยา จำนวน 3 โรงงาน
5. นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง จำนวน 1 โรงงาน
มาทำความรู้จักกับ TICON
ก่อนที่จะทำความรู้จักกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน เรามาทำความรู้จักธุรกิจของ บมจ. ไทคอนฯ กันก่อนดีกว่า
บ. ไทคอน อินดัสเทรียล จำกัด ( มหาชน ) หรือ TICON ก่อตั้งเมื่อปี 2533 เพื่อดำเนินธุรกิจสร้างโรงงานให้เช่า TICON เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2544 ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TICON คือ บ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด ( มหาชน ) กลุ่มซิตี เรียลตี้ ( กลุ่มโสภณพนิช ) กลุ่มผู้บริหารนำโดย ไว เชง ควน และกองทุนเพื่อการร่วมทุน ( Thailand Equity Fund, TEF )
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 TICON มีโรงงานให้เช่าที่มีสัญญาแล้วจำนวน 147 แห่ง ในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ 10 แห่ง อาทิเช่น นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร สวนอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เป็นต้น โรงงานของ TICON เป็นโรงงานขนาด 1,000-6,000 ตร.ม. ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการระดับกลางลงไปถึงระดับ SMEs
ทำไมลูกค้าถึงเลือกเช่าโรงงาน
เหตุผลหลักที่ลูกค้าของ TICON เลือกที่จะเช่าโรงงานแทนที่จะสร้างเอง มีดังนี้
1 เนื่องจากลูกค้าเกือบทั้งหมดของ TICON เป็นชาวต่างชาติ จึงไม่มีความชำนาญในการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มกิจการ ซึ่ง TICON จะให้บริหารอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในด้านต่างๆ เช่น การจัดหาใบอนุญาตในการทำกิจการโรงงาน การจัดหาสาธารณูปโภค การขอใบอนุญาตในการทำงานในประเทศหรือ work permit เป็นต้น
2 บริษัทต่างชาติหลายบริษัทมีนโยบายที่จะไม่ถึงครองสินทรัพย์ถาวร เช่น ทิ่ดิน โรงงาน เนื่องจากให้ผลตอบแทนต่ำกว่าทางเลือกในการลงทุนอื่นๆ เช่น การลงทุนในเครื่องจักร การทำวิจัยและพัฒนา จึงทำให้การเช่าโรงงานเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
3 การเช่าโรงงานเป็นการลดต้นทุนการเสียโอกาส เนื่องจากการก่อสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับประเทศไทย จะมีความยุ่งยากและใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นการเลือกที่จะสร้างโรงงานเองจะใช้เวลานานและส่งผลให้เกิดการสูญเสียรายได้ระหว่างก่อสร้างโรงงาน รวมไปถึงโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญได้ ในขณะที่การเช่าโรงงานทำให้ลูกค้าสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในระยะเวลาที่ไม่นานนัก
เหตุใด TICON จึงออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1
เนื่องจากธุรกิจของ TICON คือการสร้างโรงงานให้เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง จึงทำให้การที่ TICON มีความต้องการขยายธุรกิจด้วยการเพิ่มจำนวนโรงงานให้เช่าทุกๆ ปี จึงทำให้ TICON มีข้อจำกัดด้านเงินทุน ซึ่งการเพิ่มทุนจดทะเบียนก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่บริษัทส่วนใหญ่ที่ต้องการขยายธุรกิจเลือกที่จะทำ แต่การเพิ่มทุนจดทะเบียนก็จะทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรต่อหุ้นในระยะยาวหรือที่เรียกว่า dilution effect ดังนั้น จากโอกาสที่ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1% จึงทำให้ TICON ตัดสินใจออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ซึ่งเป็นการขายโรงงานที่ TICON มีอยู่จำนวน 39 แห่ง เข้ากองทุนฯ โดยผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลที่คาดว่าผู้ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนจะได้รับคือประมาณ 7.00-7.75% ต่อปี ซึ่งการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของไทคอน ซึ่งว่าเป็นการได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย คือ TICON จะได้รับเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้ลงทุนขยายโรงงานให้เช่าในอนาคต และผู้ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็จะได้ผลตอบแทนกว่า 7% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารค่อนข้างมาก
ประเด็นต่างๆ ที่ผู้มีเงินออม นักลงทุนควรทราบเกี่ยวกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND มีดังนี้
1 ราคาที่เสนอขายต่อหน่วย ที่ 10 บาทต่อหุ้น ถูกหรือแพง หากพิจารณาตามมูลค่าสินทรัพย์ หรือเปรียบเทียบกับการลงทุนอื่นๆ
คำตอบ หากพิจารณาจากมูลค่าโรงงาน 39 แห่งที่ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มูลค่า 1,750 ล้านบาท และเปรียบเทียบกับราคาประเมินของผู้ประเมินอิสระ 2 ราย คือ บ. เอ็น แอนด์ เอ แอพไพรซัล ( จำกัด ) และ บ. ซาลแมนน์ ( ฟาร์อีสท์ ) จำกัด ซึ่งได้ราคาประเมินเฉลี่ย 1,880 ล้านบาท โดยเป็นการประเมินโดยใช้วิธีประเมินรายได้ในอนาคต หรือ Income approach เท่ากับว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่ขายเข้ากองทุนนั้นต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมประมาณ 7%
นอกจากนี้ หากเราไม่พิจารณาราคาประเมิน แต่มาพิจารณาผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับที่อัตรา 7.00-7.75% แทน ก็จะเห็นว่าผลตอบแทนในอัตราดังกล่าวสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารค่อนข้างมาก และสูงกว่าอัตราเงินปันผลเฉลี่ยของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 3-4% และก็ไม่ได้น้อยไปกว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าด้วยตนเองในปัจจุบัน เช่น การลงทุนในคอนโดมิเนียม หรือตึกแถวให้เช่า
2 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ TICON ที่ระดับ 7.00-7.75% มาจากสมมุติฐานอะไรบ้าง
คำตอบ จากข้อมูลในหนังสือชี้ชวนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หน้า 7 ( สามารถ download ได้จาก www.bualuang.co.th ) ได้มีการประมาณการรายได้ซึ่งใช้รายได้ค่าเช่าในปัจจุบันเป็นเกณฑ์ จะได้รายได้จากค่าเช่าและบริการของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนอยู่ที่ 15.6 ล้านบาทต่อเดือน หรือ เฉลี่ย 174 บาทต่อ ตร. ม. ต่อเดือน หรือคิดเป็นรายได้ 187.2 ล้านบาทต่อปี หากเปรียบเทียบกับมูลค่ากองทุน 1,750 ล้านบาท ก็จะได้ว่าผลตอบแทนเบื้องต้นก่อนหักค่าใช้จ่าย ( gross yield ) ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนจะอยู่ที่ระดับ 10.7% และเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ของกองทุนฯ เช่น ค่าบริหารจัดการสินทรัพย์ ค่าบริหารจัดการกองทุน ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาโรงงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งอยู่ในระดับประมาณ 3% ต่อปี ก็จะได้ว่าผลตอบแทนสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย ( net yield ) ของกองทุนฯ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 7.75% ต่อปี
เนื่องจากจากข้อบังคับของ ก.ล.ต. ที่ให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 จะต้องจ่ายปันผลจากกำไรจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 90% ซึ่งเท่ากับว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์จะต้องจ่ายปันผลระหว่าง 90-100% จากผลตอบแทน 7.75% ซึ่งจะได้ว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลจากกองทุนจะอยู่ระหว่าง 6.98%-7.75%
3. กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะรับประกันผลตอบแทนที่ระดับ 7.00-7.75% ไปตลอดหรือไม่
คำตอบ เนื่องจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของปันผล ดังนั้นจึงต่างจากตราสารหนี้ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตายตัวหรือตามที่ระบุไว้ ดังนั้นทางกองทุนฯ จะไม่ได้มีการรับประกันระดับเงินปันผลที่ระดับ 7.00-7.75% แต่อย่างไร แต่ผลตอบแทนจำนวนดังกล่าวได้เกิดจากการสมมุติฐานโดยใช้อัตราค่าเช่าและอัตราการเช่าในปัจจุบันเป็นเกณฑ์ในการคำนวณ โดยผลตอบแทนในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราค่าเช่าและการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเช่า หากจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับการลงทุนในหุ้นสามัญทั่วไปที่บริษัทจดทะเบียนจะไม่ได้มีการรับประกันผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือเปรียบเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้เช่าอยู่แล้วด้วยตนเอง เช่น ตึกแถวหรือคอนโดมิเนียม ซึ่งผู้ขายมิได้รับประกันว่าผู้ซื้อจะได้รับค่าเช่าในระดับปัจจุบันไปตลอดหรือรับประกันว่าจะมีผู้เช่าตลอดไป
อย่างไรก็ตาม จากโรงงานให้เช่า 39 แห่ง มีจำนวนโรงงานถึง 30 แห่งที่มีอายุสัญญาคงเหลือมากกว่า 1 ปี ดังนั้นจึงสามารถตั้งสมมุติฐานคร่าวๆ ว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนน่าจะรักษาระดับตอบแทนที่ระดับ 7.00-7.75% ได้ในระดับหนึ่ง
4. ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอนาคตมีแนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง
คำตอบ เนื่องจากผลตอบแทนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในรูปแบบของเงินปันผล ดังนั้นเงินปันผลในอนาคตของกองทุนจะสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้โดยจะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ อัตราค่าเช่า และอัตราการเช่า ( จำนวนผู้เช่า ) ซึ่งจะแปรผันตามภาวะเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ โดยทั่วไปแล้วอัตราค่าเช่าในระยะยาวน่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ตามอัตราเงินเฟ้อและตามราคาค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น โดยทั่วไปภาวะเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นในภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัว นั้นหากเศรษฐกิจของประเทศยังขยายตัวในระดับหนึ่ง ประกอบกับราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซิเมนต์ เหล็ก ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการสร้างโรงงานได้ปรับสูงขึ้นค่อนข้างมากและยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงทำให้อัตราค่าเช่ามีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในอนาคต ดังนั้น อัตราผลตอบแทนในอนาคตจึงน่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.00-7.75% มากกว่าที่จะลดลง
5. บทบาทของ TICON ที่มีต่อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ภายหลังจากการขาย
คำตอบ TICON จะถือหุ้นในสัดส่วน 1 ใน 3 ของทุนจดทะเบียนของกองทุนฯ และเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ โดยจะทำหน้าที่เก็บค่าเช่าและบริการ อำนวยความสะดวกแก่ผู้เช่า การซ่อมแซม บำรุงรักษา การหาผู้เช่าใหม่ในกรณีผู้เช่าเดิมยกเลิกสัญญา
6. กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนที่ลงทุนในโรงงานให้เช่า มีข้อดีอย่างไรหากเปรียบเทียบกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าประเภทอื่นๆ
คำตอบ จุดเด่นของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีดังนี้ คือ
- โรงงานทั้ง 39 แห่งมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของตนเอง หรือ freehold จึงทำให้กองทุนฯ ไม่มีภาระในค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดิน และไม่มีความเสี่ยงจากการปรับเพิ่มค่าเช่าที่ดินหรือไม่ได้รับการต่อสัญญาการเช่าทิ่ดิน
- โรงงานอยู่ในภาคธุรกิจจริง หรือ real sector โดยปกติแล้วแม้ว่าในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้นแม้ว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย กิจกรรมการผลิตส่วนใหญ่ก็จะยังต้องดำเนินอยู่ ดังนั้นอัตราการเช่า ( จำนวนผู้เช่า ) และอัตราค่าเช่า ก็จะไม่ลดลงมากนัก ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจให้เช่าอื่นๆ ที่อาจจะมีจำนวนผู้เช่าและอัตราค่าเช่าลดลงค่อนข้างมากในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
- กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนมีการกระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำจำนวน 5 แห่ง และมีโรงงานให้เช่า 39 แห่ง ซึ่งมีการกระจายการลงทุนมากกว่าอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีสินทรัพย์เพียงแห่งเดียว
- สินทรัพย์ประเภทโรงงานมีอายุการใช้งานประมาณ 50 ปี ซึ่งยาวนานหากเปรียบเทียบกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยอายุเฉลี่ยของโรงงานทั้ง 39 แห่งอยู่ที่ 2.8 ปี ดังนั้นโรงงานจึงมีอายุเฉลี่ยคงเหลือถึง 47.2 ปี นอกจากนี้ โรงงานยังเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ดูแลรักษา ตกแต่ง น้อยกว่าอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องมีการตกแต่งให้ดูใหม่ตลอดเวลาเพื่อรักษาให้อัตราค่าเช่าอยู่ในระดับสูง
- โรงงานให้เช่ามีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว พายุ หรือการก่อการร้ายน้อยกว่าอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทอื่นๆ
- อัตราการจ่ายเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับที่ระดับ 7.00-7.75% อยู่ในระดับค่อนข้างสูง เนื่องจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและตกแต่งกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ
7. . ความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีอะไรบ้าง มากน้อยเพียงใด
คำตอบ ความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีดังนี้คือ
- ความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีผลให้ผู้เช่าต้องปิดกิจการหรือไม่สามารถชำระค่าเช่าได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้เช่าโรงงานของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน กระจายอยู่ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เช่น อิเลคทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และมีทั้งผู้ผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศและผู้ผลิตเพื่อการส่งออก ดังนั้น แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะอยู่ในภาวะถดถอย และน่าจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ก็จะทำให้ผู้ส่งออกได้รับประโยชน์ ดังนั้น การกระจายในกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มผู้เช่าจึงช่วยลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง
- ความเสี่ยงจากการลดลงของอัตราการเช่า ( จำนวนผู้เช่า ) เนื่องจากโรงงานที่ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะเป็นโรงงานที่มีผู้เช่าอยู่เต็ม 100% ดังนั้นหากมีผู้เช่าย้ายออกซึ่งอาจจะเกิดจากการปิดกิจการหรือย้ายโรงงาน ก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนได้ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลในอดีตของ TICON พบว่า อัตราที่ผู้เช่ายกเลิกสัญญาในแต่ละปีมีจำนวนไม่มากนัก และผู้เช่าจะแจ้งล่วงหน้า ซึ่งทางบริษัทสามารถหาลูกค้ารายใหม่ได้ในระยะเวลาไม่นานนัก โดยส่วนใหญ่ TICON จะสามารถหาลูกค้ารายใหม่มาทดแทนลูกค้ารายเดิมได้ในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน
- ความเสี่ยงของการลดลงของอัตราค่าเช่าและอัตราการเช่า ซึ่งเกิดจาการแข่งขันในอนาคต จากการที่อัตราค่าเช่าโรงงานของ TICON อยู่ในอัตราที่ไม่สูงนักเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่สำคัญ และ TICON ได้มีบริการต่างๆ ที่จำเป็นให้กับลูกค้า นอกจากนี้ TICON สร้างโรงงานในจำนวนที่มากกว่าคู่แข่งในแต่ละปีและก่อสร้างเอง จึงทำให้เกิดการประหยัดด้านขนาดหรือ economy of scale จึงทำให้ต้นทุนการก่อสร้างถูกกว่าคู่แข่ง จึงทำให้โอกาสที่จะมีคู่แข่งรายใหม่มาตัดราคาค่าเช่าจึงมีไม่มากนัก และถึงแม้จะมีคู่แข่งมาเสนออัตราค่าเช่าที่ต่ำกว่า การย้ายโรงงานของลูกค้าก็มีค่าใช้จ่ายในการย้ายจำนวนหนึ่งและทำให้การผลิตหยุดชะงักลงซึ่งส่วนใหญ่จะไม่คุ้มค่ากับค่าเช่าที่ลดลง นอกจากนี้ ในระหว่างการเช่า TICON จะยังมีการให้บริการอย่างต่อเนื่องกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการต่อเติม ตกแต่ง ซ่อมแซม รวมไปถึงการช่วยหา supplier จึง มีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำที่ลูกค้าของ TICON จะย้ายออกไปเช่าโรงงานของคู่แข่ง
8. หากผู้ถือกองทุนมีความจำเป็นต้องใช้เงินและต้องการขายเงินลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะทำได้อย่างไรบ้าง
คำตอบ หลังจากที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ได้ดำเนินการก่อตั้งและขายกองทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กองทุนฯ จะเข้าทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเข้าทำการซื้อขายในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ถือกองทุนอสังหาริมทรัพย์สามารถทำการซื้อขายได้เหมือนกับการซื้อขายหุ้นสามัญทุกประการ
9. ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน สามารถจองซื้อได้อย่างไร ที่ใดบ้าง
คำตอบ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะจัดจำหน่ายระหว่างวันที่ 29 มีนาคม 7 เมษายน 2548 โดยมีอัตราจองขั้นต่ำ 10,000 บาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท บุคคลทั่วไปสามารถจองได้โดยใช้หลักฐานคือสำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการ ผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งได้แก่ ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ สีลม ( เบอร์ติดต่อ 02-230-2328 ) และธนาคารกรุงเทพทุกสาขาในจังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ ( ยกเว้นสาขาย่อยในห้างสรรพสินค้า ) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ( เบอร์ติดต่อ 02-231-3777 ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไอเอ็นจี ( ประเทศไทย ) จำกัด ( เบอร์ติดต่อ 02-688-8777 )
ผู้ที่ไม่มีพอร์ตการลงทุนในหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ในปัจจุบันก็มีสามารถจองซื้อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนเช่นกัน และจะมีสิทธิต่างๆ ครบถ้วน เช่น สิทธิการรับเงินปันผล แต่หากต้องการจะขายกองทุนฯ อสังหาริมทรัพย์ภายหลังจากการจองซื้อ ก็มีความจำเป็นจะต้องเปิดพอร์ตการลงทุน ซึ่งมีขั้นตอนไม่ยุ่งยากนัก
อนึ่ง ผู้ที่ไม่สามารถจองซื้อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนได้ในระหว่างการจัดจำหน่าย หรือไม่สามารถจองซื้อได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ สามารถซื้อได้หลังจากที่กองทุนฯ เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับโบรกเกอร์ใดๆ ก็ได้สามารถทำการซื้อขายได้ทันทีเช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นสามัญทั่วไป
เห็นคุณมือล่องหนน นานๆจะผ่านมาห้องนี้ที เลยเก็บมาฝากครับ
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ซึ่งเป็นกองทุนปิด คือ ไม่รับซื้อคืน และไม่มีอายุกองทุน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีมูลค่ากองทุน 1,750 ล้านบาท โดยจะลงทุนโดยการซื้อสินทรัพย์ คือ โรงงานให้เช่าจาก บ. ไทคอน อินดัสเทรียล จำกัด ( มหาชน ) หรือ TICON จำนวน 39 โรงงาน มีพื้นที่ดินรวม 137 ไร่ 1 งาน และมีพื้นที่โรงงานให้เช่ารวม 89,900 ตร. ม. กระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 5 แห่ง ดังต่อไปนี้
1 นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ. ชลบุรี จำนวน 20 โรงงาน
2 สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ. อยุธยา จำนวน 10 โรงงาน
3. นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ. อยุธยา จำนวน 5 โรงงาน
4. นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ. อยุธยา จำนวน 3 โรงงาน
5. นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง จำนวน 1 โรงงาน
มาทำความรู้จักกับ TICON
ก่อนที่จะทำความรู้จักกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน เรามาทำความรู้จักธุรกิจของ บมจ. ไทคอนฯ กันก่อนดีกว่า
บ. ไทคอน อินดัสเทรียล จำกัด ( มหาชน ) หรือ TICON ก่อตั้งเมื่อปี 2533 เพื่อดำเนินธุรกิจสร้างโรงงานให้เช่า TICON เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2544 ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TICON คือ บ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด ( มหาชน ) กลุ่มซิตี เรียลตี้ ( กลุ่มโสภณพนิช ) กลุ่มผู้บริหารนำโดย ไว เชง ควน และกองทุนเพื่อการร่วมทุน ( Thailand Equity Fund, TEF )
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 TICON มีโรงงานให้เช่าที่มีสัญญาแล้วจำนวน 147 แห่ง ในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ 10 แห่ง อาทิเช่น นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร สวนอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เป็นต้น โรงงานของ TICON เป็นโรงงานขนาด 1,000-6,000 ตร.ม. ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการระดับกลางลงไปถึงระดับ SMEs
ทำไมลูกค้าถึงเลือกเช่าโรงงาน
เหตุผลหลักที่ลูกค้าของ TICON เลือกที่จะเช่าโรงงานแทนที่จะสร้างเอง มีดังนี้
1 เนื่องจากลูกค้าเกือบทั้งหมดของ TICON เป็นชาวต่างชาติ จึงไม่มีความชำนาญในการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มกิจการ ซึ่ง TICON จะให้บริหารอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในด้านต่างๆ เช่น การจัดหาใบอนุญาตในการทำกิจการโรงงาน การจัดหาสาธารณูปโภค การขอใบอนุญาตในการทำงานในประเทศหรือ work permit เป็นต้น
2 บริษัทต่างชาติหลายบริษัทมีนโยบายที่จะไม่ถึงครองสินทรัพย์ถาวร เช่น ทิ่ดิน โรงงาน เนื่องจากให้ผลตอบแทนต่ำกว่าทางเลือกในการลงทุนอื่นๆ เช่น การลงทุนในเครื่องจักร การทำวิจัยและพัฒนา จึงทำให้การเช่าโรงงานเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
3 การเช่าโรงงานเป็นการลดต้นทุนการเสียโอกาส เนื่องจากการก่อสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับประเทศไทย จะมีความยุ่งยากและใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นการเลือกที่จะสร้างโรงงานเองจะใช้เวลานานและส่งผลให้เกิดการสูญเสียรายได้ระหว่างก่อสร้างโรงงาน รวมไปถึงโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญได้ ในขณะที่การเช่าโรงงานทำให้ลูกค้าสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในระยะเวลาที่ไม่นานนัก
เหตุใด TICON จึงออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1
เนื่องจากธุรกิจของ TICON คือการสร้างโรงงานให้เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง จึงทำให้การที่ TICON มีความต้องการขยายธุรกิจด้วยการเพิ่มจำนวนโรงงานให้เช่าทุกๆ ปี จึงทำให้ TICON มีข้อจำกัดด้านเงินทุน ซึ่งการเพิ่มทุนจดทะเบียนก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่บริษัทส่วนใหญ่ที่ต้องการขยายธุรกิจเลือกที่จะทำ แต่การเพิ่มทุนจดทะเบียนก็จะทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรต่อหุ้นในระยะยาวหรือที่เรียกว่า dilution effect ดังนั้น จากโอกาสที่ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1% จึงทำให้ TICON ตัดสินใจออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ซึ่งเป็นการขายโรงงานที่ TICON มีอยู่จำนวน 39 แห่ง เข้ากองทุนฯ โดยผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลที่คาดว่าผู้ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนจะได้รับคือประมาณ 7.00-7.75% ต่อปี ซึ่งการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของไทคอน ซึ่งว่าเป็นการได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย คือ TICON จะได้รับเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้ลงทุนขยายโรงงานให้เช่าในอนาคต และผู้ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็จะได้ผลตอบแทนกว่า 7% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารค่อนข้างมาก
ประเด็นต่างๆ ที่ผู้มีเงินออม นักลงทุนควรทราบเกี่ยวกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND มีดังนี้
1 ราคาที่เสนอขายต่อหน่วย ที่ 10 บาทต่อหุ้น ถูกหรือแพง หากพิจารณาตามมูลค่าสินทรัพย์ หรือเปรียบเทียบกับการลงทุนอื่นๆ
คำตอบ หากพิจารณาจากมูลค่าโรงงาน 39 แห่งที่ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มูลค่า 1,750 ล้านบาท และเปรียบเทียบกับราคาประเมินของผู้ประเมินอิสระ 2 ราย คือ บ. เอ็น แอนด์ เอ แอพไพรซัล ( จำกัด ) และ บ. ซาลแมนน์ ( ฟาร์อีสท์ ) จำกัด ซึ่งได้ราคาประเมินเฉลี่ย 1,880 ล้านบาท โดยเป็นการประเมินโดยใช้วิธีประเมินรายได้ในอนาคต หรือ Income approach เท่ากับว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่ขายเข้ากองทุนนั้นต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมประมาณ 7%
นอกจากนี้ หากเราไม่พิจารณาราคาประเมิน แต่มาพิจารณาผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับที่อัตรา 7.00-7.75% แทน ก็จะเห็นว่าผลตอบแทนในอัตราดังกล่าวสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารค่อนข้างมาก และสูงกว่าอัตราเงินปันผลเฉลี่ยของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 3-4% และก็ไม่ได้น้อยไปกว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าด้วยตนเองในปัจจุบัน เช่น การลงทุนในคอนโดมิเนียม หรือตึกแถวให้เช่า
2 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ TICON ที่ระดับ 7.00-7.75% มาจากสมมุติฐานอะไรบ้าง
คำตอบ จากข้อมูลในหนังสือชี้ชวนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หน้า 7 ( สามารถ download ได้จาก www.bualuang.co.th ) ได้มีการประมาณการรายได้ซึ่งใช้รายได้ค่าเช่าในปัจจุบันเป็นเกณฑ์ จะได้รายได้จากค่าเช่าและบริการของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนอยู่ที่ 15.6 ล้านบาทต่อเดือน หรือ เฉลี่ย 174 บาทต่อ ตร. ม. ต่อเดือน หรือคิดเป็นรายได้ 187.2 ล้านบาทต่อปี หากเปรียบเทียบกับมูลค่ากองทุน 1,750 ล้านบาท ก็จะได้ว่าผลตอบแทนเบื้องต้นก่อนหักค่าใช้จ่าย ( gross yield ) ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนจะอยู่ที่ระดับ 10.7% และเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ของกองทุนฯ เช่น ค่าบริหารจัดการสินทรัพย์ ค่าบริหารจัดการกองทุน ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาโรงงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งอยู่ในระดับประมาณ 3% ต่อปี ก็จะได้ว่าผลตอบแทนสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย ( net yield ) ของกองทุนฯ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 7.75% ต่อปี
เนื่องจากจากข้อบังคับของ ก.ล.ต. ที่ให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 จะต้องจ่ายปันผลจากกำไรจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 90% ซึ่งเท่ากับว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์จะต้องจ่ายปันผลระหว่าง 90-100% จากผลตอบแทน 7.75% ซึ่งจะได้ว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลจากกองทุนจะอยู่ระหว่าง 6.98%-7.75%
3. กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะรับประกันผลตอบแทนที่ระดับ 7.00-7.75% ไปตลอดหรือไม่
คำตอบ เนื่องจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของปันผล ดังนั้นจึงต่างจากตราสารหนี้ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตายตัวหรือตามที่ระบุไว้ ดังนั้นทางกองทุนฯ จะไม่ได้มีการรับประกันระดับเงินปันผลที่ระดับ 7.00-7.75% แต่อย่างไร แต่ผลตอบแทนจำนวนดังกล่าวได้เกิดจากการสมมุติฐานโดยใช้อัตราค่าเช่าและอัตราการเช่าในปัจจุบันเป็นเกณฑ์ในการคำนวณ โดยผลตอบแทนในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราค่าเช่าและการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเช่า หากจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับการลงทุนในหุ้นสามัญทั่วไปที่บริษัทจดทะเบียนจะไม่ได้มีการรับประกันผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือเปรียบเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้เช่าอยู่แล้วด้วยตนเอง เช่น ตึกแถวหรือคอนโดมิเนียม ซึ่งผู้ขายมิได้รับประกันว่าผู้ซื้อจะได้รับค่าเช่าในระดับปัจจุบันไปตลอดหรือรับประกันว่าจะมีผู้เช่าตลอดไป
อย่างไรก็ตาม จากโรงงานให้เช่า 39 แห่ง มีจำนวนโรงงานถึง 30 แห่งที่มีอายุสัญญาคงเหลือมากกว่า 1 ปี ดังนั้นจึงสามารถตั้งสมมุติฐานคร่าวๆ ว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนน่าจะรักษาระดับตอบแทนที่ระดับ 7.00-7.75% ได้ในระดับหนึ่ง
4. ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอนาคตมีแนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง
คำตอบ เนื่องจากผลตอบแทนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในรูปแบบของเงินปันผล ดังนั้นเงินปันผลในอนาคตของกองทุนจะสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้โดยจะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ อัตราค่าเช่า และอัตราการเช่า ( จำนวนผู้เช่า ) ซึ่งจะแปรผันตามภาวะเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ โดยทั่วไปแล้วอัตราค่าเช่าในระยะยาวน่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ตามอัตราเงินเฟ้อและตามราคาค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น โดยทั่วไปภาวะเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นในภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัว นั้นหากเศรษฐกิจของประเทศยังขยายตัวในระดับหนึ่ง ประกอบกับราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซิเมนต์ เหล็ก ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการสร้างโรงงานได้ปรับสูงขึ้นค่อนข้างมากและยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงทำให้อัตราค่าเช่ามีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในอนาคต ดังนั้น อัตราผลตอบแทนในอนาคตจึงน่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.00-7.75% มากกว่าที่จะลดลง
5. บทบาทของ TICON ที่มีต่อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ภายหลังจากการขาย
คำตอบ TICON จะถือหุ้นในสัดส่วน 1 ใน 3 ของทุนจดทะเบียนของกองทุนฯ และเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ โดยจะทำหน้าที่เก็บค่าเช่าและบริการ อำนวยความสะดวกแก่ผู้เช่า การซ่อมแซม บำรุงรักษา การหาผู้เช่าใหม่ในกรณีผู้เช่าเดิมยกเลิกสัญญา
6. กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนที่ลงทุนในโรงงานให้เช่า มีข้อดีอย่างไรหากเปรียบเทียบกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าประเภทอื่นๆ
คำตอบ จุดเด่นของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีดังนี้ คือ
- โรงงานทั้ง 39 แห่งมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของตนเอง หรือ freehold จึงทำให้กองทุนฯ ไม่มีภาระในค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดิน และไม่มีความเสี่ยงจากการปรับเพิ่มค่าเช่าที่ดินหรือไม่ได้รับการต่อสัญญาการเช่าทิ่ดิน
- โรงงานอยู่ในภาคธุรกิจจริง หรือ real sector โดยปกติแล้วแม้ว่าในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้นแม้ว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย กิจกรรมการผลิตส่วนใหญ่ก็จะยังต้องดำเนินอยู่ ดังนั้นอัตราการเช่า ( จำนวนผู้เช่า ) และอัตราค่าเช่า ก็จะไม่ลดลงมากนัก ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจให้เช่าอื่นๆ ที่อาจจะมีจำนวนผู้เช่าและอัตราค่าเช่าลดลงค่อนข้างมากในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
- กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนมีการกระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำจำนวน 5 แห่ง และมีโรงงานให้เช่า 39 แห่ง ซึ่งมีการกระจายการลงทุนมากกว่าอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีสินทรัพย์เพียงแห่งเดียว
- สินทรัพย์ประเภทโรงงานมีอายุการใช้งานประมาณ 50 ปี ซึ่งยาวนานหากเปรียบเทียบกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยอายุเฉลี่ยของโรงงานทั้ง 39 แห่งอยู่ที่ 2.8 ปี ดังนั้นโรงงานจึงมีอายุเฉลี่ยคงเหลือถึง 47.2 ปี นอกจากนี้ โรงงานยังเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ดูแลรักษา ตกแต่ง น้อยกว่าอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องมีการตกแต่งให้ดูใหม่ตลอดเวลาเพื่อรักษาให้อัตราค่าเช่าอยู่ในระดับสูง
- โรงงานให้เช่ามีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว พายุ หรือการก่อการร้ายน้อยกว่าอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทอื่นๆ
- อัตราการจ่ายเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับที่ระดับ 7.00-7.75% อยู่ในระดับค่อนข้างสูง เนื่องจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและตกแต่งกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ
7. . ความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีอะไรบ้าง มากน้อยเพียงใด
คำตอบ ความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มีดังนี้คือ
- ความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีผลให้ผู้เช่าต้องปิดกิจการหรือไม่สามารถชำระค่าเช่าได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้เช่าโรงงานของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน กระจายอยู่ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เช่น อิเลคทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และมีทั้งผู้ผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศและผู้ผลิตเพื่อการส่งออก ดังนั้น แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะอยู่ในภาวะถดถอย และน่าจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ก็จะทำให้ผู้ส่งออกได้รับประโยชน์ ดังนั้น การกระจายในกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มผู้เช่าจึงช่วยลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง
- ความเสี่ยงจากการลดลงของอัตราการเช่า ( จำนวนผู้เช่า ) เนื่องจากโรงงานที่ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะเป็นโรงงานที่มีผู้เช่าอยู่เต็ม 100% ดังนั้นหากมีผู้เช่าย้ายออกซึ่งอาจจะเกิดจากการปิดกิจการหรือย้ายโรงงาน ก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนได้ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลในอดีตของ TICON พบว่า อัตราที่ผู้เช่ายกเลิกสัญญาในแต่ละปีมีจำนวนไม่มากนัก และผู้เช่าจะแจ้งล่วงหน้า ซึ่งทางบริษัทสามารถหาลูกค้ารายใหม่ได้ในระยะเวลาไม่นานนัก โดยส่วนใหญ่ TICON จะสามารถหาลูกค้ารายใหม่มาทดแทนลูกค้ารายเดิมได้ในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน
- ความเสี่ยงของการลดลงของอัตราค่าเช่าและอัตราการเช่า ซึ่งเกิดจาการแข่งขันในอนาคต จากการที่อัตราค่าเช่าโรงงานของ TICON อยู่ในอัตราที่ไม่สูงนักเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่สำคัญ และ TICON ได้มีบริการต่างๆ ที่จำเป็นให้กับลูกค้า นอกจากนี้ TICON สร้างโรงงานในจำนวนที่มากกว่าคู่แข่งในแต่ละปีและก่อสร้างเอง จึงทำให้เกิดการประหยัดด้านขนาดหรือ economy of scale จึงทำให้ต้นทุนการก่อสร้างถูกกว่าคู่แข่ง จึงทำให้โอกาสที่จะมีคู่แข่งรายใหม่มาตัดราคาค่าเช่าจึงมีไม่มากนัก และถึงแม้จะมีคู่แข่งมาเสนออัตราค่าเช่าที่ต่ำกว่า การย้ายโรงงานของลูกค้าก็มีค่าใช้จ่ายในการย้ายจำนวนหนึ่งและทำให้การผลิตหยุดชะงักลงซึ่งส่วนใหญ่จะไม่คุ้มค่ากับค่าเช่าที่ลดลง นอกจากนี้ ในระหว่างการเช่า TICON จะยังมีการให้บริการอย่างต่อเนื่องกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการต่อเติม ตกแต่ง ซ่อมแซม รวมไปถึงการช่วยหา supplier จึง มีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำที่ลูกค้าของ TICON จะย้ายออกไปเช่าโรงงานของคู่แข่ง
8. หากผู้ถือกองทุนมีความจำเป็นต้องใช้เงินและต้องการขายเงินลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะทำได้อย่างไรบ้าง
คำตอบ หลังจากที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ได้ดำเนินการก่อตั้งและขายกองทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กองทุนฯ จะเข้าทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเข้าทำการซื้อขายในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ถือกองทุนอสังหาริมทรัพย์สามารถทำการซื้อขายได้เหมือนกับการซื้อขายหุ้นสามัญทุกประการ
9. ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน สามารถจองซื้อได้อย่างไร ที่ใดบ้าง
คำตอบ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะจัดจำหน่ายระหว่างวันที่ 29 มีนาคม 7 เมษายน 2548 โดยมีอัตราจองขั้นต่ำ 10,000 บาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท บุคคลทั่วไปสามารถจองได้โดยใช้หลักฐานคือสำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการ ผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งได้แก่ ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ สีลม ( เบอร์ติดต่อ 02-230-2328 ) และธนาคารกรุงเทพทุกสาขาในจังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ ( ยกเว้นสาขาย่อยในห้างสรรพสินค้า ) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ( เบอร์ติดต่อ 02-231-3777 ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไอเอ็นจี ( ประเทศไทย ) จำกัด ( เบอร์ติดต่อ 02-688-8777 )
ผู้ที่ไม่มีพอร์ตการลงทุนในหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ในปัจจุบันก็มีสามารถจองซื้อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนเช่นกัน และจะมีสิทธิต่างๆ ครบถ้วน เช่น สิทธิการรับเงินปันผล แต่หากต้องการจะขายกองทุนฯ อสังหาริมทรัพย์ภายหลังจากการจองซื้อ ก็มีความจำเป็นจะต้องเปิดพอร์ตการลงทุน ซึ่งมีขั้นตอนไม่ยุ่งยากนัก
อนึ่ง ผู้ที่ไม่สามารถจองซื้อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนได้ในระหว่างการจัดจำหน่าย หรือไม่สามารถจองซื้อได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ สามารถซื้อได้หลังจากที่กองทุนฯ เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับโบรกเกอร์ใดๆ ก็ได้สามารถทำการซื้อขายได้ทันทีเช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นสามัญทั่วไป
เห็นคุณมือล่องหนน นานๆจะผ่านมาห้องนี้ที เลยเก็บมาฝากครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
โพสต์ที่ 2
1 ราคาที่เสนอขายต่อหน่วย ที่ 10 บาทต่อหุ้น ถูกหรือแพง หากพิจารณาตามมูลค่าสินทรัพย์ หรือเปรียบเทียบกับการลงทุนอื่นๆ
คำตอบ หากพิจารณาจากมูลค่าโรงงาน 39 แห่งที่ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มูลค่า 1,750 ล้านบาท และเปรียบเทียบกับราคาประเมินของผู้ประเมินอิสระ 2 ราย คือ บ. เอ็น แอนด์ เอ แอพไพรซัล ( จำกัด ) และ บ. ซาลแมนน์ ( ฟาร์อีสท์ ) จำกัด ซึ่งได้ราคาประเมินเฉลี่ย 1,880 ล้านบาท โดยเป็นการประเมินโดยใช้วิธีประเมินรายได้ในอนาคต หรือ Income approach เท่ากับว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่ขายเข้ากองทุนนั้นต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมประมาณ 7%
แล้วได้มีราคาประเมินด้วยวิธีอื่นไหมเพื่อประกอบการพิจารณาไหมครับ ผมทราบว่าเวลาที่ให้ทางบริษัทประเมินทำการประเมินราคาจะทำทุกวิธี
2 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ TICON ที่ระดับ 7.00-7.75% มาจากสมมุติฐานอะไรบ้าง
คำตอบ จากข้อมูลในหนังสือชี้ชวนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หน้า 7 ( สามารถ download ได้จาก www.bualuang.co.th ) ได้มีการประมาณการรายได้ซึ่งใช้รายได้ค่าเช่าในปัจจุบันเป็นเกณฑ์ จะได้รายได้จากค่าเช่าและบริการของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนอยู่ที่ 15.6 ล้านบาทต่อเดือน หรือ เฉลี่ย 174 บาทต่อ ตร. ม. ต่อเดือน หรือคิดเป็นรายได้ 187.2 ล้านบาทต่อปี
คำนวณจากพื้นที่เช่าเท่าไรครับ ทั้งหมดเลยหรือเปล่า
คำตอบ หากพิจารณาจากมูลค่าโรงงาน 39 แห่งที่ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน มูลค่า 1,750 ล้านบาท และเปรียบเทียบกับราคาประเมินของผู้ประเมินอิสระ 2 ราย คือ บ. เอ็น แอนด์ เอ แอพไพรซัล ( จำกัด ) และ บ. ซาลแมนน์ ( ฟาร์อีสท์ ) จำกัด ซึ่งได้ราคาประเมินเฉลี่ย 1,880 ล้านบาท โดยเป็นการประเมินโดยใช้วิธีประเมินรายได้ในอนาคต หรือ Income approach เท่ากับว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่ขายเข้ากองทุนนั้นต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมประมาณ 7%
แล้วได้มีราคาประเมินด้วยวิธีอื่นไหมเพื่อประกอบการพิจารณาไหมครับ ผมทราบว่าเวลาที่ให้ทางบริษัทประเมินทำการประเมินราคาจะทำทุกวิธี
2 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ TICON ที่ระดับ 7.00-7.75% มาจากสมมุติฐานอะไรบ้าง
คำตอบ จากข้อมูลในหนังสือชี้ชวนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หน้า 7 ( สามารถ download ได้จาก www.bualuang.co.th ) ได้มีการประมาณการรายได้ซึ่งใช้รายได้ค่าเช่าในปัจจุบันเป็นเกณฑ์ จะได้รายได้จากค่าเช่าและบริการของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนอยู่ที่ 15.6 ล้านบาทต่อเดือน หรือ เฉลี่ย 174 บาทต่อ ตร. ม. ต่อเดือน หรือคิดเป็นรายได้ 187.2 ล้านบาทต่อปี
คำนวณจากพื้นที่เช่าเท่าไรครับ ทั้งหมดเลยหรือเปล่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 1
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณมากครับพี่ฉัตรชัยสำหรับข้อสังเกต
1 ตามหนังสือชี้ชวน ไม่ได้ให้รายละเอียดการประเมินราคาครับ แต่ผมลองทำ model คร่าวๆ โดยใช้ค่าเช่าในปัจจุบัน ให้ growth ปีละ 2% ไปเรื่อยๆ จนครบอายุโรงงาน 50 ปี แล้วตัดมูลค่าสุดท้ายคือ terminate value เป็น 0 ใช้ discount rate 10% จะได้ NPV ต่อหุ้น ของ prop fund ที่ 11.6 บาทครับ หาก discount rate ลดลงมา 9% ก็จะได้ NPV 24.7 บาทครับ ดังนั้น upside ของผู้ซื้อ prop fund กองนี้จะมากหรือน้อยจะขึ้นกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวครับ
หากดูราคาที่เหมาะสมตาม market approach ก็จะได้ว่าโรงงานที่ขาย 39 โรงงาน ราคา 1720 ล้านบาท หรือเฉลี่ยโรงงานละ 44.1 ล้านบาท ซึ่งหากเราไปดูงบปีที่ผ่านมาของ ticon ซึ่งมีรายได้จากการขายโรงงานจำนวน 4 แห่ง เป็นมูลค่า 200 ลบ. ก็คิดเป็นเฉลี่ย รง. ละ 50 ล้านบาทครับ ซึ่งราคาที่แตกต่างกันบ้างจะเกิดจากพื้นที่โรงงานที่ต่างกันแต่ก็จะไม่มากนักเพราะขนาดโรงงานของ ticon จะเฉลี่ยที่ 2,200 ตร.ม. ครับ
2 ส่วนเรื่องพื้นที่เช่านั้น โรงงานให้เช่าต่างจาก office หรือ retail space ที่ 1 โรงงานมีลูกค้า 1 รายดังนั้นจะไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง ดังนั้นพื้นที่โรงงานทั้งหมดที่สร้างขึ้นมาให้เช่านั้นจะเป็น rentable area ครับ
1 ตามหนังสือชี้ชวน ไม่ได้ให้รายละเอียดการประเมินราคาครับ แต่ผมลองทำ model คร่าวๆ โดยใช้ค่าเช่าในปัจจุบัน ให้ growth ปีละ 2% ไปเรื่อยๆ จนครบอายุโรงงาน 50 ปี แล้วตัดมูลค่าสุดท้ายคือ terminate value เป็น 0 ใช้ discount rate 10% จะได้ NPV ต่อหุ้น ของ prop fund ที่ 11.6 บาทครับ หาก discount rate ลดลงมา 9% ก็จะได้ NPV 24.7 บาทครับ ดังนั้น upside ของผู้ซื้อ prop fund กองนี้จะมากหรือน้อยจะขึ้นกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวครับ
หากดูราคาที่เหมาะสมตาม market approach ก็จะได้ว่าโรงงานที่ขาย 39 โรงงาน ราคา 1720 ล้านบาท หรือเฉลี่ยโรงงานละ 44.1 ล้านบาท ซึ่งหากเราไปดูงบปีที่ผ่านมาของ ticon ซึ่งมีรายได้จากการขายโรงงานจำนวน 4 แห่ง เป็นมูลค่า 200 ลบ. ก็คิดเป็นเฉลี่ย รง. ละ 50 ล้านบาทครับ ซึ่งราคาที่แตกต่างกันบ้างจะเกิดจากพื้นที่โรงงานที่ต่างกันแต่ก็จะไม่มากนักเพราะขนาดโรงงานของ ticon จะเฉลี่ยที่ 2,200 ตร.ม. ครับ
2 ส่วนเรื่องพื้นที่เช่านั้น โรงงานให้เช่าต่างจาก office หรือ retail space ที่ 1 โรงงานมีลูกค้า 1 รายดังนั้นจะไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง ดังนั้นพื้นที่โรงงานทั้งหมดที่สร้างขึ้นมาให้เช่านั้นจะเป็น rentable area ครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
โพสต์ที่ 5
ผมว่านักลงทุนให้ความสำคัญต่อกองทุนนี้มากจริงๆ ตัวเร่งที่สำคัญของTiconในช่วงที่ผ่านมานั้นกลายเป็นเรื่องความสำเร็จในการออกกองทุน จนเราลืมกลับไปดูพื้นฐานของกิจการ
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่ากองทุนจะล้มเหลว เห็นขายกันแหลก
ผมไม่ขายเพราะคิดว่าปันผลพอใจ และพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน หากคิดว่าออกกองทุนแล้วทำให้epsดี ราคาจะสูงขึ้นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หากมองในระยะยาวนั้น บริษัทต้องการหาแหล่งทุนที่ต้นทุนต่ำเพื่อใช้ลงทุนโดยไม่ต้องเพิ่มทุนหรือกู้ เงินทุนที่ได้จะนำไปขยายกิจการต่อๆไป ผมว่านั่นคือปัจจัยหลักและถ้าทำได้ตลอดไปก็จะมีเงินทุนขยายกิจการได้อย่างต่อเนื่องเป็นผลดีต่อกิจการ
ผมว่าที่ผ่านมาเราหลงประเด็นนะครับ
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่ากองทุนจะล้มเหลว เห็นขายกันแหลก
ผมไม่ขายเพราะคิดว่าปันผลพอใจ และพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน หากคิดว่าออกกองทุนแล้วทำให้epsดี ราคาจะสูงขึ้นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หากมองในระยะยาวนั้น บริษัทต้องการหาแหล่งทุนที่ต้นทุนต่ำเพื่อใช้ลงทุนโดยไม่ต้องเพิ่มทุนหรือกู้ เงินทุนที่ได้จะนำไปขยายกิจการต่อๆไป ผมว่านั่นคือปัจจัยหลักและถ้าทำได้ตลอดไปก็จะมีเงินทุนขยายกิจการได้อย่างต่อเนื่องเป็นผลดีต่อกิจการ
ผมว่าที่ผ่านมาเราหลงประเด็นนะครับ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1063
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
โพสต์ที่ 9
เพื่อนผมบางคนก้อเหมือนกันครับคิดประมาณค่ากำไรกันซะดิบดีแล้วว่าน่าจะสัก 1.2- 1.6 ประเมิณกันหลายด้านทั้ง macro micro enviroment , ก้อมั่นใจสุดท้ายบอกขายไปแล้วงงจริงๆครับ เหมือนพี่เจ๋งบอกอ่ะครับแยกของจริงออกมาไม่ยากมากแต่เวลาถือเนี้ยทำใจยากจริงๆ
- Heroine
- Verified User
- โพสต์: 196
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
โพสต์ที่ 10
ติดตามผลงานคุณ มือล่องหน ที่เว็บกระทิงเขียวมาตลอด แต่พอดียังไม่ได้สมัครสมาชิก จึงยังไม่เคยตอบที่ทางนั้น ดีใจค่ะที่เห็นมาตอบที่นี่ด้วย
โลกมายา...ดินแดนที่ต้องใส่หน้ากากคุยกัน
เหนื่อยค่ะ! อยากหยุดพักการแสดงสิ่งที่ฝืนกับการเป็นตัวของตัวเอง
ล้มหาย ..ยังไม่ตายจาก
เหนื่อยค่ะ! อยากหยุดพักการแสดงสิ่งที่ฝืนกับการเป็นตัวของตัวเอง
ล้มหาย ..ยังไม่ตายจาก
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
โพสต์ที่ 11
แล้วถ้าหากค่าเช่าของโรงงานในพื้นที่แถบอยุธยาตกต่ำลง เนื่องจากการย้ายฐานการผลิตไปฝั่งตะวันออกล่ะครับ?? เห็นในข้อมูลมีจำนวนโรงงานในซีกนั้นอยู่เกือบครึ่ง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 481
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความรู้ด้าน TICON Property Fund
โพสต์ที่ 12
มีโอกาสน้อยมากครับ เนื่องจากในปัจจบันเฉพาะที่โรจนะยังไม่มีอะไรที่บอกเหตุว่าจะเป็นเช่นนั้น มีแต่ตรงกันข้ามครับ มีการย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นเข้ามาอย่างต่อเนื่องอย่างนิคมโรจนะเองยังต้องขยายพื้นที่ใหม่เข้ามาเลยครับ โดยซื้อที่ดินใหม่เพิ่มค่อนข้างมากครับ
การย้ายฐานการผลิตเข้ามาในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้โรงงานที่ดำเนินงานอยู่แล้วเป็นศูนย์กลางในการจัดการทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดหาพื้นที่ซึ่งแน่นอนต้องใกล้กันมากที่สุด จัดเตรียมกำลังคนในสายงานต่างๆ ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพือจุดประสงค์คือให้เดินสายการผลิตได้เร็วที่สุด การที่จะให้ไปอยู่คนละพื้นที่จึงไม่เกิดความสะดวกเท่าที่ควร และปัจจุบันบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีแนวคิดเช่นเดียวกันนี้และการตัดสินใจเรื่องต่างๆข้างต้นอยู่ที่ศูนย์ประสานงานดังกล่าว ไม่ได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่เช่นในอดีต
การย้ายโรงงานขนาดใหญ่ไม่ง่าย โรงงานขนาดเล็กที่ผลิตงานที่ใช้ป้อนโรงงานขนาดใหญ่จึงจำเป็นต้องอยู่ร่วมกันแยกกันไม่ได้ อยุธยายังเป็นเป้าหมายของบริษัทญี่ปุ่นที่จะเข้ามาตั้งโรงงานต่อไปครับ และหลังๆมานี่นโยบายจะเปลี่ยนจากสร้างเองมาเน้นที่เป็นการเช่าโรงงานแทนครับ
การย้ายฐานการผลิตเข้ามาในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้โรงงานที่ดำเนินงานอยู่แล้วเป็นศูนย์กลางในการจัดการทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดหาพื้นที่ซึ่งแน่นอนต้องใกล้กันมากที่สุด จัดเตรียมกำลังคนในสายงานต่างๆ ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพือจุดประสงค์คือให้เดินสายการผลิตได้เร็วที่สุด การที่จะให้ไปอยู่คนละพื้นที่จึงไม่เกิดความสะดวกเท่าที่ควร และปัจจุบันบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีแนวคิดเช่นเดียวกันนี้และการตัดสินใจเรื่องต่างๆข้างต้นอยู่ที่ศูนย์ประสานงานดังกล่าว ไม่ได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่เช่นในอดีต
การย้ายโรงงานขนาดใหญ่ไม่ง่าย โรงงานขนาดเล็กที่ผลิตงานที่ใช้ป้อนโรงงานขนาดใหญ่จึงจำเป็นต้องอยู่ร่วมกันแยกกันไม่ได้ อยุธยายังเป็นเป้าหมายของบริษัทญี่ปุ่นที่จะเข้ามาตั้งโรงงานต่อไปครับ และหลังๆมานี่นโยบายจะเปลี่ยนจากสร้างเองมาเน้นที่เป็นการเช่าโรงงานแทนครับ