UOBAPF: แจ้งวันปิดสมุดทะเบียนฯ เพื่อกำหนดสิทธิในการประชุม
Source - ข่าว SETSMART
Tuesday, 30 October 2007 09:08
ที่ ย.บ. 6771/2550
วันที่ 29 ตุลาคม 2550
เรื่อง แจ้งวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนในการเข้าประชุมผู้ถือ
หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง หรือ UOBAPF ("กองทุนรวม") โดยบริษัท
หลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด ("บริษัทจัดการ") ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมได้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวม คือ โครงการ แนเชอรัล วิลล์ เรสซิเด้นส์ ("แนเชอรัล วิลล์") โดยมีรายละเอียดดังนี้
ชื่อ : อาคารแนเชอรัล วิลล์ เรสซิเด้นส์
ที่ตั้ง : เลขที่ 61 ถนนหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัด กรุงเทพมหานคร
สิทธิการเช่า : สิทธิการเช่า (Leasehold) ที่ดินบางส่วน พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกอบธุรกิจเป็น
อาคารที่พักอาศัย 28 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น มีกำหนด 30 ปี ระหว่างสำนักงานทรัพย์สิน
ส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ให้เช่า กั บกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อะพาร์ท
เมนท์ หนึ่ง โดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด เป็นผู้เช่า ซึ่ง
ได้จดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2546
อายุการเช่า : ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2546 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2576
ประเภทการใช้งาน : เซอร์วิสอะพาร์ทเมนท์
เนื่องจากได้มีผู้แสดงความสนใจที่จะเสนอซื้อโครงการ แนเชอรัล วิลล์ ของกองทุนรวม แต่การจำหน่าย
ทรัพย์สินของกองทุนรวมในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เพราะโครงการจัดการได้กำหนดให้จำหน่ายทรัพย์สินได้หลังจากครบ
ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งได้แก่วันที่ 17 กันยายน 2551 (นับจากวันที่ 16 กันยายน 2546 ซึ่งเป็นวันจดทะเบียนกองทุน) และการจ่ายเงิน
ทั้งหมดที่ได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนรวมให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะทำได้ต่อเมื่อมีการยกเลิกโครงการจัดการ
กองทุนรวมโดยมติของที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนเท่านั้น โดยหลังจากที่บริษัทจัดการได้รับมติดังกล่าวแล้ว บริษัทจัดการจะจัด
ให้มีผู้ชำระบัญชีที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบเป็นผู้ชำระบัญชีเพื่อชำระภาระหนี้สินของกองทุนรวม รวบรวมและ
แจกจ่ายเงินหรือทรัพย์สินคืนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเฉลี่ยตามจำนวนหน่วยลงทุนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนแต่ละรายถืออยู่ตามสมุด
ทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน
ในการนี้บริษัทจัดการจึงเห็นสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโครงการที่เกี่ยวกับการจำหน่ายทรัพย์สินของ
กองทุนรวมได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนด และสามารถยกเลิกกองทุนรวมได้เมื่อกองทุนรวมจำหน่ายทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดเสร็จ
สิ้นแล้ว ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวบริษัทจัดการจำเป็นต้องได้รับมติเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุนเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน
หน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของโครงการจัดการกองทุนรวม ทั้งนี้ ในการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนรวมนั้น
บริษัทจัดการจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดอย่างเคร่งครัดตามที่ได้กำหนดไว้ใน
หนังสือโครงการจัดการกองทุนรวม
ดังนั้น บริษัทจัดการจึงเห็นสมควรให้มีหนังสือแจ้งผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อขอมติ ครั้งที่ 1/2550 ในวันที่ 20
พฤศจิกายน 2550 โดยกำหนดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนลงมติกลับมาถึงบริษัทจัดการภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2550 และบริษัทจัดการ
จะรวบรวมผลของมติเวียนและแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในวันที่ 17 ธันวาคม 2550 โดยเมื่อได้รับมติให้
แก้ไขเพิ่มเติมโครงการจากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว บริษัทจัดการจะดำเนินการขออนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมโครงการจากสำนักงาน
คณะกรรมการ ก.ล.ต. และจะทำการแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง
วาระการประชุมมีดังต่อไปนี้
วาระที่ 1 พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมโครงการเรื่อง การจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ และโอนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์
ระหว่างการจัดการกองทุนรวม
วาระที่ 2 พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมโครงการเรื่อง การเลิกโครงการจัดการกองทุนรวม
วาระที่ 3 พิจารณาเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
บริษัทจัดการจึงขอแจ้งวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนใน
การลงมติในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าการลงมติดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด
นายวนา พูลผล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ฝ่ายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
โทร. 02-6795577 ต่อ 662
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 1
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 2
UOBAPF: ทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550
Source - ข่าว SETSMART
Friday, 26 October 2007 08:52
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง
ประกาศมูลค่าหน่วยลงทุนประจำวันที่ 30 กันยายน 2550
กองทุนรวม มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (บาท) มูลค่าหน่วยลงทุน (บาท)
UOBAPF 908,660,666.03 10.6901
Source - ข่าว SETSMART
Friday, 26 October 2007 08:52
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง
ประกาศมูลค่าหน่วยลงทุนประจำวันที่ 30 กันยายน 2550
กองทุนรวม มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (บาท) มูลค่าหน่วยลงทุน (บาท)
UOBAPF 908,660,666.03 10.6901
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 3
UOBAPF : กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง
หมายเหตุ : ปริมาณ มูลค่า คิดรวม Off-hour Trading
ราคาคิดตาม Auto-Matching เท่านั้น
วันที่ ปิด เปลี่ยนแปลง %เปลี่ยนแปลง
26/11/2550 8.00 0.00 0.00
23/11/2550 8.00 0.00 0.00
หมายเหตุ : ปริมาณ มูลค่า คิดรวม Off-hour Trading
ราคาคิดตาม Auto-Matching เท่านั้น
วันที่ ปิด เปลี่ยนแปลง %เปลี่ยนแปลง
26/11/2550 8.00 0.00 0.00
23/11/2550 8.00 0.00 0.00
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณฮับ...ถ้าพี่ลูกอิสานไม่มาโพส ผมคงลืมไปแล้ว
เพราะว่าได้รับเอกสารมา แต่อ่านไปได้ 2 แผ่นก็เริ่มมึน :? แฮะๆ
จริงๆ แล้วเคยมีอยู่ แต่ขายไปแย้วอะครับ สงสัยขายหลังปิดสมุดทะเบียน
พี่ลูกอิสานมีอยู่หรือเปล่าครับ (ตามตรงเยย )
แล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ (ของผมเป็นแบบซื้อมา-ขายไป เลยไม่ได้ตามอะไรเลยอะครับ :oops: )
แล้วพี่ได้มอง futurepf ด้วยหรือเปล่าครับ
ขอบคุณฮับ
เพราะว่าได้รับเอกสารมา แต่อ่านไปได้ 2 แผ่นก็เริ่มมึน :? แฮะๆ
จริงๆ แล้วเคยมีอยู่ แต่ขายไปแย้วอะครับ สงสัยขายหลังปิดสมุดทะเบียน
พี่ลูกอิสานมีอยู่หรือเปล่าครับ (ตามตรงเยย )
แล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ (ของผมเป็นแบบซื้อมา-ขายไป เลยไม่ได้ตามอะไรเลยอะครับ :oops: )
แล้วพี่ได้มอง futurepf ด้วยหรือเปล่าครับ
ขอบคุณฮับ
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 6
แฮ่ๆ ข่าวลงจากดอยมาถึงพี่ลูกอีสานจนได้ ตัวนี้เมื่อก่อนชื่อ BOAAPF ผมเคยตามอยู่พักนึงแต่เห็นว่า รายได้ส่วนหนึ่งมาจาก N-PARK และจะหมดรายได้ส่วนนี้หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง ผมเลยรอเวลาอยู่อ่ะครับ
เดี๋ยวมาต่อ >_<
เดี๋ยวมาต่อ >_<
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 8
ขอมาแก้ข่าวด้วยครับ จริงๆข่าวนี้ไม่ได้มาจากดอย แต่มาจากเซียนใต้คนหนึ่งครับ พี่tyผู้เคยติดผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่างILINKพร้อมๆกับผมในรุ่น3บาทปลายๆ และติดผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่างนางฟ้าSNCตั้งแต่สมัย4บาทต้นๆ ข่าวนี้ผ่านคุณลูกอิสานมาสกิดให้ผมดู พอดูและเก็บข้อมูลมาพอสมควรก็ซัดไปพอได้ค่าน้ำชากาแฟ เผื่อจะมีโอกาสอาบิทาทกับเขาบ้าง เท่าที่รู้ตัวนี้มีอยู่4คนในVIที่ถืออยู่ ก็มีคุณty คุณลูกอิสาน มีผม และคนสุดท้ายที่ผมรู้ก็คือลุงขวดAlastor เขียน:แฮ่ๆ ข่าวลงจากดอยมาถึงพี่ลูกอีสานจนได้ ตัวนี้เมื่อก่อนชื่อ BOAAPF ผมเคยตามอยู่พักนึงแต่เห็นว่า รายได้ส่วนหนึ่งมาจาก N-PARK และจะหมดรายได้ส่วนนี้หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง ผมเลยรอเวลาอยู่อ่ะครับ
เดี๋ยวมาต่อ >_<
ขอแชร์ความเสี่ยงให้ฟังก็แล้วกันนะครับ เท่าที่โทรไปถามได้ความว่ามีคนสนใจจะซื้อแต่ติดที่ต้องขออนุญาตผู้ถือหุ้น เพราะตามกฎที่ตั้งไว้ตอนขายกองทุนกำหนดไว้ว่าต้องหลัง5ปีคือหลังเดือน ก.ยปี51 ทำให้ถ้าจะขายต้องขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นก่อน
ความเสี่ยงหลักๆก็คือ ผู้ถือหุ้นต้องยอม50%ขึ้นไป และสภาพคล่องก็มีน้อยมาก ถ้าจะซื้อเยอะๆต้องยอมรับความเสี่ยงในเรื่องถ้าไม่มีการขายตึก(ตอนนี้ราคาNAVราวๆ10.7)ก็ต้องติดกินปันผลประมาณ6%ต่อปี แต่ถ้ามีการขายจริงก็จะได้ผลตอบแทนราวๆ30%ภายใน3เดือน
ข่าวที่จะประกาศว่าผู้ถือหุ้นจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติคือวันที่17 ธ.ค ปีนี้ครับ
ยังไงจะให้คุณลูกอิสาน หรือพี่TYมาเสริมหน่อยก็ดีครับ ช่วยกันแจมข้อมูล
ถ้าใครสนใจอย่างไรไปศึกษาข้อมูลให้ดีๆก่อนนะครับ ทุกลงทุนมีความเสี่ยง
ปล.ขอบคุณพี่tyและคุณลูกอิสาน มาณ.ที่นี้ด้วยนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย naris เมื่อ อังคาร พ.ย. 27, 2007 8:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 9
เท่าที่ทราบกองทุนเคยมีสัญญาให้ n-park บริหารอพาทร์เมนต์และอนุญาติให้ใช้เครื่องหมายการค้า แต่ปัจจุบันหมดอายุสัญญา และจ้างรายอื่นบริษัทแทน เข้าใจว่าประหยัดรายจ่ายได้มากเลยครับ และตอนเริ่มกองทุนใหม่ๆ เพื่อเป็นการประกันรายได้ของผู้ถือหน่วย ทางผู้ขายคือ n-park ยอมรับประกันรายได้ประมาณ 2 ปีครับ ซึ่งก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้วAlastor เขียน:แฮ่ๆ ข่าวลงจากดอยมาถึงพี่ลูกอีสานจนได้ ตัวนี้เมื่อก่อนชื่อ BOAAPF ผมเคยตามอยู่พักนึงแต่เห็นว่า รายได้ส่วนหนึ่งมาจาก N-PARK และจะหมดรายได้ส่วนนี้หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง ผมเลยรอเวลาอยู่อ่ะครับ
เดี๋ยวมาต่อ >_<
ส่วนรายการระหว่างกันเท่าที่ดูมีการให้บริษัทในเครือ n-park บริษัทพาร์ค ควิซีนที่ทำร้านอาหารเลอโนท เช่าพื้นที่และรายการอื่นๆรวมกันปีละประมาณ 10 ล้านครับ
ส่วนกองทุน futurepf ที่คุณเพนกวินสอบถาม ผมไม่ได้ตามเลยครบ แต่เท่าที่ทราบบ้างหากราคาซื้อขายและผลตอบแทนเงินปันผลไม่ต่างกันมาก ควรอย่างยิ่งที่จะเลือกกองทุนที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์เองหรือที่เรียกว่า (free hold) จะดีกว่ากองทุนที่มีสินทรัพย์จากการเช่าหรือ lease hold เพราะกองทุนแบบหลังนี้ไม่ได้มีสินทรัพย์เอง พอหมดอายุ สินทรัพย์อสังหาก็จะกลายเป็น 0 (กรณีไม่ได้รับการต่ออายุ) ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป nav ของกองทุนแบบนี้จะลดลงเรื่อยๆ เข้าใจว่า futurepf น่าจะเป็นแบบเช่า ถ้าแนะนำผมคงแนะนำกองทุนแบบเป็นเจ้าของสินทรัพย์และมีสภาพคล่องซื้อขายดี มีปันผลดี เช่นกองทุนของ tfund น่าจะดีกว่าครับในระยะยาวครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 10
ถ้าสนใจ Property fund ผมว่า sriripf นี่น่าจะเสี่ยงน้อยสุด
เพราะเป็นบ้านซื้อมาและ lock ค่าเช่าไว้แล้ว รวมทั้งยังมีข้อตกลงขายคืนได้อย่างน้อยราคาเดิม อายุก็แค่ 5 ปี ผลตอบแทนหักภาษีแล้วก็ประมาณ 6.5 % ก็ OK นะครับ
เพราะเป็นบ้านซื้อมาและ lock ค่าเช่าไว้แล้ว รวมทั้งยังมีข้อตกลงขายคืนได้อย่างน้อยราคาเดิม อายุก็แค่ 5 ปี ผลตอบแทนหักภาษีแล้วก็ประมาณ 6.5 % ก็ OK นะครับ
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 11
ผมมีกองทุนนี้อยู่แล้ว ซื้อในตลาดเมื่อ 2 ปีก่อน วันที่เขาแจ้งตลาดว่า จะขอมติผู้ถือหน่วย ผมก็ซื้อเพิ่มเพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ถูกลง ... มีนักลงทุนหลายคนคิดเหมือนกับผม ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนมาขอซื้อ เพราะคิดว่า ทาง n-park ต้องขายทรัพย์สินออก เพื่อความอยู่รอด....เมื่อสองวันก่อนได้รับใบแจ้งขอมติมาแล้ว ผมก็ได้เซ็นอนุมัติให้แก้ไข และ ปิด หน่วยลงทุนนี้ คิดว่า น่าจะปิดได้ ก็ต้องติดตามกันต่อไป ส่วนจะขายได้ราคาใดก็อยู่ในความสามารถของผู้ติดต่อ ถึงแม้จะเป็น lease hold เหลือ อีก 25 ปี ผมว่าให้ค่าเช่าคุ้มนะ เพราะอยู่ในทำเลที่ดีมาก ใครได้ไปก็ทำกำไรได้แน่นอน หาคนเช่าได้ง่าย เงินที่ผู้ถือหน่วยจะได้คืนก็น่าจะแถว 10 บาทนั่นแหละ ก็ลองดูซิว่าจะได้ตามคิดหรือเปล่า ....การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ ตัวนี้คงเสี่ยงน้อย น่าจะได้มากกว่าเสีย ในความคิดของผม
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- cryptonian_man
- Verified User
- โพสต์: 585
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 12
งั้นก้อติดความเสี่ยงที่หากผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติการขายใช่ไหมครับ
งั้นผมว่าลองชวนเพื่อนๆ พี่ๆ ในนี้ไปถือกันคนละนิดละหน่อยก้อคงเกิน 50% ได้แน่นอนครับ เพราะแต่ละคนเนี่ยระดับอยู่แล้ว
งั้นผมว่าลองชวนเพื่อนๆ พี่ๆ ในนี้ไปถือกันคนละนิดละหน่อยก้อคงเกิน 50% ได้แน่นอนครับ เพราะแต่ละคนเนี่ยระดับอยู่แล้ว
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 14
ผมเคยแวะไปอาคารหลังนี้มาอยู่บ้าง อยู่แต่แถวชั้นล่างครับ ไม่เคยมีโอกาสขึ้นไปชั้นบน เค้าลงทุนงานตกแต่งไว้ค่อนข้างสูงพอสมควร และสวยใช้ได้เลยครับ คนเช่าส่วนใหญ่มีสตางค์ครับ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ปัญหาคือ เค้าจะขายราคาเท่าไหร่ ถ้าฝ่ายขายร้อนเงิน ก็คงไม่ได้ราคาสูงเท่าที่ควร เผลอๆโดนแบงค์บีบอีกด้วย
เรื่องที่น่าคิดอีกเรื่องหนึ่งคือ คนที่จะซื้ออาจเป็นคนรู้จักกับกองทุน หรืออาจเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นเอง และคนที่จะซื้อไปก็คงหวังจะเอาไปปล่อยเช่าต่อ และราคาที่เค้าอยากได้คงไม่สูงมาก หรือไม่งั้นเค้าคงมาไล่เก็บในตลาดไปส่วนหนึ่งก่อนแล้วเพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำมาส่วนหนึ่ง ถ้าขายถูกเค้าก็ได้อาคารในราคาถูก ถ้าขายแพง เค้าก็ได้กำไรจากราคาหุ้นทันที....ผมว่าพวกนี้เค้าคิดเรื่องตัวเลขเร็วและมีเทคนิคไม่เบาหรอกครับ
ถ้าเราเข้าไปถูกทางในลักษณะตามน้ำได้ ก็โชคดีไป ถ้าผิดทางก็อาจจะเสี่ยงหน่อย แต่ราคาตอนนี้ก็คงปลอดภัยอยู่นะครับเสี่ยงไม่มาก
อย่างคุณลูกอิสานเกริ่นไว้ ว่าโอกาสมาพร้อมกับความเสี่ยง ถูกต้องแล้วครับ....ถ้าให้มั่นใจขึ้น คงต้องหาข้อมูลของคนซื้อให้ได้ยิ่งมากยิ่งดีครับ ถ้าคนซื้อไม่ใช่พวกเดียวกัน ก็จะมีโอกาสยกเลิกดีลสูงกว่าพวกเดียวกัน (พวกนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆง่ายครับ โดยเฉพาะเมื่อมีทางเลือกเยอะ)
ปัญหาคือ เค้าจะขายราคาเท่าไหร่ ถ้าฝ่ายขายร้อนเงิน ก็คงไม่ได้ราคาสูงเท่าที่ควร เผลอๆโดนแบงค์บีบอีกด้วย
เรื่องที่น่าคิดอีกเรื่องหนึ่งคือ คนที่จะซื้ออาจเป็นคนรู้จักกับกองทุน หรืออาจเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นเอง และคนที่จะซื้อไปก็คงหวังจะเอาไปปล่อยเช่าต่อ และราคาที่เค้าอยากได้คงไม่สูงมาก หรือไม่งั้นเค้าคงมาไล่เก็บในตลาดไปส่วนหนึ่งก่อนแล้วเพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำมาส่วนหนึ่ง ถ้าขายถูกเค้าก็ได้อาคารในราคาถูก ถ้าขายแพง เค้าก็ได้กำไรจากราคาหุ้นทันที....ผมว่าพวกนี้เค้าคิดเรื่องตัวเลขเร็วและมีเทคนิคไม่เบาหรอกครับ
ถ้าเราเข้าไปถูกทางในลักษณะตามน้ำได้ ก็โชคดีไป ถ้าผิดทางก็อาจจะเสี่ยงหน่อย แต่ราคาตอนนี้ก็คงปลอดภัยอยู่นะครับเสี่ยงไม่มาก
อย่างคุณลูกอิสานเกริ่นไว้ ว่าโอกาสมาพร้อมกับความเสี่ยง ถูกต้องแล้วครับ....ถ้าให้มั่นใจขึ้น คงต้องหาข้อมูลของคนซื้อให้ได้ยิ่งมากยิ่งดีครับ ถ้าคนซื้อไม่ใช่พวกเดียวกัน ก็จะมีโอกาสยกเลิกดีลสูงกว่าพวกเดียวกัน (พวกนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆง่ายครับ โดยเฉพาะเมื่อมีทางเลือกเยอะ)
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 15
เข้าใจ info-flow ผิดขออภัยครับผม
ขอ share ประสบการณ์การลงทุนใน PF นะครับ ผมเคยซื้อ BKKCP เพราะเห็นว่า ราคาขายต่ำกว่า NAV ถืออยู่พักนึงค่า NAV ก็ขึ้นแต่ ราคาขายก็เหมือนเดิมครับ สุดท้ายผมก็ขายออกไป เอาค่าขนมนิดหน่อย จนบัดนี้ ราคาของ BKKCP ก็ไม่เห็นจะเท่ากับ NAV เลยครับ -_-'
ผมคิดว่าการลงทุนในกองอสังหาน่าจะใช้วิธี valuation แบบ Discounted Dividend Model จะดีกว่า ประกอบกับการดู อัตราการเช่า การเติบโตของอัตราการเช่า และ การเปลี่ยนแปลงค่าเช่า ว่ารายได้ในอนาคตจะไปในทิศทางใด เพราะจริงๆแล้วเราลงทุนเพื่อเงินปันผล ไม่ได้ลงทุนเอา NAV ซื้อ PF ที่ราคาต่ำกว่า NAV ก็เหมือนซื้อหุ้นที่ PB<1 มันก็ไม่ได้ให้กำไรเท่ากับซื้อหุ้นที่ผลการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นอ่ะครับ
ผมไม่เคยทำ valuation ของ UOBAPF นะครับ เพราะจะไม่ลงทุนใน Leasehold PF นอกจากจะปันผลดีจริงๆ (ตอนนี้สนแต่ หุ้น ) แต่ถ้าผมจะซื้อ UOBAPF ผมก็จะใช้วิธีนี้และจะใส่ Required Rate of Return / WACC สูงซักหน่อย ที่ต้องระวังคือ อายุของสินทรัพย์ที่มีจำกัด ขอให้โชคดีครับผม
ขอ share ประสบการณ์การลงทุนใน PF นะครับ ผมเคยซื้อ BKKCP เพราะเห็นว่า ราคาขายต่ำกว่า NAV ถืออยู่พักนึงค่า NAV ก็ขึ้นแต่ ราคาขายก็เหมือนเดิมครับ สุดท้ายผมก็ขายออกไป เอาค่าขนมนิดหน่อย จนบัดนี้ ราคาของ BKKCP ก็ไม่เห็นจะเท่ากับ NAV เลยครับ -_-'
ผมคิดว่าการลงทุนในกองอสังหาน่าจะใช้วิธี valuation แบบ Discounted Dividend Model จะดีกว่า ประกอบกับการดู อัตราการเช่า การเติบโตของอัตราการเช่า และ การเปลี่ยนแปลงค่าเช่า ว่ารายได้ในอนาคตจะไปในทิศทางใด เพราะจริงๆแล้วเราลงทุนเพื่อเงินปันผล ไม่ได้ลงทุนเอา NAV ซื้อ PF ที่ราคาต่ำกว่า NAV ก็เหมือนซื้อหุ้นที่ PB<1 มันก็ไม่ได้ให้กำไรเท่ากับซื้อหุ้นที่ผลการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นอ่ะครับ
ผมไม่เคยทำ valuation ของ UOBAPF นะครับ เพราะจะไม่ลงทุนใน Leasehold PF นอกจากจะปันผลดีจริงๆ (ตอนนี้สนแต่ หุ้น ) แต่ถ้าผมจะซื้อ UOBAPF ผมก็จะใช้วิธีนี้และจะใส่ Required Rate of Return / WACC สูงซักหน่อย ที่ต้องระวังคือ อายุของสินทรัพย์ที่มีจำกัด ขอให้โชคดีครับผม
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 18
จากข่าวด้านบนแสดง ถึงความต้องการของ N-PARK ที่ต้องการขายทรัพย์สินมาชำระหนี้ และ N-PARK เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ UOBAPF11ธันวาชี้ชะตาอนาคตN-PARK :ลุ้นผู้ถือหุ้นไฟเขียวขาย 5 บริษัทลูกใช้หนี้ 1.78 พันล้าน
Source - ข่าวหุ้น
Wednesday, 28 November 2007 04:08
N-PARK ลุ้นตัวโกร่ง 11 ธันวา วันชี้ชะตาอนาคต หวังผู้ถือหุ้นไฟเขียวขายหุ้น 5 บริษัทลูก PA-Aimtop-BMCL-SIRI-SYNTEC คืนหนี้แบงก์นครหลวงไทย-กรุงไทย มูลค่า 1.78พันล้านบาท และสานต่อ 2 โครงการใหญ่มูลค่ากว่า 4.5 พันล้านบาท
แหล่งข่าวจากบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK เปิดเผยกับ"ข่าวหุ้นธุรกิจ" ว่า การเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทในเครือ 5 แห่ง คือ 1.บริษัท แปซิฟิคแอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) (PA) 2.Aimtop Investments Limited (Aimtop) 3.บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) 4.บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)(SIRI) และ5.บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (SYNTEC) เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารกรุงไทย จำนวน 1,776.22 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการขายได้ เพราะต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่1/2550 ในวันที่ 11 ธันวาคม 2550นี้
ทั้งนี้หากสามารถขายหุ้นสามัญของบริษัทดังกล่าวได้หมด จะส่งผลดีกับ N-PARK ที่จะไม่มีหนี้สิน และยังเหลือเงินทุนไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 2 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างคือ โครงการร้อยชักสาม เป็นโรงแรมหรู มูลค่า 1,500 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมหลังห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน มูลค่า 3,000 ล้านบาท
"เชื่อว่าการเสนอขายหุ้นสามัญ 5 บริษัทเอง ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด สำหรับN-PARK เพราะจะขายสินทรัพย์ได้ราคาดีกว่าให้ธนาคารนำสินทรัพย์ออกขายทอดตลาด"
เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.50) บริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จำกัด หรือ CapAd ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการขายหุ้นสามัญของ 5 บริษัทดังกล่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า N-PARK มีความจำเป็นต้องชำระคืนหนี้ให้กับธนาคารนครหลวงไทยและธนาคารกรุงไทย แต่ติดปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในสถานะของ N-PARK เนื่องจากข้อพิพาททางกฎหมายในคดีล้มละลายในอดีต ทำให้ N-PARK ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการกู้จากสถาบันการเงินอื่น หรือการเพิ่มทุน ดังนั้น N-PARK จึงมีความจำเป็นต้องขายหุ้นสามัญดังกล่าวเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ให้กับธนาคารทั้ง 2 แห่ง
หาก N-PARK ไม่สามารถชำระหนี้คืนให้กับธนาคารได้ในระยะเวลาที่กำหนดธนาคารสามารถนำสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน ได้แก่ หุ้นของ PA SIRI SYNTEC UOBAPFและที่ดินที่บางกระเจ้า ออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้คืนให้กับธนาคาร ทั้งนี้การที่ N-PARK เป็นผู้ขายสินทรัพย์เองจะเกิดผลดีมากกว่าการที่สินทรัพย์ถูกบังคับขายทอดตลาด เนื่องจาก N-PARK สามารถกำหนดระยะเวลาและราคาขายที่เหมาะสมได้
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของสินทรัพย์ที่ N-PARK จะเสนอขาย พบว่า4 จาก 5 รายการเป็นหุ้นสามัญของบริษัทที่จดทะเบียนในตลท. ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ และมีราคาตลาดที่สะท้อนอุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์อย่างเหมาะสม เนื่องจาก N-PARK ต้องชำระหนี้ให้แก่ธนาคารในระยะเวลาสั้นการขายสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องจะทำให้ขายสินทรัพย์ได้ง่ายกว่าสินทรัพย์อื่นๆ ยกเว้นหุ้น BMCLทั้งนี้ภายหลังการขายสินทรัพย์ N-PARK ยังคงเหลือโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ รวมถึงโครงการที่มีศักยภาพที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
เมื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของราคาเสนอขายสินทรัพย์ พบว่าราคาเสนอขายของหุ้นสามัญของ 5 บริษัทดังกล่าว CapAd ให้ความเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ซึ่งสรุปได้ดังนี้ PA เสนอขายหุ้นสามัญที่ราคาหุ้นละ 4.76 บาทจำนวน 208.74 ล้านหุ้น หรือ 62.5% Aimtop เสนอขายหุ้นสามัญราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5ล้านยูโร 6.10 ล้านหุ้น หรือ 100% BMCL เสนอขายหุ้นสามัญราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 0.79บาท จำนวน 820.26 ล้านหุ้น หรือ 6.86% SIRI เสนอขายหุ้นสามัญราคาไม่ต่ำกว่า 3.75บาท จำนวน 62.72 ล้านหุ้น หรือ 4.26% และSYNTEC เสนอขายหุ้นสามัญราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 3.75 บาท จำนวน 190 ล้านหุ้น หรือ 11.88%
อย่างไรก็ตาม CapAd มีความเห็นว่าการขายสินทรัพย์ครั้งนี้จะเกิดให้เกิดผลประโยชน์กับ N-PARK ในหลายด้าน เช่น สามารถชำหนี้คืนธนาคาร มีเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้นจากภาระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ลดลง รวมถึงมีเงินเหลือไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ ต่อไป
UOBAPF ได้ส่งจดหมายมาให้ผู้ถือหุ้น ขออนุมัติเปลี่ยนข้อบังคับโครงการเพื่อ ขอให้มีการขายทรัพย์สินได้ และระบุว่ามีผู้สนใจซื้อ ทำให้คาดว่าจะขายได้ ใกล้เคียง NAVประมาณ 10 บาท ทำให้ยังมีช่องว่างของผลตอบแทนพอควร
- zolomon
- Verified User
- โพสต์: 365
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 19
สถานการณ์ตอนนี้น่าสนใจดีครับ
แน่ ๆ n-park ต้องการเงิน
การจะเลิกกองทุนนี้หรือไม่สุดท้ายผมว่าจะไปอยู่ที่ n-park คนเดียว ก็ว่าได้ เพราะเป็นผู้ถือหน่วยเยอะสุดท้าย ถ้าไปเปิดดู จะเห็นว่า ที่เหลือ กบข. และ อื่น ๆ ถือกันแค่ 4 % ซึ่งรายย่อยที่เหลือถ้าให้เดา ถ้าไม่ใช่คนที่ถือมาจากราคาพาร์ 10 บาท คงอยากขายกันหมด
ปัญหาคือ ขายได้กี่บาทนี่สิ
เอ ... ลุงขวดครับ แบบนี้เค้าจะแจ้งผู้ถือหน่อยลงทุนไหมครับว่าจะขายยังไง ประมูล หรือใครจะขอซื้อ หรือขอซื้อด้วยราคาเท่าไหร่
แน่ ๆ n-park ต้องการเงิน
การจะเลิกกองทุนนี้หรือไม่สุดท้ายผมว่าจะไปอยู่ที่ n-park คนเดียว ก็ว่าได้ เพราะเป็นผู้ถือหน่วยเยอะสุดท้าย ถ้าไปเปิดดู จะเห็นว่า ที่เหลือ กบข. และ อื่น ๆ ถือกันแค่ 4 % ซึ่งรายย่อยที่เหลือถ้าให้เดา ถ้าไม่ใช่คนที่ถือมาจากราคาพาร์ 10 บาท คงอยากขายกันหมด
ปัญหาคือ ขายได้กี่บาทนี่สิ
เอ ... ลุงขวดครับ แบบนี้เค้าจะแจ้งผู้ถือหน่อยลงทุนไหมครับว่าจะขายยังไง ประมูล หรือใครจะขอซื้อ หรือขอซื้อด้วยราคาเท่าไหร่
“If we wait for the moment when everything, absolutely everything is ready, we shall never begin.”
Ivan Turgenev
Ivan Turgenev
-
- Verified User
- โพสต์: 715
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 22
อันนี้ความคิดเห็น เพิ่มเติมนะครับ
NAV มัน 10.7 บาท แต่ว่า วิธีคิด มาจาก Income Approach ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มันจะ Sensitive มาก กับอัตราคิดลด และ Nav ของ Property Fund มันสูง ส่วนนึงทำที่ผมเห็นในงบคือ กำไรจาก Property Fund ไม่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าผู้ซื้อรายนี้ ซื้อไปแต่ สิทธิ์ในการเช่า มันก็ไม่ใช่ Property Fund แล้ว และกำไร ก็ต้องเสีย ภาษี ประมาณ 30% ถ้าเอา Income Approach มาคิด NAV ก็ต้องลด ไม่น่าใช่ 10.7 นะครับ
อันนี้มาจาก Comment คุณ IH เมื่อนานมาแล้วครับ ปี 2006 เมื่อมีคนถามให้เปรียบเทียบระหว่าง BKKAPF และ UOBAPF
http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... key=uobapf
[quote= doctoranch ] ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่........... NAV ใน leasehold(uobapf) ไม่น่าจะมีความสำคัญอะไรเลยในการพิจารณาลงทุนเนื่องจากพอหมดสัญญาเช่า NAV ก็จะเหลือศูนย์ทันที ต่างกับ freehold(BKKAPF) ซึ่งเมื่อหมดอายุกองทุน NAV ที่เหลืออยู่(สินทรัพย์)ก็จะเฉลี่ยคืนกับผู้ถือหน่วยลงทุน ดังนั้น NAV ของ leasehold ที่ประกาศอยู่ทุกๆเดือนจึงไม่มีอยู่จริง??????????ใช่ไหมครับ??? แล้วเขาจะประกาศไปทำไม?? ผมเคยตั้งกระทู้เมื่อปีก่อน ตอนนั้นถือ BOA(ปัจจุบัน=UOB)APFอยู่เยอะเพราะคิดว่ามี premium จาก NAV อยู่เยอะ ตอนนี้เลยมาซื้อ BKKCP กับ TFUND แล้วครับ[/quote]
[quote=invisible hand] NAV ใน leasehold(UOBAPF)
ไม่น่าจะมีความสำคัญอะไรเลยในการพิจารณาลงทุนเนื่องจากพอหมดสัญญาเช่า NAV ก็จะเหลือศูนย์ทันที
- ในทางบัญชีจะเป็นเช่นนั้นครับเพราะสัญญาเช่าหลายสัญญาจะระบุไว้ว่าเมื่อหมดสัญญาเช่า สินทรัพย์ที่อยู่บนที่ดินนั้นๆ จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน ดังนั้น NAV ของสินทรัพย์ที่เป็น leasehold ในกรณีดังกล่าวจะมีค่าลดลงเรื่อยๆ เมื่อจำนวนปีคงเหลือของสัญญาลดลง อย่างไรก็ตามก็มีหลายกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่มีนโยบายทำธุรกิจด้วยตนเอง เช่น อาจจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ หรือ landlord ที่เน้นการเก็บค่าเช่าจากที่ดิน ( ก็รวยจะแย่อยู่แล้ว ) ก็มีโอกาสที่กองทุนอสังหาฯ ดังกล่าวจะต่อสัญญาเช่าสินทรัพย์เมื่อใกล้หมดสัญญาได้ แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคตและก็มีความไม่แน่นอนอยู่ครับ
ต่างกับ freehold(BKKAPF) ซึ่งเมื่อหมดอายุกองทุน NAV ที่เหลืออยู่(สินทรัพย์)ก็จะเฉลี่ยคืนกับผู้ถือหน่วยลงทุน
- กองทุนอสังหาฯ ไม่มีหมดอายุครับ อยู่ไปได้เรื่อยๆ หากไม่มีเหตุจำเป็นที่ให้ต้องขายสินทรัพย์เฉลี่ยให้ผู้ถือหน่อยครับ
ดังนั้น NAV ของ leasehold ที่ประกาศอยู่ทุกๆเดือนจึงไม่มีอยู่จริง??????????ใช่ไหมครับ??? แล้วเขาจะประกาศไปทำไม??
- ก็มีความหมายหากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์นั้นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐานการประเมินและผู้ประเมินมีวิจารณญาณที่ดี มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจนั้นๆ พอสมควรครับ ดังนั้นเราไม่อาจจะรู้ได้ว่าผู้ประเมินท่านใดมีคุณสมบัติดังกล่าวบ้าง ดังนั้นเราไม่ควรยึดติดกับตัวเลข NAV จนเกินไปครับ ส่วนเรื่องการประกาศคงเป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครับเพื่อเป็นเกณฑ์อ้างอิงเกณฑ์หนึ่งให้กับผู้ลงทุนครับ [/quote]
NAV มัน 10.7 บาท แต่ว่า วิธีคิด มาจาก Income Approach ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มันจะ Sensitive มาก กับอัตราคิดลด และ Nav ของ Property Fund มันสูง ส่วนนึงทำที่ผมเห็นในงบคือ กำไรจาก Property Fund ไม่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าผู้ซื้อรายนี้ ซื้อไปแต่ สิทธิ์ในการเช่า มันก็ไม่ใช่ Property Fund แล้ว และกำไร ก็ต้องเสีย ภาษี ประมาณ 30% ถ้าเอา Income Approach มาคิด NAV ก็ต้องลด ไม่น่าใช่ 10.7 นะครับ
อันนี้มาจาก Comment คุณ IH เมื่อนานมาแล้วครับ ปี 2006 เมื่อมีคนถามให้เปรียบเทียบระหว่าง BKKAPF และ UOBAPF
http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... key=uobapf
[quote= doctoranch ] ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่........... NAV ใน leasehold(uobapf) ไม่น่าจะมีความสำคัญอะไรเลยในการพิจารณาลงทุนเนื่องจากพอหมดสัญญาเช่า NAV ก็จะเหลือศูนย์ทันที ต่างกับ freehold(BKKAPF) ซึ่งเมื่อหมดอายุกองทุน NAV ที่เหลืออยู่(สินทรัพย์)ก็จะเฉลี่ยคืนกับผู้ถือหน่วยลงทุน ดังนั้น NAV ของ leasehold ที่ประกาศอยู่ทุกๆเดือนจึงไม่มีอยู่จริง??????????ใช่ไหมครับ??? แล้วเขาจะประกาศไปทำไม?? ผมเคยตั้งกระทู้เมื่อปีก่อน ตอนนั้นถือ BOA(ปัจจุบัน=UOB)APFอยู่เยอะเพราะคิดว่ามี premium จาก NAV อยู่เยอะ ตอนนี้เลยมาซื้อ BKKCP กับ TFUND แล้วครับ[/quote]
[quote=invisible hand] NAV ใน leasehold(UOBAPF)
ไม่น่าจะมีความสำคัญอะไรเลยในการพิจารณาลงทุนเนื่องจากพอหมดสัญญาเช่า NAV ก็จะเหลือศูนย์ทันที
- ในทางบัญชีจะเป็นเช่นนั้นครับเพราะสัญญาเช่าหลายสัญญาจะระบุไว้ว่าเมื่อหมดสัญญาเช่า สินทรัพย์ที่อยู่บนที่ดินนั้นๆ จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน ดังนั้น NAV ของสินทรัพย์ที่เป็น leasehold ในกรณีดังกล่าวจะมีค่าลดลงเรื่อยๆ เมื่อจำนวนปีคงเหลือของสัญญาลดลง อย่างไรก็ตามก็มีหลายกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่มีนโยบายทำธุรกิจด้วยตนเอง เช่น อาจจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ หรือ landlord ที่เน้นการเก็บค่าเช่าจากที่ดิน ( ก็รวยจะแย่อยู่แล้ว ) ก็มีโอกาสที่กองทุนอสังหาฯ ดังกล่าวจะต่อสัญญาเช่าสินทรัพย์เมื่อใกล้หมดสัญญาได้ แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคตและก็มีความไม่แน่นอนอยู่ครับ
ต่างกับ freehold(BKKAPF) ซึ่งเมื่อหมดอายุกองทุน NAV ที่เหลืออยู่(สินทรัพย์)ก็จะเฉลี่ยคืนกับผู้ถือหน่วยลงทุน
- กองทุนอสังหาฯ ไม่มีหมดอายุครับ อยู่ไปได้เรื่อยๆ หากไม่มีเหตุจำเป็นที่ให้ต้องขายสินทรัพย์เฉลี่ยให้ผู้ถือหน่อยครับ
ดังนั้น NAV ของ leasehold ที่ประกาศอยู่ทุกๆเดือนจึงไม่มีอยู่จริง??????????ใช่ไหมครับ??? แล้วเขาจะประกาศไปทำไม??
- ก็มีความหมายหากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์นั้นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐานการประเมินและผู้ประเมินมีวิจารณญาณที่ดี มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจนั้นๆ พอสมควรครับ ดังนั้นเราไม่อาจจะรู้ได้ว่าผู้ประเมินท่านใดมีคุณสมบัติดังกล่าวบ้าง ดังนั้นเราไม่ควรยึดติดกับตัวเลข NAV จนเกินไปครับ ส่วนเรื่องการประกาศคงเป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครับเพื่อเป็นเกณฑ์อ้างอิงเกณฑ์หนึ่งให้กับผู้ลงทุนครับ [/quote]
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 23
ขอลอง อาบิทราจ ครั้งแรกในชีวิตหน่อยละกัน
ลุ้นๆ
ลุ้นๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 25
deal นี้ ผมโทรไปถามทางกองทุนตั้งแต่วันแรกๆที่ข่าวออกมาว่า มีคนมาติดต่อซื้อจริงไหม ถ้าขายจะขายราคาไหน NAV รึเปล่า เค้าก็แค่บอกว่า ตอนนี้ต้องขออนุมัติผู้ถือหน่วยเพื่อเปิดช่องก่อนถึงจะขายได้ พยายามถามว่ามีคนสนใจซื้อเหรอถึงได้ทำแบบนี้ เพราะเห็นในข่าวบอกว่า มีคนสนใจ เค้าพยายามบ่ายเบี่ยง ตอบไม่ตรงคำถาม :?
ถ้าไม่ใช่ insider แล้วยังไม่ทราบอะไรแน่นอน อาจจะเป็นแมงเม่าให้บางคนออกของได้ราคาสูงนะครับ แทนที่จะเป็น arbitager แบบไร้ความเสี่ยง อันนี้ผมว่ายังมีความเสี่ยงที่เราไม่รู้อีก
อันนี้ผมว่า ถ้าจะขายก็ต้องขายราคาสูง ขายราคาต่ำไม่ได้แน่ๆ (ลองคิดถึงคนที่ถือหน่วยตั้งแต่ราคาIPO ซึ่งมีกองทุนการกุศลของพระเทพฯ 2กอง และประกันสังคมด้วย) แต่ถ้าขายราคาสูง จะขายได้ไหม อันนี้ไม่ทราบ ถ้าขายไม่ได้ ก็คือไม่ขาย ถ้าไม่ขาย ราคาในตลาดก็ร่วงเละอาจจะต่ำกว่าตอนก่อนขึ้นมาด้วย
แต่ถ้าติดปลายนวมไว้ลุ้นเอามันส์ นิดๆหน่อยๆ ก็ลองดูครับ อิอิ :lol:
ถ้าไม่ใช่ insider แล้วยังไม่ทราบอะไรแน่นอน อาจจะเป็นแมงเม่าให้บางคนออกของได้ราคาสูงนะครับ แทนที่จะเป็น arbitager แบบไร้ความเสี่ยง อันนี้ผมว่ายังมีความเสี่ยงที่เราไม่รู้อีก
อันนี้ผมว่า ถ้าจะขายก็ต้องขายราคาสูง ขายราคาต่ำไม่ได้แน่ๆ (ลองคิดถึงคนที่ถือหน่วยตั้งแต่ราคาIPO ซึ่งมีกองทุนการกุศลของพระเทพฯ 2กอง และประกันสังคมด้วย) แต่ถ้าขายราคาสูง จะขายได้ไหม อันนี้ไม่ทราบ ถ้าขายไม่ได้ ก็คือไม่ขาย ถ้าไม่ขาย ราคาในตลาดก็ร่วงเละอาจจะต่ำกว่าตอนก่อนขึ้นมาด้วย
แต่ถ้าติดปลายนวมไว้ลุ้นเอามันส์ นิดๆหน่อยๆ ก็ลองดูครับ อิอิ :lol:
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 26
ผมวิเคราห์แบบนี้นะครับ
คนที่ต้องการขายโดน บังคับให้ขายเนื่องจากขาดสภาพคล่อง
ส่วนคนที่ซื้อ จะซื้อหรือไม่ก็ได้
ทำให้อำนาจการต่อรองไปตกอยู่กับคนซื้อ
คนซื้อก็คงไม่ซื้อที่ NAV หรอกครับเพราะไล่ซื้อในกระดานเอาถูกกว่า
กว้านซื้อไปจนถือเกิน 50% แล้วค่อยโวตขาย ถ้าหากทำสำเร็จจะซื้อได้ถูกกว่า NAV
ดังนั้น ถ้าหากผมมีสิทธิในการโวตจะโวตไม่ขายครับ รอจนครบกองทุน
ประมาณกันยายน ปี 51 แล้วขายน่าจะได้ราคาใกล้เคียง NAV ครับ
แม้จะวิเคราะห์ตามข้างบนแต่ว่าตัวนี้น่าสนใจ เพราะเหมือนลงเรียนวิชา
อาบิทราจภาคปฎิบัติ ในราคาถูกแสนถูก จ่ายค่าหน่วยกิจ 900 บาทเอง และอาจเอาไปใช้ได้ในอนาคตครับ
ความเสี่ยงแทบไม่มีเพราถือได้ถึงปี 51 กองทุนนี้คงไม่ลงมา 30% แน่ๆ แต่กับหุ้นพลังงานบางตัวที่ต้องลุ้นวันที่ 14 วันเดียวกับกองทุนนี้ กลับต้องลุ้นกันนาทีต่อนาทีกันเลยทีเดียว
ถือตัวนี้คืนวันที่ 14 นอนหลับแน่นอน ฟันธง 555
คนที่ต้องการขายโดน บังคับให้ขายเนื่องจากขาดสภาพคล่อง
ส่วนคนที่ซื้อ จะซื้อหรือไม่ก็ได้
ทำให้อำนาจการต่อรองไปตกอยู่กับคนซื้อ
คนซื้อก็คงไม่ซื้อที่ NAV หรอกครับเพราะไล่ซื้อในกระดานเอาถูกกว่า
กว้านซื้อไปจนถือเกิน 50% แล้วค่อยโวตขาย ถ้าหากทำสำเร็จจะซื้อได้ถูกกว่า NAV
ดังนั้น ถ้าหากผมมีสิทธิในการโวตจะโวตไม่ขายครับ รอจนครบกองทุน
ประมาณกันยายน ปี 51 แล้วขายน่าจะได้ราคาใกล้เคียง NAV ครับ
แม้จะวิเคราะห์ตามข้างบนแต่ว่าตัวนี้น่าสนใจ เพราะเหมือนลงเรียนวิชา
อาบิทราจภาคปฎิบัติ ในราคาถูกแสนถูก จ่ายค่าหน่วยกิจ 900 บาทเอง และอาจเอาไปใช้ได้ในอนาคตครับ
ความเสี่ยงแทบไม่มีเพราถือได้ถึงปี 51 กองทุนนี้คงไม่ลงมา 30% แน่ๆ แต่กับหุ้นพลังงานบางตัวที่ต้องลุ้นวันที่ 14 วันเดียวกับกองทุนนี้ กลับต้องลุ้นกันนาทีต่อนาทีกันเลยทีเดียว
ถือตัวนี้คืนวันที่ 14 นอนหลับแน่นอน ฟันธง 555
- zolomon
- Verified User
- โพสต์: 365
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 28
ผมมองว่าการทำแบบนึ้เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะคนซื้อก็คงไม่ซื้อที่ NAV หรอกครับเพราะไล่ซื้อในกระดานเอาถูกกว่า
กว้านซื้อไปจนถือเกิน 50% แล้วค่อยโวตขาย ถ้าหากทำสำเร็จจะซื้อได้ถูกกว่า NAV
1. n-park ถืออยู่ 20 กว่า ๆ บวกกับ กองทุนประกัน ฯ กองทุนการกุศล อีก 2 กอง และ กองทุนอีก รวมกันแล้วได้ 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งคงยากที่จะไล่ได้ครบ
2. การไล่ในกระดานถ้าดูมูลค่าการซื้อขายแต่ล่ะวันที่ผ่าน มา จะเห็นได้ว่ากว่าจะได้ครบ 50 อาจใช้เวลา 5 ปีได้ เพราะซื้อขายกันน้อยมาก ๆ และราคาก็คงถูกไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไม่ถูกสักเท่าไหร่สุดท้ายก็ไปใกล้ NAV นั่นแหละ แถมเสี่ยงได้ไม่ครบอีกต่างหาก
“If we wait for the moment when everything, absolutely everything is ready, we shall never begin.”
Ivan Turgenev
Ivan Turgenev
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 29
n-park ที่ถือมา 20กว่าๆ อาจขายก็ได้เนื่องจากต้องการเงินสดไปขยายกิจการ
ส่วนกองทุนก็ไม่ได้มีกฎว่าห้ามขาย งานนี้ผมว่าใครจะขายก็คงได้มั้ง
ส่วนกองทุนก็ไม่ได้มีกฎว่าห้ามขาย งานนี้ผมว่าใครจะขายก็คงได้มั้ง
-
- Verified User
- โพสต์: 1558
- ผู้ติดตาม: 0
โอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง?>>> UOBAPF
โพสต์ที่ 30
*(เพิ่มเติม) N-PARK เชื่อภาพพจน์ดีขึ้น-ดึง ตปท.มาร่วมพัฒนาโครงการหลังจ่ายคืนหนี้หมด
Source - IQ Biz
Tuesday, 11 December 2007 16:49
บมจ.แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) คาดว่าหลังจากบริษัทสามารถขายหุ้นในมือเพื่อนำมาชำระหนี้ก้อนใหญ่ที่มีกับธนาคารพาณิชย์ 2 แห่งได้ครบเรียบร้อยตามการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันนี้ จะทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทกลับคืนมา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการระดมทุนที่จะนำมาพัฒนาโครงการเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทต่อไป แย้มขณะนี้มีต่างชาติแสดงความสนใจร่วมพัฒนาโครงการแล้ว
"ที่ผ่านมาเนื่องจากเรามีหนี้สินพะรุงพะรัง เวลาจะไปขอกู้เงินหรือหาคนมาร่วมทำโครงการ ค่อนข้างลำบาก เพราะขาดความน่าเชื่อถือ แต่หลังจากขายทรัพย์สินและมีเงินไปชำระคืนหนี้ เชื่อว่าภาพพจน์และเครดิตของบริษัทจะกลับมา ซึ่งขณะนี้มีต่างชาติสนใจจะเข้ามาพัฒนาโครงการ"นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ N-PARK กล่าว
โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและการเตรียมงานของบริษัท ได้แก่ โครงการโรงแรมสยามและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ที่สยามารากอน ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 52 , โครงการโรงแรมอมันรีสอร์ท กทม.เป็นการร่วมมือระหว่าง N-PARK บริษัท อมันรีสอร์ท เซอร์วิส เซส ลิมิเต็ด และบริษัท ซิลเวอร์ลิงค์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด)อยู่ระหว่างการออกแบบและเตรียมการก่อสร้างคาดแล้วเสร็จในปี 53
โครงการโรงละครสยามโอเปร่า อยู่ระหว่างการหาแหล่งเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงการส่วนที่เหลือ และ โครงการโนโวเทลบีช รีสอร์ช พันวา จ.ภูเก็ต เปิดดำเนินการแล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพิ่มเติม คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนที่ก่อสร้างเพิ่มเติมในปี 52
ในวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น N-PARK มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหลักทรัพย์ในมือ 5 บริษัทเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)และธนาคารกรุงไทย(KTB) ซึ่งคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้นดังกล่าวประมาณ 2,317 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินมีวงเงินประมาณ 1.75 พันล้านบาท จึงน่าจะเหลือเงินประมาณกว่า 560 ล้านบาทที่จะสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทต่อไป
หุ้นสามัญที่ได้รับการอนุมัติให้ขายตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 2 พ.ย.50 ได้แก่ บมจ. แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ (PA)208,739,547 หุ้น หรือคิดเป็น 62.50% , บมจ. รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) 820,260,000 หุ้น คิดเป็น 6.86%, บมจ. แสนสิริ (SIRI) 2,721,231 หุ้น คิดเป็น 4.26% , บมจ. ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น (SYNTEC) 190,000,000 หุ้น คิดเป็น 11.88% และหุ้น Aimtop Investments Limited (Aimtop) 6,100,010 หุ้น คิดเป็น 100%
"คาดว่าน่าจะขายหุ้น PA, Aimtop ได้เร็วกว่าตัวอื่น เนื่องจากขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจเข้ามาแล้ว โดยคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้นราว 2.3 พันล้านบาท ซึ่งพอใช้หนี้ที่มีกับธนาคารนครหลวงไทยและธนาคารกรุงไทยได้หมด และจะนำเงินที่เหลือไปทำโครงการต่อ" แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง บริษัทยังมีหนี้ที่เหลือ กับ SCIB จำนวน 790.67 ล้านบาท และ KTB จำนวน 985.55 ล้านบาท
สำหรับหนี้กับทาง SCIB จำนวน 790.67 ล้านบาทนั้น บริษัทค้างชำระตั้งแต่ 15 ต.ค.50 ซึ่ง SCIB ได้ยอมผ่อนผันเวลาชำระคืนให้จนถึงสิ้นปีนี้
"หลังจากนี้คงจะมีการเจรจากับเจ้าหนี้อีกเพื่อให้ทราบว่าทางเรามีความคืบหน้าอย่างไร ซึ่งหากเจ้าหนี้ทราบว่าผู้ถือหุ้นเห็นชอบให้ขายทรัพย์สินในมือแล้ว ก็น่าที่จะเห็นความชัดเจนของโอกาสที่เราจะจ่ายคืนหนี้มากขึ้น ส่วนแบงก์จะว่าอย่างไรต่อไปก็ค่อยมาดูกันอีกที"แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับกรณีที่ทาง บมจ.ช.การช่าง(CK)แสดงความสนใจที่จะซื้อหุ้น BMCL จากบริษัทนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเจรจารายละเอียดด้วย หาก CK มีความสนใจจริง ๆ โดยบริษัทกำหนดว่าจะขายหุ้น BMCL ไม่ต่ำกว่า 0.79 บาท/หุ้น ขณะที่ราคาเทรดปัจจุบันอยู่ที่ 1.04 บาท/หุ้น
นอกจากนี้ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ยังรับทราบถึงความคืบหน้าคดีที่บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษายกฟ้องของศาลล้มละลายกลางที่ให้จำหน่ายคดีฟื้นฟูกิจการออกจากสารบบความต่อศาลฎีกา ว่า ศาลได้นัดฟังคำตัดสินในวันที่ 22 ม.ค.51
ในประเด็นนี้ มีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งได้เสนอให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยร่วมกับบริษัทฟ้องกลับบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต เนื่องจากเห็นว่าแม้ N-PARK จะเคยเป็นลูกหนี้ด้วยมูลหนี้หุ้นกู้ 200 ล้านบาท แต่บริษัทก็ได้มีการแปลงหนี้เป็นทุนโดยออกหุ้นใหม่เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งไทยสมุทรฯรับหุ้นไป 27 ล้านหุ้น เมื่อ 21 ส.ค.45 เรื่องราวน่าจะจบลง แต่ไทยสมุทรฯ ก็ยังยื่นคำร้องและยื่นอุทธรณ์ต่อศาลมาจนถึงวันนี้
"ผมอยากเสนอผู้ถือหุ้นรายย่อยช่วยกันลงขัน และร่วมกับบริษัทฟ้องกลับไทยสมุทรฯ ฐานไม่ยอมลดราวาศอก เรื่องฟ้องล้มละลายบริษัทในมูลหนี้หุ้นกู้ 200 ล้านบาท ทั้งที่ได้รับการแปลงหนี้เป็นทุนไปแล้วตั้ง 27 ล้านหุ้น ซึ่งตอนนี้เหลือ 5 ล้านหุ้น แสดงว่าได้มีการขายบางส่วนออกไปแล้วด้วย ก็น่าจะจบไปแล้ว แล้วยังจะมาฟ้องเอาอะไรกับบริษัทอีก"ผู้ถือหุ้น กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารระบุเพียงว่าจะนำข้อคิดเห็นดังกล่าวของผู้ถือหุ้นกลับไปหารือกับฝ่ายกฎหมายก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
ไม่มี UOBAPF นะ แต่รอดูวันจันทร์ดีกว่า
Source - IQ Biz
Tuesday, 11 December 2007 16:49
บมจ.แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) คาดว่าหลังจากบริษัทสามารถขายหุ้นในมือเพื่อนำมาชำระหนี้ก้อนใหญ่ที่มีกับธนาคารพาณิชย์ 2 แห่งได้ครบเรียบร้อยตามการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันนี้ จะทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทกลับคืนมา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการระดมทุนที่จะนำมาพัฒนาโครงการเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทต่อไป แย้มขณะนี้มีต่างชาติแสดงความสนใจร่วมพัฒนาโครงการแล้ว
"ที่ผ่านมาเนื่องจากเรามีหนี้สินพะรุงพะรัง เวลาจะไปขอกู้เงินหรือหาคนมาร่วมทำโครงการ ค่อนข้างลำบาก เพราะขาดความน่าเชื่อถือ แต่หลังจากขายทรัพย์สินและมีเงินไปชำระคืนหนี้ เชื่อว่าภาพพจน์และเครดิตของบริษัทจะกลับมา ซึ่งขณะนี้มีต่างชาติสนใจจะเข้ามาพัฒนาโครงการ"นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ N-PARK กล่าว
โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและการเตรียมงานของบริษัท ได้แก่ โครงการโรงแรมสยามและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ที่สยามารากอน ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 52 , โครงการโรงแรมอมันรีสอร์ท กทม.เป็นการร่วมมือระหว่าง N-PARK บริษัท อมันรีสอร์ท เซอร์วิส เซส ลิมิเต็ด และบริษัท ซิลเวอร์ลิงค์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด)อยู่ระหว่างการออกแบบและเตรียมการก่อสร้างคาดแล้วเสร็จในปี 53
โครงการโรงละครสยามโอเปร่า อยู่ระหว่างการหาแหล่งเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงการส่วนที่เหลือ และ โครงการโนโวเทลบีช รีสอร์ช พันวา จ.ภูเก็ต เปิดดำเนินการแล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพิ่มเติม คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนที่ก่อสร้างเพิ่มเติมในปี 52
ในวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น N-PARK มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหลักทรัพย์ในมือ 5 บริษัทเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)และธนาคารกรุงไทย(KTB) ซึ่งคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้นดังกล่าวประมาณ 2,317 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินมีวงเงินประมาณ 1.75 พันล้านบาท จึงน่าจะเหลือเงินประมาณกว่า 560 ล้านบาทที่จะสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทต่อไป
หุ้นสามัญที่ได้รับการอนุมัติให้ขายตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 2 พ.ย.50 ได้แก่ บมจ. แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ (PA)208,739,547 หุ้น หรือคิดเป็น 62.50% , บมจ. รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) 820,260,000 หุ้น คิดเป็น 6.86%, บมจ. แสนสิริ (SIRI) 2,721,231 หุ้น คิดเป็น 4.26% , บมจ. ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น (SYNTEC) 190,000,000 หุ้น คิดเป็น 11.88% และหุ้น Aimtop Investments Limited (Aimtop) 6,100,010 หุ้น คิดเป็น 100%
"คาดว่าน่าจะขายหุ้น PA, Aimtop ได้เร็วกว่าตัวอื่น เนื่องจากขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจเข้ามาแล้ว โดยคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้นราว 2.3 พันล้านบาท ซึ่งพอใช้หนี้ที่มีกับธนาคารนครหลวงไทยและธนาคารกรุงไทยได้หมด และจะนำเงินที่เหลือไปทำโครงการต่อ" แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง บริษัทยังมีหนี้ที่เหลือ กับ SCIB จำนวน 790.67 ล้านบาท และ KTB จำนวน 985.55 ล้านบาท
สำหรับหนี้กับทาง SCIB จำนวน 790.67 ล้านบาทนั้น บริษัทค้างชำระตั้งแต่ 15 ต.ค.50 ซึ่ง SCIB ได้ยอมผ่อนผันเวลาชำระคืนให้จนถึงสิ้นปีนี้
"หลังจากนี้คงจะมีการเจรจากับเจ้าหนี้อีกเพื่อให้ทราบว่าทางเรามีความคืบหน้าอย่างไร ซึ่งหากเจ้าหนี้ทราบว่าผู้ถือหุ้นเห็นชอบให้ขายทรัพย์สินในมือแล้ว ก็น่าที่จะเห็นความชัดเจนของโอกาสที่เราจะจ่ายคืนหนี้มากขึ้น ส่วนแบงก์จะว่าอย่างไรต่อไปก็ค่อยมาดูกันอีกที"แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับกรณีที่ทาง บมจ.ช.การช่าง(CK)แสดงความสนใจที่จะซื้อหุ้น BMCL จากบริษัทนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเจรจารายละเอียดด้วย หาก CK มีความสนใจจริง ๆ โดยบริษัทกำหนดว่าจะขายหุ้น BMCL ไม่ต่ำกว่า 0.79 บาท/หุ้น ขณะที่ราคาเทรดปัจจุบันอยู่ที่ 1.04 บาท/หุ้น
นอกจากนี้ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ยังรับทราบถึงความคืบหน้าคดีที่บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษายกฟ้องของศาลล้มละลายกลางที่ให้จำหน่ายคดีฟื้นฟูกิจการออกจากสารบบความต่อศาลฎีกา ว่า ศาลได้นัดฟังคำตัดสินในวันที่ 22 ม.ค.51
ในประเด็นนี้ มีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งได้เสนอให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยร่วมกับบริษัทฟ้องกลับบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต เนื่องจากเห็นว่าแม้ N-PARK จะเคยเป็นลูกหนี้ด้วยมูลหนี้หุ้นกู้ 200 ล้านบาท แต่บริษัทก็ได้มีการแปลงหนี้เป็นทุนโดยออกหุ้นใหม่เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งไทยสมุทรฯรับหุ้นไป 27 ล้านหุ้น เมื่อ 21 ส.ค.45 เรื่องราวน่าจะจบลง แต่ไทยสมุทรฯ ก็ยังยื่นคำร้องและยื่นอุทธรณ์ต่อศาลมาจนถึงวันนี้
"ผมอยากเสนอผู้ถือหุ้นรายย่อยช่วยกันลงขัน และร่วมกับบริษัทฟ้องกลับไทยสมุทรฯ ฐานไม่ยอมลดราวาศอก เรื่องฟ้องล้มละลายบริษัทในมูลหนี้หุ้นกู้ 200 ล้านบาท ทั้งที่ได้รับการแปลงหนี้เป็นทุนไปแล้วตั้ง 27 ล้านหุ้น ซึ่งตอนนี้เหลือ 5 ล้านหุ้น แสดงว่าได้มีการขายบางส่วนออกไปแล้วด้วย ก็น่าจะจบไปแล้ว แล้วยังจะมาฟ้องเอาอะไรกับบริษัทอีก"ผู้ถือหุ้น กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารระบุเพียงว่าจะนำข้อคิดเห็นดังกล่าวของผู้ถือหุ้นกลับไปหารือกับฝ่ายกฎหมายก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
ไม่มี UOBAPF นะ แต่รอดูวันจันทร์ดีกว่า