แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

การลงทุนอื่นๆนอกจากหุ้น วีไอ กองทุนรวมชนิดต่างๆ RMF LTFตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ อนุพันธ์ และเกษตรล่วงหน้า

โพสต์ โพสต์
NDD
Verified User
โพสต์: 408
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมใช้ กองทุนอสังหาฯ ทำงานหน้าที่เป็น กองทุน แบบ fixed income fund คือว่าผมต้องจ่ายงวดผ่อนบ้านราวๆ เดือนละ 12,000 (จากเงินต้น 1.7 ล้าน) แทนที่ ผมจะเอาเงิน 1.7 ล้านจ่ายทั้งหมดเพื่อตัดภาระดอกเบี้ย ผมเลือกใช้วิธี จะนำเงิน 1.4 ล้าน (แทนที่ จะเป็น 1.7 ล้าน) ไปลงทุนใน กองทุนอสังหา ซึ่งราคาที่ผมลงทุนได้เงินปันผลราว 10% ต่อปี(เริ่มซื้อสะสมตั้งแต่ SPF ต่ำกว่า 7 บาท) ซึ่งผมไม่เกี่ยงว่าเป็น Lease hold ซึ่งจะได้เงินปันผลราวๆ 1.4 แสนต่อปี เฉลี่ยแล้ว ใกล้เคียงกับ เงินงวดรายเดือนที่ต้องจ่ายค่าผ่อนบ้าน
ผมลดความเสี่ยงโดยกระจายการลงทุนไป 3 กองทุน (3 ลักษณะเป็น lease ทั้งหมด) ที่มีอายุกองทุนยาวใกล้เคียงกับ ระยะเวลาที่ต้องผ่อนค่างวดบ้าน   โดย 3 กองทุนมีสภาพคล่องสูงพอควร มีทั้งกองทุนสิทธิการเช่าสนามบิน, อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า
ผมจ่ายเงิน 1.4 ล้าน(ไปลงทุน) แทนที่จะจ่าย 1.7 ล้านตัดหนี้บ้าน ทำให้เหลือ อีก 3 แสนเป็นเงินไปสบทบในวงเงินที่จะลงทุนในหุ้น
ผมไม่ได้เอาเงินทั้ง 1.7 ล้านมาลงทุนในหุ้นทั้งหมดแล้วเอาปันผลมาจ่ายค่างวดผ่อนบ้าน เพราะคิดว่า เงินปันผลจากกองทุนอสังหาฯ ค่อนข้างแน่นอนกว่าหุ้น ประเด็นนี้ ผมต้องการความแน่นอน Fixed income มากกว่าความร่ำรวยจากเงินก้อนนี้  อีกทั้ง ก็ได้แบ่งสัดส่วนเงินที่จะลงทุนในหุ้นไว้อยู่แล้ว

ขอความเห็นความ comment หรือแนะนำเพิ่มได้ครับ เช่น ผมกระจายน้อยไปไหม หรือว่า น่าจะมีหุ้นที่จ่ายปันผล ค่อนข้างแน่นอน ในระดับ 10% ต่อไป (สม่ำเสมอไปไม่น้อยกว่า 20ปี) และมีสภาพคล่องพอควรที่จะหาซื้อมาได้ ผมจะได้พิจารณากระจายความเสี่ยงเพิ่มไปอีก หรือ ความเห็นประเด็นอื่นๆได้ครับ
frontosa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 460
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมคิดว่า ลงกอง lease hold ทั้งทีได้ 10% นี่มันจะคุ้มเหรอครับ
frontosa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 460
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ถ้าคุณ NDD มีความสามารถในทางการลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว บวกกับมีรายได้ประจำที่สามารถ cover 12000 ได้ ทำไมไม่ลงทุนในหุ้นไปเลยดีกว่า ถึงมีบางช่วงที่ราคาผันผวนแต่ระยะยาวแล้ว ดีกว่า 10% ต่อปีของ lease hold แน่ๆ บวกกับพอ lease hold หมดอายุก็ไม่ได้อะำไรขึ้นมา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Alastor
Verified User
โพสต์: 2590
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมเห็นด้วยนะครับที่จะผ่อนบ้านไปเรื่อยๆไม่ขายสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ x (1- Personal Tax)
ส่วนการกระจายตัวไปสินทรัพย์ไปผมเห็นว่าถ้าต้องการรักษาเงินต้นไว้และใช้เงินก้อนนี้หา cashflow มาชำระดอกเบี้ยธนาคาร ก็เอาไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำหน่อยดีกว่า
ปีที่แล้วผมจำได้ว่านักลงทุนในหุ้นตายกันเรียบ ผ่อนบ้านที่เป็นสิบๆปี crisis อาจจะเกิดอีกเมื่อไหร่ไม่ค่อยมีคนหนีทันหรอกครับ กลยุทธ์แบบของคุณ NDD ผมว่าไม่เลวครับ
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 1

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

Alastor เขียน:ผมเห็นด้วยนะครับที่จะผ่อนบ้านไปเรื่อยๆไม่ขายสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ x (1- Personal Tax)
ส่วนการกระจายตัวไปสินทรัพย์ไปผมเห็นว่าถ้าต้องการรักษาเงินต้นไว้และใช้เงินก้อนนี้หา cashflow มาชำระดอกเบี้ยธนาคาร ก็เอาไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำหน่อยดีกว่า
ปีที่แล้วผมจำได้ว่านักลงทุนในหุ้นตายกันเรียบ ผ่อนบ้านที่เป็นสิบๆปี crisis อาจจะเกิดอีกเมื่อไหร่ไม่ค่อยมีคนหนีทันหรอกครับ กลยุทธ์แบบของคุณ NDD ผมว่าไม่เลวครับ
กำลังจะนั่งคิดอยู่... อ่านของพี่ alastor ปุ๊บ อืม.. แบบนี้แหละๆ
ผมว่าดีกว่าเอาไปเล่นหุ้นหมด.. ผันผวนเกินไป
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
tt
Verified User
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

แต่อย่าลืมว่า leasehold นั้น nav จะลดลงไปเรื่อยๆนะครับ ดังนั้นผลตอบแทนอาจจะไม่ใช่ 10 % ตลอดก็ได้ ถ้าให้ชัวร์นะ เอาปีนี้ปีเดียวไปซื้อ siripf รับประกันค่าเช่า หักภาษีแล้ว 6.6 % ต่อปี เป็น freehold ปีหน้า siri จะรับซื้อคืนในราคาไม่ต่ำกว่าเดิม ถ้าจะเอานานกว่านั้นไปซื้อ Tlogis รับประกัน 7 ปี
แต่อย่างว่าเราไม่รู้ว่าอนาคต ดอกเบี้ยเงินกู้ อาจจะสูงกว่า 10% ก็ได้
ความเสี่ยงคือ ตอนที่ดอกเบี้ยขึ้นสูง ราคาในกองทุนในตลาดตก พร้อมกัน ซึ่งระยะยาวเราไม่รุ้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทางที่ดีคือมีเงินเหลือก็โปะๆไปบ้างเพื่อลดความเสี่ยง ผมก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน ผมกู้ซื้อบ้าน 6.5 ล้าน มีเงินอยุ่ 4 ล้าน ไม่ใช่เงินตัวเองดาวน์เลย ลงทุนในหุ้นบ้าง กองทุนอสังหาบ้าง โปะบ้านบ้างตอนนี้ก้เหลือ 2 ล้าน (ประมาณ 5 ปี) เงินในหุ้นก็ยังมี 6 ล้าน ก็ OK นะ
โดยเฉพาะบางช่วงของปีที่แล้ว เราจะรู้สึกว่าโชคดีที่เราโปะบ้านไปเรื่อยๆไม่งั้นก็เครียดเหมือนกัน ผมว่ายังไงเสียไม่มีหนี้ก็ดีกว่ามีหนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2912
ผู้ติดตาม: 1

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

Alastor เขียน:ผมเห็นด้วยนะครับที่จะผ่อนบ้านไปเรื่อยๆไม่ขายสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ x (1- Personal Tax)
ส่วนการกระจายตัวไปสินทรัพย์ไปผมเห็นว่าถ้าต้องการรักษาเงินต้นไว้และใช้เงินก้อนนี้หา cashflow มาชำระดอกเบี้ยธนาคาร ก็เอาไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำหน่อยดีกว่า
ปีที่แล้วผมจำได้ว่านักลงทุนในหุ้นตายกันเรียบ ผ่อนบ้านที่เป็นสิบๆปี crisis อาจจะเกิดอีกเมื่อไหร่ไม่ค่อยมีคนหนีทันหรอกครับ กลยุทธ์แบบของคุณ NDD ผมว่าไม่เลวครับ
เห็นด้วยกะน้อง alastor เพิ่มเติมอีกนิดว่าถ้าแบ่งไปลงกองทุนห้างสรรพสินค้า ก็จะได้ growth ด้วยนิดหน่อยนะครับ เพราะเพิ่มจากการขึ้นค่าเช่า
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
Eka
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

แล้วเรื่องรักษาเงินต้นล่ะครับ  จะทำยังไงในกรณีที่nav มันลดลงเรื่อยๆ
เห็นด้วยกับคุณtt นะครับ ว่ายังไงซะ ก็ควรจะหาเงินมาโป๊ะเงินต้นไปด้วย
แต่อาจจะทำเป็นสัดส่วนที่แปรผันกันไป

พอได้โอกาส ก็อาจจะขอเขาทำ retention เป็นการลดดอกเบี้ยไป
แถมบางครั้งพอทำ retention แล้วbank เขาก็ลดค่างวดให้ด้วยนะครับ

ปล. เคยคิดจะทำอย่างนี้เหมือนกัน แต่ยังคิดไม่ตกเรื่อง nav ที่ลดลง
ก็เลยไม่ได้ทำ
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

tt เขียน:แต่อย่าลืมว่า leasehold นั้น nav จะลดลงไปเรื่อยๆนะครับ
จากประกาศของตลาดหลักทรัพย์

ประกาศมูลค่าหน่วยลงทุน ประจำวันที่ 30 กันยายน 2552
FUTUREPF มูลค่าหน่วยลงทุน (บาท)                10.5345
CPNRF มูลค่าหน่วยลงทุน (บาท)                     10.4129

NAV ไม่เห็นลดลงนี่ครับ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
NDD
Verified User
โพสต์: 408
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เห็นด้วยกะน้อง alastor เพิ่มเติมอีกนิดว่าถ้าแบ่งไปลงกองทุนห้างสรรพสินค้า ก็จะได้ growth ด้วยนิดหน่อยนะครับ เพราะเพิ่มจากการขึ้นค่าเช่า
ผมลดความเสี่ยงโดยกระจายการลงทุนไป 3 กองทุน (3 ลักษณะเป็น lease ทั้งหมด) ที่มีอายุกองทุนยาวใกล้เคียงกับ ระยะเวลาที่ต้องผ่อนค่างวดบ้าน   โดย 3 กองทุนมีสภาพคล่องสูงพอควร มีทั้งกองทุนสิทธิการเช่าสนามบิน, อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า
ผมมี SPF,QHPF และ CPNRF
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ผมมีคำถามเรื่องอสังหาริมทรัพย์มาให้ช่วยคิดกันครับ

คุณลงทุนสร้างตึกแห่งหนึ่งด้วยต้นทุน 1 ล้านบาท มีเงื่อนไขว่าตึกนี้มีอายุการใช้งาน 20 ปีตามคุณภาพของวัสดุ  มีคนมาเช่าตึกเดือนละ 5000 บาท เปิดร้านค้าขายของได้กำไร 30,000 บาทต่อเดือน

เวลาผ่านไป 2 ปี เหลืออายุการใช้งาน 18 ปี  และคุณต้องการขายตึกนี้ คุณจะขายในราคาเท่าไหร่ครับ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
NDD
Verified User
โพสต์: 408
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

แล้วเรื่องรักษาเงินต้นล่ะครับ  จะทำยังไงในกรณีที่nav มันลดลงเรื่อยๆ
เรื่องเงินต้นไม่คิดว่าจะได้คืนอยู่แล้ว เมื่อถือจนครบ เพราะมันแปลง มาเป็น เงินปันผลในอัตราที่สูงกว่า Freehold ดังนั้นถ้าจะลง freehold ก็ต้องใช้เงินราว 2.4 ล้านเพื่อเอา 6%  ไม่ใช่ 1.4 ล้าน

ดังนั้นต้องเลือกว่า ลงเงิน 2.4 ล้านเอาปันผล มาจ่าย เพื่อเอาเงินต้นคืน หรือ ลงแค่ 1.4 ล้าน แล้วไม่เอาเงินต้นคืน ซึ่งถ้าเทียบกัน ก็เหมือนกับว่า ผมเลือกเอาเงินปัจจุบันไป 1 ล้านมาทำประโยชน์อย่างอื่น แทนที่จะไป จมในกองทุน Freehold เพื่อรอให้มันกลายเป็น 2.4 ล้านในอีกราว 20 ปีข้างหน้าถ้าเทียบแล้ว มันเป็นผลตอบแทน ถ้าเอาเงิน 1 ล้านไปลงทุน Freehold ไว้ เพื่อให้ได้ 2.4 ล้าน ใน 20 ปีข้างหน้า IRR ได้เพียง 4% ผมจึงเลือกเอา Leasehold 1.4 ล้าน แล้วเก็บเงินสดอีก 1 ล้านไว้ ลงทุนในปัจจุบันดีกว่า
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

คำถามที่ 2

คุณเป็นผู้จัด event และคุณเช่าพื้นที่การค้าทำเลดี สำหรับจัดงาน event เป็นเวลา 1 ปี เป็นเงิน 10 ล้านบาท มีต้นทุนดำเนินงาน 5 ล้านบาทต่อปี สามารถแบ่งพื้นที่ให้รายย่อยเช่าช่วงได้ 500 บล๊อก คิดค่าเช่าตามราคาตลาด 200 บาทต่อบล๊อกต่อวัน มีอัตราการเช่า 90%

คุณดำเนินการไป 3 เดือน มีผู้ขอซื้อสิทธิการเช่าดังกล่าว คุณจะขายไปในราคาเท่าไหร่?
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
ภาพประจำตัวสมาชิก
McDull
Verified User
โพสต์: 313
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ผ่อนบ้านอยู่เหมือนกันครับ และไม่มีความคิดจะโปะเงินต้นเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่ยังหาการลงทุนที่มา cover อัตราดอกเบี้ยธนาคารได้

เรื่องกองทุนอสังหานี่ไม่สันทัดเลยครับผม แต่คิดเหมือนกันว่า ปันผลที่มาจากรายได้ค่าเช่าเซ็นสัญญารายปี น่าจะเสถียรกว่าปันผลกำไรจากธุรกิจ

4 ปีที่ผ่านมาได้อัตราดอกเบี้ยผ่อนบ้านคงที่ตั้งแต่ 2.5-4.5% เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนปี พอเข้าช่วงลอยตัวขี้นไปที่ 6-7% ก็ไปทำเรื่องรีไฟแนนซ์ ไปขอเงื่อนไขที่ดีที่สุดจากธนาคารอื่นมาให้เค้าดู เอาไปเสนอผู้จัดการสาขาอนุมัติ ก็ได้อัตรา ~3-5% อิงกับดอกเบี้ยลอยตัวมาอีกสามปี เดี๋ยวครบกำหนดก็ค่อยทำเรื่องใหม่ ลองหาเงื่อนไขที่เป็นดอกเบี้ยคงที่ดูครับ อาจจะจ่ายแพงกว่าหน่อยแต่ตัดกังวลเรื่องอัตราจากธปท.ประกาศไปได้เลย ถ้าได้ลดค่างวดด้วยจะยิ่งแจ่ม

ป.ล. ค่าธรรมเนียมทำสัญญาใหม่ประมาณสองหมื่นกว่า ก็หักคอเค้าดื้อๆเลยว่า ไม่จ่ายครับ ช่วยออกให้หน่อย  :B
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอบาน่า
Verified User
โพสต์: 257
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ตอบคำถามที่ 2
ค่าเช่า 10 ลบ. จ่ายเต็ม
ลงทุน 5 ลบ. ต่อปี จ่ายไป 3 เดือน 1.25 ลบ.
รวม 11.25 ลบ.
รายได้
500*200*90*.9 เท่ากับ 0.81 ลบ.
กำไร(ขาทุน) เท่ากับ 0.81-11.25 เท่ากับ (3.15) ลบ.
ขายแบบไม่เอากำไรก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 3.15 ลบ. คิดแบบนี้ถูกมั้ยครับ ผมไม่ใช่นักบัญชีนะครับ มั่วเอา
*
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอบาน่า
Verified User
โพสต์: 257
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

[quote="นักดูดาว"]ผมมีคำถามเรื่องอสังหาริมทรัพย์มาให้ช่วยคิดกันครับ

คุณลงทุนสร้างตึกแห่งหนึ่งด้วยต้นทุน 1 ล้านบาท มีเงื่อนไขว่าตึกนี้มีอายุการใช้งาน 20 ปีตามคุณภาพของวัสดุ
*
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอบาน่า
Verified User
โพสต์: 257
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

[quote="โอบาน่า"][quote="นักดูดาว"]ผมมีคำถามเรื่องอสังหาริมทรัพย์มาให้ช่วยคิดกันครับ

คุณลงทุนสร้างตึกแห่งหนึ่งด้วยต้นทุน 1 ล้านบาท มีเงื่อนไขว่าตึกนี้มีอายุการใช้งาน 20 ปีตามคุณภาพของวัสดุ
*
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
LittleChicky
Verified User
โพสต์: 277
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

Freehold ต่างจาก LeaseHold ยังไง
http://www.sec.or.th/investor_edu/info_ ... d_0952.pdf

ผมว่า เหมือนคำถามที่ว่าถ้าเราเจอตึกที่เราอยากซื้อมาทำธุรกิจ เราจะเซ้ง(Lease Hold) หรือจะซื้อ(Free Hold )ดี   ซึ่งโดยปรกติทำเลดีมากๆเจ้าของมักไม่ขายแต่ให้เซ็งแทน

เรื่องความเสี่ยง ไม่ว่าจะเซ้งหรือจะซื้อ ถ้าเศรษฐกิจย่ำแย่  ก็คงขายของ(หรือปล่อยเช่า) ไม่ได้ เหมือนกัน  เอ๊ะ ผมตอบตรงคำถามรึเปล่าเนี่ย   :lol:
นักลงทุนผู้ชาญฉลาดไม่ควรซื้อหุ้นสามัญเพียงเพราะว่ามันมีราคาถูก แต่ควรซื้อเฉพาะว่ามันสัญญาว่าจะทำกำไรงดงามให้กับเขา...ฟิลลิป เอ พิชเชอร์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Saran
Verified User
โพสต์: 2377
ผู้ติดตาม: 1

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

นักดูดาว เขียน:คำถามที่ 2

คุณเป็นผู้จัด event และคุณเช่าพื้นที่การค้าทำเลดี สำหรับจัดงาน event เป็นเวลา 1 ปี เป็นเงิน 10 ล้านบาท มีต้นทุนดำเนินงาน 5 ล้านบาทต่อปี สามารถแบ่งพื้นที่ให้รายย่อยเช่าช่วงได้ 500 บล๊อก คิดค่าเช่าตามราคาตลาด 200 บาทต่อบล๊อกต่อวัน มีอัตราการเช่า 90%

คุณดำเนินการไป 3 เดือน มีผู้ขอซื้อสิทธิการเช่าดังกล่าว คุณจะขายไปในราคาเท่าไหร่?
ขอตอบแบบมั่วๆ นะครับ
สมมุติว่าตอนคุณจัด event ต้องการผลตอบแทนที่ 30% ดังนั้นเงินลงทุน 10 ลบ.ในตอนแรก พอสิ้นปีคาดว่าต้องกลายเป็น 13 ลบ. ---------(1)

เนื่องจากพื้นที่ที่เช่าสามารถสร้างรายได้ได้ 500*200*90% = 90,000 บาทต่อวัน หรือคิดที่ 30 วันจะได้ 2.7 ลบ. ต่อเดือน
หักต้นทุนดำเนินงานที่ 0.42 ลบ.ต่อเดือน (จาก 5 ลบ.ต่อปี)
ดังนั้นสินทรัพย์ชิ้นนี้สามารถสร้างเงินสดได้ 2.7-0.42 = 2.28 ลบ.ต่อเดือน
ผ่านไป 3 เดือน คุณรับเงินสดไป 2.28*3 = 6.84 ลบ.

ดังนั้น จาก (1) ถ้าคุณจะขายต่อ ก็ควรขายในราคาไม่ต่ำกว่า 13-6.84 = 6.16 ลบ. เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คาดไว้
(แต่คนที่ซื้อไป ยังได้รับเงินสดจากที่เช่าอีก 2.28*9 = 20.52 ลบ.)

ผมคิดเลขผิดป่าวหว่า  :shock:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Saran
Verified User
โพสต์: 2377
ผู้ติดตาม: 1

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับวิธีลงทุนแบบที่คุณ NDD ทำนะครับ

ส่วนเรื่องกองทุนอสังหาที่จะซื้อลงทุน สำหรับผมอยากได้แบบที่สามารถปรับรายได้ค่าเช่าตามเงินเฟ้อได้ครับอย่าง QHPF กับ CPNRF นี่ก็ดี เพราะเงินปันผลเฉลี่ยระยะยาวแล้วจะได้โตเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อด้วย ส่วน SPF ผมว่ามันขึ้นกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปสมุยมากไปหน่อย ค่าภาษีสนามบินผมไม่รู้ว่าสามารถปรับขึ้นลงได้หรือป่าว

ส่วนผลตอบแทนที่ 10% ขึ้นต้องอยู่ที่ราคาซื้อแล้วอ่ะนะ :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 1

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

วิธีของคุณ NDD ใช้ในการลดความเสี่ยงเป็นสำคัญ  มีการกระจายความเสี่ยงเรียบร้อย
ผมดูแล้วเป็นแนวคิดที่ดีครับ
purinho
Verified User
โพสต์: 69
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ทำไมไม่ซื้อ tfund ล่ะ  ซื้อ 1.8 ล้านได้ปันผลปีละ 144000 บาท เดือนละ 12000 บาท พอดีเลย  งงกะเค้าจิงๆ
purinho
Verified User
โพสต์: 69
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 23

โพสต์

บลจ.ไอเอ็นจี โชว์ผลงาน 2 กองทุนอสังหาฯ "FUTUREPF- QHOP" กำไรวูบกว่า 20% เหตุท่องเที่ยวซบเซา ฉุดรายได้ค่าเช่าและบริการลดลง แต่ยังใจดีจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วย
     
      นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) นั้น มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.489 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.1803 บาท เมื่อเทียบกับไตรมาเดียวกันของปี 2551 กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 48.623 ล้านบาท เเละมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.2542 บาท ซึ่งพบว่ากำไรสุทธิของไตรมาส 3 เปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.07%
     
      ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุน QHOP มีรายได้ค่าเช่าและบริการลดลงในอัตราร้อยละ 18.53 มีค่าใช้จ่ายรวมลดลงในอัตราร้อยละ 2.44 เนื่องจากมีจำนวนผู้เช่าลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากสภาวะเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์การเมืองในประเทศ2) ในระหว่างปี 2552 กองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้สอบทานการประเมินมูลค่าเงินลงทุนใน สิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนลงทุนไว้ โดยในไตรมาส 3 ปี 2552 มีการปรับมูลค่าของเงิน ลงทุนลดลงเป็นจำนวน 4.00 ล้านบาททั้งนี้กองทุนได้มีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 0.32 ล้านบาท และรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนเป็นจำนวน 4.32 ล้านบาท
     
      ขณะเดียวกัน บลจ.ไอเอ็นจี จะทำการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 6 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึง วันที่ 30 กันยายน 2552 ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ อีกด้วย โดยจะปันผลในอัตรา หน่วยลงทุนละ 0.20 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 ธันวาคม 2552 เเละจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 นี้
     
      นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) ว่ากองทุนดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.131 ล้านบาท เเละมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.2306 บาท หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2551 จะพบว่า กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 164.577 ล้านบาท เเละมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3477
     
      ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนในรอบ 9 เดือนนั้น กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 320.973 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.6781 บาท
     
      ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิลดลง เนื่องมาจากกองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ประเมินราคาใช้วิธีพิจารณาจากรายได้ (Income Approach) โดยในไตรมาส 3 ปี 2551 มีการปรับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 89.80 ล้านบาท แต่ทั้งนี้กองทุนได้มีการลงทุนปรับปรุงสภาพของอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้นเป็นจำนวน 59.84 ล้านบาท และรับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่ เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 29.96 ล้านบาท
     
      ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 2552 มีการปรับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 4.40 ล้านบาท และกองทุนได้มีการลงทุนปรับปรุงสภาพของอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้นเป็นจำนวน 15.55 ล้านบาท และรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 11.15 ล้านบาท
     
      นอกจากนี้ บลจ.ไอเอ็นจี จะทำการจ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 12 ของ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 30กันยายน 2552 อีกด้วย โดยจะปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.26 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 ธันวาคม 2552 เเละจะ ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 นี้
purinho
Verified User
โพสต์: 69
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ผมคำนวนตามเข้าใจของตัวเองนะ  ราคา ipo  10 บาท สัญญาเช่า 30 ปี
เท่ากับ 10/30  = .3333  ทุกปีมันควรจะลดปีละ .3333 ใช่ไหม จน 30 ปี มันก็เหลือ 0 บาท  ใครซื้อเกินจากนี้ซื้อของแพงแล้วล่ะ
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 25

โพสต์

Saran เขียน:
ขอตอบแบบมั่วๆ นะครับ
สมมุติว่าตอนคุณจัด event ต้องการผลตอบแทนที่ 30% ดังนั้นเงินลงทุน 10 ลบ.ในตอนแรก พอสิ้นปีคาดว่าต้องกลายเป็น 13 ลบ. ---------(1)

เนื่องจากพื้นที่ที่เช่าสามารถสร้างรายได้ได้ 500*200*90% = 90,000 บาทต่อวัน หรือคิดที่ 30 วันจะได้ 2.7 ลบ. ต่อเดือน
หักต้นทุนดำเนินงานที่ 0.42 ลบ.ต่อเดือน (จาก 5 ลบ.ต่อปี)
ดังนั้นสินทรัพย์ชิ้นนี้สามารถสร้างเงินสดได้ 2.7-0.42 = 2.28 ลบ.ต่อเดือน
ผ่านไป 3 เดือน คุณรับเงินสดไป 2.28*3 = 6.84 ลบ.

ดังนั้น จาก (1) ถ้าคุณจะขายต่อ ก็ควรขายในราคาไม่ต่ำกว่า 13-6.84 = 6.16 ลบ. เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คาดไว้
(แต่คนที่ซื้อไป ยังได้รับเงินสดจากที่เช่าอีก 2.28*9 = 20.52 ลบ.)

ผมคิดเลขผิดป่าวหว่า
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 26

โพสต์

[quote="purinho"]ผมคำนวนตามเข้าใจของตัวเองนะ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ผมลองสมมุติโจทย์ให้ เพราะเราสามารถคิดมูลค่าของสินทรัพย์ได้หลายวิธี
ในกรณีของกองทุนอสังหาริมทรัพย์(หรืออสังหาริมทรัพย์)ที่มีกระแสเงินสดที่ไม่ผันผวนมากนักและมีความชัดเจนในการปันผล การคิดมูลค่าด้วยกระแสเงินสดจะยุติธรรมมากกว่ามูลค่าทางบัญชีหรือเปล่าครับ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
tt
Verified User
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ถามคุณนักดูดาวบ้างนะครับ ทั้งสอง event เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี คิดว่ามูลค่าจะเหลือเท่าไรครับ
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 29

โพสต์

หมายถึงโจทย์ที่ผมตั้งใช่ไหมครับ

โจทย์แรก อายุการใช้งาน 20 ปี เวลาผ่านมา 10 ปี มูลค่าของตึกขึ้นกับ อัตราค่าเช่าหักด้วยค่าใช้จ่ายในขณะนั้นคิดลดด้วยอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลา 10 ปีครับ ผมใช้วิธี DCF เหมือนคิดมูลค่าหุ้นน่ะครับ

โจทย์ที่สอง สัญญาเช่า 1 ปี มูลค่าเป็น 0 ตั้งแต่อายุครบ 1 ปีแล้วครับ

ถ้าถามเรื่องกองทุนอสังหาหมดอายุแล้วจะเป็นอย่างไรก็ 0 ครับ แต่ถ้าซื้อตอนนี้ ราคา 9 บาทกว่าๆ ปันผลประมาณ ปีละ 1 บาท เป็นเวลาจนหมดสัญญาเช่าจะคุ้มหรือไม่ ก็ลองใช้ IRR คิดดูครับ ว่าได้ตามที่ต้องการหรือเปล่า
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป

-จีรนุช เปรมชัยพร
DemonInvesting
Verified User
โพสต์: 805
ผู้ติดตาม: 0

แนวคิดการใช้เงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ถ้าเป็น Leasehold ปันผลที่ได้มาในแต่ละปีก็คือส่วนของเงินต้นด้วย ... ดังนั้นถ้ากะว่าให้ได้เงินปันผลพอดีๆกับ ยอดเงินที่ต้องส่งบ้าน(เงินต้นบวกดอก) ในแต่ละงวดกันนี่ มันก็จะพอดีกันไปเลย...ยิ่งถ้าสามารถกู้แบบดอกคงที่สามสิบปีได้ ไม่รู้เดี่ยวนี้เอไอจียังมีให้กู้แบบนี้ไหม

Leasehold ถึงแม้ว่านานๆไป NAV จะลด แต่มันไม่ได้ลดเป็นเส้นตรงแบบเฉลี่ยรายปี ช่วงแรกๆบางทีอาจจะเพิ่มขึ้นด้วยถ้าอัตราดอกเบี้ยลดลง หรือ อัตราค่าเช่าสูงขึ้น แต่ที่แน่ๆ ถ้าสินทรัพย์ดี กำไรเป็นยอดเงินในแต่ละปีจะไม่ค่อยลดมีแต่จะเพิ่ม ทำให้เงินปันผลเป็นบาทที่ได้ก็จะไม่ลด อัตราเงินปันผลแต่ละปีก็จะเพิ่มขึ้นถ้า NAV และราคาในตลาดลดลง... ดังนั้นในกรณีนี้ถ้าจับคู่ระหว่างเงินปันผล กับ เงินต้นบวกดอกเีบี้ยกู้บ้านไว้ดีแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แต่น่าเสียดายว่าตอนนี้แทบจะหากองทุนที่ให้ผลตอบแทนถึงสิบเปอร์เซนต์ไม่ได้เลย (เฉพาะผลตอบแทนที่ไม่รวมเงินต้น) อย่างพวก Freehold ก็ได้กัน แปดเปอร์เซนต์  Leasehold เห็นมีแต่ SPF มั้งที่ได้ถึงสิบเปอร์เซนต์ตัวเดียวเอง ซึ่งถ้าดอกเบี้ยเงินกู้ที่ซื้อบ้านไว้เป็นแบบลอยตัวก็จะมีความเสี่ยงพอสมควรทีเดียว เกิดดอกเบี้ยขึ้น แต่เรายังได้ปันผลเท่าเดิม มันก็จะไม่พอจ่าย แถมถ้าจะขายคืนในตลาดราคาก็มักจะลดลงด้วย น่าจะต้องระวังตรงส่วนนี้ด้วย
โพสต์โพสต์