เด็กใหม่อยากรบกวนพี่ๆช่วยดูหน่อยครับว่าน่าลงทุนไหม...
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
เด็กใหม่อยากรบกวนพี่ๆช่วยดูหน่อยครับว่าน่าลงทุนไหม...
โพสต์ที่ 1
ไม่ทราบว่าตั้งกระทู้นี้ถูกห้องหรือเปล่า หรือว่าต้องตั้งไว้ใน Alternative Investment หว่า :roll:
แต่เอาเถอะ ถ้าตั้งผิดรบกวนพี่ๆช่วยเตือนด้วยนะครับ วันหน้าจะได้ไม่พลาดอีก...
พอดีว่าอ่านเน็ตเล่นไปเรื่อยแล้วมาเจอเจ้านี่ ผมคิดว่าน่าสนใจดี เลยอยากนำมาฝากกันให้ช่วยวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดกันครับ โดยส่วนตัวผมเองชอบลงทุนผ่าน SCB ด้วยความสะดวกของ SCBEASY แต่ว่าเคยได้ยินว่า Aberdeen ก็ไม่เบา อยากรบกวนพี่ๆช่วยชี้แนะด้วยครับ...
-------------------------------------------------------------------------------
ที่มา: http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000106524
-------------------------------------------------------------------------------
ไทยพาณิชย์ลุยหุ้นทั่วโลก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 สิงหาคม 2549 08:11 น.
บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้ฤกษ์เปิดตัว FIF กองแรก ส่ง "กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์" มูลค่า 1,000 ล้านบาท ลุยตลาดหุ้น 3 ภูมิภาค ทั้งเอเชีย-สหรัฐ-ยุโรป พร้อมชูจุดเด่นเน้นลงทุนหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ ค่า P/E ต่ำและราคาถูก ระบุตลาดหุ้นทั้ง 3 ภูมิภาคยังสดใส สอดคล้องกับการลงทุนทั่วโลก ที่คาดการณ์ว่าอีก 12 เดือนข้างหน้าจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยได้ประมาณ 10%
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ (SCBPGF) กองทุนรวมที่ลงทุนต่างประเทศ (FIF) กองแรกของบริษัท โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ กองทุนหลักที่กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ จะเข้าไปลงทุนคือ กองทุน DB Platinum Branchen Star Fund ที่จดทะเบียนกองทุนในประเทศลักเซมเบิร์ก โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนซึ่งกองทุนดังกล่าวบริหารโดย DB Platinum Advisor ในเครือของธนาคารดอยซ์แบงก์
โดยกองทุน DB Platinum Branchen Star Fund เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้น 3 ภูมิภาค ประกอบด้วย ตลาดหุ้นญี่ปุ่น อเมริกาและยุโรป โดยเป็นการลงทุนในรูปสกุลเงินยูโร ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าวจะอ้างอิงกับดัชนี CROCI Sectors
สำหรับจุดเด่นของกองทุนดังกล่าว จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ขนาดใหญ่และราคาถูกจากทั้ง 3 ภูมิภาค โดยหุ้นที่มีราคาถูกนั้น คือหุ้นที่มี P/E ในระดับต่ำ และมีการจ่ายปันผลดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้นๆ มีความมั่นคงและฐานะทางการเงินดี โดยนโยบายในการลงทุนนั้น กองทุนจะเลือกหุ้นจากดัชนี Euro STOXX ของยุโรป ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐอเมริกา และดัชนี TOPIX 100 ของญี่ปุ่นออกมาทั้งหมดจำนวน 30 หลักทรัพย์ ซึ่งจะแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 3 กลุ่มคือ กลุ่มพลังงาน เวชภัณฑ์ และกลุ่มวัสดุพื้นฐาน เช่น เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม สารเคมี เป็นต้น
ทั้งนี้ ในการลงทุนในหุ้นทั้ง 30 ตัวนั้น จะให้น้ำหนักในสัดส่วนที่เท่ากันหมด ซึ่งในเบื้องต้นหลังจากคัดเลือกหุ้นตามเซกเตอร์แล้ว สัดส่วนการลงทุนในตลาดสหรัฐจะมีอยู่ประมาณ 30-70% ตลาดหุ้นญี่ปุ่นประมาณ 20% ส่วนที่เหลือประมาณ 30% เป็นการลงทุนในตลาดยุโรป
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านการลงทุนไปทุก 1 เดือนแล้ว กองทุนก็จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์ใด มีค่า P/E เพิ่มขึ้น กองทุนก็จะขายทำกำไรหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์นั่นไป แล้วคัดเลือกหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีค่า P/E ต่ำ เข้ามาพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน DB Platinum Branchen Star Fund ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ประมาณ 20% และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีแล้วประมาณ 12%
นายอดิศรกล่าวว่า การที่บริษัทเลือกลงทุนผ่านกองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้น 3 ตลาดหลักดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าในภาพรวมแล้ว การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยยังสดใสอยู่ในระยะอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกเองก็ยังมีไม่มากนัก ทั้งนี้ การที่ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีความกังวลในเรื่องของนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นหลัก แต่ภายหลังจากนโยบายดังกล่าวมีความชัดเจนแล้ว ดัชนีทั่วโลกก็สามารถปรับตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง
กรรมการผู้จัดการบลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า มีการคาดการณ์จากสถาบันวิจัยต่างๆ ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 10% ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ ก็เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ระหว่างวันที่ 25-31 สิงหาคมนี้ ซึ่งหากกองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทก็มีแผนจะจัดตั้งกองทุน FIF กองต่อไปอีก เพื่อเป็นทางเลือกและการกระจายการลงทุนของลูกค้า
แต่เอาเถอะ ถ้าตั้งผิดรบกวนพี่ๆช่วยเตือนด้วยนะครับ วันหน้าจะได้ไม่พลาดอีก...
พอดีว่าอ่านเน็ตเล่นไปเรื่อยแล้วมาเจอเจ้านี่ ผมคิดว่าน่าสนใจดี เลยอยากนำมาฝากกันให้ช่วยวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดกันครับ โดยส่วนตัวผมเองชอบลงทุนผ่าน SCB ด้วยความสะดวกของ SCBEASY แต่ว่าเคยได้ยินว่า Aberdeen ก็ไม่เบา อยากรบกวนพี่ๆช่วยชี้แนะด้วยครับ...
-------------------------------------------------------------------------------
ที่มา: http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000106524
-------------------------------------------------------------------------------
ไทยพาณิชย์ลุยหุ้นทั่วโลก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 สิงหาคม 2549 08:11 น.
บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้ฤกษ์เปิดตัว FIF กองแรก ส่ง "กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์" มูลค่า 1,000 ล้านบาท ลุยตลาดหุ้น 3 ภูมิภาค ทั้งเอเชีย-สหรัฐ-ยุโรป พร้อมชูจุดเด่นเน้นลงทุนหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ ค่า P/E ต่ำและราคาถูก ระบุตลาดหุ้นทั้ง 3 ภูมิภาคยังสดใส สอดคล้องกับการลงทุนทั่วโลก ที่คาดการณ์ว่าอีก 12 เดือนข้างหน้าจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยได้ประมาณ 10%
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ (SCBPGF) กองทุนรวมที่ลงทุนต่างประเทศ (FIF) กองแรกของบริษัท โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ กองทุนหลักที่กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ จะเข้าไปลงทุนคือ กองทุน DB Platinum Branchen Star Fund ที่จดทะเบียนกองทุนในประเทศลักเซมเบิร์ก โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนซึ่งกองทุนดังกล่าวบริหารโดย DB Platinum Advisor ในเครือของธนาคารดอยซ์แบงก์
โดยกองทุน DB Platinum Branchen Star Fund เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้น 3 ภูมิภาค ประกอบด้วย ตลาดหุ้นญี่ปุ่น อเมริกาและยุโรป โดยเป็นการลงทุนในรูปสกุลเงินยูโร ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าวจะอ้างอิงกับดัชนี CROCI Sectors
สำหรับจุดเด่นของกองทุนดังกล่าว จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ขนาดใหญ่และราคาถูกจากทั้ง 3 ภูมิภาค โดยหุ้นที่มีราคาถูกนั้น คือหุ้นที่มี P/E ในระดับต่ำ และมีการจ่ายปันผลดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้นๆ มีความมั่นคงและฐานะทางการเงินดี โดยนโยบายในการลงทุนนั้น กองทุนจะเลือกหุ้นจากดัชนี Euro STOXX ของยุโรป ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐอเมริกา และดัชนี TOPIX 100 ของญี่ปุ่นออกมาทั้งหมดจำนวน 30 หลักทรัพย์ ซึ่งจะแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 3 กลุ่มคือ กลุ่มพลังงาน เวชภัณฑ์ และกลุ่มวัสดุพื้นฐาน เช่น เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม สารเคมี เป็นต้น
ทั้งนี้ ในการลงทุนในหุ้นทั้ง 30 ตัวนั้น จะให้น้ำหนักในสัดส่วนที่เท่ากันหมด ซึ่งในเบื้องต้นหลังจากคัดเลือกหุ้นตามเซกเตอร์แล้ว สัดส่วนการลงทุนในตลาดสหรัฐจะมีอยู่ประมาณ 30-70% ตลาดหุ้นญี่ปุ่นประมาณ 20% ส่วนที่เหลือประมาณ 30% เป็นการลงทุนในตลาดยุโรป
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านการลงทุนไปทุก 1 เดือนแล้ว กองทุนก็จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์ใด มีค่า P/E เพิ่มขึ้น กองทุนก็จะขายทำกำไรหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์นั่นไป แล้วคัดเลือกหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีค่า P/E ต่ำ เข้ามาพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน DB Platinum Branchen Star Fund ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ประมาณ 20% และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีแล้วประมาณ 12%
นายอดิศรกล่าวว่า การที่บริษัทเลือกลงทุนผ่านกองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้น 3 ตลาดหลักดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าในภาพรวมแล้ว การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยยังสดใสอยู่ในระยะอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกเองก็ยังมีไม่มากนัก ทั้งนี้ การที่ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีความกังวลในเรื่องของนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นหลัก แต่ภายหลังจากนโยบายดังกล่าวมีความชัดเจนแล้ว ดัชนีทั่วโลกก็สามารถปรับตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง
กรรมการผู้จัดการบลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า มีการคาดการณ์จากสถาบันวิจัยต่างๆ ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 10% ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ ก็เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ระหว่างวันที่ 25-31 สิงหาคมนี้ ซึ่งหากกองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทก็มีแผนจะจัดตั้งกองทุน FIF กองต่อไปอีก เพื่อเป็นทางเลือกและการกระจายการลงทุนของลูกค้า
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
เด็กใหม่อยากรบกวนพี่ๆช่วยดูหน่อยครับว่าน่าลงทุนไหม...
โพสต์ที่ 2
กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 3 กลุ่มคือ กลุ่มพลังงาน เวชภัณฑ์ และกลุ่มวัสดุพื้นฐาน เช่น เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม สารเคมี เป็นต้น
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
เด็กใหม่อยากรบกวนพี่ๆช่วยดูหน่อยครับว่าน่าลงทุนไหม...
โพสต์ที่ 3
ตลกดีนะครับ ทั้งๆที่เมืองไทยเราอยากได้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนบ้านเรา แต่เราเองกลับเอาเงินของเราไปลงทุนในต่างประเทศ งงงงงงงงง
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
เด็กใหม่อยากรบกวนพี่ๆช่วยดูหน่อยครับว่าน่าลงทุนไหม...
โพสต์ที่ 4
ผมว่าตรงนี้ไม่ใช่การลงทุนแนว VI นะครับอย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านการลงทุนไปทุก 1 เดือนแล้ว กองทุนก็จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์ใด มีค่า P/E เพิ่มขึ้น กองทุนก็จะขายทำกำไรหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์นั่นไป แล้วคัดเลือกหลักทรัพย์หรือกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีค่า P/E ต่ำ เข้ามาพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง
แล้วก็ลงทุนที่ต่างประเทศ คิดค่าธรรมเนียม(ค่าบริหารจัดการกองทุน) แพงไหม