ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 1
โปรดอย่าเถียงกันเพราะไม่มีข้อสรุป แต่ขอให้ลองเสอนแนวคิด เผื่อมีใครอ่าน แล้วปิ๊งจะได้เอาไปใช้นะครับ
...........................................................................
หมายความว่าต่างคนต่างเสนอ ทำนองว่า ถ้าเป็นผมนะ ผมจะ....................
............................................................................
เริ่มที่ผมก่อนเลย ผมขอเสนอให้
1. ใจเย็น ๆ
2. เป็นนักเรียนก่อน
3. วงการนี้ แข่งกัน ว่าในระยะยาว ใครอยู่ได้
ถ้าเห็นด้วย
ให้แบ่งเงินเป็น 2 ก้อน ก้อนแรก 80 เปอร์เซ็นต์ลงแบบ VI เป้าหมาย กำไร + ปันผล ทำให้ได้ 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ก้อนที่สอง 20 เปอร์เซ็นต์ เล่นเก็งกำไร ถ้าขาดทุนหมด ห้ามเติมเงินลงไป
................................................................................
เล่นแบบนี้ผ่านไป 3 ปี อะไรจะเกิดขึ้น
กรณีที่ 1 เงินก้อนแรกทำกำไร ปีละ 15 เปอร์เซ็นต์ 3 ปี 45 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 108000 บวกเงินต้นที่ลงทุน 240000 รวมเป็น 348000 บาท ถ้าเงินก้อนที่สองที่ไปเก็งกำไรขาดทุนหมด โดยรวมยังได้กำไร 48000 คิดเป็น 5.33 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี จากเงินต้น 300000 บาท
กรณีที่ 2 เงินก้อนแรกก็ได้กำไร 45 เปอร์เซ็นต์ เงินก้อนที่สองก็ได้กำไร แต่ไม่มีเพดาน คือเงินก้อนที่สอง หมดได้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ คือ 60000 แต่ถ้าได้กำไร ก็ไปเรื่อยๆ ไม่มีขีดจำกัด แน่นอนครับ มีน้อยคนจะทำได้ แต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้
เพียงแต่มันยากมากครับ สำหรับคนที่ ได้กำไร แล้วจะไม่ทุ่มหมดเลย
สุดท้าย คนส่วนใหญ่หมดตัว คนส่วนน้อยร่ำรวย
แต่ถ้าแบ่ง 80 : 20 คุณก็จะรู้จักตัวคุณเองแล้วว่า คุณถนัดแบบไหน ยังไงซะ ผ่านไป 3 ปี เงินต้น ยังคงอยู่อย่างแน่นอน ด้วยการเล่นหุ้นแนว VI
...........................................................................
หมายความว่าต่างคนต่างเสนอ ทำนองว่า ถ้าเป็นผมนะ ผมจะ....................
............................................................................
เริ่มที่ผมก่อนเลย ผมขอเสนอให้
1. ใจเย็น ๆ
2. เป็นนักเรียนก่อน
3. วงการนี้ แข่งกัน ว่าในระยะยาว ใครอยู่ได้
ถ้าเห็นด้วย
ให้แบ่งเงินเป็น 2 ก้อน ก้อนแรก 80 เปอร์เซ็นต์ลงแบบ VI เป้าหมาย กำไร + ปันผล ทำให้ได้ 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ก้อนที่สอง 20 เปอร์เซ็นต์ เล่นเก็งกำไร ถ้าขาดทุนหมด ห้ามเติมเงินลงไป
................................................................................
เล่นแบบนี้ผ่านไป 3 ปี อะไรจะเกิดขึ้น
กรณีที่ 1 เงินก้อนแรกทำกำไร ปีละ 15 เปอร์เซ็นต์ 3 ปี 45 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 108000 บวกเงินต้นที่ลงทุน 240000 รวมเป็น 348000 บาท ถ้าเงินก้อนที่สองที่ไปเก็งกำไรขาดทุนหมด โดยรวมยังได้กำไร 48000 คิดเป็น 5.33 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี จากเงินต้น 300000 บาท
กรณีที่ 2 เงินก้อนแรกก็ได้กำไร 45 เปอร์เซ็นต์ เงินก้อนที่สองก็ได้กำไร แต่ไม่มีเพดาน คือเงินก้อนที่สอง หมดได้ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ คือ 60000 แต่ถ้าได้กำไร ก็ไปเรื่อยๆ ไม่มีขีดจำกัด แน่นอนครับ มีน้อยคนจะทำได้ แต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้
เพียงแต่มันยากมากครับ สำหรับคนที่ ได้กำไร แล้วจะไม่ทุ่มหมดเลย
สุดท้าย คนส่วนใหญ่หมดตัว คนส่วนน้อยร่ำรวย
แต่ถ้าแบ่ง 80 : 20 คุณก็จะรู้จักตัวคุณเองแล้วว่า คุณถนัดแบบไหน ยังไงซะ ผ่านไป 3 ปี เงินต้น ยังคงอยู่อย่างแน่นอน ด้วยการเล่นหุ้นแนว VI
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 3
anatomy ของการเล่นเก็งกำไร
เริ่มจากเล่นน้อยๆก่อนแต่ว่าได้ส่วนต่างราคามากเลยดูเป็นว่ากำไรเป็น เปอร์เซ็นต์สูงแล้วก็ค่อยๆซื้อมากขึ้นขณะที่ราคาหุ้นก็ขยับขึ้นเรื่อยๆด้วย (ความเสี่ยงก็ชักสูงขึ้น)แต่ก็ยังได้อยู่และได้มากขึ้นด้วยเพราะลงทุนไปมากกว่าเดิม ก็เลยมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ขายตัวนู้นไปซื้อตัวนี้วนไปวนมา index ก็ขึ้นไปเรื่อยๆ มีคนเข้าออกตลอดเวลา
พอเล่นได้ไปซัก 3-4 รอบ ได้เงินเป็นกอบเป็นกำแล้วก็เกิดความโลภอยากได้เป็นเท่าๆ เป็น 2 เท่า 3 เท่าแล้วก็คิดว่าจะเลิกเล่นไปเลย อะไรทำนองนี้ ก็เลยคิดว่า ขออีกทีรึกันคราวนี้จะดูหุ้นที่จะซื้ออย่างรอบคอบที่สุด จะขายที่ราคาที่ดีที่สุด สูงที่สุด ไม่มีการขายหมูอย่างเด็ดขาด คือกะเอาเยอะๆ คราวนี้ก็เลยซื้อไปแบบเยอะมากๆ กะฟาดทีเดียว
.....แต่เผอิญ คราวเคราะห์ที่ไหนไม่รู้ มีข่าว บินลาเดน บ้าง ข่าว กลต บ้าง ข่าว ขึ้นดอกเบี้ยบ้าง ข่าว moody downgrade ประเทศบ้าง ช่าวโบรคนั้นโบรคนี้ recommend ตั้ง 4-5 brokerให้ขายบ้าง เครื่องบินชนตึกบ้าง มีกล่องแอปเปิลวางหน้าสถานทูตบ้าง พี่ Greenspan จะพูดโน่นพูดนี่บ้างในคืนนี้ ข่าวเกิดตรวจพบเชื้อราเชื้อโรคในกุ้งบ้าง ข้าวบ้าง น้ำท่วมในจีน ระเบิดที่อินโด เกาหลีทะเลาะกันบ้าง จิปาถะ 108 1009 ฯลฯ
ก็เลย ซวย หุ้นตกมา 10 จุด...ไอ้เราก็คิดว่า อืม ยังไม่ขายแฮะ ไม่น่าจะลง เดี๋ยวก็เด้ง เดี๋ยวก็เด้ง หุ้นเราพื้นฐานมันสุดยอดนี่หว่า คราวนี้ลงไปเรื่อยๆ อีกหน่อยจนกำไรที่ได้มา 1 week 2 week 3 week ก็หมด ก็ยังคิดว่าโหยเดี๋ยวก็มา ยังไม่ขาดทุนเลย ยังสบายในที่สุด เริ่มขาดทุนกำไรที่ได้มาทั้ง ปี ขาดทุนหายไปใน 2 อาทิตย์และเริ่มติดลบไปเรื่อยๆเริ่มมาคิด cut loss คิดไปคิดมาอยู่อีก 2-3 วัน ดูหุ้นตัวเองทุกวันว่าเอาไงดีว้า เอาไงดี กว่าจะตัดใจขายได้ราคาล่วงลงมา 30%-40% เพราะกลัวว่าถ้าไม่ขายตอนนี้อาจขาดทุนมากกว่านี้
พอขายไปแล้ว หุ้นลงไปอีก อ้าวกลับเป็นดีใจ โอ้ยดีใจมากๆๆๆ....เฮ้ย ข้านี่เจ๋งทำถูกแล้ว ไม่งั้นขาดทุนมากกว่ากว่านี้อีก หุ้นก็เดินต๊อกต๋อยอยู่ต่ำๆ สักพัก ช่วงนั้นก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ว่าข้าเก่ง....เจ๋ง...
ผ่านไป ผ่านไป....สักพัก หุ้นตัวเดิมเริ่มขยับ เริ่มเด้งกลับมา....อ้าวชักขึ้นแล้วเฟ้ยแต่เคยเห็น Low เดิมที่ xxx นี่หว่า ข้าจะต้องซื้อที่ Low ให้ได้ ไม่งั้นไม่เจ๋ง.......เผอิญหุ้นไม่ลงมา Low เดิมอีกแล้ว เนื่องจากข่าวดี (ที่รู้ๆกันอยู่ ) เข้ามาเพียบ......แล้วกลับขึ้นไปเลย สรุป ก็ไม่ได้ซื้อคืนอีกนั่นแหละ กลายเป็นว่า ขายหมูไปหมดทั้งเล้าเลย ที่ราคาเกือบ Low
นี่คือสิ่งที่ผมเป็นมา ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ และคิดว่าจะเป็นต่อไปอีก สำหรับ port การลงทุนแบบเก็งกำไร ครับ......
port speculate ของท่านล่ะเป็นอย่างไร..
เริ่มจากเล่นน้อยๆก่อนแต่ว่าได้ส่วนต่างราคามากเลยดูเป็นว่ากำไรเป็น เปอร์เซ็นต์สูงแล้วก็ค่อยๆซื้อมากขึ้นขณะที่ราคาหุ้นก็ขยับขึ้นเรื่อยๆด้วย (ความเสี่ยงก็ชักสูงขึ้น)แต่ก็ยังได้อยู่และได้มากขึ้นด้วยเพราะลงทุนไปมากกว่าเดิม ก็เลยมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ขายตัวนู้นไปซื้อตัวนี้วนไปวนมา index ก็ขึ้นไปเรื่อยๆ มีคนเข้าออกตลอดเวลา
พอเล่นได้ไปซัก 3-4 รอบ ได้เงินเป็นกอบเป็นกำแล้วก็เกิดความโลภอยากได้เป็นเท่าๆ เป็น 2 เท่า 3 เท่าแล้วก็คิดว่าจะเลิกเล่นไปเลย อะไรทำนองนี้ ก็เลยคิดว่า ขออีกทีรึกันคราวนี้จะดูหุ้นที่จะซื้ออย่างรอบคอบที่สุด จะขายที่ราคาที่ดีที่สุด สูงที่สุด ไม่มีการขายหมูอย่างเด็ดขาด คือกะเอาเยอะๆ คราวนี้ก็เลยซื้อไปแบบเยอะมากๆ กะฟาดทีเดียว
.....แต่เผอิญ คราวเคราะห์ที่ไหนไม่รู้ มีข่าว บินลาเดน บ้าง ข่าว กลต บ้าง ข่าว ขึ้นดอกเบี้ยบ้าง ข่าว moody downgrade ประเทศบ้าง ช่าวโบรคนั้นโบรคนี้ recommend ตั้ง 4-5 brokerให้ขายบ้าง เครื่องบินชนตึกบ้าง มีกล่องแอปเปิลวางหน้าสถานทูตบ้าง พี่ Greenspan จะพูดโน่นพูดนี่บ้างในคืนนี้ ข่าวเกิดตรวจพบเชื้อราเชื้อโรคในกุ้งบ้าง ข้าวบ้าง น้ำท่วมในจีน ระเบิดที่อินโด เกาหลีทะเลาะกันบ้าง จิปาถะ 108 1009 ฯลฯ
ก็เลย ซวย หุ้นตกมา 10 จุด...ไอ้เราก็คิดว่า อืม ยังไม่ขายแฮะ ไม่น่าจะลง เดี๋ยวก็เด้ง เดี๋ยวก็เด้ง หุ้นเราพื้นฐานมันสุดยอดนี่หว่า คราวนี้ลงไปเรื่อยๆ อีกหน่อยจนกำไรที่ได้มา 1 week 2 week 3 week ก็หมด ก็ยังคิดว่าโหยเดี๋ยวก็มา ยังไม่ขาดทุนเลย ยังสบายในที่สุด เริ่มขาดทุนกำไรที่ได้มาทั้ง ปี ขาดทุนหายไปใน 2 อาทิตย์และเริ่มติดลบไปเรื่อยๆเริ่มมาคิด cut loss คิดไปคิดมาอยู่อีก 2-3 วัน ดูหุ้นตัวเองทุกวันว่าเอาไงดีว้า เอาไงดี กว่าจะตัดใจขายได้ราคาล่วงลงมา 30%-40% เพราะกลัวว่าถ้าไม่ขายตอนนี้อาจขาดทุนมากกว่านี้
พอขายไปแล้ว หุ้นลงไปอีก อ้าวกลับเป็นดีใจ โอ้ยดีใจมากๆๆๆ....เฮ้ย ข้านี่เจ๋งทำถูกแล้ว ไม่งั้นขาดทุนมากกว่ากว่านี้อีก หุ้นก็เดินต๊อกต๋อยอยู่ต่ำๆ สักพัก ช่วงนั้นก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ว่าข้าเก่ง....เจ๋ง...
ผ่านไป ผ่านไป....สักพัก หุ้นตัวเดิมเริ่มขยับ เริ่มเด้งกลับมา....อ้าวชักขึ้นแล้วเฟ้ยแต่เคยเห็น Low เดิมที่ xxx นี่หว่า ข้าจะต้องซื้อที่ Low ให้ได้ ไม่งั้นไม่เจ๋ง.......เผอิญหุ้นไม่ลงมา Low เดิมอีกแล้ว เนื่องจากข่าวดี (ที่รู้ๆกันอยู่ ) เข้ามาเพียบ......แล้วกลับขึ้นไปเลย สรุป ก็ไม่ได้ซื้อคืนอีกนั่นแหละ กลายเป็นว่า ขายหมูไปหมดทั้งเล้าเลย ที่ราคาเกือบ Low
นี่คือสิ่งที่ผมเป็นมา ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ และคิดว่าจะเป็นต่อไปอีก สำหรับ port การลงทุนแบบเก็งกำไร ครับ......
port speculate ของท่านล่ะเป็นอย่างไร..
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 4
ผ่าตัดการเกร็งกำไร คงมีหลายแบบ แต่แบบที่ Ficth ว่าไว้ นี่เป็นแบบที่โหดร้าย เครียด และกดดันที่สุดแล้วนะครับ
ตอนพี่เกร็ง Zmico นี่ พอไปตาฮิติก็ขายทุกราคาไปเลย
กลับมา ตกกะใจ เหลือ 71.50 ตอนนี้ ก็ 81.50 มั๊ง
ตอนก่อนไปก็วิ่งไปที่ 114 เห็นจะได้
วิ่งกันหนุกดี
แต่พอร์ทเกร็งกำไรนี่ ถือหุ้นนานไม่ได้ วิ่งกันไวจริงๆ
ตอนพี่เกร็ง Zmico นี่ พอไปตาฮิติก็ขายทุกราคาไปเลย
กลับมา ตกกะใจ เหลือ 71.50 ตอนนี้ ก็ 81.50 มั๊ง
ตอนก่อนไปก็วิ่งไปที่ 114 เห็นจะได้
วิ่งกันหนุกดี
แต่พอร์ทเกร็งกำไรนี่ ถือหุ้นนานไม่ได้ วิ่งกันไวจริงๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 5
คุณเจ๋งนี่ เข้าใจคิดนะครับ ทั้งชื่อกระทู้ และก็แนวความคิด ผมว่านะจะเป็นประโยชน์ของทุกๆ คนในห้องนี้
สิ่งที่คุณ FITCH พูดมานี่คือความจริง สัจจธรรม ผมก็เชื่อว่าก็กับทุกคน อ่านแล้วก็เข้าใจเป็นอย่างดี
แต่ละคนก็มีแนวทางการลงทุนไม่เหมือนกัน คงเลือกให้เหมาะสมกันเองครับ ส่วนตัวผมแล้ว หลังจากลงทุนมานานพอสมควร พอร์ตเกร็งกำไรแทบจะไม่มี แต่ก็ชอบฟังเพื่อนคุยถึงการเกร็งกำไร สนุกดี ผมขอเลือกถือระยะยาว หรืออย่างน้อยก็ถือสักปี ปีครึ่ง เพราะต้องมั่นใจพอสมควรก่อนที่จะลงทุนครับ
สิ่งที่คุณ FITCH พูดมานี่คือความจริง สัจจธรรม ผมก็เชื่อว่าก็กับทุกคน อ่านแล้วก็เข้าใจเป็นอย่างดี
แต่ละคนก็มีแนวทางการลงทุนไม่เหมือนกัน คงเลือกให้เหมาะสมกันเองครับ ส่วนตัวผมแล้ว หลังจากลงทุนมานานพอสมควร พอร์ตเกร็งกำไรแทบจะไม่มี แต่ก็ชอบฟังเพื่อนคุยถึงการเกร็งกำไร สนุกดี ผมขอเลือกถือระยะยาว หรืออย่างน้อยก็ถือสักปี ปีครึ่ง เพราะต้องมั่นใจพอสมควรก่อนที่จะลงทุนครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 6
ผมก็เป็นเหมือนคุณ FITCH นั่นละกัน คิดว่าถือหุ้นพื้นฐานดีแล้ว ขึ้นเอาๆ แต่พอเห็นมันลงแล้ว ลงอีก เอ.. เอางัยดีหว่า กว่าจะตัดใจได้ เฮ้อ... กำไรนิดหน่อยก็ยังดี แต่ตอนนี้เห็นขึ้นเอาๆ จะซื้อ ก็ซื้อไม่ลง สุดท้าย...
ขึ้นไปจนไม่กล้าซื้อ 555 มันยากจริงๆ ที่ต้องตัดสินใจจะซื้อหรือขาย
แต่ก็สนุก มันส์ มีลุ้น มีตื่นเต้น และก็มีตกใจ ช็อค ทำไม ทำไม ทำไม ถึงเป็นไปได้
ขึ้นไปจนไม่กล้าซื้อ 555 มันยากจริงๆ ที่ต้องตัดสินใจจะซื้อหรือขาย
แต่ก็สนุก มันส์ มีลุ้น มีตื่นเต้น และก็มีตกใจ ช็อค ทำไม ทำไม ทำไม ถึงเป็นไปได้
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 7
ผมมีคติอยู่ 1 ข้อ :
"ไม่ว่าเป็นอะไรต้องเป็นให้ดี ถ้าเอ็งจะต้องเป็นโจรก็ขอให้เป็นขุนโจร ถ้าต้องเป็นขอทานก็ขอให้เป็นหัวหน้าพรรคกะยาจก ถือพลองตีสุนัข"
จะเป็น VI หรือ VS ผมว่าไม่สำคัญเท่า วันนี้คุณรู้อย่างถ่องแท้หรือยัง ว่า VI คือ อะไร และ VS คือ อะไร?
VS มีกฏเหล็กว่าอะไรบ้าง? คุณต้องทำอย่างไรในเหตุการณ์หนึ่งๆ
VI มีกฏเหล็กว่าอะไรบ้าง? คุณต้องทำอย่างไรในเหตุการณ์หนึ่งๆ
ถ้ายังตอบไม่ได้ ผมว่า ... หาคำตอบก่อนจะมานั่งเถียงว่าจะเป็นอะไรดีกว่าครับ
เพราะอาจารย์ที่สอนผมเล่นหุ้น แกสอนผมไว้ 1 ข้อและผมได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าจริงคือ
สำหรับคนเล่นหุ้นนั้น วินัย หรือ Decipline is King ครับ
"รู้ ไม่สู้ ทำ" วันนี้ คุณทำตามกฏ ได้ แล้วหรือยัง
ปล. ตอนนี้ผมเองหมัดเมาครับ เป็น VSOP อยู่ อิอิ
"ไม่ว่าเป็นอะไรต้องเป็นให้ดี ถ้าเอ็งจะต้องเป็นโจรก็ขอให้เป็นขุนโจร ถ้าต้องเป็นขอทานก็ขอให้เป็นหัวหน้าพรรคกะยาจก ถือพลองตีสุนัข"
จะเป็น VI หรือ VS ผมว่าไม่สำคัญเท่า วันนี้คุณรู้อย่างถ่องแท้หรือยัง ว่า VI คือ อะไร และ VS คือ อะไร?
VS มีกฏเหล็กว่าอะไรบ้าง? คุณต้องทำอย่างไรในเหตุการณ์หนึ่งๆ
VI มีกฏเหล็กว่าอะไรบ้าง? คุณต้องทำอย่างไรในเหตุการณ์หนึ่งๆ
ถ้ายังตอบไม่ได้ ผมว่า ... หาคำตอบก่อนจะมานั่งเถียงว่าจะเป็นอะไรดีกว่าครับ
เพราะอาจารย์ที่สอนผมเล่นหุ้น แกสอนผมไว้ 1 ข้อและผมได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าจริงคือ
สำหรับคนเล่นหุ้นนั้น วินัย หรือ Decipline is King ครับ
"รู้ ไม่สู้ ทำ" วันนี้ คุณทำตามกฏ ได้ แล้วหรือยัง
ปล. ตอนนี้ผมเองหมัดเมาครับ เป็น VSOP อยู่ อิอิ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 8
คมมาก คมมาก ชอบจริงๆ
A good plan today is better than a perfect plan tomorrow..
God...I Like it!!!!
:lol:
A good plan today is better than a perfect plan tomorrow..
God...I Like it!!!!
:lol:
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 9
ไม่เกี่ยววงเงินเลย จะมากหรือน้อยไม่เกี่ยวกับ stye การลงทุนเลย คน
ละเรื่อง
ละเรื่อง
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 10
เหตุผลที่ผมไม่เล่นเก็งกำไร
1.ผมมีความเชื่ออย่างปราศจากอคติว่า
คงมีรายย่อยส่วนน้อยมากๆ ที่ในระยะยาวๆๆ แล้ว
เก็งกำไรแล้วได้ผลตอบแทนที่ ชนะ ตลาดได้
ยกเว้น คุณเป็นเจ้าของหุ้น หรือ ได้ข่าว insider
2.คุณไม่มีทางที่จะ
ซื้อหุ้นได้ถูกที่สุด
และขายได้แพงที่สุด
เรื่องของTiming ไม่เคยเข้าใครออกใคร
ยกเว้น คุณจะมีเครื่อง Time Machine
3.สำคัญที่สุด สุขสภาพจิต อารมณ์ ที่เกิดจากการเก็งกำไร
ติดหุ้นแล้ว กินข้าวไม่อร่อย นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย
ผมก็ไม่รู้ว่าคุ้มกันหรือปล่าว
ผมยังจำกระทู้ที่พี่ mon money เล่าเรื่องการลงทุนของพี่ว่า
เราลงทุนโดยที่ไม่เสียการเสียงานที่มีทำประจำอยู่
ตกเย็นก็ไปรับลูกจากโรงเรียน ได้มีเวลาเล่นกับลูก
ที่สำคัญ คือ จะเก็บหุ้นที่จะถือยาว ไว้เป็นมรดกให้ลูกๆ ต่อไป
1.ผมมีความเชื่ออย่างปราศจากอคติว่า
คงมีรายย่อยส่วนน้อยมากๆ ที่ในระยะยาวๆๆ แล้ว
เก็งกำไรแล้วได้ผลตอบแทนที่ ชนะ ตลาดได้
ยกเว้น คุณเป็นเจ้าของหุ้น หรือ ได้ข่าว insider
2.คุณไม่มีทางที่จะ
ซื้อหุ้นได้ถูกที่สุด
และขายได้แพงที่สุด
เรื่องของTiming ไม่เคยเข้าใครออกใคร
ยกเว้น คุณจะมีเครื่อง Time Machine
3.สำคัญที่สุด สุขสภาพจิต อารมณ์ ที่เกิดจากการเก็งกำไร
ติดหุ้นแล้ว กินข้าวไม่อร่อย นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย
ผมก็ไม่รู้ว่าคุ้มกันหรือปล่าว
ผมยังจำกระทู้ที่พี่ mon money เล่าเรื่องการลงทุนของพี่ว่า
เราลงทุนโดยที่ไม่เสียการเสียงานที่มีทำประจำอยู่
ตกเย็นก็ไปรับลูกจากโรงเรียน ได้มีเวลาเล่นกับลูก
ที่สำคัญ คือ จะเก็บหุ้นที่จะถือยาว ไว้เป็นมรดกให้ลูกๆ ต่อไป
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 11
ถามคุณ Golffy ครับ
แล้วคุณแน่ใจเหรอ ว่า VI ทุกคนจะชนะตลาดได้?
จำเป็นมั้ย VS ต้องซื้อให้ได้ถูกที่สุด แล้วขายที่แพงที่สุด ? กำไรมาจาก ซื้อถูกขายแพง ไม่ได้บอกว่าต้องสูงสุดหรือต่ำสุด
VS ก็หวังแค่กำไร เค้าไม่ได้แคร์หรอกว่าจะซื้อที่ถูกสุดแล้วขายที่แพงสุด
แล้ว VI ละ ? คุณต้องซื้อตอนไหน และขายตอนไหนครับ ? บอกผมหน่อยครับ หรือ VI คือ หวังปันผล ถ้าไม่หวังปันผล แล้วไม่ใช่ VI ?
ถ้า VI ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกไปเหลือ 30% ของมูลค่า อย่างนี้เรียกว่าติดหุ้นมั้ย ? VI ไม่เคยติดหุ้น จริงเหรอ?
ถ้าผมเปรียบเทียบนะครับ ว่าสมมุตินะ ผมซื้อ Hemraj วันนี้ แล้วผมไม่ขาย เก็บไว้ขายอีก 2 ปี ผมเป็น VS หรือ VI ครับ?
ผมได้ปันผลด้วยนะ เออ ....
คำถาม ผมเป็น VI หรือ VS ?
อะไรคือ VI อะไร คือ VS ในนิยามของทุกๆท่านครับ ?
ถ้าตอบข้อนี้ยังไม่ได้อย่างกระจ่างชัดละก็ ผมว่าอันตรายครับ
คำถาม: เล่นเก็งกำไรต้องใช้ Insider ถึงจะได้ตังค์เยอะ แล้วถ้า VI ได้ Insider แล้วจะไม่ได้ตังค์เยอะขึ้นเหรอครับ ? คุณแน่ใจเหรอว่า VI ไม่ได้ใช้ Insider?1.ผมมีความเชื่ออย่างปราศจากอคติว่า
คงมีรายย่อยส่วนน้อยมากๆ ที่ในระยะยาวๆๆ แล้ว
เก็งกำไรแล้วได้ผลตอบแทนที่ ชนะ ตลาดได้
ยกเว้น คุณเป็นเจ้าของหุ้น หรือ ได้ข่าว insider
แล้วคุณแน่ใจเหรอ ว่า VI ทุกคนจะชนะตลาดได้?
คำถาม : ใช่ครับ แล้วถ้าเราเป็น VI เราจะซื้อหุ้นได้ถูกที่สุดหรือแพงที่สุดเหรอครับ ?2.คุณไม่มีทางที่จะ
ซื้อหุ้นได้ถูกที่สุด
และขายได้แพงที่สุด
เรื่องของTiming ไม่เคยเข้าใครออกใคร
ยกเว้น คุณจะมีเครื่อง Time Machine
จำเป็นมั้ย VS ต้องซื้อให้ได้ถูกที่สุด แล้วขายที่แพงที่สุด ? กำไรมาจาก ซื้อถูกขายแพง ไม่ได้บอกว่าต้องสูงสุดหรือต่ำสุด
VS ก็หวังแค่กำไร เค้าไม่ได้แคร์หรอกว่าจะซื้อที่ถูกสุดแล้วขายที่แพงสุด
แล้ว VI ละ ? คุณต้องซื้อตอนไหน และขายตอนไหนครับ ? บอกผมหน่อยครับ หรือ VI คือ หวังปันผล ถ้าไม่หวังปันผล แล้วไม่ใช่ VI ?
คำถาม: คุณว่า VI ไม่ติดหุ้น แล้ว VS ติดหุ้น อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้นครับ ? อะไรคือ นิยามของคำว่า "ติดหุ้น"3.สำคัญที่สุด สุขสภาพจิต อารมณ์ ที่เกิดจากการเก็งกำไร
ติดหุ้นแล้ว กินข้าวไม่อร่อย นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย
ผมก็ไม่รู้ว่าคุ้มกันหรือปล่าว
ถ้า VI ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกไปเหลือ 30% ของมูลค่า อย่างนี้เรียกว่าติดหุ้นมั้ย ? VI ไม่เคยติดหุ้น จริงเหรอ?
ถ้าผมเปรียบเทียบนะครับ ว่าสมมุตินะ ผมซื้อ Hemraj วันนี้ แล้วผมไม่ขาย เก็บไว้ขายอีก 2 ปี ผมเป็น VS หรือ VI ครับ?
ผมได้ปันผลด้วยนะ เออ ....
คำถาม ผมเป็น VI หรือ VS ?
อะไรคือ VI อะไร คือ VS ในนิยามของทุกๆท่านครับ ?
ถ้าตอบข้อนี้ยังไม่ได้อย่างกระจ่างชัดละก็ ผมว่าอันตรายครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 12
VI ในนิยามของผมคือนักลงทุนที่ศึกษากิจการที่ลงทุนอย่างดี เข้าใจรายละเอียดของสถานะทางการเงิน สามารถบอก story ของการลงทุนของเค้าได้ หวังในการลงทุนระยะยาว ยกเว้นวิเคราะห์พื้นฐานของกิจการผิด ทำให้จำเป็นต้องขายออกไป
VS ในนิยามของผมคือผู้ที่วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา และจับจังหวะการขึ้นลงของราคาได้แม่นยำพอสมควร ไม่จำเป็นต้อง 100% แค่สัก 80% ก้อเจ๋งแล้ว พื้นฐานกิจการเป็นเรื่องรองลงไป การซื้อการขายขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคา มักจะไม่ถือหุ้นยาวมากๆ (อันนี้ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า แต่เป็นนิยามของผมครับ)
สำหรับความเห็นส่วนตัวนะครับ สำหรับคนที่เข้ามาเล่นหุ้นใหม่ อยากให้เล่นแบบ VI ก่อน ลองศึกษาพื้นฐานของกิจการ เข้าใจงบการเงิน หลายๆ อย่าง และค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสพการณ์ ศึกษาการขึ้นลงของแพทเทอร์น ราคาหุ้น แล้วค่อยไปเล่นแบบ VS ครับ
ต้องยอมรับว่าในตลาดกระทิง VS มักได้กำไรมากกว่า VI และ VI ได้ผลตอบแทนมากกว่า VS โดยทั่วไปนะครับ ถ้าเราสามารถเป็นได้ทั้ง 2 อย่างเนี่ย ยอดเยี่ยมครับ
ผมเองต้องยอมรับว่าคงเล่นแบบ VS ไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับแต่ไม่มีความสามารถเพียงพอครับ
VS ในนิยามของผมคือผู้ที่วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา และจับจังหวะการขึ้นลงของราคาได้แม่นยำพอสมควร ไม่จำเป็นต้อง 100% แค่สัก 80% ก้อเจ๋งแล้ว พื้นฐานกิจการเป็นเรื่องรองลงไป การซื้อการขายขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคา มักจะไม่ถือหุ้นยาวมากๆ (อันนี้ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า แต่เป็นนิยามของผมครับ)
สำหรับความเห็นส่วนตัวนะครับ สำหรับคนที่เข้ามาเล่นหุ้นใหม่ อยากให้เล่นแบบ VI ก่อน ลองศึกษาพื้นฐานของกิจการ เข้าใจงบการเงิน หลายๆ อย่าง และค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสพการณ์ ศึกษาการขึ้นลงของแพทเทอร์น ราคาหุ้น แล้วค่อยไปเล่นแบบ VS ครับ
ต้องยอมรับว่าในตลาดกระทิง VS มักได้กำไรมากกว่า VI และ VI ได้ผลตอบแทนมากกว่า VS โดยทั่วไปนะครับ ถ้าเราสามารถเป็นได้ทั้ง 2 อย่างเนี่ย ยอดเยี่ยมครับ
ผมเองต้องยอมรับว่าคงเล่นแบบ VS ไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับแต่ไม่มีความสามารถเพียงพอครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณพี่ ayethebing ครับ สำหรับนิยามของ VI และ VS ในความคิดของพี่
ทำไมผมถึงตั้งคำถามขึ้นมา ?
เพราะเท่าที่คุยกับเพื่อนๆของผม ผมว่ามีเพื่อนผมที่เล่นหุ้นด้วยกันหลายคนยังเข้าใจไอ้ความหมายของ VI กับ VS นี่ไม่เคลียร์เลยครับ
เพื่อนผมหลายคน คิดว่าตัวเองเป็น VI ซื้อหุ้นแล้วก็ถือยาว บอกว่า
"กรูเป็น VI กรูซื้อหุ้นถือยาว กรูจะเอาปันผล"
ผมถามว่ามันซื้อหุ้นอะไร ที่ราคาเท่าไหร่ แล้วหนาวววว แทนครับ
เพราะนั่นไม่ใช่ VI เลย อย่างสมมุติ
Ecample: ผมซื้อ HEMRAJ ที่ 1.9 บาท แล้วผมถือยาวว เอาปันผล แล้วผมเป็น VI มั้ย?
นี่คือ สิ่งที่ผมอยากจะชี้ครับ
ผมถามว่าถ้าพรุ่งนี้ มีระเบิดทำเนียบ เพื่อนผมคนนี้มันจะตายมั้ย
คำตอบคือ มันได้ถือยาววว มหาโคตรแน่ๆ
กับเพื่อนอีกคนของผม มันบอกว่ามันเป็น VS มัน แต่มันบอกผมเสมอเลย ว่า "กรูหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น แล้วกรูซื้อตอนมันราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง แต่กรูไม่เอาหรอกปันผล กรูว่ามันน้อย กรูขอส่วนต่างราคา กรูคงถือมันแค่ 6 เดือนเท่านั้นแหละ"
ถามว่าไอ้คนที่สองนี้เป็น VI หรือ VS ครับ?
ผมพยายามเขียนเตือน เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนๆผิดหวังกับความเชื่อที่เพื่อนๆเชื่อกันอยู่ เป็น VI หนะดีแน่ แต่ดีเมื่อคุณได้ทำตามกฏของ VI เท่านั้น
เพราะมันอันตรายมาก หากคุณคิดว่าเป็น VI แล้วซื้อหุ้นที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงอยู่ครับ
อันตรายมั้ย ให้จินตนาการถึง คนคนนึงกำระเบิดไว้ แล้วนึกว่าตัวเองกำลังถือกระป๋องโค้กอยู่ ?
ทำไมผมถึงตั้งคำถามขึ้นมา ?
เพราะเท่าที่คุยกับเพื่อนๆของผม ผมว่ามีเพื่อนผมที่เล่นหุ้นด้วยกันหลายคนยังเข้าใจไอ้ความหมายของ VI กับ VS นี่ไม่เคลียร์เลยครับ
เพื่อนผมหลายคน คิดว่าตัวเองเป็น VI ซื้อหุ้นแล้วก็ถือยาว บอกว่า
"กรูเป็น VI กรูซื้อหุ้นถือยาว กรูจะเอาปันผล"
ผมถามว่ามันซื้อหุ้นอะไร ที่ราคาเท่าไหร่ แล้วหนาวววว แทนครับ
เพราะนั่นไม่ใช่ VI เลย อย่างสมมุติ
Ecample: ผมซื้อ HEMRAJ ที่ 1.9 บาท แล้วผมถือยาวว เอาปันผล แล้วผมเป็น VI มั้ย?
นี่คือ สิ่งที่ผมอยากจะชี้ครับ
ผมถามว่าถ้าพรุ่งนี้ มีระเบิดทำเนียบ เพื่อนผมคนนี้มันจะตายมั้ย
คำตอบคือ มันได้ถือยาววว มหาโคตรแน่ๆ
กับเพื่อนอีกคนของผม มันบอกว่ามันเป็น VS มัน แต่มันบอกผมเสมอเลย ว่า "กรูหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น แล้วกรูซื้อตอนมันราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง แต่กรูไม่เอาหรอกปันผล กรูว่ามันน้อย กรูขอส่วนต่างราคา กรูคงถือมันแค่ 6 เดือนเท่านั้นแหละ"
ถามว่าไอ้คนที่สองนี้เป็น VI หรือ VS ครับ?
ผมพยายามเขียนเตือน เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนๆผิดหวังกับความเชื่อที่เพื่อนๆเชื่อกันอยู่ เป็น VI หนะดีแน่ แต่ดีเมื่อคุณได้ทำตามกฏของ VI เท่านั้น
เพราะมันอันตรายมาก หากคุณคิดว่าเป็น VI แล้วซื้อหุ้นที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงอยู่ครับ
อันตรายมั้ย ให้จินตนาการถึง คนคนนึงกำระเบิดไว้ แล้วนึกว่าตัวเองกำลังถือกระป๋องโค้กอยู่ ?
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 14
คุณคัดท้ายครับเห็นด้วยอย่างเต็มที่เลย แต่บางทีพอเราหาราคาที่แท้จริงได้แล้ว ซื้อราคาต่ำกว่าราคาที่แท้จริงแล้ว ที่เราต้องทำก้อคือรอครับ รอให้ราคามันขึ้นไปเท่ากับหรือมากกว่าราคาที่แท้จริง บางครั้งมันกำหนดไม่ค่อยได้หรอกว่ากี่เดือน อาจจะ 6 เดือนหรือเป็นปีๆ ก้อไม่รู้ แถมพอมันเท่าราคาที่แท้จริงแล้วพื้นฐานหุ้นมันก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้นอีกก้อเลยไม่ขายอีกรอต่อ มันก้อเลยถือยาวโดยอัตโนมัติครับ
โดยส่วนใหญ่ VI ก้อเลยถือยาว โดยการถือยาวไม่ได้ตั้งใจถือยาว เพียงแต่ว่าราคาที่แท้จริงมันเพิ่มขึ้นนะสิครับ
เอ แล้วถ้าราคาที่แท้จริงลดลงหรือ ราคาสูงกว่าราคาที่แท้จริงล่ะ อันนี้แหละที่เป็นจุดอ่อนของผม ยังไม่เก๋าพอที่จะขายเพราะยังด้อยประสบการณ์ครับ
โดยส่วนใหญ่ VI ก้อเลยถือยาว โดยการถือยาวไม่ได้ตั้งใจถือยาว เพียงแต่ว่าราคาที่แท้จริงมันเพิ่มขึ้นนะสิครับ
เอ แล้วถ้าราคาที่แท้จริงลดลงหรือ ราคาสูงกว่าราคาที่แท้จริงล่ะ อันนี้แหละที่เป็นจุดอ่อนของผม ยังไม่เก๋าพอที่จะขายเพราะยังด้อยประสบการณ์ครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 16
ผมชอบคำนิยาม VI ของพี่ครรชิตครับ
ความคิดผมนะ มันไม่เห็นจะง่ายเลย ... ผมเชื่อว่าจริงๆคนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้หลักการของ VI เพราะ VI มันยากต่างหากครับ จะมีซักกี่คนที่อ่านงบการเงินได้อย่างช่ำชองและแตกฉาน
ผมจำได้ว่ามีพี่ท่านนึงบอกผมตอนมาเล่น TVI ใหม่ๆ รู้สึกว่าจะเป็นพี่ ฉัตรชัย นี่แหละ แกบอกว่า VI ยากมาก ต้องดูหลายอย่างกว่าจะซื้อหุ้นซักตัว ผมว่าจริงเลยครับ ยากมาก
และการหามูลค่าที่แท้จริงนี่ยากครับ ความรู้ทางด้านการเงินนี่ผมว่าจำเป็นเลย ผมเองกำลังศึกษาอยู่ครับ นี่เดือนหน้ากำลังจะไปเรียนคอร์สสั้นๆเพิ่มครับ
คุณ champ ครับ ถ้าอยากเรียนรู้ด้านเทคนิค ก็มีหลายที่สอนครับ อ่านเองก็ได้แต่ว่าไปเรียนจะไวกว่านะครับ และผมอยากเล่าว่า แนวรับแนวต้านมีจริงครับ แม้อาจจะไม่ถูกหู VI สักเท่าไหร่ก็เหอะ จากประสบการณ์ ผมว่าควรจะใช่คู่กับปัจจัยพื้นฐานครับ คือ เลือกหุ้นที่พื้นฐานดีก่อน แล้วค่อยหาจังหวะเข้าซื้อโดยใช้เทคนิคครับ
จริงๆ บางท่านที่เป็น VI บอกไม่จำเป็น แต่ผมว่าการที่เราเข้าซื้อโดยดูเทคนิคจะช่วยให้ เราไม่ต้องทนเห็นพอร์ตเราแดง ทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นครับ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณเห็นพอร์ตแดงนานๆแล้วไม่รู้สึกอะไร เทคนิคก็อาจไม่จำเป็นครับผม
พี่ ayethebing ครับ ผมไม่ชอบเลยเวลาที่ได้ยินคนพูดทำนองที่ว่า VI เป็นการลงทุนแบบง่ายๆ แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ทำกัน เพราะโลภอยากเก็งกำไร ........ มันง่ายเหรอ?"ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี "
ความคิดผมนะ มันไม่เห็นจะง่ายเลย ... ผมเชื่อว่าจริงๆคนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้หลักการของ VI เพราะ VI มันยากต่างหากครับ จะมีซักกี่คนที่อ่านงบการเงินได้อย่างช่ำชองและแตกฉาน
ผมจำได้ว่ามีพี่ท่านนึงบอกผมตอนมาเล่น TVI ใหม่ๆ รู้สึกว่าจะเป็นพี่ ฉัตรชัย นี่แหละ แกบอกว่า VI ยากมาก ต้องดูหลายอย่างกว่าจะซื้อหุ้นซักตัว ผมว่าจริงเลยครับ ยากมาก
และการหามูลค่าที่แท้จริงนี่ยากครับ ความรู้ทางด้านการเงินนี่ผมว่าจำเป็นเลย ผมเองกำลังศึกษาอยู่ครับ นี่เดือนหน้ากำลังจะไปเรียนคอร์สสั้นๆเพิ่มครับ
คุณ champ ครับ ถ้าอยากเรียนรู้ด้านเทคนิค ก็มีหลายที่สอนครับ อ่านเองก็ได้แต่ว่าไปเรียนจะไวกว่านะครับ และผมอยากเล่าว่า แนวรับแนวต้านมีจริงครับ แม้อาจจะไม่ถูกหู VI สักเท่าไหร่ก็เหอะ จากประสบการณ์ ผมว่าควรจะใช่คู่กับปัจจัยพื้นฐานครับ คือ เลือกหุ้นที่พื้นฐานดีก่อน แล้วค่อยหาจังหวะเข้าซื้อโดยใช้เทคนิคครับ
จริงๆ บางท่านที่เป็น VI บอกไม่จำเป็น แต่ผมว่าการที่เราเข้าซื้อโดยดูเทคนิคจะช่วยให้ เราไม่ต้องทนเห็นพอร์ตเราแดง ทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นครับ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณเห็นพอร์ตแดงนานๆแล้วไม่รู้สึกอะไร เทคนิคก็อาจไม่จำเป็นครับผม
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- champ
- Verified User
- โพสต์: 1280
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 17
คุณคัดท้ายครับ ที่บอกว่าหาอ่านได้นี่ไหนครับ
แล้วมีที่ไหนสอนครับ
เพราะนี่ผมไปหาซื้อ METASTOCK มาแล้วละครับ
แต่ใช้ไม่เป็นหรอกครับ
ว่าจะมาลองปล้ำกับมันดู แต่ถ้าคุณคัดท้ายแนะนำหน่อยก็ดีนะครับ
ว่าที่หาอ่าน หาเรียนได้ที่ไหนครับ
แล้วมีที่ไหนสอนครับ
เพราะนี่ผมไปหาซื้อ METASTOCK มาแล้วละครับ
แต่ใช้ไม่เป็นหรอกครับ
ว่าจะมาลองปล้ำกับมันดู แต่ถ้าคุณคัดท้ายแนะนำหน่อยก็ดีนะครับ
ว่าที่หาอ่าน หาเรียนได้ที่ไหนครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 18
ที่เค้าว่าดีๆกันนะครับ ก็ของ อ.วันชัย(กิมเอ็ง) กับของ อ.สนธิ (set50.com) ครับ
ผมเองเรียนกับ อ.สนธิ มาครับ แต่ว่าท้ายสุดคุณต้องมาหาท่าไม้ตายเองด้วยนะครับ เพราะมันไม่มีอะไรเป๊ะๆหรอก อาจารย์แต่ละท่านก็จะมีเทคนิคของตัวเองครับ อย่างของ อ.สนธิเนี่ย แกจะไม่เน้น STO แต่ว่าของ อ.วันชัย เนี่ย STO จะเป็นตัวเอกเลย ครับ
หลังจากเรียน ผมว่าคุณจะได้พื้นฐานแล้ว แต่ว่าต่อมาก็จะต้องมาฝึกพวก Advance เอาเองนะครับ พวกนี้บางทีเค้าก็ไม่ได้สอนครับ
ผมเองเรียนกับ อ.สนธิ มาครับ แต่ว่าท้ายสุดคุณต้องมาหาท่าไม้ตายเองด้วยนะครับ เพราะมันไม่มีอะไรเป๊ะๆหรอก อาจารย์แต่ละท่านก็จะมีเทคนิคของตัวเองครับ อย่างของ อ.สนธิเนี่ย แกจะไม่เน้น STO แต่ว่าของ อ.วันชัย เนี่ย STO จะเป็นตัวเอกเลย ครับ
หลังจากเรียน ผมว่าคุณจะได้พื้นฐานแล้ว แต่ว่าต่อมาก็จะต้องมาฝึกพวก Advance เอาเองนะครับ พวกนี้บางทีเค้าก็ไม่ได้สอนครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 19
อาจจะจริงก้อได้ที่ VI ก้อไม่ง่าย แต่ VS ก้อไม่ง่ายนะ ถ้าจะทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ไม่ขายหมู ไม่ติดดอย มันก้อไม่ได้ง่ายเหมือนที่คนเค้าคิดกันเหมือนกัน
ผมก้อเลยว่า VI มันเป็นหลักการง่ายๆ ไม่ยากมากหรอกคับ มันไม่เป็นทฤษฎี ไม่มีทฤษฎี 5 คลื่น 6 คลื่น ทุกอย่างมันก้ออยู่ในงบการเงินกับ form 56-1 นะครับ ผมก้อเลยอยากจะแนะนำนักลงทุนหน้าใหม่ให้ลองแนวทางนี้ก่อนครับ
ผมก้อเลยว่า VI มันเป็นหลักการง่ายๆ ไม่ยากมากหรอกคับ มันไม่เป็นทฤษฎี ไม่มีทฤษฎี 5 คลื่น 6 คลื่น ทุกอย่างมันก้ออยู่ในงบการเงินกับ form 56-1 นะครับ ผมก้อเลยอยากจะแนะนำนักลงทุนหน้าใหม่ให้ลองแนวทางนี้ก่อนครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 20
ตอนนี้พอตอบได้ครับ
เพราะถือว่าเป็นความเห็นเราเอง ถูกไม่ถูกไม่รู้แต่เชื่อมั่นว่าน่าจะพอใช้ได้
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ระยะเวลาจะเป็นตัวตัดสินเราเอง
ผมเองไม่ใช่ vi แท้ครับ และก็ไม่ได้คิดอยากจะเป็นด้วย
แต่ผมเองก็ไม่ชอบวิธีการที่ดูแต่เฉพาะเรื่องราคาเช่นเดียวกัน
ผมมีหลักการที่เป็นหัวใจอยู่ข้อหนึ่งครับ (เป็นอะไรเดี๋ยวจะเฉลยตอนท้าย)
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องสำคัญคือ จะทำอะไรต้องมีทฤษฏีแล้วต้องยึดหลักนั้นให้มั่นคง
หากจะมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีเหตุผลหนักแน่น เปลี่ยนเพราะอะไรแล้วจะมี
ผลกระทบอย่างไร
ผมมองว่า vi หรือ vs เป็นแนวทางที่รวมเอาเทคนิคแบบต่างๆครับ
ซึ่ง vi ก็จะมีเทคนิคที่มีแนวทางไปทางเดียวกัน vs ก็เป็นเทคนิคที่ไปอีกแนว
อย่าง vi อาจจะเน้นข้อมูลการเงิน พื้นฐานกิจการ, vs อาจจะเน้นกราฟ เน้นแนว
โน้มราคา
ส่วนตัวผมก็จะใช้เทคนิคหลายอย่างผสมกัน ตามที่ศึกษามาจากหลายสำนัก
แต่สุดท้ายก็ต้องมาประเมินผลทุกครั้งว่า วิธีการที่ทำอยู่ มีประสิทธิภาพแค่ไหน
อย่างไร มีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร
ถ้าใครเคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวจะทราบครับ
โอเค มีหลักการอยู่อันนึง มวยอ่อน หลักการแบบนี้ มวยแข็งหลักการแบบนั้น
แต่เทคนิคย่อย ก็สำคัญ
เขาต่อยมา รับแบบไหน หลบแบบไหน โต้ตอบอย่างไร
เขาล็อค ทำอย่างไร
เขาเตะ ทำอย่างไร
มีแม้กระทั่ง ท่าล็อค ที่แตกต่างกัน จับยึดกุมแบบนั้นแบบนี้ ทำอย่างไร
ผมก็คิดว่าไม่แตกต่างกันครับ เทคนิคย่อย หุ้นแบบนี้แบบนั้น
สถานการณ์แบบนั้นแบบนี้ จะใช้เทคนิคอย่างไร
วิเคราะห์อย่างไร ปฏิบัติการอย่างไร
(แหมพูดไปโน่นนะครับ)
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องหยินหยาง เรื่องเทคนิคย่อย
จะจับมาเป็นสไตล์ของตัวเราอย่างไร
และเราพอใจไหมกับสไตล์ของเราแบบนี้
ถ้าไม่พอใจจะแก้ไขอย่างไร.
====================
ตอบคุณ คัดท้าย เห็นพูดถึงโลโก้ที่ผมใช้อยู่ว่าน่ารักดี
ผมก็ว่างั้นน่ะครับ เตือนให้นึกถึงหลักการที่ใช้อยู่น่ะครับ
จะเอาภาพแร้งจริงๆ ก็ดูโหดไปหน่อย เลยออกมาน่ารักแบบนี้ครับ :lol:
เพราะถือว่าเป็นความเห็นเราเอง ถูกไม่ถูกไม่รู้แต่เชื่อมั่นว่าน่าจะพอใช้ได้
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ระยะเวลาจะเป็นตัวตัดสินเราเอง
ผมเองไม่ใช่ vi แท้ครับ และก็ไม่ได้คิดอยากจะเป็นด้วย
แต่ผมเองก็ไม่ชอบวิธีการที่ดูแต่เฉพาะเรื่องราคาเช่นเดียวกัน
ผมมีหลักการที่เป็นหัวใจอยู่ข้อหนึ่งครับ (เป็นอะไรเดี๋ยวจะเฉลยตอนท้าย)
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องสำคัญคือ จะทำอะไรต้องมีทฤษฏีแล้วต้องยึดหลักนั้นให้มั่นคง
หากจะมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีเหตุผลหนักแน่น เปลี่ยนเพราะอะไรแล้วจะมี
ผลกระทบอย่างไร
ผมมองว่า vi หรือ vs เป็นแนวทางที่รวมเอาเทคนิคแบบต่างๆครับ
ซึ่ง vi ก็จะมีเทคนิคที่มีแนวทางไปทางเดียวกัน vs ก็เป็นเทคนิคที่ไปอีกแนว
อย่าง vi อาจจะเน้นข้อมูลการเงิน พื้นฐานกิจการ, vs อาจจะเน้นกราฟ เน้นแนว
โน้มราคา
ส่วนตัวผมก็จะใช้เทคนิคหลายอย่างผสมกัน ตามที่ศึกษามาจากหลายสำนัก
แต่สุดท้ายก็ต้องมาประเมินผลทุกครั้งว่า วิธีการที่ทำอยู่ มีประสิทธิภาพแค่ไหน
อย่างไร มีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร
ถ้าใครเคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวจะทราบครับ
โอเค มีหลักการอยู่อันนึง มวยอ่อน หลักการแบบนี้ มวยแข็งหลักการแบบนั้น
แต่เทคนิคย่อย ก็สำคัญ
เขาต่อยมา รับแบบไหน หลบแบบไหน โต้ตอบอย่างไร
เขาล็อค ทำอย่างไร
เขาเตะ ทำอย่างไร
มีแม้กระทั่ง ท่าล็อค ที่แตกต่างกัน จับยึดกุมแบบนั้นแบบนี้ ทำอย่างไร
ผมก็คิดว่าไม่แตกต่างกันครับ เทคนิคย่อย หุ้นแบบนี้แบบนั้น
สถานการณ์แบบนั้นแบบนี้ จะใช้เทคนิคอย่างไร
วิเคราะห์อย่างไร ปฏิบัติการอย่างไร
(แหมพูดไปโน่นนะครับ)
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องหยินหยาง เรื่องเทคนิคย่อย
จะจับมาเป็นสไตล์ของตัวเราอย่างไร
และเราพอใจไหมกับสไตล์ของเราแบบนี้
ถ้าไม่พอใจจะแก้ไขอย่างไร.
====================
ตอบคุณ คัดท้าย เห็นพูดถึงโลโก้ที่ผมใช้อยู่ว่าน่ารักดี
ผมก็ว่างั้นน่ะครับ เตือนให้นึกถึงหลักการที่ใช้อยู่น่ะครับ
จะเอาภาพแร้งจริงๆ ก็ดูโหดไปหน่อย เลยออกมาน่ารักแบบนี้ครับ :lol:
- condorfund
- Verified User
- โพสต์: 10
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 21
อ้าว ดันลืมล็อคอินแฮะ guest ข้างบนน่ะ ผมเองครับ
จงอดทนเพื่ออาหารมื้อใหญ่
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 22
พี่ ayethebing ครับ จริงๆผมเองแทบไม่เคยพูดถึงหลักการของ VS เลย วันนี้ขอพูดถึงหน่อยแล้วกัน
อยากพูดว่า คนที่ TVI ส่วนใหญ่เข้าใจ VS ผิดครับ
ผมว่าคนใน TVI มักเข้าใจผิดว่า Non-VI เท่ากับ VS
แต่จริงๆ มี 3 แบบต่างหากครับ
1. VI
2. VS
3. V อะไรไม่รู้แต่ไม่ใช่ทั้ง VI และ VS ผมเรียกพวกนี้ว่า We are victim.
VI คือ คนที่ดูมูลค้าที่แท้จริง
VS คือ คนที่ดูมูลค่าที่คาดว่าจะขายได้แพงขึ้นในท้องตลาดในอนาคต
แต่ทั้ง VI และ VS เหมือนกันคือ อยากขายได้แพงกว่าซื้อ หรือว่าไม่จริง?
ที่ TVI นี่ คนมักเข้าใจผิดว่า VS ดูแต่กราฟ จริงๆไม่ใช่เลยครับ VS อ่านงบการเงินเก่งๆ ไม่ธรรมดาก็หลายคนครับ ผมเชื่อว่า VS หลายๆคนอ่านงบการเงินได้เก่งกว่า VI หลายๆคนซะด้วยซ้ำไป
จุดต่างของ VI กับ VS ไม่ใช่ ดูกราฟหรือเปล่าครับ และไม่ใช่ว่าคนไม่ได้ดูงบการเงินคือ VS ครับ
VS อาจเห็นว่างบการเงินไม่ดี แต่ถ้าเค้าเห็นว่ามีลู่ทางซื้อถูกขายแพง เค้าก็เอาครับ แต่ VI นี่คือ ซื้อที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ไม่งั้นไม่ซื้อ อันนี้คือ จุดที่ต่างกันครับ
อย่างตัวผมเอง เวลาผมเห็นหุ้นที่ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้เลวร้าย ร่วงเพราะ ตลาดไม่ดี ผมก็ซื้อครับ เพราะผมดูแล้วเดี๋ยวตลาดมันกลับมา ผมก็รับเหนาะๆ อย่างนี้คือ VS ครับ (วิธีของอีแร้ง อิอิ)
ผมเองก็ไม่ได้เจาะไปถึงมูลค่าพื้นฐาน ผมแค่เห็นว่ามันไม่เลวร้าย ผมเข้าไปเทคกำไรออกมา แต่ถ้าให้ผมถือ ผมไม่ถือ เพราะว่า "ผมไม่ได้มั่นใจว่ามูลค่าที่ผมซื้อ ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
แต่ VI ที่ถือหุ้น โดยไม่รู้ว่าหุ้นที่ตัวเองมีอยู่ ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงหรือไม่ มันไม่น่ากลัวกว่าเหรอครับ
ผมไม่อยากให้คนเข้าใจผิดกันครับ
พี่ condorfund ครับ ผมก็ชอบวิธีของอีแร้งเหมือนกันครับ อิอิ :lol:
อยากพูดว่า คนที่ TVI ส่วนใหญ่เข้าใจ VS ผิดครับ
ผมว่าคนใน TVI มักเข้าใจผิดว่า Non-VI เท่ากับ VS
แต่จริงๆ มี 3 แบบต่างหากครับ
1. VI
2. VS
3. V อะไรไม่รู้แต่ไม่ใช่ทั้ง VI และ VS ผมเรียกพวกนี้ว่า We are victim.
VI คือ คนที่ดูมูลค้าที่แท้จริง
VS คือ คนที่ดูมูลค่าที่คาดว่าจะขายได้แพงขึ้นในท้องตลาดในอนาคต
แต่ทั้ง VI และ VS เหมือนกันคือ อยากขายได้แพงกว่าซื้อ หรือว่าไม่จริง?
ที่ TVI นี่ คนมักเข้าใจผิดว่า VS ดูแต่กราฟ จริงๆไม่ใช่เลยครับ VS อ่านงบการเงินเก่งๆ ไม่ธรรมดาก็หลายคนครับ ผมเชื่อว่า VS หลายๆคนอ่านงบการเงินได้เก่งกว่า VI หลายๆคนซะด้วยซ้ำไป
จุดต่างของ VI กับ VS ไม่ใช่ ดูกราฟหรือเปล่าครับ และไม่ใช่ว่าคนไม่ได้ดูงบการเงินคือ VS ครับ
VS อาจเห็นว่างบการเงินไม่ดี แต่ถ้าเค้าเห็นว่ามีลู่ทางซื้อถูกขายแพง เค้าก็เอาครับ แต่ VI นี่คือ ซื้อที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ไม่งั้นไม่ซื้อ อันนี้คือ จุดที่ต่างกันครับ
อย่างตัวผมเอง เวลาผมเห็นหุ้นที่ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้เลวร้าย ร่วงเพราะ ตลาดไม่ดี ผมก็ซื้อครับ เพราะผมดูแล้วเดี๋ยวตลาดมันกลับมา ผมก็รับเหนาะๆ อย่างนี้คือ VS ครับ (วิธีของอีแร้ง อิอิ)
ผมเองก็ไม่ได้เจาะไปถึงมูลค่าพื้นฐาน ผมแค่เห็นว่ามันไม่เลวร้าย ผมเข้าไปเทคกำไรออกมา แต่ถ้าให้ผมถือ ผมไม่ถือ เพราะว่า "ผมไม่ได้มั่นใจว่ามูลค่าที่ผมซื้อ ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
แต่ VI ที่ถือหุ้น โดยไม่รู้ว่าหุ้นที่ตัวเองมีอยู่ ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงหรือไม่ มันไม่น่ากลัวกว่าเหรอครับ
ผมไม่อยากให้คนเข้าใจผิดกันครับ
พี่ condorfund ครับ ผมก็ชอบวิธีของอีแร้งเหมือนกันครับ อิอิ :lol:
แก้ไขล่าสุดโดย คัดท้าย เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 28, 2003 6:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 23
สงสัยพวกเราคงต้องอ่าน วรรค 1 ประโยคที่ 1 ของเจ้าของกระทู้กระมั๊งครับหูยเปิดมาอีกที อ่านจนปวดหัวเลยอ่ะ อิอิอิ
เอาเป็นว่า เป็นแบบไหนก็ได้ครับ ให้มันได้ตังค์ก็แล้วกัน เอาแบบว่าแน่นอนและ อยู่ได้อย่างยั่งยืน กินได้ happy ไม่ปวดหัวในทุกสถานการณ์
( รวมถึงวันหุ้นตก 30 จุด ด้วย เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ) ก็รึกัน เหมือนมีอิสรภาพทางการเงิน และ อิสรภาพทางกาย และ อิสรภาพทางสมอง ด้วยทั้ง 3 อย่าง ผู้นั้นจะเรียกว่า เซียนเหนือนเซียนที่แท้จริงของวงการหุ้น จะเป็น VI หรือ VS ก็ได้
อยากจริงๆนะนี่ นะ ตอนนี้ อิสรภาพทั้งสามอย่าง ยังได้มาแบลุ่มๆดอนๆเหลือเกิน สงสัยต้องไปเรียนธรรมะเพิ่มหน่อยจะได้ไม่โลภ ความอยากได้ อยากเป็นอยากมี จะได้ลดลง
คราวนี้ ความอยากลดลง คนคนนั้นก็จะ"รวย" เองแหละครับ เพราะมีทุกอย่างที่มีพออยู่แล้ว..จริงๆนะ.. :lol:
เอาเป็นว่า เป็นแบบไหนก็ได้ครับ ให้มันได้ตังค์ก็แล้วกัน เอาแบบว่าแน่นอนและ อยู่ได้อย่างยั่งยืน กินได้ happy ไม่ปวดหัวในทุกสถานการณ์
( รวมถึงวันหุ้นตก 30 จุด ด้วย เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ) ก็รึกัน เหมือนมีอิสรภาพทางการเงิน และ อิสรภาพทางกาย และ อิสรภาพทางสมอง ด้วยทั้ง 3 อย่าง ผู้นั้นจะเรียกว่า เซียนเหนือนเซียนที่แท้จริงของวงการหุ้น จะเป็น VI หรือ VS ก็ได้
อยากจริงๆนะนี่ นะ ตอนนี้ อิสรภาพทั้งสามอย่าง ยังได้มาแบลุ่มๆดอนๆเหลือเกิน สงสัยต้องไปเรียนธรรมะเพิ่มหน่อยจะได้ไม่โลภ ความอยากได้ อยากเป็นอยากมี จะได้ลดลง
คราวนี้ ความอยากลดลง คนคนนั้นก็จะ"รวย" เองแหละครับ เพราะมีทุกอย่างที่มีพออยู่แล้ว..จริงๆนะ.. :lol:
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 24
แมวสีอะไรก็ได้ ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน...
เล่นหุ้นแนวไหนก็ได้ ขอให้ทำกำไรก็แล้วกัน...
แต่จะดีมาก หากกำไรที่ทำได้ ได้มาโดยสุจริต ไม่ทำให้ใครเดือนร้อน ไม่ทำให้ใครติดดอย ได้กำไรกันทุกฝ่าย เบิกบานกันทุกคน... :lol:
คุณ Fitch ครับ ถ้าอยากมีอิสรภาพทางสมอง จิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สุดยอด ยิ่งกว่าิอิสรภาพทางการเงิน แนะนำให้อ่านงานเขียนของ ศ.ดร. ระวี ภาวิไล ครับ อ่านได้ทุกเล่ม เข้าใจง่าย ไม่มีศัพท์บาลียุ่งยาก เช่น บุปผชาติแห่งชีวิต รู้สึกนึกคิด ชีวิตดีงาน etc,. ส่วนงานแปลที่โด่งดังสุดๆ ได้แก่ ปรัชญาชีวิต ครับ ต้องอ่านหลายรอบหน่อย พอจะเข้าใจได้บ้าง...
อ่านแล้วทำให้พอจะเข้าใจได้บ้างว่า คนที่เค้าเป็นอัจริยะคิดกันอย่างไร คนที่มีความสุขได้ โดยไม่ได้มาจากเนื้อหนังมังสา อาหารอร่อยลิ้น เสียงไพเำราะเสหาะหู
ลองหาอ่านดูนะครับ หาซื้อได้ที่ดวงกมลจะมีมากหน่อยครับ...
เล่นหุ้นแนวไหนก็ได้ ขอให้ทำกำไรก็แล้วกัน...
แต่จะดีมาก หากกำไรที่ทำได้ ได้มาโดยสุจริต ไม่ทำให้ใครเดือนร้อน ไม่ทำให้ใครติดดอย ได้กำไรกันทุกฝ่าย เบิกบานกันทุกคน... :lol:
คุณ Fitch ครับ ถ้าอยากมีอิสรภาพทางสมอง จิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สุดยอด ยิ่งกว่าิอิสรภาพทางการเงิน แนะนำให้อ่านงานเขียนของ ศ.ดร. ระวี ภาวิไล ครับ อ่านได้ทุกเล่ม เข้าใจง่าย ไม่มีศัพท์บาลียุ่งยาก เช่น บุปผชาติแห่งชีวิต รู้สึกนึกคิด ชีวิตดีงาน etc,. ส่วนงานแปลที่โด่งดังสุดๆ ได้แก่ ปรัชญาชีวิต ครับ ต้องอ่านหลายรอบหน่อย พอจะเข้าใจได้บ้าง...
อ่านแล้วทำให้พอจะเข้าใจได้บ้างว่า คนที่เค้าเป็นอัจริยะคิดกันอย่างไร คนที่มีความสุขได้ โดยไม่ได้มาจากเนื้อหนังมังสา อาหารอร่อยลิ้น เสียงไพเำราะเสหาะหู
ลองหาอ่านดูนะครับ หาซื้อได้ที่ดวงกมลจะมีมากหน่อยครับ...
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 26
อ้าวอ่านจนเพลิน ตกลงเราเป็นคนตั้งกระทู้จริงๆด้วย อิอิ
...........................................................................
สงสัย VI นี่มีนิยามกว้างๆว่า Vary Investment
และ VS นี่มีนิยามกว้างๆว่า Vary Speculation
คือ นิยามของทั้งสองอย่างมันกว้าง และอาจจะมีบางจุดมันมา Intersect กัน ทำให้ เกิดข้อดี คือมีเรื่องถกเถียงกันเยอะดี
...............................................................................
ส่วนตัวแล้ว เชื่อและพยายามทำตัวเป็น VI แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะน้องวิบูลย์ บอกว่าพี่เป็น VS
...............................................................................
ก็แล้วแต่การลงทุน ในความรู้ ความเข้าใจในหุ้น แต่ละตัวที่เราเลือกครับ ถ้ารู้มาก เข้าใจมาก เชื่อมั่นมาก
พอซื้อแล้ว ราคาลง ก็ดีใจเพราะจะได้ซื้ออีก
ถ้ารู้น้อย เข้าใจน้อย เชื่อมั่นน้อย แต่กะว่าราคาจะขึ้นไปมากเพราะ.....................................
พอซื้อแล้ว ราคาลง ก็เกิดความไม่มั่นใจ
อาจจต้องขายหมู หรือ cut loss ซึ่งเป็นการขายเหมือนกัน แต่ผลจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เรียกขายหมู แต่ถ้าผลจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง เรียก cut loss
อาจจะต้องอมหมู หรือ อม loss ซึ่งเป็นการไม่ขายหุ้นเหมือนกัน แต่ผลจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไนทางที่ดีขึ้น เรียกอมหมู แต่ถ้าผลจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง เรียก อม loss
..............................................................................
สรุปว่าจะ VI หรือ VS หรือ VIS โดยส่วนตัวแล้ว ขอให้รู้จักหุ้นตัวนั้นมากๆ ไว้ก่อนละเป็นการดี
อ่านเยอะๆ แต่ไม่ต้องเชื่อใคร เชื่อตัวเอง
ค่อยๆปรับปรุง แนวคิด ปรัชญา วิธีการไปเรื่อย
เดี๋ยวเข้าที่ก็ดีเอง
รักษาเนื้อ รักษาตัว พี่หมายถึงรักษาทุน
...............................................................................
สำหรับพี่แล้ว เงินที่ลงทุน ตอนนี้ ไม่รู้ว่า VI หรือ VS
เป็นการนำกำไรทั้งก้อนมาลงทุน ส่วนทุนเก็บไปหมดแล้ว
แบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่า V อะไร
...............................................................................
...........................................................................
สงสัย VI นี่มีนิยามกว้างๆว่า Vary Investment
และ VS นี่มีนิยามกว้างๆว่า Vary Speculation
คือ นิยามของทั้งสองอย่างมันกว้าง และอาจจะมีบางจุดมันมา Intersect กัน ทำให้ เกิดข้อดี คือมีเรื่องถกเถียงกันเยอะดี
...............................................................................
ส่วนตัวแล้ว เชื่อและพยายามทำตัวเป็น VI แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะน้องวิบูลย์ บอกว่าพี่เป็น VS
...............................................................................
ก็แล้วแต่การลงทุน ในความรู้ ความเข้าใจในหุ้น แต่ละตัวที่เราเลือกครับ ถ้ารู้มาก เข้าใจมาก เชื่อมั่นมาก
พอซื้อแล้ว ราคาลง ก็ดีใจเพราะจะได้ซื้ออีก
ถ้ารู้น้อย เข้าใจน้อย เชื่อมั่นน้อย แต่กะว่าราคาจะขึ้นไปมากเพราะ.....................................
พอซื้อแล้ว ราคาลง ก็เกิดความไม่มั่นใจ
อาจจต้องขายหมู หรือ cut loss ซึ่งเป็นการขายเหมือนกัน แต่ผลจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เรียกขายหมู แต่ถ้าผลจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง เรียก cut loss
อาจจะต้องอมหมู หรือ อม loss ซึ่งเป็นการไม่ขายหุ้นเหมือนกัน แต่ผลจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไนทางที่ดีขึ้น เรียกอมหมู แต่ถ้าผลจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง เรียก อม loss
..............................................................................
สรุปว่าจะ VI หรือ VS หรือ VIS โดยส่วนตัวแล้ว ขอให้รู้จักหุ้นตัวนั้นมากๆ ไว้ก่อนละเป็นการดี
อ่านเยอะๆ แต่ไม่ต้องเชื่อใคร เชื่อตัวเอง
ค่อยๆปรับปรุง แนวคิด ปรัชญา วิธีการไปเรื่อย
เดี๋ยวเข้าที่ก็ดีเอง
รักษาเนื้อ รักษาตัว พี่หมายถึงรักษาทุน
...............................................................................
สำหรับพี่แล้ว เงินที่ลงทุน ตอนนี้ ไม่รู้ว่า VI หรือ VS
เป็นการนำกำไรทั้งก้อนมาลงทุน ส่วนทุนเก็บไปหมดแล้ว
แบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่า V อะไร
...............................................................................
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 27
Thank you สำหรับคำแนะนำนะครับ_ลูกอีสาน เขียน:แมวสีอะไรก็ได้ ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน...
เล่นหุ้นแนวไหนก็ได้ ขอให้ทำกำไรก็แล้วกัน...
แต่จะดีมาก หากกำไรที่ทำได้ ได้มาโดยสุจริต ไม่ทำให้ใครเดือนร้อน ไม่ทำให้ใครติดดอย ได้กำไรกันทุกฝ่าย เบิกบานกันทุกคน... :lol:
คุณ Fitch ครับ ถ้าอยากมีอิสรภาพทางสมอง จิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สุดยอด ยิ่งกว่าิอิสรภาพทางการเงิน แนะนำให้อ่านงานเขียนของ ศ.ดร. ระวี ภาวิไล ครับ อ่านได้ทุกเล่ม เข้าใจง่าย ไม่มีศัพท์บาลียุ่งยาก เช่น บุปผชาติแห่งชีวิต รู้สึกนึกคิด ชีวิตดีงาน etc,. ส่วนงานแปลที่โด่งดังสุดๆ ได้แก่ ปรัชญาชีวิต ครับ ต้องอ่านหลายรอบหน่อย พอจะเข้าใจได้บ้าง...
อ่านแล้วทำให้พอจะเข้าใจได้บ้างว่า คนที่เค้าเป็นอัจริยะคิดกันอย่างไร คนที่มีความสุขได้ โดยไม่ได้มาจากเนื้อหนังมังสา อาหารอร่อยลิ้น เสียงไพเำราะเสหาะหู
ลองหาอ่านดูนะครับ หาซื้อได้ที่ดวงกมลจะมีมากหน่อยครับ...
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 28
ขอชมกระทู้นี้ครับ ความคิดเห็นมีคุณค่าจริงๆ
ผมนับถือคุณคัดท้ายจริงๆครับที่กระเทาะโจทย์ที่ไม่มีคำตอบได้ถึงแก่น และนำเสนอสิ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง
ผมว่ามันยากจริงๆนะในการเป็น VI แต่ยากยิ่งกว่าในการบอกว่า ใครเป็น VI ใครเป็น VS เพราะเราไม่สามารถรู้ว่าใครซื้อหรือขายหุ้นตัวไหนและเมื่อไหร่จริงๆ
นอกจากเจ้าตัวของเขาเองที่รู้
ในเมื่อทุกคนก็เก็งกำไรด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่วิธีการและความถนัดมันไม่เหมือนกัน
ยกเว้นคนที่ถือหุ้นแบบเจ้าของกิจการจริงๆ
ผมนับถือคุณคัดท้ายจริงๆครับที่กระเทาะโจทย์ที่ไม่มีคำตอบได้ถึงแก่น และนำเสนอสิ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง
ผมว่ามันยากจริงๆนะในการเป็น VI แต่ยากยิ่งกว่าในการบอกว่า ใครเป็น VI ใครเป็น VS เพราะเราไม่สามารถรู้ว่าใครซื้อหรือขายหุ้นตัวไหนและเมื่อไหร่จริงๆ
นอกจากเจ้าตัวของเขาเองที่รู้
ในเมื่อทุกคนก็เก็งกำไรด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่วิธีการและความถนัดมันไม่เหมือนกัน
ยกเว้นคนที่ถือหุ้นแบบเจ้าของกิจการจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 29
ความจริงผมค่อนข้างเบื่อหน่ายกับการตีความVI กับ VS มากๆ เพราะมักจะมีการคุยทับบลัพแหลกกันเป็นประจำ แต่การถกกันที่นี้ให้ประเด็นที่ต่างออกไป ผมเห็นด้วยกับความคิดพี่คัดท้ายอย่างยิ่ง อยากจะเสริมในความคิดผมสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ล้มเหลวก็คือการเข้าใจนิยามแบบผิดๆ คือไปเข้าใจว่าพวกเก็งกำไรคือ VS และ พวกถือยาวกินปันผลคือVI เป็นอย่างแรก ถ้าจะแก้ก็น่าจะแบ่งเป็นสองพวกแทนที่จะตีความไปตามตัวอีกษรแล้วทึกทักเอา
ความคิดผมแล้วในตลาดจะมีแค่สองพวกในระยะยาว ตือ
-พวกที่รอด คือVI และ VS
-พวกที่ไม่รอด คือ We are victim (ตามที่พี่คัดท้ายตั้งให้)
แล้วเรามานิยามผู้รอดซะใหม่โดยเติมนักลงทุนเข้าไปต่อท้ายซะ
VI investor = Value Intellectual + Investor
(intellectual = ที่มีเหตุมีผล, ที่มีสติปัญญา, ที่มีความรู้)
ความหมายก็ยกของพี่ครรชิตมาใช้ได้ครับผมก็ชอบเช่นกัน
VS investor = Value Strategic + Investor
ความหมายก็เป็นนักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ในการเข้าทำกำไรจากตลาด ผมเองจัดให้ VI เป็นหนึ่งในกลยุทธชั้นครู กลยุทธหนึ่ง ใช้ยากแต่ค่อนข้างรับรองผลได้ ผมว่ามีหลายคนที่จัดตัวเองอยู่ในจำพวกนี้
ส่วน We are victim + investor ผมไม่จัดอยู่ในสองพวกแรกครับ พวกนี้มีทั้งผู้ที่ไม่รู้ ผู้ที่รู้ไม่จริง ผู้ที่ไม่ศึกษา... 9ล9 รวมไปถึง VI และ Vs ที่สอบตกด้วยครับ
การจะนิยามตัวเองให้เป็น VI หรือ VS คล้ายกับการสอบ License อะไรสักอย่างมันต้องมีการทดสอบมันต้องมีอุปสรรค ถ้าผ่านมาได้โดยใช้กลวิธีอะไรก็ตามก็สมควรจะอุปโลกตัวเองให้เป็นได้ ซึ่งผู้ทดสอบผลก็คือ ตลาดนั้นเอง แล้วเรื่องการวัดผลอย่าเอาผลตอบแทนมาดูอย่างเดียว ต้องดูด้วยว่าการลงทุนต่อเนื่องแล้วเมื่อเจอวิกฤตต่างๆ หลายๆครั้งแล้วยังเป็นผู้รอดอยู่หรือไม่
ขณะที่อยู่ในตลาดทุน ผมมักจะเตือนตัวเองเสมอว่า ให้ศึกษาให้มากไม่ว่าจะแนวไหน หรือทักษะอะไรก็ตามที่จะช่วยให้เราเอาตัวรอดได้ และย้ำกับตัวเองเสมอว่า อย่าพลาดหรือพลาดให้น้อยที่สุด และพลาดแล้วต้องอยู่ในขอบเขตที่จำกัดเสมอ เพราะไม่ว่าจะเป็น V อะไร ถ้าพลาดหนักๆก็จะเป็นได้แค่ "We are victim" เท่านั้นเอง
ความคิดผมแล้วในตลาดจะมีแค่สองพวกในระยะยาว ตือ
-พวกที่รอด คือVI และ VS
-พวกที่ไม่รอด คือ We are victim (ตามที่พี่คัดท้ายตั้งให้)
แล้วเรามานิยามผู้รอดซะใหม่โดยเติมนักลงทุนเข้าไปต่อท้ายซะ
VI investor = Value Intellectual + Investor
(intellectual = ที่มีเหตุมีผล, ที่มีสติปัญญา, ที่มีความรู้)
ความหมายก็ยกของพี่ครรชิตมาใช้ได้ครับผมก็ชอบเช่นกัน
VS investor = Value Strategic + Investor
ความหมายก็เป็นนักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ในการเข้าทำกำไรจากตลาด ผมเองจัดให้ VI เป็นหนึ่งในกลยุทธชั้นครู กลยุทธหนึ่ง ใช้ยากแต่ค่อนข้างรับรองผลได้ ผมว่ามีหลายคนที่จัดตัวเองอยู่ในจำพวกนี้
ส่วน We are victim + investor ผมไม่จัดอยู่ในสองพวกแรกครับ พวกนี้มีทั้งผู้ที่ไม่รู้ ผู้ที่รู้ไม่จริง ผู้ที่ไม่ศึกษา... 9ล9 รวมไปถึง VI และ Vs ที่สอบตกด้วยครับ
การจะนิยามตัวเองให้เป็น VI หรือ VS คล้ายกับการสอบ License อะไรสักอย่างมันต้องมีการทดสอบมันต้องมีอุปสรรค ถ้าผ่านมาได้โดยใช้กลวิธีอะไรก็ตามก็สมควรจะอุปโลกตัวเองให้เป็นได้ ซึ่งผู้ทดสอบผลก็คือ ตลาดนั้นเอง แล้วเรื่องการวัดผลอย่าเอาผลตอบแทนมาดูอย่างเดียว ต้องดูด้วยว่าการลงทุนต่อเนื่องแล้วเมื่อเจอวิกฤตต่างๆ หลายๆครั้งแล้วยังเป็นผู้รอดอยู่หรือไม่
ขณะที่อยู่ในตลาดทุน ผมมักจะเตือนตัวเองเสมอว่า ให้ศึกษาให้มากไม่ว่าจะแนวไหน หรือทักษะอะไรก็ตามที่จะช่วยให้เราเอาตัวรอดได้ และย้ำกับตัวเองเสมอว่า อย่าพลาดหรือพลาดให้น้อยที่สุด และพลาดแล้วต้องอยู่ในขอบเขตที่จำกัดเสมอ เพราะไม่ว่าจะเป็น V อะไร ถ้าพลาดหนักๆก็จะเป็นได้แค่ "We are victim" เท่านั้นเอง
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน
โพสต์ที่ 30
คัดท้าย เขียน:ขอบคุณพี่ ayethebing ครับ สำหรับนิยามของ VI และ VS ในความคิดของพี่
ทำไมผมถึงตั้งคำถามขึ้นมา ?
เพราะเท่าที่คุยกับเพื่อนๆของผม ผมว่ามีเพื่อนผมที่เล่นหุ้นด้วยกันหลายคนยังเข้าใจไอ้ความหมายของ VI กับ VS นี่ไม่เคลียร์เลยครับ
เพื่อนผมหลายคน คิดว่าตัวเองเป็น VI ซื้อหุ้นแล้วก็ถือยาว บอกว่า
"กรูเป็น VI กรูซื้อหุ้นถือยาว กรูจะเอาปันผล"
ผมถามว่ามันซื้อหุ้นอะไร ที่ราคาเท่าไหร่ แล้วหนาวววว แทนครับ
เพราะนั่นไม่ใช่ VI เลย อย่างสมมุติ
Ecample: ผมซื้อ HEMRAJ ที่ 1.9 บาท แล้วผมถือยาวว เอาปันผล แล้วผมเป็น VI มั้ย?
นี่คือ สิ่งที่ผมอยากจะชี้ครับ
ผมถามว่าถ้าพรุ่งนี้ มีระเบิดทำเนียบ เพื่อนผมคนนี้มันจะตายมั้ย
คำตอบคือ มันได้ถือยาววว มหาโคตรแน่ๆ
กับเพื่อนอีกคนของผม มันบอกว่ามันเป็น VS มัน แต่มันบอกผมเสมอเลย ว่า "กรูหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น แล้วกรูซื้อตอนมันราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง แต่กรูไม่เอาหรอกปันผล กรูว่ามันน้อย กรูขอส่วนต่างราคา กรูคงถือมันแค่ 6 เดือนเท่านั้นแหละ"
ถามว่าไอ้คนที่สองนี้เป็น VI หรือ VS ครับ?
ผมพยายามเขียนเตือน เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนๆผิดหวังกับความเชื่อที่เพื่อนๆเชื่อกันอยู่ เป็น VI หนะดีแน่ แต่ดีเมื่อคุณได้ทำตามกฏของ VI เท่านั้น
เพราะมันอันตรายมาก หากคุณคิดว่าเป็น VI แล้วซื้อหุ้นที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงอยู่ครับ
อันตรายมั้ย ให้จินตนาการถึง คนคนนึงกำระเบิดไว้ แล้วนึกว่าตัวเองกำลังถือกระป๋องโค้กอยู่ ?
บทความนี้ ขออนญาตปริ๊นไปฝากเพื่อนๆผม ที่ยังก้มหน้าก้มตาถือโชติฯของท่าน ดร.อยู่
ถ้าเป็นผมเปลี่ยนไปผซื้อเอ็กคอมหรือตัวอื่นแล้ว แต่ก็แล้วแตวิจารณญาฯดีกว่า ไม่ขอล่วงเกินมากกว่านี้ ขออนุญาต คุณคัดท้ายอีกครั้งขอปริ๊นไปฝากเพื่อน ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งบทความกระทู้นี้มาให้อ่านกันทุกคนครับ
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ