อัตราส่วนนี้ ทำไมเราถึงไม่ใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษี ครับคุณฉัตรชัยchatchai เขียน:อัตราส่วนกระแสเงินสดต่อยอดขาย = กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน / ยอดขาย
เป็นตัววัดสัดส่วนของยอดขายที่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินสดจากการดำเนินงาน
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 31
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 1
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 34
ผมเห็นหนังสือบางเล่มคำนวณระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยใช้chatchai เขียน: ลูกหนี้การค้า * 360 / ยอดขายทั้งปี
สินค้าคงคลัง * 360 / ต้นทุนขายทั้งปี
เจ้าหนี้การค้า * 360 / ต้นทุนขายทั้งปี
(ลูกหนี้ต้นปี+ปลายปี) * 360 / (ยอดขายทั้งปี * 2)
ส่วนระยะเวลาขายกับชำระหนี้ก็ใช้ต้นปี+ปลายปี
ค่าที่คำนวณได้ต่างกันอยู่ อยากถามพี่ฉัตรชัยว่า ความหมายของค่าที่ได้จากสูตรทั้ง 2 คือความหมายเดียวกันหรือเปล่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 35
ขอบคุณ คุณ sattaya ที่ช่วยแก้ไขให้
สูตรที่ถูกต้อง ต้องเป็นค่าเฉลี่ยของต้นงวดและปลายงวดครับ
จำง่ายๆก็คือ ถ้าสูตรไหนใช้ข้อมูลจากงบดุลเปรียบเทียบกับงบกำไรขาดทุน ข้อมูลจากงบดุลก็ควรที่จะใช้ค่าเฉลี่ยต้นงวดและปลายงวดครับ
เพราะตัวเลขที่ได้จากงบกำไรขาดทุนเป็นผลการดำเนินงานทั้งปี แต่ตัวเลขในงบดุลเป็นค่า ณ.เวลาใดเวลาหนึ่ง เราจึงควรที่จะเฉลี่ยต้นงวดและปลายงวดครับ
สูตรที่ถูกต้อง ต้องเป็นค่าเฉลี่ยของต้นงวดและปลายงวดครับ
จำง่ายๆก็คือ ถ้าสูตรไหนใช้ข้อมูลจากงบดุลเปรียบเทียบกับงบกำไรขาดทุน ข้อมูลจากงบดุลก็ควรที่จะใช้ค่าเฉลี่ยต้นงวดและปลายงวดครับ
เพราะตัวเลขที่ได้จากงบกำไรขาดทุนเป็นผลการดำเนินงานทั้งปี แต่ตัวเลขในงบดุลเป็นค่า ณ.เวลาใดเวลาหนึ่ง เราจึงควรที่จะเฉลี่ยต้นงวดและปลายงวดครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 36
ชัดเจนเลยครับchatchai เขียน:จำง่ายๆก็คือ ถ้าสูตรไหนใช้ข้อมูลจากงบดุลเปรียบเทียบกับงบกำไรขาดทุน ข้อมูลจากงบดุลก็ควรที่จะใช้ค่าเฉลี่ยต้นงวดและปลายงวดครับ
เพราะตัวเลขที่ได้จากงบกำไรขาดทุนเป็นผลการดำเนินงานทั้งปี แต่ตัวเลขในงบดุลเป็นค่า ณ.เวลาใดเวลาหนึ่ง เราจึงควรที่จะเฉลี่ยต้นงวดและปลายงวดครับ
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 37
พี่ฉัตรชัยครับ
พอดีไปย้อนอ่านกระทู้ ของ WG เรื่อง ความเพียงพอของเงินทุนต่อการเพิ่มขึ้นของยอดขาย
"หลายบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่าย มักมีปัญหาเรื่องความเพียงพอของเงินทุน เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย
ลองมาดูของ WG บ้าง
ถ้าเราพิจารณาจาก ระยะเวลาในการจัดเก็บเงิน ประมาณที่ 89.19 วัน
ระยะเวลาเก็บสินค้าคงคลังที่ 82.20 วัน
ระยะเวลาชำระหนี้ที่ 64.86 วัน
อัตราการเติบโตของยอดขาย 10% ต่อปี
สัดส่วนต้นทุนขาย 80%
ยอดขายย้อนหลัง 12 เดือน บริษัทมียอดขายประมาณ 937 ล้านบาท
ปีหน้าโต 10% เพิ่มขึ้นเป็น 1,030 ล้านบาท
ลูกหนี้การค้าเฉลี่ยจะเท่ากับ (1,030/365)*89.19 = 252 ล้านบาท
ลูกหนี้การค้าตอนสิ้น กย. 50 = (252*2)-240 = 264 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทต้องลงทุนเพิ่ม = 264 - 240 = 24 ล้านบาท
สินค้าคงคลังเฉลี่ยเท่ากับ (824/365)*82.20 = 186 ล้านบาท
สินค้าคงคลังตอนสิ้น กย.50 = (186*2)-170 = 202 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทต้องลงทุนเพิ่ม = 202 - 170 = 32 ล้านบาท
เจ้าหนี้การค้าเฉลี่ยเท่ากับ (824/365)*64.86 = 146 ล้านบาท
เจ้าหนี้การค้าตอนสิ้น กย.50 = (146*2)-120 = 172 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทจะมีเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น = 172 - 120 = 52 ล้านบาท
สรุปบริษัทจำเป็นต้องลงทุนใน Working Capital เพิ่มจำนวน 24 + 32 - 52 = 4 ล้านบาท
ขอย้ำว่า เป็นการประมาณการตามเงื่อนไขข้างต้นนะครับ"
สงสัยครับ ที่ เดิมมียอดขาย 937 ล้าน ต้นทุนการขาย 80 %
คาดว่าปีถัดไปจะโตขึ้น 10 % เป็น 1030 ล้านบาท
ถ้าเราคิด ว่าต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม (1030-937) * 0.8 = 74.4 ล้านบาท
มันก็จะไม่เท่ากับที่พี่คิด ที่ 4 ล้านบาท
ซึ่งจริงๆ ผมก็ว่าวิธีคิดของผม ไม่ถูกเนื่องจาก ไม่ได้คิดส่วนของ ลูกหนี้ เจ้าหนี้
แต่สงสัยว่า เงินที่ต้องลงทุนเพิ่มขึ้น อย่างน้อยทีสุดมันน่าจะรองรับต้นทุนการขายที่เพิ่มได้ ((1030-937) *0.8)
และ เห็นตัวเลขมันค่อนข้างต่างกันมาก ก็เลยสงสัยครับ
ขอความกรุณาชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ
พอดีไปย้อนอ่านกระทู้ ของ WG เรื่อง ความเพียงพอของเงินทุนต่อการเพิ่มขึ้นของยอดขาย
"หลายบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่าย มักมีปัญหาเรื่องความเพียงพอของเงินทุน เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย
ลองมาดูของ WG บ้าง
ถ้าเราพิจารณาจาก ระยะเวลาในการจัดเก็บเงิน ประมาณที่ 89.19 วัน
ระยะเวลาเก็บสินค้าคงคลังที่ 82.20 วัน
ระยะเวลาชำระหนี้ที่ 64.86 วัน
อัตราการเติบโตของยอดขาย 10% ต่อปี
สัดส่วนต้นทุนขาย 80%
ยอดขายย้อนหลัง 12 เดือน บริษัทมียอดขายประมาณ 937 ล้านบาท
ปีหน้าโต 10% เพิ่มขึ้นเป็น 1,030 ล้านบาท
ลูกหนี้การค้าเฉลี่ยจะเท่ากับ (1,030/365)*89.19 = 252 ล้านบาท
ลูกหนี้การค้าตอนสิ้น กย. 50 = (252*2)-240 = 264 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทต้องลงทุนเพิ่ม = 264 - 240 = 24 ล้านบาท
สินค้าคงคลังเฉลี่ยเท่ากับ (824/365)*82.20 = 186 ล้านบาท
สินค้าคงคลังตอนสิ้น กย.50 = (186*2)-170 = 202 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทต้องลงทุนเพิ่ม = 202 - 170 = 32 ล้านบาท
เจ้าหนี้การค้าเฉลี่ยเท่ากับ (824/365)*64.86 = 146 ล้านบาท
เจ้าหนี้การค้าตอนสิ้น กย.50 = (146*2)-120 = 172 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทจะมีเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น = 172 - 120 = 52 ล้านบาท
สรุปบริษัทจำเป็นต้องลงทุนใน Working Capital เพิ่มจำนวน 24 + 32 - 52 = 4 ล้านบาท
ขอย้ำว่า เป็นการประมาณการตามเงื่อนไขข้างต้นนะครับ"
สงสัยครับ ที่ เดิมมียอดขาย 937 ล้าน ต้นทุนการขาย 80 %
คาดว่าปีถัดไปจะโตขึ้น 10 % เป็น 1030 ล้านบาท
ถ้าเราคิด ว่าต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม (1030-937) * 0.8 = 74.4 ล้านบาท
มันก็จะไม่เท่ากับที่พี่คิด ที่ 4 ล้านบาท
ซึ่งจริงๆ ผมก็ว่าวิธีคิดของผม ไม่ถูกเนื่องจาก ไม่ได้คิดส่วนของ ลูกหนี้ เจ้าหนี้
แต่สงสัยว่า เงินที่ต้องลงทุนเพิ่มขึ้น อย่างน้อยทีสุดมันน่าจะรองรับต้นทุนการขายที่เพิ่มได้ ((1030-937) *0.8)
และ เห็นตัวเลขมันค่อนข้างต่างกันมาก ก็เลยสงสัยครับ
ขอความกรุณาชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ
เป็น VI มันไม่ง่าย
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 38
ยอดขายปีละ 1000 ล้านบาท ต้นทุนขาย 800 ล้านบาท เงินลงทุนก็คงไม่ใช่ 800 ล้านบาทครับ
เนื่องจากเวลาการทำธุรกิจซื้อขายจริง จะมีการหมุนเงินกันหลายรอบ ซึ่งจะกี่ได้กี่รอบก็ขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาการเก็บเงินจากลูกค้า ระยะเวลาในการเก็บสินค้าคงคลัง และระยะเวลาการชำระเงิน
ดังเช่นธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ๆ ซึ่งเป็นแบบซื้อเชื่อขายสด ระยะเวลาเก็บหนี้สั้นเพราะรับเงินสดหรือบัตรเครดิต ระยะเก็บสินค้าคงคลังก็น้อย แต่จ่ายเงินให้ Supplier นานหลายเดือน ก็สามารถนำเงินมาหมุนได้ฟรีๆ ยิ่งขายมากก็ยิ่งได้เงินมาหมุนใช้มาก
เนื่องจากเวลาการทำธุรกิจซื้อขายจริง จะมีการหมุนเงินกันหลายรอบ ซึ่งจะกี่ได้กี่รอบก็ขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาการเก็บเงินจากลูกค้า ระยะเวลาในการเก็บสินค้าคงคลัง และระยะเวลาการชำระเงิน
ดังเช่นธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ๆ ซึ่งเป็นแบบซื้อเชื่อขายสด ระยะเวลาเก็บหนี้สั้นเพราะรับเงินสดหรือบัตรเครดิต ระยะเก็บสินค้าคงคลังก็น้อย แต่จ่ายเงินให้ Supplier นานหลายเดือน ก็สามารถนำเงินมาหมุนได้ฟรีๆ ยิ่งขายมากก็ยิ่งได้เงินมาหมุนใช้มาก
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 40
พี่ฉัตรชัยครับ กรณีที่บริษัทขยายกำลังการผลิต
บริษัทต้องมีเงินมาลงทุนเพิ่ม ในส่วนของ
1.โรงงานใหม่
2.working capital
โดยเงินที่จะนำมาใช้อาจมาได้ 3 ทาง
1.จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
2.เงินสดที่มีอยู่เดิม
3.กู้เงิน
4.เพิ่มทุน
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบริษัทจะมีเงินลงทุน โดยใช้เงินสดเดิม + กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพียงพอ โดยไม่ต้องใช้ เงินกู้ หรือ เพิ่มทุน ครับ
(ผมไม่ได้เรียนบํญชีมา คำถามผมอาจสับสนน่ะครับ อย่างไรก็ขออภัยไว้ก่อน)
บริษัทต้องมีเงินมาลงทุนเพิ่ม ในส่วนของ
1.โรงงานใหม่
2.working capital
โดยเงินที่จะนำมาใช้อาจมาได้ 3 ทาง
1.จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
2.เงินสดที่มีอยู่เดิม
3.กู้เงิน
4.เพิ่มทุน
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบริษัทจะมีเงินลงทุน โดยใช้เงินสดเดิม + กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพียงพอ โดยไม่ต้องใช้ เงินกู้ หรือ เพิ่มทุน ครับ
(ผมไม่ได้เรียนบํญชีมา คำถามผมอาจสับสนน่ะครับ อย่างไรก็ขออภัยไว้ก่อน)
เป็น VI มันไม่ง่าย
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 41
คำตอบเดียวครับ เราต้องประมาณการงบการเงินครับ
เหมือนเวลาจะทำโครงการใหม่ หรือว่าขอเรื่องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เราก็ต้องทำประมาณการเงินสดล่วงหน้าครับ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
เหมือนเวลาจะทำโครงการใหม่ หรือว่าขอเรื่องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เราก็ต้องทำประมาณการเงินสดล่วงหน้าครับ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 44
ขุดมาให้อ่านกันครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 45
ขอบคุณ คุณฉัตรชัย สำหรับความรู้ และ ขอบคุณ คุณ kongkit ที่ขุดมาให้อ่านครับkongkiti เขียน:ขุดมาให้อ่านกันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5620
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ใครสนใจอัตราส่วนทางการเงินจากงบกระแสเงินสดบ้างครับ
โพสต์ที่ 46
ขอขุดมาอ่านอีกครั้งครับ
วินัย + แผนการ + ลงรายละเอียด => ขุดหุ้น
fb fanpage : https://www.facebook.com/stockinvestigator
fb fanpage : https://www.facebook.com/stockinvestigator