Lamer เขียน:สวัสดีครับพี่ลูกอิสาน เผอิญเป็นมือใหม่ อยากจะสอบถามความคิดเห็นเกี่ยว UMS แล้วก็ STANLY สำหรับทั้ง 2 ตัวนี้คิดว่าจะเศรษฐกิจฟื้นกลับมาจะสามารถทำกำไรได้ดีหรือเปล่าครับขอบคุณครับ
ยินดีครับเพิ่งโพสต์ครั้งแรกเลย
ผมเคยอ่านจากหนังสือเล่มไหนจำไม่ได้แล้วเค้าเขียนทำนองว่า
หุ้นที่น่าสนใจคือหุ้นที่มี barrier of entry และอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต
ums ก็อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต เพราะถ่านหินผลิตเป็นพลังงานด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดถ้าใครเคยติดตาม ums 5-6 ปีที่แล้วมียอดขายไตรมาสละประมาณ 150 ล้าน กำไร 15 ล้าน เท่านั้นแต่ปัจจุบันยอดขายเกือบๆพันล้านต่อไตรมาส กำไรก็ทำนองเดียวกัน จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนมาก ปัญหาคือการค้าถ่านหินเป็นอุตสาหกรรมที่มี barrier ต่ำ ในอดีต ums มีคู่แข่งประมาณ 4-5 รายเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีถึง 14-15 ราย
กำไรที่ดีย่อมดึงดูดคู่แข่ง ดังนั้นสิ่งที่เราพอจะคาดการณ์ได้คือในที่สุดอุตสหกรรมนี้จะกลับมามีมาร์จินอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ 14-15% อย่างที่ ums เคยทำได้ที่ผ่านมาครับ แต่เนื่องจาก ums เป็นผู้บุกเบิก เป็นรายใหญ่ ก็คงสามารถอยู่รอดและแข่งขันได้ และผู้บริหารก็พยายามสร้าง barrier of entry เช่นการสร้างท่าเรือ การซื้อเหมือง การซื้อเรือเดินสมุทร การซื้อเรือโป๊ะ
เหล่านี้เป็นการทำเพื่อลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด ซึ่งสำคัญมากสำหรับการค้า การผลิตสินค้าโภคภัณฑ์
ผมยังเชื่อว่าอุตสาหกรรมค้าถ่านหินยังเติบโตได้อีกมาก แต่ช่วงนี้อาจจจะสะดุดไปบ้าง เพราะภาวะเศรษกิจตกต่ำ ลูกค้าลดกำลังการผลิต การใช้ถ่านหินก็ย่อมลดลง หากเศรษกิจฟื้นกลับมา มีการใช้กำลังการผลิตมากขึ้น การใช้ถ่านหินก็คงเพิ่มแน่นอนครับ ปัญหาคือเมื่อไหร่เศรษกิจจะฟื้น และอัตรากำไรในอนาคตที่มีคู่แข่งมากมาย และราคาถ่านหินไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้นเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา มาร์จินที่ ums ทำได้จะเป็นเท่าไหร่
นี่เป็นประเด็นที่มีผลต่อการหามูลค่าหุ้น อีกประเด็นผู้บริหารก็ขยันเทขายหุ้น ขายไปแล้วไม่ยักกะซื้อคืน ผู้บริหารบริษัทอื่นๆขายหุ้นอาจมีหลายเหตุผลเช่น ต้องการใช้เงิน ซึ่งผมไม่คิดว่าของ ums จะเป็นประเด็นนี้ ผมก็ไม่รู้ว่ามีนัยสำคัญอะไรหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับกรณีอย่างนี้ครับ
stanly เป็นหุ้นวัฎจักรที่ชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมยานยนต์ เมื่อเศรษกิจตกต่ำ คนทั่วไปรู้สึกไม่มั่นคงของรายได้ ย่อมไม่อยากก่อหนี้ผูกพันสูงๆ เช่นการซื้อรถหรือซื้อบ้าน ดังนั้นช่วงนี้ stanly ต้องได้รับผลกระทบมากแน่นอน หากเศรษกิจกลับมาดีขึ้น แน่นอนว่ากำลังซื้อก็จะกลับมา โดยทั่วไปอายุการใช้งานรถประมาณ 10 ปี ดังนั้นหากยืดการใช้งานไปอย่างมากก็ 3-4 ปีไม่เกินนี้ กำลังซื้อที่อัดอั้นตอนเศรษกิจไม่ดี ก็จะไปโผล่ตอนที่เศรษกิจดี
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะมีช่วงที่ดีผิดปกติและปีที่แย่กว่าปกติ สลับๆกันไป เราควรซื้อหรือขายหุ้นช่วงไหน ผมคงไม่ต้องบอกนะครับ แต่ยังมีปัจจัยเล็กๆอื่นๆที่ต้องติดตามเกี่ยวกับ stanly คือ
1.วัฎจักรเศรษกิจโลกและวัฎจักรเศรษกิจไทยอาจจะไม่เหมือนกัน ในอดีตยอดขายส่วนใหญ่ของ stanly ขึ้นอยู่กับยอดขายรถในประเทศ แต่ปัจจุบันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะยอดผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้นมาก เท่าๆกับยอดขายในประเทศแล้ว ดังนั้นต้องดูทั้งวัฎจักรเศรษกิจของโลกและของไทยควบคู่กันไปด้วยครับ เพราะมีผลต่อยอดขายสำคัญพอๆกัน
2.ยอดขายรถยนต์ของลูกค้าหลัก หากลูกค้าหลักขายรถยนต์ได้มาก มีรถยอดนิยม stanly ก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน ลูกค้าหลักของ stanly คือฮอนด้า ซึ่งปัจจุบันมีรถรุ่นเล็กๆที่ได้รับความนิยมหลายๆรุ่น บริษัทที่ได้รับประโยชน์ไปด้วยก็คือผู้ผลิตชิ้นส่วนให้ค่ายรถนั้นๆครับ..