ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 963
ขอให้ลูกหายป่วย
ภรรยาแข็งแรงปลอดภัย
คลอดง่าย
และ ขอเป็นกำลังใจโจ
ด้วยคนครับ
ภรรยาแข็งแรงปลอดภัย
คลอดง่าย
และ ขอเป็นกำลังใจโจ
ด้วยคนครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 355
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 970
ปกติแอบมาอ่านอย่างเดียวครับ
แต่ตอนนี้ต้องขอให้ทั้งครอบครัวพี่สุขภาพดี
ปลอดภัย แข็งแรง ตลอดเลยนะครับ. . .
แต่ตอนนี้ต้องขอให้ทั้งครอบครัวพี่สุขภาพดี
ปลอดภัย แข็งแรง ตลอดเลยนะครับ. . .
- BABY TERMITE
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 972
ขอแสดงความยินดีกับลูกสาวคนใหม่ด้วย ขอให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ
ว่าแต่จะมีเพิ่มอีกหรือเปล่า ชาย 2 หญิง 2 ก็ดูดีนะครับคุณโจ
ว่าแต่จะมีเพิ่มอีกหรือเปล่า ชาย 2 หญิง 2 ก็ดูดีนะครับคุณโจ
ปลวกน้อยคอยวันเติบใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 973
เซ็ง....เมื่อเห็นเงินสดเต็มพอร์ต ช่วยด้วยครับ
ขอคำแนะนำในการจัดการทัศนะคติแย่ๆๆแบบนี้ ในช่วงเวลาแบบนี้ครับ ผมหาของดีและถูก (ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้) ไม่เจอมา 3 เดือนแล้วครับ
พอร์ตส่วนตัว
#1 เงินสดในพอร์ต 58 %
#2 กองทุนหุ้นต่างประเทศ 28 %
#3 กองทันอสังหา 11 %
#4 พันธบัตรรัฐบาลอีก 3 %
เมื่อเดือน พค. ปีนี้ ผมได้ขายเอากำไรจาก #2 ออกไป 9 % ของพอร์ต
ประกอบกับออมเงินได้ทุกเดือน ทำให้ #1 เป็นอย่างที่เห็น
ซึ่งตั้งใจว่าจะเอา #1 มาไล่เก็บพวก defensive stock บ้านเรา แต่ทว่าพวกมันได้ปรับขึ้นไป จนผมไม่กล้าไล่ซื้อ นอกจากนี้ เงินปันผลที่ได้รับจากปีที่แล้วจากหุ้นกลุ่มนี้ ก็นำไปทบต้นไม่ทันอีก
แล้วอย่างนี้ผมจะสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 10-15 % ติดต่อกันอย่างพี่น้องในห้องนี้ได้อย่างไรกัน
อดน้อยใจไม่ได้จริงๆครับ....
ขาดทุนทางบัญชี ยังเสียใจน้อยกว่า งดจ่ายปันผล
งดจ่ายปันผล ยังเสียใจน้อยกว่า นำเงินไปทบต้นไม่ทัน
นำเงินไปทบต้นไม่ทัน ยังเสียใจน้อยกว่า สร้าง passive income ไม่ได้
ที่น่าเสียใจที่สุด คือ เราจะเป็นที่พึ่งให้พ่อแม่ที่ใกล้เกษียณได้ยังไง ถ้ากระบวนการข้างบนยังตะกุกตะกักแบบนี้
ผมยอมรับว่า circle of competence ตัวเองยังน้อย ยังไม่สามารถทำอะไรหวือหวาได้ ยังไงก็จะศึกษาหาความรู้การลงทุนเน้นคุณค่าต่อไปครับ
ปล . ขออภัยน้องๆ พี่ๆ และผู้มีคุณูปการต่อบอร์ดนี้ ที่ผมแสดงความอ่อนแอ
ทางจิตใจออกมา ทุกเย็นหลังเลิกงาน คำถามเหล่านี้วนเวียนในหัวซ้ำๆๆๆ
จนผมไม่รู้จะไปถามใครดี....
ขอคำแนะนำในการจัดการทัศนะคติแย่ๆๆแบบนี้ ในช่วงเวลาแบบนี้ครับ ผมหาของดีและถูก (ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้) ไม่เจอมา 3 เดือนแล้วครับ
พอร์ตส่วนตัว
#1 เงินสดในพอร์ต 58 %
#2 กองทุนหุ้นต่างประเทศ 28 %
#3 กองทันอสังหา 11 %
#4 พันธบัตรรัฐบาลอีก 3 %
เมื่อเดือน พค. ปีนี้ ผมได้ขายเอากำไรจาก #2 ออกไป 9 % ของพอร์ต
ประกอบกับออมเงินได้ทุกเดือน ทำให้ #1 เป็นอย่างที่เห็น
ซึ่งตั้งใจว่าจะเอา #1 มาไล่เก็บพวก defensive stock บ้านเรา แต่ทว่าพวกมันได้ปรับขึ้นไป จนผมไม่กล้าไล่ซื้อ นอกจากนี้ เงินปันผลที่ได้รับจากปีที่แล้วจากหุ้นกลุ่มนี้ ก็นำไปทบต้นไม่ทันอีก
แล้วอย่างนี้ผมจะสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 10-15 % ติดต่อกันอย่างพี่น้องในห้องนี้ได้อย่างไรกัน
อดน้อยใจไม่ได้จริงๆครับ....
ขาดทุนทางบัญชี ยังเสียใจน้อยกว่า งดจ่ายปันผล
งดจ่ายปันผล ยังเสียใจน้อยกว่า นำเงินไปทบต้นไม่ทัน
นำเงินไปทบต้นไม่ทัน ยังเสียใจน้อยกว่า สร้าง passive income ไม่ได้
ที่น่าเสียใจที่สุด คือ เราจะเป็นที่พึ่งให้พ่อแม่ที่ใกล้เกษียณได้ยังไง ถ้ากระบวนการข้างบนยังตะกุกตะกักแบบนี้
ผมยอมรับว่า circle of competence ตัวเองยังน้อย ยังไม่สามารถทำอะไรหวือหวาได้ ยังไงก็จะศึกษาหาความรู้การลงทุนเน้นคุณค่าต่อไปครับ
ปล . ขออภัยน้องๆ พี่ๆ และผู้มีคุณูปการต่อบอร์ดนี้ ที่ผมแสดงความอ่อนแอ
ทางจิตใจออกมา ทุกเย็นหลังเลิกงาน คำถามเหล่านี้วนเวียนในหัวซ้ำๆๆๆ
จนผมไม่รู้จะไปถามใครดี....
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 974
เข้ามาบอกคนที่ไม่รู้ครับ ลูกสาวน้องโจคลอดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ครับ
มีครบ3 พุทธ ธรรม สงฆ์ แล้วนะครับ
ปล.มีลูกสาว เดี๋ยวจะรู้สึก..อิอิ.
ส่วนรู้อะไร เดี๋ยวให้พ่อคนอื่นที่มีลูกสาวมาตอบแล้วกันครับ
มีครบ3 พุทธ ธรรม สงฆ์ แล้วนะครับ
ปล.มีลูกสาว เดี๋ยวจะรู้สึก..อิอิ.
ส่วนรู้อะไร เดี๋ยวให้พ่อคนอื่นที่มีลูกสาวมาตอบแล้วกันครับ
แก้ไขล่าสุดโดย naris เมื่อ อังคาร ส.ค. 04, 2009 11:29 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 977
ลูก 3 แล้วยินดีกับพี่โจด้วยครับ...
พี่นริศน้อยหน้าได้ไง อย่าให้แพ้พี่โจเค้าซิ :lol:
พี่นริศน้อยหน้าได้ไง อย่าให้แพ้พี่โจเค้าซิ :lol:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 984
เเสดงความยินดีด้วยครับ :D
- BABY TERMITE
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 987
[quote="naris"][quote="yoyo"]ลูก 3 แล้วยินดีกับพี่โจด้วยครับ...
พี่นริศน้อยหน้าได้ไง อย่าให้แพ้พี่โจเค้าซิ
พี่นริศน้อยหน้าได้ไง อย่าให้แพ้พี่โจเค้าซิ
ปลวกน้อยคอยวันเติบใหญ่
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 988
[quote="naris"][quote="yoyo"]ลูก 3 แล้วยินดีกับพี่โจด้วยครับ...
พี่นริศน้อยหน้าได้ไง อย่าให้แพ้พี่โจเค้าซิ
พี่นริศน้อยหน้าได้ไง อย่าให้แพ้พี่โจเค้าซิ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 989
ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ทุกท่านที่ถามไถ่กันมาครับ
ช่วงก่อนหน้านี้ต้องเอางานหลวงไว้ก่อน
อย่างที่เคยเล่าลูกคนโตเพิ่งออกจากโรงพยาบาล
ต่อมาก็ลูกสาวคลอด ต่อมาคนโตไม่สบายอีก
แต่ตอนนี้ทุกคนหายดีหมดแล้วครับ ลูกคนเล็กก็แข็งแรงดี
ยืนยัน นอนยัน นั่งยัน ชีวิตคนเราจะทุกข์สุดๆก็ลูกนี่ละครับ แต่สุขสุดๆก็จากลูกเช่นกัน เวลาได้กอดลูกๆพร้อมกันทุกคนสุขเหนือคำบรรยายครับ อิจฉาพี่ป้อม พี่ฉัตร พี่นริศ ลูกโตๆกันหมดแล้ว ผมคงต้องสู้ชีวิตอีกสักพักใหญ่ๆ
ช่วงก่อนหน้านี้ต้องเอางานหลวงไว้ก่อน
อย่างที่เคยเล่าลูกคนโตเพิ่งออกจากโรงพยาบาล
ต่อมาก็ลูกสาวคลอด ต่อมาคนโตไม่สบายอีก
แต่ตอนนี้ทุกคนหายดีหมดแล้วครับ ลูกคนเล็กก็แข็งแรงดี
ยืนยัน นอนยัน นั่งยัน ชีวิตคนเราจะทุกข์สุดๆก็ลูกนี่ละครับ แต่สุขสุดๆก็จากลูกเช่นกัน เวลาได้กอดลูกๆพร้อมกันทุกคนสุขเหนือคำบรรยายครับ อิจฉาพี่ป้อม พี่ฉัตร พี่นริศ ลูกโตๆกันหมดแล้ว ผมคงต้องสู้ชีวิตอีกสักพักใหญ่ๆ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์ที่ 990
ขอคอมเมนต์เป็นประเด็นๆนะครับLaziale เขียน:รบกวนถามความเห็นจากพี่โจครับ ว่า IT กับ SE-ED ณ ตอนนี้ ความน่าลงทุนต่างกันแค่ไหนครับ
สำหรับผมจัดให้เป็นหุ้นปันผลทั้งคู่ และความเห็นของผมคือ
ข้อดีของ SE-ED คือ ยังคงประคองกำไรในระดับเดิมได้ (คิดเองครับ) ปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่ราคาขึ้นมาเยอะพอสมควร (ไม่แน่ใจว่าแพงไปหรือยัง เพราะขึ้นแบบไม่พักเลย จาก 5.3 มา 7 บาทก่าๆแล้วสำหรับหุ้นปันผลตัวนี้)
ส่วน IT นั้นข้อเสียคือกำไรในปีนี้ลดลงค่อนข้างมาก (โดยเฉพาะ Q1 ที่หายไปครึ่งหนี่ง) แต่ข้อดีคือราคาที่ค่อนข้างจะติดดินและเดินเล่นอยู่ในระดับ 3 บาทปลายๆถึง 4 บาทนิดๆมานานแล้ว (ภาวนาให้ตลาดทุบจนพอแล้ว) และปีก่อนปันผล 100% ส่วนปีนี้เข้าใจว่าอาจจ่ายปันผลทุกไตรมาสด้วย เพราะจ่ายปันผล Q1 ด้วยทันที (ไม่รู้ว่าปลอบใจสำหรับกำไรที่ฮวบฮาบหรือป่าว)
รบกวนพี่โจช่วยชั่งน้ำหนักให้ด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ
1.รูปแบบธุรกิจเป็นค้าปลีกเหมือนกัน กิจการขายเป็นเงินสดส่วนใหญ่ ในขณะที่ซื้อสินค้าด้วยเงินเชื่อ ทำให้ยิ่งขายกระแสเงินสดยิ่งเพิ่ม ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนส่วนใหญ่คือการสต็อคสินค้า ดังนั้นกิจการแบบนี้สามารถขยายตัวได้โดยไม่ค่อยมีปัญหาเงินทุนหมุนเวียนครับ
2.ความแข็งแกร่งของงบดุล se-ed จะมีหนี้สิน/ทุนสูงกว่า it ค่อนข้างมาก แม้ทั้งสองบริษัทมีเงินสดเท่าๆกันที่ 600 ล้าน แต่เงินสดของ se-ed มีภาระต้องนำไปจ่ายหนี้สินหมุนเวียน ในขณะที่ it มีภาระหนี้สินหมุนเวียนน้อยกว่ามาก ดังนั้นจะเป็นเงินสดที่มีสามารถนำไปใช้ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะจ่ายปันผลหรือการขยายสาขาใหม่ๆ
3.การเติบโตของยอดขาย ทั้งสองบริษัทยังมีการเติบโตของยอดขายทั้งจากสาขาเดิมและการขยายสาขาใหม่ แต่เติบโตด้วยอัตราที่ลดลง ในขณะที่อัตราการทำกำไรทั้งคู่กลับมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นแม้ยอดขายเพิ่ม แต่กำไรเพิ่มในอัตราน้อยกว่า ตัวเลขนี้อาจแสดงว่าบริษัทประสบปัญหาการแข่งขันพอสมควร
4.ตำแหน่งทางการตลาด ในตลาดหนังสือมีผู้เล่นน้อยราย นอกจาก se-ed แล้วมีคู่แข่งระดับเดียวกันอีก 1-2 รายเท่านั้น แสดงว่าธุรกิจนี้ผ่านการคัดเลือกจนเหลือแต่ผู้รอดตาย ในขณะที่การขายสินค้า it น่าจะยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ยังมีผู้ค้ารายย่อยมากมาย แต่ก็เริ่มมีรายใหญ่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่าแนวโน้มอีกไม่นานผู้ค้ารายเล็กจะค่อยๆหายไป เหลือแต่ผู้ค้ารายใหญ่ๆมาแทนครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ it น่าจะได้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากการลดลงของผู้ค้ารายย่อย ถ้ายังเป็นเหมือนปัจจุบัน ก็คงเหนื่อย ซื้อหนังสือเรานึกถึงร้านค้าแค่ 1-2 แบรนด์ แต่สินค้า it เราแยกแทบไม่ออกว่าแต่ละร้านเหมือนหรือต่างกันอย่างไร มีทั้งผู้ค้ารายใหญ่ รายเล็ก และยังมีเจ้าของแบรนด์สินค้ามาเปิด shop ขายสินค้าเองด้วย
5.ความผันผวนของผลกำไร แม้ทั้งคู่เป็นธุรกิจค้าปลีกแต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ส่งผลต่อผลกำไรต่างกันไปครับ กรณี se-ed การมีปกหนังสือที่ขายดี หรือหนังสือขายดีที่พิมพ์โดยซีเอ็ดเอง การขายสินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่หนังสือและได้รับความนิยมในขณะนั้น การสำรองด้อยค่าสินค้า ปริมาณการทำลายหนังสือ หรือผลกำไร-ขาดทุนของบริษัทร่วม เหล่านี้มีผลต่อกำไรทั้งสิ้นครับ ในขณะที่สินค้า it ดูจะมีความผันผวนน้อยกว่า แต่จะแปรผันตามภาวะเศรษกิจ คือขึ้นอยู่กับความมั่นใจของผู้บริโภค สินค้าไอทีค่อนข้างคงทน ดังนั้นสามารถตัดสินใจยืดการซื้อได้ หากรู้สึกว่ารายได้ไม่มั่นคงครับ
6.วิถีชีวิตยุคใหม่ ดูเหมือนจะสร้างความได้เปรียบให้กับ it มากกว่า se-ed เพราะขายสินค้าไฮเทคที่เข้ากับชีวิตของผู้คนยุคใหม่ ในขณะที่การอ่านหนังสือดูเหมือนได้รับกระทบจากการมาถึงของยุคอินเตอร์เนต เดี๋ยวนี้ยอดขายหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ซึ่งดึงดูดให้คนเข้าร้านขายหนังสือลดลงมาก เพราะสามารถหาอ่านได้ฟรีในอินเตอร์เนต หรือเรื่องราวทั่วไปเราอยากรู้เรื่องอะไร ไม่ต้องหาหนังสืออ่าน แค่เสิรจจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ข้อมูลแล้ว จะเสียเวลาไปร้านหนังสือทำไม ภรรยาผมบอกว่าเดี๋ยวนี้นักศึกษามหาลัยใช้ห้องสมุดไม่เป็นแล้ว เพราะต้องการ paper หาข้อมูลเรื่องอะไรก็เสริจจากฐานข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้ครับ ส่วนประเด็นการคาดหวังว่าคนไทยจะอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อร้านขายหนังสือ ผมคิดว่าเป็นความหวังลมๆแล้งๆ ถ้าจำไม่ผิดมีการทำวิจัยและพบผลที่น่าตกใจว่าคนไทยโดยเฉลี่ยอ่านหนังสือ(คงไม่ได้หมายถึงหนังสือพิมพ์ นิตยสาร)แค่ปีละ 7 บรรทัด เป็นผลที่หลายคนไม่เชื่อ แต่ผมคิดว่าน่าจะจริง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นชาวบ้านทั่วไปหรือคนเมืองที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ปากกัดตีนถึบ ลำพังการทำมาหากิน เลี้ยงลูก ในแต่ละวันๆก็หมดเวลาแล้ว ไม่มีเวลามาคิดเรื่องอ่านหนังสือหาความรู้ครับ และที่จริงการอ่านก็เหมือนวัฒนธรรมด้วย เคยได้ยินว่าการเปลี่ยนวัฒนธรรมต้องใช้เวลา 50-100 ปี
ชั่งใจดูครับว่าคุณ Laziale ชอบแบบไหน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว