โลกในมุมมองของ Value Investor 6 มีนาคม 53
การลงทุนแบบ Value Investment ในเมืองไทยนั้นน่าจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังหลังจากปี 2540 ซึ่งเป็นปีวิกฤติเศรษฐกิจไทยและหลังจากการตีพิมพ์หนังสือเรื่อง ตีแตก ของผมในราวปี 2542 นั่นเป็นปีเริ่มต้นที่ เข้าตำรา โหร นั่นคือ ดวง ตกฟาก ของ VI เหมาะสม เป็น ดวง ที่ดีมาก เพราะหลังจากการตกต่ำอย่างหนักของตลาดหุ้นในช่วงนั้นทำให้ตลาดเต็มไปด้วย หุ้นที่มีราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ผมยังจำได้ว่ามีหุ้นของกิจการที่มั่นคงแข็งแกร่ง เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต ที่ยังมียอดขายดีมากในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ มีกำไรและปันผลที่สูงมาก ฐานะการเงินแข็งแกร่งไม่มีหนี้สินจากสถาบันการเงิน แต่ราคาของมันคิดเป็นค่า PE แค่ 5 เท่า ค่า PB ไม่เกิน 1 เท่า และจ่ายปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นถึง 10% ต่อปี ดังนั้น การลงทุนซื้อหุ้นแบบนี้ซึ่งก็คือหุ้นแบบ VI จึงเป็นการลงทุน ในฝัน และเมื่อเวลาผ่านไป มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการลงทุนที่ดีและได้ผลตอบแทนที่งดงามมาก
ว่าไปแล้ว ดวงตกฟากของ VI ในเมืองไทยก็เหมือนกับดวงตกฟากของ VI ต้นตำรับในอเมริกาที่เกิดขึ้นหลังวิกฤติเศรษฐกิจของอเมริกาในปี 1929 และหลังการตีพิมพ์หนังสือเรื่อง Securities Analysis ของ เบน เกรแฮม ในปี 1934 ซึ่งทำให้การลงทุนแบบ VI แพร่หลายไปทั่วอเมริกาและทั่วโลกในเวลาต่อมา
หลังจากการเริ่มต้นแนวทางการลงทุนแบบ VI ในช่วงจังหวะเวลาที่ดีเยี่ยมนั้นแล้ว การลงทุนแบบ VI ในตลาดหุ้นไทยก็ค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้นเป็นลำดับ ในช่วงเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาเราได้เห็นนักลงทุนแบบ VI เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แนวความคิดนี้แพร่หลายออกไปนั้นน่าจะอยู่ที่ผลงานความ สำเร็จของการลงทุนของนักลงทุนแบบ VI จำนวนไม่น้อยที่สามารถสร้างผลตอบแทนงดงาม ผลตอบแทนของ VI หลายคนนั้นแทบจะเรียกได้ว่า มหัศจรรย์ และทำให้พวกเขากลายเป็น เศรษฐี ได้ในเวลาอันสั้น แต่ในกรณีส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดที่พูดถึงนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ กล่าวอ้าง หรือเป็นการ คาดการณ์ กันเองโดยคนอื่น เพราะผลงานการลงทุนแบบ VI นั้น ทำโดยบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน ดังนั้น จึงยังไม่มีข้อพิสูจน์จริง ๆ ว่าการลงทุนแบบ VI เป็นการลงทุนที่ดีกว่าหรือเหนือกว่าการลงทุนแบบอื่น
เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าการลงทุนแบบ VI ในเมืองไทยนั้นเป็นการลงทุนที่ เหนือกว่า อย่างเป็นวิชาการ ไม่ใช่จากการกล่าวอ้าง ผมได้ทำการศึกษาเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุนแบบ VI ในตลาดหุ้นไทยสองครั้งและได้ตีพิมพ์ผลงานลงในหนังสือวารสารทางวิชาการของคณะ บริหารธุรกิจของนิด้าฉบับล่าสุดคือเดือน พฤศจิกายน 2552 และต่อไปนี้คือสาระสำคัญของการศึกษาทั้งสองครั้งที่ใช้วิธีการศึกษาแบบเดียว กันและผมถือโอกาสสรุปรวมการศึกษาทั้งสองครั้งไว้ในที่นี้
วิธีการคัดเลือกว่าหุ้นตัวไหนเป็นหุ้น Value หรือเป็นหุ้นคุณค่าก็คือ การหาหุ้นที่มีค่า PE ไม่เกิน 10 เท่า ค่า PB ไม่เกิน 1 เท่า และค่าผลตอบแทนปันผลหรือ Dividend Yield ไม่ต่ำกว่า 3% โดยที่หุ้นตัวไหนเข้าเกณฑ์ดังกล่าวในตอนสิ้นปีที่แล้ว เราก็ซื้อหุ้นเข้าพอร์ตเพื่อลงทุนในปีต่อมา เราจะถือหุ้นดังกล่าวเป็นเวลาหนึ่งปี พอถึงสิ้นปีเราก็มาดูอีกทีหนึ่งว่าหุ้นยังเข้าเกณฑ์หรือไม่ ถ้ายังเข้าเกณฑ์เราก็ยังถือต่อไปเพราะมันยังเป็นหุ้น Value อยู่ ถ้าไม่เข้าเกณฑ์แล้วเราก็ขายทิ้งแล้วเอาเงินไปลงในหุ้นอื่นที่เข้าเกณฑ์แทน ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทุกปี แล้วมาดูว่าจะได้ผลตอบแทนเท่าไรเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์
การศึกษานี้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นปี 2543 จนถึงสิ้นปี 2551 คิดเป็นเวลา 9 ปี ผลของการศึกษาสรุปได้เป็นดังนี้
1 จำนวนหุ้น Value ที่เข้าเกณฑ์และถูกเลือกลงทุนในปี 2543 มี 47 บริษัท และถือว่ามีจำนวนน้อยที่สุดในช่วง 9 ปีที่ศึกษา สาเหตุคงเป็นเพราะในปีนั้นบริษัทจำนวนมากคงยังขาดทุนกันอยู่ทำให้หาหุ้นที่ มีค่า PE ต่ำได้ยาก หลังจากนั้นแล้ว จำนวนหุ้นที่เข้าข่ายเป็นหุ้น Value ในแต่ละปีเฉลี่ยอยู่ที่ 70 บริษัท
2 พอร์ตของหุ้น Value ที่มีหุ้นประมาณ 70 ตัว ในแต่ละปีในช่วงเก้าปีนั้น กำไรทุกปียกเว้นปี 2551 ที่ขาดทุนประมาณ 2% ปีที่กำไรสูงสุดคือปี 2549 ที่กำไร 73.56% โดยที่กำไรเฉลี่ยแบบทบต้นเท่ากับประมาณ 34% ต่อปี ในขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์คิดจากดัชนีตลาดนั้น ในช่วง 9 ปี มีขาดทุน 4 ปี และขาดทุนหนักที่สุดในปี 2551 ที่ประมาณ 43% ปีที่ดีที่สุดคือปี 2546 ซึ่งดัชนีตลาดขึ้นไปถึง 118% และเป็นปีเดียวที่ผลตอบแทนของตลาดดีกว่าผลตอบแทนของหุ้น VI โดยเฉลี่ยแล้ว ผลตอบแทนทบต้นของตลาดในช่วง 9 ปีนั้น ให้ผลตอบแทนประมาณ 4.8% ต่อปี ซึ่งน้อยกว่าพอร์ต VI ถึงปีละประมาณ 29%
3 ถ้าสมมุติว่าเราลงทุนเริ่มต้นในปี 2543 จำนวน 1 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2551 พอร์ต VI จะโตขึ้นเป็นประมาณ 13.6 ล้านบาท ขณะที่ถ้าลงทุนตามดัชนีตลาดหุ้น พอร์ตจะเพิ่มขึ้นเป็นเพียง 1.5 ล้านบาทในเวลา 9 ปี
ข้อสรุปสุดท้ายของผมก็คือ การลงทุนในหุ้น VI ในตลาดหุ้นไทยในช่วงประมาณ 9 ปีที่ผ่านมานั้น
ให้ผลตอบแทนที่ มหัศจรรย์ จริง ๆ และนี่เป็นการลงทุนที่ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมาก ดูแค่ตัวเลขว่าเป็นหุ้นถูกเข้าข่ายหุ้นแบบ VI ในแนวของ เบน เกรแฮม ก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม นั่นคืออดีตที่ผ่านมาแล้ว และมันอาจจะเป็นโอกาสทองที่ไม่เกิดขึ้นอีก ในวันที่ VI เพิ่งเริ่มต้นในตลาดหุ้นไทยใหม่ ๆ คนอาจจะยังรู้จักการลงทุนแบบนี้น้อย แต่ในวันนี้ คนที่เป็น VI มีมากขึ้นและนี่อาจจะทำให้การลงทุนแนว เบน เกรแฮม ยากขึ้น และผลตอบแทนอาจจะไม่โดดเด่นเท่ากับอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การลงทุนแบบ VI น่าจะยังเป็นวิธีการที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่น เพราะสถิติของผลตอบแทนแบบ VI จากการศึกษาในตลาดอเมริกาที่พัฒนามากแล้วก็ยังแสดงให้เห็นว่า VI เป็นการลงทุนที่เหนือกว่า แม้ว่าความเหนือกว่าจะไม่มากอย่างที่เห็นจากการศึกษาในครั้งนี้
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 1
บทความของดร.นิเวศน์ ครับ สุดยอดจริงๆ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 2
เทียบกับ สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 21&start=0
มีสูตรสำเร็จง่ายๆแต่มหัศจรรย์ เพียงมีวินัยในการลงทุนเท่านั้นเอง
การขาดทุนมักเกิดขึ้นตอนที่เราออกนอกลู่นอกทาง
ถ้าอยู่ในร่องในรอย เดี๋ยวก็รวยเองแหละ ไม่นานหรอก
นับแต่นี้ ชาววีไอทั้งหลายอย่าพยายามขาดทุนกันนะครับ :lol:
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 21&start=0
การที่จะประสบผลสำเร็จในการลงทุน ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไรเลยลูกอิสาน เขียน:ที่มาของสูตรนี้ มีเหตุมีผลตรงตามนิยามของการลงทุนเน้นคุณค่าเลยครับ
อาจเป็นเพราะผู้เขียนก็เป็นคนที่ศรัทธาในการลงทุนแนวนี้
โดยการเสนอเป็นสูตรให้เข้าใจง่ายอย่างนี้ครับ
1.เลือกหุ้นที่ดี สามารถใช้สินทรัพย์สร้างกำไรได้สูงสุด ซึ่งเราสามารถหาได้จากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ซึ่งก็คือ ROA นั่นเอง หาได้ไม่ยาก โดยนำกำไร/สินทรัพย์ทั้งหมด คิดออกมาเป็น%
2.เลือกหุ้นที่ถูก ซึ่งก็คือหุ้นที่สร้างผลตอบแทนต่อเงินที่เราลงทุนได้สูงสุด อัตราส่วนนี้ก็คือ PE ที่เราใช้นั่นเอง หาได้จาก กำไร/มูลค่าทั้งบริษัท หรือกำไรต่อหุ้น/ราคาหุ้น คิดออกมาเป็น %
จะเห็นได้ว่าตรงกับความหมายของ vi คือเลือกหุ้นที่ดีราคาถูก
วิธีการก็ง่ายๆอย่างนี้ครับ...
1.เรียงลำดับหุ้นที่มี ROA สูงสุด ลดหลั่นกันไปตามลำดับของหุ้นทั้งตลาด 400 ตัว
2.เรียงลำดับหุ้นที่มี PE ต่ำสุดเป็นอันดับแรก และลดหลั่นกันไป
3.นำลำดับทั้งสองตัวมีบวกกัน แล้วเรียงลำดับใหม่ให้ตัวเลขน้อยที่สุดเป็นอันดับแรก และลดหลั่นกันไป
4.คัดบริษัทที่มีกำไรผิดปกติออกไป
5.เลือกลงทุนหุ้นที่อยู่ใน 30 อันดับแรก ซื้อและขายใน 1 ปีต่อมา
ง่ายๆแค่นี้ครับ.....
มีสูตรสำเร็จง่ายๆแต่มหัศจรรย์ เพียงมีวินัยในการลงทุนเท่านั้นเอง
การขาดทุนมักเกิดขึ้นตอนที่เราออกนอกลู่นอกทาง
ถ้าอยู่ในร่องในรอย เดี๋ยวก็รวยเองแหละ ไม่นานหรอก
นับแต่นี้ ชาววีไอทั้งหลายอย่าพยายามขาดทุนกันนะครับ :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- baby-investor
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 6
ท่าน ดร.นิเวศน์ คุณโจ และพี่หมอ ถือว่าเป็นผู้ให้จริงๆครับ ให้คำแนะนำที่ดีในการลงทุน มีหลักการในการลงทุนที่เป็นประโยชน์ก็นำมาเผยแพร่ ตักเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆในการลงทุน รวมถึงเป็น VI อย่างแท้จริง เพราะมีหลักการลงทุนที่ชัดเจน ถือหุ้นในระยะยาว วิเคราะห์บริษัทอย่างละเอียดรอบคอบ ชี้แนะและให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงไปตรงมากับเพื่อนๆน้องๆนักลงทุนโดยทั่วไป คำแนะนำจากท่านทั้งสามถือเป็นคุณูปการกับนักลงทุนทุกคนอย่างยิ่งครับ
LifeLong Learning
LifeLong Investing
LifeLong Investing
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 7
จะให้ดีกรองบริษัทที่ กำไรไม่สม่ำเสมอ มีกำไรพิเศษมหาศาล หรือ เด๋วกำไรเด๋วขาดทุน ลูกผีลูกคนออกไปด้วย สูตรพวกนี้จะใช้ได้ดีมากเลยครับ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 5011
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 8
การที่จะประสบผลสำเร็จในการลงทุนสามัญชน เขียน:เทียบกับ สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 21&start=0
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 9
[quote="naijan"]
สูตรที่พี่หมอสามัญชนกล่าวถึงนี้ใช้กับตลาดหุ้นไทยได้จริงไหมครับ มีงานวิจัยกล่าวถึงบ้างไหมครับ หากเป็นจริงได้ ผมจะเลิกเลือกหุ้นเองแล้ว ช่วงหลังๆนี้ชักขี้เกียจแล้ว :lol:
สูตรที่พี่หมอสามัญชนกล่าวถึงนี้ใช้กับตลาดหุ้นไทยได้จริงไหมครับ มีงานวิจัยกล่าวถึงบ้างไหมครับ หากเป็นจริงได้ ผมจะเลิกเลือกหุ้นเองแล้ว ช่วงหลังๆนี้ชักขี้เกียจแล้ว :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 14
อย่างไรก็ตามสองสูตรนี้แม้จะชนะตลาดได้เยอะ
และแม้จะพัฒนาถึงสูตรที่ห้าที่หก
ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่
เรียกว่ายังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้และไม่มีข้อจำกัดแบบสองสูตรนี้
ข้อจำกัดของสูตรนี้อยู่ในคำพูดที่ว่า
สองสูตรนี้เป็นการเลือกหุ้นที่อะไรๆก็ปรากฏออกมาว่าดีแล้ว แต่ราคายังไม่สะท้อนความดีนั้นออกมา คือ ราคายัง undervalue อยู่
และถ้าใช้วิธีนี้เราจะไม่เจอหุ้น great เพราะ p/e เกินห้าเท่าแน่นอน p/b ก็เกินหนึ่งเท่าแน่ๆ อย่าง cpall ไม่เจอแน่ๆ
และเราจะไม่เจอหุ้น cycle และหุ้น turn around เพราะพวกนี้เราควรซื้อขณะได้กำไรน้อยๆและราคาหุ้นร่วงเยอะๆ ROA จึงต่ำ p/e จึงสูง อย่าง sat stanly คงไม่เจอ
สาเหตุเพราะสุดยอดของการเลือกหุ้นนั้นขึ้นอยู่กับการมองอนาคตมากกว่าอดีต
แต่ใช่ว่าอดีตไม่สำคัญนะครับ
อดีตที่ทำได้ดีๆติดกันหลายปีก็มีโอกาสสูงกว่า ที่จะทำได้ดีอีกในอนาคต
เพียงแต่ถ้าเอากล้องมาจับ ก็จะพบว่าการมองอนาคตเฉือนชนะการมองอดีตได้นั่นเอง
ดังนั้นวิธีที่ว่าดีกว่าก็ควรจะอยู่ในคำพูดที่ว่า
เลือกหุ้นที่จะมีผลประกอบการดีๆถึงดีมากๆในอนาคต และราคาวันนี้ยังไม่สะท้อนความดีนั้น
และแม้จะพัฒนาถึงสูตรที่ห้าที่หก
ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่
เรียกว่ายังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้และไม่มีข้อจำกัดแบบสองสูตรนี้
ข้อจำกัดของสูตรนี้อยู่ในคำพูดที่ว่า
สองสูตรนี้เป็นการเลือกหุ้นที่อะไรๆก็ปรากฏออกมาว่าดีแล้ว แต่ราคายังไม่สะท้อนความดีนั้นออกมา คือ ราคายัง undervalue อยู่
และถ้าใช้วิธีนี้เราจะไม่เจอหุ้น great เพราะ p/e เกินห้าเท่าแน่นอน p/b ก็เกินหนึ่งเท่าแน่ๆ อย่าง cpall ไม่เจอแน่ๆ
และเราจะไม่เจอหุ้น cycle และหุ้น turn around เพราะพวกนี้เราควรซื้อขณะได้กำไรน้อยๆและราคาหุ้นร่วงเยอะๆ ROA จึงต่ำ p/e จึงสูง อย่าง sat stanly คงไม่เจอ
สาเหตุเพราะสุดยอดของการเลือกหุ้นนั้นขึ้นอยู่กับการมองอนาคตมากกว่าอดีต
แต่ใช่ว่าอดีตไม่สำคัญนะครับ
อดีตที่ทำได้ดีๆติดกันหลายปีก็มีโอกาสสูงกว่า ที่จะทำได้ดีอีกในอนาคต
เพียงแต่ถ้าเอากล้องมาจับ ก็จะพบว่าการมองอนาคตเฉือนชนะการมองอดีตได้นั่นเอง
ดังนั้นวิธีที่ว่าดีกว่าก็ควรจะอยู่ในคำพูดที่ว่า
เลือกหุ้นที่จะมีผลประกอบการดีๆถึงดีมากๆในอนาคต และราคาวันนี้ยังไม่สะท้อนความดีนั้น
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- BABY TERMITE
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 15
[quote="สามัญชน"]อย่างไรก็ตามสองสูตรนี้แม้จะชนะตลาดได้เยอะ
และแม้จะพัฒนาถึงสูตรที่ห้าที่หก
ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่
เรียกว่ายังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้และไม่มีข้อจำกัดแบบสองสูตรนี้
ข้อจำกัดของสูตรนี้อยู่ในคำพูดที่ว่า
สองสูตรนี้เป็นการเลือกหุ้นที่อะไรๆก็ปรากฏออกมาว่าดีแล้ว
และแม้จะพัฒนาถึงสูตรที่ห้าที่หก
ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่
เรียกว่ายังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้และไม่มีข้อจำกัดแบบสองสูตรนี้
ข้อจำกัดของสูตรนี้อยู่ในคำพูดที่ว่า
สองสูตรนี้เป็นการเลือกหุ้นที่อะไรๆก็ปรากฏออกมาว่าดีแล้ว
ปลวกน้อยคอยวันเติบใหญ่
- vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 16
[quote="สามัญชน"]
เลือกหุ้นที่จะมีผลประกอบการดีๆถึงดีมากๆในอนาคต
เลือกหุ้นที่จะมีผลประกอบการดีๆถึงดีมากๆในอนาคต
มันจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณครับพี่หมอ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 20
เหมาะกับมือใหม่อย่างผมมาก ๆ เลยครับ
เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจริง ๆ
เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจริง ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 21
สนใจเร็วกว่านี้ ก็จะดีมากคับphoncu เขียน: สามัญชน wrote:
และเราจะไม่เจอหุ้น cycle และหุ้น turn around เพราะพวกนี้เราควรซื้อขณะได้กำไรน้อยๆและราคาหุ้นร่วงเยอะๆ ROA จึงต่ำ p/e จึงสูง อย่าง sat stanly คงไม่เจอ
ผมสนใจ 2 ตัวนี้มากกว่า
ใช่ไหมคุณหมอศรราม
-
- Verified User
- โพสต์: 443
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 22
ข้อมูลจากเวบฟิลลิป
PE PB DIV as of
1 GYT 9.27 0.75 4.76 Dec 2009
2 CHOTI 6.69 0.85 8.95 Dec 2009
3 FE 7.95 0.88 6.41 Dec 2009
4 EGCO 5.16 0.81 7.19 Dec 2009
5 TIW 9.16 0.51 7.09 Dec 2009
6 SPG 5.89 0.86 10.37 Dec 2009
7 BAT-3K 4.49 0.88 5.41 Dec 2009
8 SVH 5.76 0.61 3.83 Dec 2009
9 SFP 8.05 0.58 18.78 Dec 2009
10 TOPP 5.90 0.59 5.82 Dec 2009
11 TTTM 4.43 0.33 5.06 Dec 2009
12 TMD 5.32 0.60 8.89 Dec 2009
13 TR 5.07 0.71 4.33 Dec 2009
14 WG 7.33 0.94 9.44 Dec 2009
15 KWC 8.85 0.84 5.76 Dec 2009
16 ASIA 6.41 0.43 5.26 Dec 2009
17 LTX 9.71 0.49 10.20 Dec 2009
18 MODERN 8.41 0.99 12.85 Dec 2009
19 STA 2.89 0.85 10.31 Dec 2009
20 M-CHAI 8.03 0.92 6.00 Dec 2009
21 CPL 7.97 0.74 14.42 Dec 2009
22 KK 5.87 0.73 10.87 Dec 2009
23 SORKON 5.33 0.71 6.82 Dec 2009
24 TC 5.85 0.47 5.71 Dec 2009
25 SUC 6.32 0.45 7.14 Dec 2009
26 BECL 9.09 0.88 6.75 Dec 2009
27 TCAP 5.00 0.77 7.61 Dec 2009
28 TCB 5.41 0.72 3.31 Dec 2009
29 CSC 4.64 0.55 6.58 Dec 2009
30 TCOAT 4.32 0.42 4.55 Dec 2009
31 SSSC 8.46 0.56 8.41 Dec 2009
32 BCP 2.15 0.62 3.73 Dec 2009
33 PG 8.68 0.89 4.91 Dec 2009
34 SC 4.66 0.58 9.66 Dec 2009
35 KTB 9.18 0.99 6.38 Dec 2009
36 SCP 6.26 0.58 4.31 Dec 2009
37 MATI 9.91 0.71 5.03 Dec 2009
38 VNT 7.88 0.55 6.31 Dec 2009
39 ESSO 4.82 0.89 10.16 Dec 2009
40 PTL 4.93 0.87 6.72 Dec 2009
41 BJC 6.92 0.84 6.79 Dec 2009
42 ASK 6.18 0.67 15.52 Dec 2009
43 SIRI 4.63 0.73 12.40 Dec 2009
44 PRANDA 7.77 0.70 10.47 Dec 2009
45 AJ 5.22 1.00 4.64 Dec 2009
46 NOBLE 4.07 0.49 10.59 Dec 2009
47 TK 5.99 0.70 9.88 Dec 2009
48 PF 7.22 0.43 14.52 Dec 2009
49 MJD 5.30 0.90 16.04 Dec 2009
50 MACO 9.54 0.80 10.00 Dec 2009
51 PL 6.43 0.68 11.72 Sep 2009
52 CCET 8.36 0.68 9.75 Dec 2009
53 MK 4.24 0.50 9.44 Dec 2009
54 HTC 8.73 0.39 4.09 Dec 2009
55 LALIN 7.75 0.53 5.92 Dec 2009
56 LVT 5.13 0.94 10.28 Dec 2009
57 RPC 3.34 1.00 7.73 Dec 2009
58 SIMAT 7.51 0.97 7.14 Dec 2009
59 TAPAC 6.52 0.97 10.79 Oct 2009
60 TLUXE 7.26 0.91 8.56 Dec 2009
61 AMC 9.34 0.68 9.62 Dec 2009
62 SAMCO 8.35 0.50 4.27 Dec 2009
63 MBAX 8.77 0.79 6.29 Dec 2009
64 EASON 6.73 0.84 9.46 Dec 2009
65 CITY 7.25 0.64 11.20 Oct 2009
66 ASP 7.76 0.91 5.35 Dec 2009
67 PAP 7.54 0.58 17.37 Dec 2009
68 THANI 9.24 0.88 9.29 Dec 2009
69 KGI 9.86 0.53 6.47 Dec 2009
70 IFEC 6.54 0.94 12.50 Jun 2009
PE PB DIV as of
1 GYT 9.27 0.75 4.76 Dec 2009
2 CHOTI 6.69 0.85 8.95 Dec 2009
3 FE 7.95 0.88 6.41 Dec 2009
4 EGCO 5.16 0.81 7.19 Dec 2009
5 TIW 9.16 0.51 7.09 Dec 2009
6 SPG 5.89 0.86 10.37 Dec 2009
7 BAT-3K 4.49 0.88 5.41 Dec 2009
8 SVH 5.76 0.61 3.83 Dec 2009
9 SFP 8.05 0.58 18.78 Dec 2009
10 TOPP 5.90 0.59 5.82 Dec 2009
11 TTTM 4.43 0.33 5.06 Dec 2009
12 TMD 5.32 0.60 8.89 Dec 2009
13 TR 5.07 0.71 4.33 Dec 2009
14 WG 7.33 0.94 9.44 Dec 2009
15 KWC 8.85 0.84 5.76 Dec 2009
16 ASIA 6.41 0.43 5.26 Dec 2009
17 LTX 9.71 0.49 10.20 Dec 2009
18 MODERN 8.41 0.99 12.85 Dec 2009
19 STA 2.89 0.85 10.31 Dec 2009
20 M-CHAI 8.03 0.92 6.00 Dec 2009
21 CPL 7.97 0.74 14.42 Dec 2009
22 KK 5.87 0.73 10.87 Dec 2009
23 SORKON 5.33 0.71 6.82 Dec 2009
24 TC 5.85 0.47 5.71 Dec 2009
25 SUC 6.32 0.45 7.14 Dec 2009
26 BECL 9.09 0.88 6.75 Dec 2009
27 TCAP 5.00 0.77 7.61 Dec 2009
28 TCB 5.41 0.72 3.31 Dec 2009
29 CSC 4.64 0.55 6.58 Dec 2009
30 TCOAT 4.32 0.42 4.55 Dec 2009
31 SSSC 8.46 0.56 8.41 Dec 2009
32 BCP 2.15 0.62 3.73 Dec 2009
33 PG 8.68 0.89 4.91 Dec 2009
34 SC 4.66 0.58 9.66 Dec 2009
35 KTB 9.18 0.99 6.38 Dec 2009
36 SCP 6.26 0.58 4.31 Dec 2009
37 MATI 9.91 0.71 5.03 Dec 2009
38 VNT 7.88 0.55 6.31 Dec 2009
39 ESSO 4.82 0.89 10.16 Dec 2009
40 PTL 4.93 0.87 6.72 Dec 2009
41 BJC 6.92 0.84 6.79 Dec 2009
42 ASK 6.18 0.67 15.52 Dec 2009
43 SIRI 4.63 0.73 12.40 Dec 2009
44 PRANDA 7.77 0.70 10.47 Dec 2009
45 AJ 5.22 1.00 4.64 Dec 2009
46 NOBLE 4.07 0.49 10.59 Dec 2009
47 TK 5.99 0.70 9.88 Dec 2009
48 PF 7.22 0.43 14.52 Dec 2009
49 MJD 5.30 0.90 16.04 Dec 2009
50 MACO 9.54 0.80 10.00 Dec 2009
51 PL 6.43 0.68 11.72 Sep 2009
52 CCET 8.36 0.68 9.75 Dec 2009
53 MK 4.24 0.50 9.44 Dec 2009
54 HTC 8.73 0.39 4.09 Dec 2009
55 LALIN 7.75 0.53 5.92 Dec 2009
56 LVT 5.13 0.94 10.28 Dec 2009
57 RPC 3.34 1.00 7.73 Dec 2009
58 SIMAT 7.51 0.97 7.14 Dec 2009
59 TAPAC 6.52 0.97 10.79 Oct 2009
60 TLUXE 7.26 0.91 8.56 Dec 2009
61 AMC 9.34 0.68 9.62 Dec 2009
62 SAMCO 8.35 0.50 4.27 Dec 2009
63 MBAX 8.77 0.79 6.29 Dec 2009
64 EASON 6.73 0.84 9.46 Dec 2009
65 CITY 7.25 0.64 11.20 Oct 2009
66 ASP 7.76 0.91 5.35 Dec 2009
67 PAP 7.54 0.58 17.37 Dec 2009
68 THANI 9.24 0.88 9.29 Dec 2009
69 KGI 9.86 0.53 6.47 Dec 2009
70 IFEC 6.54 0.94 12.50 Jun 2009
- py106
- Verified User
- โพสต์: 296
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 23
ขอบคุณมากๆ ครับ ผมเองนานๆ ทีกลับมาอ่านพื้นฐานแบบนี้ก็รู้สึกดีครับ
มันทำให้รู้สึกว่าตัวเรากำลังทำตามที่เราตั้งใจไว้หรือเปล่า
มันทำให้รู้สึกว่าตัวเรากำลังทำตามที่เราตั้งใจไว้หรือเปล่า
แวะไปเยี่ยมเยียนกันได้ครับ ^^
http://py106travel.blogspot.com
http://py106travel.blogspot.com
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 25
ขอบคุณมากๆค้าบบ
เข้ามาเก็บข้อมูลเงียบๆ ^^
เข้ามาเก็บข้อมูลเงียบๆ ^^
ใจ..ของเดิมคือความว่าง
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 26
สูตรมหัศจรรย์นี้ใกล้ๆจะเป็น "อกาลิโก" แล้วนะครับ
ล่าสุดก็มีงานวิจัยของท่านดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนาที่ได้ผลทำนองเดียวกัน
แม้จะแตกต่างในรายละเอียดกันบ้างเล็กน้อย
คือแทนที่จะใช้ pe และ roa
ดร.ไพบูลย์ใช้ pe และ roe แทน
แต่ผลตอบแทนจากสูตรดร.ไพบูลย์ สูงกว่าสูตรเดิมมาก คือได้ผลตอบแทน 63.57% แบบทบต้น
นั่นคือภายใน 15 ปี เงินเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทจะโตถึง 1,604 ล้านบาท
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46129
ล่าสุดก็มีงานวิจัยของท่านดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนาที่ได้ผลทำนองเดียวกัน
แม้จะแตกต่างในรายละเอียดกันบ้างเล็กน้อย
คือแทนที่จะใช้ pe และ roa
ดร.ไพบูลย์ใช้ pe และ roe แทน
แต่ผลตอบแทนจากสูตรดร.ไพบูลย์ สูงกว่าสูตรเดิมมาก คือได้ผลตอบแทน 63.57% แบบทบต้น
นั่นคือภายใน 15 ปี เงินเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทจะโตถึง 1,604 ล้านบาท
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46129
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 28
[quote="สามัญชน"]สูตรมหัศจรรย์นี้ใกล้ๆจะเป็น "อกาลิโก" แล้วนะครับ
ล่าสุดก็มีงานวิจัยของท่านดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนาที่ได้ผลทำนองเดียวกัน
แม้จะแตกต่างในรายละเอียดกันบ้างเล็กน้อย
คือแทนที่จะใช้ pe และ roa
ดร.ไพบูลย์ใช้ pe และ roe แทน
แต่ผลตอบแทนจากสูตรดร.ไพบูลย์ สูงกว่าสูตรเดิมมาก คือได้ผลตอบแทน 63.57% แบบทบต้น
นั่นคือภายใน 15 ปี เงินเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทจะโตถึง 1,604 ล้านบาท :shock:
[url]http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46129[/url][/quote]
ผมขอถามพี่หมอหน่อยนะครับ สูตรของงานวิจัยของท่านดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนาเขาใช้อะไรเป็นเกณต์วัดค่าของ pe และroe ครับ เช่น ค่าpe จะต้องมีค่าเป็นบวกขึ้นไป เป็นแบบนี้หรือปล่าวครับ หรือว่าไม่สนใจอะไรเลยครับ
ล่าสุดก็มีงานวิจัยของท่านดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนาที่ได้ผลทำนองเดียวกัน
แม้จะแตกต่างในรายละเอียดกันบ้างเล็กน้อย
คือแทนที่จะใช้ pe และ roa
ดร.ไพบูลย์ใช้ pe และ roe แทน
แต่ผลตอบแทนจากสูตรดร.ไพบูลย์ สูงกว่าสูตรเดิมมาก คือได้ผลตอบแทน 63.57% แบบทบต้น
นั่นคือภายใน 15 ปี เงินเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทจะโตถึง 1,604 ล้านบาท :shock:
[url]http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46129[/url][/quote]
ผมขอถามพี่หมอหน่อยนะครับ สูตรของงานวิจัยของท่านดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนาเขาใช้อะไรเป็นเกณต์วัดค่าของ pe และroe ครับ เช่น ค่าpe จะต้องมีค่าเป็นบวกขึ้นไป เป็นแบบนี้หรือปล่าวครับ หรือว่าไม่สนใจอะไรเลยครับ
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โพสต์ที่ 30
[quote="naijan"]ตอบแทนนะครับ ใช้ค่าบวกเท่านั้นครับ[/quote]
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ