รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 483
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 421
ขอถามเบาๆแล้วกันน่ะครับ ขอเลียนแบบ บทความ "หนึ่งวันของบัฟเฟตต์"
ของดร.นิเวศ แล้วกัน
ปกตินี่วันหนึ่งคุณโย ทำไรบ้างครับ ใช้เวลาสำหรับหุ้นกี่ชั่วโมงต่อวัน
แล้วทุกวันนี้ ปรับ port บ่อยแค่ไหน ยังใช้มาร์จินหรือเปล่า
แล้วสามารถมีเวลาเหลือสำหรับงานประจำแค่ไหน?
มีคำแนะนำสำหรับคนหน้าใหม่ที่ต้องการลงทุนในเวลานี้เหมาะมั้ย อย่างไร
ขอบคุณครับ ขอให้ port โตๆกว่านี้น่ะครับ
ของดร.นิเวศ แล้วกัน
ปกตินี่วันหนึ่งคุณโย ทำไรบ้างครับ ใช้เวลาสำหรับหุ้นกี่ชั่วโมงต่อวัน
แล้วทุกวันนี้ ปรับ port บ่อยแค่ไหน ยังใช้มาร์จินหรือเปล่า
แล้วสามารถมีเวลาเหลือสำหรับงานประจำแค่ไหน?
มีคำแนะนำสำหรับคนหน้าใหม่ที่ต้องการลงทุนในเวลานี้เหมาะมั้ย อย่างไร
ขอบคุณครับ ขอให้ port โตๆกว่านี้น่ะครับ
- j21
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 690
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 423
yoyo เขียน: ไม่มีกำหนดเวลาเลยครับ...
ถ้าหุ้นดี ราคาถูก... พื้นฐานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ราคาเท่าเดิม Upside ก็จะเท่าเดิม
สมมติตอนแรกผมตั้งเป้าเอาไว้ 1 ปี Upside 30%
เวลาผ่านไป ครึ่งปีแล้ว ราคายังอยู่ที่เดิมอยู่เลย Upside ก็ยัง 30% อยู่..
สิ่งที่ผมจะทำคือ ผมอาจจะซื้อหุ้นตัวนี้เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เพราะตอนแรกผมคาดหวัง กำไร 30% ใน 1 ปี แต่ผ่านไปครึ่งปีราคาไม่ไปไหน ผมจะคาดหวังผมตอบแทนได้ 30% ในเวลาครึ่งปี หรือ Annualize เป็น 1 ปีก็จะมีผลตอบแทนประมาณ 60% (จริงๆเยอะกว่านี้อีก เพราะต้องคิดแบบทบต้น)
สรุปคือ ผมทำตรงข้ามกับดันโดครับ ยิ่งเวลาผ่านไปนานแล้วหุ้นไม่ไปไหนเลย แสดงว่าผลตอบแทนต่อปีมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ
นอกเสียจากว่า เมื่อเวลาผ่านไป เรามีข้อมูลเพิ่มขึ้น แล้วหุ้นมันมีพื้นฐานที่อาจจะแย่กว่าที่เราเคยคิด แบบนี้ก็ต้องปรับเป้ากันใหม่ ซึ่งถ้าเป้ามันลดลงเยอะกว่า เทียบกับเวลาที่ลดลง แบบนี้ก็อาจจะขายหุ้นได้ครับ
ขอบคุณครับ
มารอฟังคำถามข้างบนด้วยคน โดยเฉพาะเรื่องมาจิ้น ครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 424
ใช่แล้วครับ.... ร้านโปรดผมเลยล่ะ (แต่เพิ่งเคยกินแค่ 2 ทีเอง)tritara เขียน:วันนี้ตอนสองทุ่มเห็นใครคนนึงเหมือนจะเป็นพี่โยอ่ะครับ ที่ร้านจินเอม่อน MBK ไม่ทราบว่าใช่พี่โยรึเปล่าครับ ผมเคยเห็นพี่โยแค่ครั้งเดียว เลยไม่แน่ใจกลัวจำผิดคน
เมนูมันเยอะมากๆ อยากลองกินมันทุกเมนูเลย :lol:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 425
j2methai เขียน:ขอถามเบาๆแล้วกันน่ะครับ ขอเลียนแบบ บทความ "หนึ่งวันของบัฟเฟตต์"
ของดร.นิเวศ แล้วกัน
ปกตินี่วันหนึ่งคุณโย ทำไรบ้างครับ ใช้เวลาสำหรับหุ้นกี่ชั่วโมงต่อวัน
- ถ้าไม่ใช่ช่วง oppday หรือ ประชุมผู้ถือหุ้น ส่วนใหญ่ผมก็ใช้เวลากับการอ่านครับ อ่านงบ อ่าน 56-1 อ่านหนังสือธุรกิจ การตลาด อ่านหนังสือพิมพ์ (อันนี้ใช้เวลาน้อยสุด) แต่ก็ไม่ได้อ่านแต่เกี่ยวกับลงทุนหรือธุรกิจอย่างเดียวนะครับ พวก Pocket Book ทั่วๆไปผมก็อ่าน ชอบพวกของ A Book แล้วก็อ่านพวกหนังสือสุขภาพซะเยอะ
- ถ้าเป็นช่วง oppday กับประชุม ก็ออกไปฟังไปดูบริษัทที่ตัวเองลงทุนอยู่แล้ว หรือที่สนใจ ถ้าสนใจน้อยลงมาหน่อยก็นั่งดู Oppday live อยู่บ้านครับ
- กลางวันก็คุยๆกับเพื่อนๆ VI บ้าง ถ้าไม่ได้นั่งอ่านอะไรอยู่
- ตอนเย็นก็ออกไป เที่ยวกินข้าวดูหนัง ตีแบต ออกกำลังกาย กลับมาก็นั่งอ่านกระทู้ TVI ครับ
- คิดเป็นเวลาสำหรับหุ้นต่อวัน ก็น่าจะประมาณ 5-8 ชม. มั๊งครับ
แล้วทุกวันนี้ ปรับ port บ่อยแค่ไหน
- ปรับใหญ่ไม่บ่อยนะครับ หลักๆเลยที่ปรับก็ช่วงประกาศงบ เพราะมีข้อมูลใหม่ๆเพิ่ม ประการณ์การรายได้ กำไรก็มีการปรับ ทำให้ Upside เปลี่ยนแปลง หรือไม่ก็ปรับกรณีที่มีราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งขึ้นหรือลงเยอะๆ ก็อาจจะมีปรับบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับแบบเล็กๆซะมากกว่า จะมีปรับใหญ่จริงๆก็กรณที่เจอหุ้นที่ดีมากๆดีกว่าอันดับ 1 ของ port ตัวเอง แบบนี้ก็จะปรับรอบใหญ่หน่อย คืออาจจะต้องขายพวกอันดับท้ายๆมาซื้อไอ้ตัวใหม่ให้มันมีสัดส่วนแซงอันดับ 1 ตัวเดิมให้ได้ อย่างช่วงนี้ก็เพิ่งปรับครับเพราะเพิ่งประกาศงบกัน แต่ก็ถือว่าปรับน้อยมากๆ ประมาณ 10% ของ port เท่านั้นเอง
ยังใช้มาร์จินหรือเปล่า
- ยังใช้อยู่ครับ แต่กู้มาโอนเงินไปต่างประเทศหมดครับ ออกไปลองของ ส่วนหุ้นไทยปัจจุบันก็ลงทุนธรรมดาครับ ไม่ได้มีมาร์จิ้น
- ทีคุณทองแดง เอาสัดส่วนหุ้นอันดับ 1 ของผมไปคำนวณมูลค่า port ของผมแล้วได้เยอะ ก็เพราะเงินกู้ด้วยนะครับ port ผมไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
แล้วสามารถมีเวลาเหลือสำหรับงานประจำแค่ไหน?
- ผมไม่ได้ทำงานประจำเลยครับ ให้หุ้นเป็นงานประจำไปแล้ว
มีคำแนะนำสำหรับคนหน้าใหม่ที่ต้องการลงทุนในเวลานี้เหมาะมั้ย อย่างไร
- ผมว่าผมประสบความสำเร็จมาได้เพราะการอ่านครับ อ่านเยอะๆ เล่มเดิมก็ยังหยิบมาอ่านซ้ำ อยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะหนังสือ VI ทั้งหลาย ผมอ่านเล่มนึงประมาณ 3-4 รอบ เพราะทุกครั้งที่ประสบการณ์เราเปลี่ยน การอ่านหนังสือเล่มเดิม ก็ให้ความรู้ใหม่ๆให้ผมได้เสมอ เพราะฉะนั้น ข้อแนะนำคืออ่านเยอะๆครับ
ขอบคุณครับ ขอให้ port โตๆกว่านี้น่ะครับ
- ขอบคุณเช่นกันคร้าบบ ขอให้ port โตๆด้วยเช่นกัน
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 427
ช่วงนี้ตีๆหยุดๆอยู่เลยครับgetkung เขียน:ไปตีแบดที่คอร์ทไหนครับ เดี๋ยวตามไปตีด้วย
อาการปวดคอปวดหลังกำเริบอีกแล้ว
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 429
ช่วงนี้ตีๆหยุดๆอยู่เลยครับyoyo เขียน:
อาการปวดคอปวดหลังกำเริบอีกแล้ว
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- j21
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 690
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 430
ถามต่อนะครับ เอาเรื่องหุ้นรายตัวบ้าง ตัว MCS ครับ
MCS งบล่าสุด เนี่ยกำไร Q1=250 MB ทั้งปี 52 Net Profit = 570 MB
แค่ Q เดียวก็ซัดไปเกือบครึ่ง
แต่ก็มีแนวโน้มลดลงชัดเจนใน Q ถัดไป จากเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน, ราคาขนส่ง กับ วัตถุดิบ ทำให้ NPM ระดับเทพที่ทำได้ใน Q แรก (23%)จะกลับไปสู่สามัญใน Q ถัด ๆ ไป(12%)
หากผม say ว่า รายได้น่าจะประมาณเดิม (ทั้งที่มีการขยายโรงงาน) เพื่อ conservative อีกสาม Q จะมีรายได้ อีก 3000 MB, Profit = 3000x12% = 360 MB
Total Net profit = 360 + 250 = 610 MB
EPS = 1.22
say forward PE = 6 น่าจะ conservative (หวังว่างั้นครับ 55)
instinc value = 6 x 1.22 = 7.32 baht upside จากราคาปัจจุบัน 6.1 เกือบ 20%
อย่างงี้ น่าสนใจไหมครับ ถือว่ามี MOS พอไหมครับ ในมุมมองคุณโย
ขอบคุณครับ
MCS งบล่าสุด เนี่ยกำไร Q1=250 MB ทั้งปี 52 Net Profit = 570 MB
แค่ Q เดียวก็ซัดไปเกือบครึ่ง
แต่ก็มีแนวโน้มลดลงชัดเจนใน Q ถัดไป จากเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน, ราคาขนส่ง กับ วัตถุดิบ ทำให้ NPM ระดับเทพที่ทำได้ใน Q แรก (23%)จะกลับไปสู่สามัญใน Q ถัด ๆ ไป(12%)
หากผม say ว่า รายได้น่าจะประมาณเดิม (ทั้งที่มีการขยายโรงงาน) เพื่อ conservative อีกสาม Q จะมีรายได้ อีก 3000 MB, Profit = 3000x12% = 360 MB
Total Net profit = 360 + 250 = 610 MB
EPS = 1.22
say forward PE = 6 น่าจะ conservative (หวังว่างั้นครับ 55)
instinc value = 6 x 1.22 = 7.32 baht upside จากราคาปัจจุบัน 6.1 เกือบ 20%
อย่างงี้ น่าสนใจไหมครับ ถือว่ามี MOS พอไหมครับ ในมุมมองคุณโย
ขอบคุณครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 431
[quote="j21"]ถามต่อนะครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 432
ช่วงนี้ตีๆหยุดๆอยู่เลยครับneo_potato_Th เขียน:
อาการปวดคอปวดหลังกำเริบอีกแล้ว
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 433
ขอโทษที่เข้ามาป่วนคับ
พอดีเห็นคนเป้นโรคเดียวกันแล้วเข้าใจT.T แก้ต้นเหตุดีที่สุดครับผมคุยกับอาจารย์กายภาพบำบัดก็บอกว่ารักษาไปก้เท่านั้น ปลายเหตุสุดท้ายต้องกลับมาเป็นใหม่:D
ergotมันอารมณ์สกัดมาจากพืชอะครับผมจะไม่ได้เหมือนกัน
ergonomicก็ว่าเกี่ยวกับท่าทาง สรีระต่างๆ
สรุป นั่งให้ถูก strechingบ่อยๆ น่าจะเป็นทางแก้ที่ดีที่สุด:D
เรื่องชี่กงนี่น่าลองนะคับ มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตรืแล้วว่าดีจริง อาจารย์ผมลองมาแล้ว เป็นทับเส้นอยู่ หายเลยo_O
พอดีเห็นคนเป้นโรคเดียวกันแล้วเข้าใจT.T แก้ต้นเหตุดีที่สุดครับผมคุยกับอาจารย์กายภาพบำบัดก็บอกว่ารักษาไปก้เท่านั้น ปลายเหตุสุดท้ายต้องกลับมาเป็นใหม่:D
ergotมันอารมณ์สกัดมาจากพืชอะครับผมจะไม่ได้เหมือนกัน
ergonomicก็ว่าเกี่ยวกับท่าทาง สรีระต่างๆ
สรุป นั่งให้ถูก strechingบ่อยๆ น่าจะเป็นทางแก้ที่ดีที่สุด:D
เรื่องชี่กงนี่น่าลองนะคับ มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตรืแล้วว่าดีจริง อาจารย์ผมลองมาแล้ว เป็นทับเส้นอยู่ หายเลยo_O
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- j21
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 690
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 434
ขอบคุณ คุนโย สำหรับมุมมองครับ
ส่วนคุณ Neo ไม่ได้ป่วนใด ๆ เลยครับ เรื่องสุขภาพก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาให้ดีเหมือนกับการลงทุนอยู่แล้วครับ (มือใหม่อย่างผมจะได้ จัดท่านั่งใหม่ด้วย)
ส่วนคุณ Neo ไม่ได้ป่วนใด ๆ เลยครับ เรื่องสุขภาพก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาให้ดีเหมือนกับการลงทุนอยู่แล้วครับ (มือใหม่อย่างผมจะได้ จัดท่านั่งใหม่ด้วย)
- j21
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 690
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 435
มารบกวนต่อ ครับ
จากกรณี MCS ครับ
หากเป้าเราอยู่ที่ 7 บาท หาก คิด MOS ประมาณ 30% ราคาที่น่าสนใจจะอยู่ที่ ประมาณ 5 บาท
1) กรณีซื้อ : สมมติ ราคาอยู่ที่ 5.3 บาท คุณโย จะซื้อเลยหรือเปล่าครับ หรืออดทนรอจนกว่าจะถึงเป้าที่เราจะซื้อจริง ๆ
2) กรณีขาย : สมมติพื้นฐานยังเหมือนเดิม เป้าเราจะอยู่ที่ 7 บาท คุณโย จะขายที่ 7 บาท หรือ จะรอขายที่มากกว่านั้น เพราะ 7 บาทเนี่ยเป็นราคาที่เหมาะสม น่าจะขายที่ราคาเกินเหมาะสมหรือเปล่าครับ (เช่น 7.5 บาท)
ขอบคุณครับ
จากกรณี MCS ครับ
หากเป้าเราอยู่ที่ 7 บาท หาก คิด MOS ประมาณ 30% ราคาที่น่าสนใจจะอยู่ที่ ประมาณ 5 บาท
1) กรณีซื้อ : สมมติ ราคาอยู่ที่ 5.3 บาท คุณโย จะซื้อเลยหรือเปล่าครับ หรืออดทนรอจนกว่าจะถึงเป้าที่เราจะซื้อจริง ๆ
2) กรณีขาย : สมมติพื้นฐานยังเหมือนเดิม เป้าเราจะอยู่ที่ 7 บาท คุณโย จะขายที่ 7 บาท หรือ จะรอขายที่มากกว่านั้น เพราะ 7 บาทเนี่ยเป็นราคาที่เหมาะสม น่าจะขายที่ราคาเกินเหมาะสมหรือเปล่าครับ (เช่น 7.5 บาท)
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 436
ขอถามพี่โยหน่อยครับ
ว่าตอนลงทุนแรกๆกับตอนนี้มีหลักการตัดสินใจแตกต่างกันเยอะไหมครับ
เช่นสมมุติตอนนี้เวลาตีแตกหุ้นแล้วลงทุนหนักๆจนมีชื่อถือหุ้นใหญ่
แต่มันขึ้นไปสูงแล้วเกินที่คาดหวัง จะเปลี่ยนไปลงทุนตัวใหม่ทีมี upsideมากกว่า จะคิดหนักกว่าเดิมหรือเปล่าครับในการขายตัวเดิม ซื้อตัวใหม่
พอพอร์ทใหญ่แล้วเคลื่อนไหวยาก ขึ้นหรือเปล่าครับ (ไม่เกี่ยวกับคนตัวใหญ่)
ว่าตอนลงทุนแรกๆกับตอนนี้มีหลักการตัดสินใจแตกต่างกันเยอะไหมครับ
เช่นสมมุติตอนนี้เวลาตีแตกหุ้นแล้วลงทุนหนักๆจนมีชื่อถือหุ้นใหญ่
แต่มันขึ้นไปสูงแล้วเกินที่คาดหวัง จะเปลี่ยนไปลงทุนตัวใหม่ทีมี upsideมากกว่า จะคิดหนักกว่าเดิมหรือเปล่าครับในการขายตัวเดิม ซื้อตัวใหม่
พอพอร์ทใหญ่แล้วเคลื่อนไหวยาก ขึ้นหรือเปล่าครับ (ไม่เกี่ยวกับคนตัวใหญ่)
" เสียงข้างใน" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เราได้ยินมัน แต่มันไม่มีเสียง ,,,,,นิ้วกลม
- hybrid
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 437
คุณโยลองวิดพื้นดูสิครับ วันละ 20 ครั้ง ก็พอ ขึ้นสุด ลงสุด เหมือน รด. เลยนะครับ ทำสักเดือนนึงจะเริ่มเห็นผล ผมเคยเป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อน ไปหาหมอกินยา ทำกายภาพ ทำมาหลายอย่างก็ไม่หายขาด เพื่อนแนะนำให้ทำง่ายๆแค่วิดพื้น เท่านั้นแหละอาการปวดหายไปเลยครับ ลองดูนะครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 438
ปัญหาปวดหลัง ที่ผมกำลังเจออยู่ตอนนี้
คาดว่าน่าจะเป็นจากสาเหตุเดียวกันนี่แหละมั้ง
ใช้เวลาอยู่หน้าคอมมากเกินไป นั่งหลังขดหลังแข็ง
ต้องอกอกำลังกายให้มากกว่านี้
ขอบคุณน้องน้องที่ชี้แนะมาผ่านกระทู้น้องโยครับ
คาดว่าน่าจะเป็นจากสาเหตุเดียวกันนี่แหละมั้ง
ใช้เวลาอยู่หน้าคอมมากเกินไป นั่งหลังขดหลังแข็ง
ต้องอกอกำลังกายให้มากกว่านี้
ขอบคุณน้องน้องที่ชี้แนะมาผ่านกระทู้น้องโยครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 439
โรค Computer Vision Syndrome : CVS ละครับ (เป็นเหมือนกัน)T_T
แนะนำให้ออกกำลังกายโดยว่ายน้ำ น่าจะช่วยได้
เรื่องของกล้ามเนื้อ กินอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยได้ ต้องออกกำลังกาย ให้กล้ามเนื้อมัน ยืด หด ด้วยละครับ
วิตามินดี ไม่แนะนำให้ซื้อกินหรอกครับ โดนแดดบ้าง จะเช้า หรือเย็นก็ได้ เพียงแต่แดดตอนเช้าแสง UV มันไม่รุนแรงเท่าตอนเที่ยงหรือบ่าย ก็เท่านั้น
แนะนำให้ออกกำลังกายโดยว่ายน้ำ น่าจะช่วยได้
เรื่องของกล้ามเนื้อ กินอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยได้ ต้องออกกำลังกาย ให้กล้ามเนื้อมัน ยืด หด ด้วยละครับ
วิตามินดี ไม่แนะนำให้ซื้อกินหรอกครับ โดนแดดบ้าง จะเช้า หรือเย็นก็ได้ เพียงแต่แดดตอนเช้าแสง UV มันไม่รุนแรงเท่าตอนเที่ยงหรือบ่าย ก็เท่านั้น
การลงทุนแนวvi ไม่ได้แปลว่า นักลงทุนคนนั้นดีกว่า หรือมีวรรณะสูงกว่าคนที่ลงทุนแนวอื่นๆหรอก
-
- Verified User
- โพสต์: 183
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 440
ข้อมูลจากบล็อกคณิตกลคณิตกวน
http://share.psu.ac.th/blog/8332-computer/3134
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ...
อาการบาดเจ็บจากการใช้คอมพิวเตอร์
ปีที่ผ่านมานี้รู้สึกว่าตัวเองจะมีอาการปวดหลังบ่อยๆ บริเวณที่ปวดคือช่วงระหว่างช่วงต้นคอกับหัวไหล่ด้านขวา สาเหตุคือถือเมาส์ไว้ตลอดวัน เพราะแต่ละวันใช้คอมพิวเตอร์แทบตลอดเวลา รู้ทั้งรู้ก็ยังฝืนใช้ต่อไป ไม่รู้วันไหนร่างกายมันทนไม่ไหวประท้วงด้วยการเจ็บป่วยขึ้นมาคงจะเศร้าน่าดู ช่วงหลังๆถ้าไม่ลืมพอใช้คอมพิวเตอร์ไปสักพักต้องลุกยืนเพื่อยืดเส้นยืดสายบ้าง ปัญหาคือพออยู่กับคอมพิวเตอร์แล้วเพลินจนลืมทุกที เมื่อช่วงปีใหม่นี้เจอพี่โยๆบอกว่าปวดบริเวณเดียวกัน แต่มีวิธีแก้ด้วยการบริหารร่างกายโดยให้เอาฝ่ามือผลักไปที่หัวด้านข้างด้านเดียวกับที่ปวด แต่จริงๆแล้วทำทั้งสองด้านแหละสลับกันทั้งซ้ายและขวา (เกร็งหัวไว้ด้วยนะ ไม่งั้นผลักไปผลักมาคอหักไม่รู้เน้อ) ลองดูแล้วก็ดีขึ้นนะ อาการปวดลดลง ไม่รู้คิดไปเองป่าว แต่อย่างน้อยๆมีคนทำได้ผลดีขึ้นมา 2 คนแล้ว (ตัวเองกะพี่โย)
นึกถึงบทความที่เคยเขียน ตอนนั้นมีคนขอให้เขียนเรื่องอะไรก็ได้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ช่วงนั้นอ่านเจอเรื่องเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บจากการใช้คอมพิวเตอร์พอดีเลยเอามาเขียนตามนี้
----------------------------------------------------------------------------
ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานในสำนักงานกันอย่างแพร่หลาย เรียกได้ว่าคอมพิวเตอร์กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสำนักงานไปแล้ว สังเกตว่าหากวันไหนเกิดไฟฟ้าดับขึ้นมา สำนักงานแต่ละแห่งแทบจะไม่สามารถทำงานกันได้เลย เพราะข้อมูลต่างๆ ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ และการทำงานต่าง ๆ ล้วนต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยแทบทั้งสิ้น
คอมพิวเตอร์ช่วยให้เราสามารถทำงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกันการนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์นานๆ ก็อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพเช่นกัน ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่อาจยังนึกไม่ออกว่าการใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ และนานๆ มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร เพราะผลกระทบทางสุขภาพที่ว่าไม่แสดงตัวในทันทีทันใด แต่จะสะสมและรอเวลาแสดงอาการในอนาคต อาการที่ว่านี้เรียกว่า Repetitive Strain Injury หรือ RSI
RSI เป็นอาการบาดเจ็บตึงเครียดจากการทำซ้ำๆ หากพิจารณาถึงสาเหตุจะพบว่าโดยปกติแล้วร่างกายมนุษย์มีความหยืดหยุ่น อ่อนตัว และต้องการการขยับเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมาทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนอิริยาบถเลย ทำให้เกิดความเค้นและความเครียด (Stress and Strain) ของเนื้อเยื่ออ่อนในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ เส้นประสาท เอ็น และข้อต่อ เป็นต้น ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บ ปวด บวม อักเสบ หรือในกรณีที่ร้ายแรงอาจทำลายเนื้อเยื่อส่วนนั้นอย่างถาวร RSI สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ ข้อนิ้ว ข้อมือ แขน หัวไหล่ แผ่นหลัง ต้นคอ และสายตา
แม้ว่าในการทำงานจริง ๆ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ได้ แต่เรายังสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บตึงเครียดจากการทำซ้ำๆ หรือ RSI ได้ โดยทำตามข้อแนะนำต่อไปนี้
1. ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง หลังไม่คดหรืองอ ควรใช้เก้าอี้นั่งที่มีพนักพิงรองรับเข้ากับรูปทรงของแผ่นหลัง ความสูงของเก้าอี้อยู่ในระดับพอดี ขาควรห้อยลงมาตั้งฉากกับพื้น จะสามารถลดการปวดหลัง และเอวได้
2. วางจอภาพ(ระดับของกึ่งกลางจอภาพ)ให้ต่ำกว่าระดับสายตา จะได้ไม่ต้องเงยหน้า เพราะถ้าเงยหน้านานๆ นอกจากจะเมื่อยคอแล้ว กระดูกต้นคอคุณจะเสียรูปด้วย
3. การวางมือบนคีย์บอร์ดที่ถูกต้อง นิ้วควรวางตัวอยู่ในแนวเดียวกับท่อนแขน สามารถวาดเส้นตรงจากข้อศอกไปยังปลายนิ้วได้ ไม่มีการงอข้อมือ ท่อนแขนขนานไปกับพื้น และควรวางคีย์บอร์ดส่วนที่พิมพ์ควรตรงกับกึ่งกลางจอภาพจะได้ไม่ต้องเอียงข้อมือมาก ลดความเสี่ยงที่จะปาดเจ็บบริเวณข้อนิ้ว ข้อมือ ข้อศอกและไหล่
4. มีการหยุดพักช่วงสั้น ๆ ระหว่างทำงานทุก 20 30 นาที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ นอกจากนี้มีข้อมูลว่าการบิดขี้เกียจบ่อย ๆ ก็สามารถลดอัตราการเกิด RSI ได้
5. ไม่ควรมองหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ควรพักหลับตา กระพริบตา และมองไปไกล ๆ คือระยะมากกว่า 6 ฟุต อาจมองไปนอกหน้าต่าง มองวิว มองต้นไม้ ซึ่งจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
6. ไม่แนะนำให้ใช้แผ่นกรองแสงเนื่องจากเมื่อมีแผ่นกรองแสงแล้ว คุณจำเป็นต้องเร่งแสงที่จอภาพทำให้จอภาพทำงานหนักกว่าปกติ สีที่ได้ออกมาก็ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ดังนั้นแผ่นกรองแสงไม่ได้ช่วยอะไร แต่การปรับแสงให้พอดีต่างหากที่ช่วยคุณได้
ตามสถิติในอเมริกา อาการของโรค RSI พบมากเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาโรคที่เกิดจากการทำงาน มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ประมาณ 300,000 คน (ข้อมูลปี พ.ศ. 2546) สำหรับประเทศไทยอาจยังไม่พบอาการป่วยจาก RSI มากนัก แต่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน จากปัจจัยที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
สิ่งที่อยากฝากไว้ก็คือ หากรู้สึกว่าเหนื่อยล้าจากการทำงานมาก ๆ ก็ควรหยุดพักผ่อนบ้าง การฝืนทำงานต่อนอกจากจะทำให้งานที่ออกมาไม่มีคุณภาพแล้ว ยังทำให้เสียสุขภาพอีกด้วย
อ้างอิง
http://www.ergosci.com/faq.html
http://www.cybered.co.th/library/30.htm
http://www.rtafa.ac.th/article/Ergonomic.htm
http://www.thaicyberpoint.com/
http://share.psu.ac.th/blog/8332-computer/3134
ดูแลสุขภาพ..แล้วสุขภาพจะดูแลเรา :idea:
http://share.psu.ac.th/blog/8332-computer/3134
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ...
อาการบาดเจ็บจากการใช้คอมพิวเตอร์
ปีที่ผ่านมานี้รู้สึกว่าตัวเองจะมีอาการปวดหลังบ่อยๆ บริเวณที่ปวดคือช่วงระหว่างช่วงต้นคอกับหัวไหล่ด้านขวา สาเหตุคือถือเมาส์ไว้ตลอดวัน เพราะแต่ละวันใช้คอมพิวเตอร์แทบตลอดเวลา รู้ทั้งรู้ก็ยังฝืนใช้ต่อไป ไม่รู้วันไหนร่างกายมันทนไม่ไหวประท้วงด้วยการเจ็บป่วยขึ้นมาคงจะเศร้าน่าดู ช่วงหลังๆถ้าไม่ลืมพอใช้คอมพิวเตอร์ไปสักพักต้องลุกยืนเพื่อยืดเส้นยืดสายบ้าง ปัญหาคือพออยู่กับคอมพิวเตอร์แล้วเพลินจนลืมทุกที เมื่อช่วงปีใหม่นี้เจอพี่โยๆบอกว่าปวดบริเวณเดียวกัน แต่มีวิธีแก้ด้วยการบริหารร่างกายโดยให้เอาฝ่ามือผลักไปที่หัวด้านข้างด้านเดียวกับที่ปวด แต่จริงๆแล้วทำทั้งสองด้านแหละสลับกันทั้งซ้ายและขวา (เกร็งหัวไว้ด้วยนะ ไม่งั้นผลักไปผลักมาคอหักไม่รู้เน้อ) ลองดูแล้วก็ดีขึ้นนะ อาการปวดลดลง ไม่รู้คิดไปเองป่าว แต่อย่างน้อยๆมีคนทำได้ผลดีขึ้นมา 2 คนแล้ว (ตัวเองกะพี่โย)
นึกถึงบทความที่เคยเขียน ตอนนั้นมีคนขอให้เขียนเรื่องอะไรก็ได้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ช่วงนั้นอ่านเจอเรื่องเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บจากการใช้คอมพิวเตอร์พอดีเลยเอามาเขียนตามนี้
----------------------------------------------------------------------------
ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานในสำนักงานกันอย่างแพร่หลาย เรียกได้ว่าคอมพิวเตอร์กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสำนักงานไปแล้ว สังเกตว่าหากวันไหนเกิดไฟฟ้าดับขึ้นมา สำนักงานแต่ละแห่งแทบจะไม่สามารถทำงานกันได้เลย เพราะข้อมูลต่างๆ ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ และการทำงานต่าง ๆ ล้วนต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยแทบทั้งสิ้น
คอมพิวเตอร์ช่วยให้เราสามารถทำงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกันการนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์นานๆ ก็อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพเช่นกัน ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่อาจยังนึกไม่ออกว่าการใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ และนานๆ มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร เพราะผลกระทบทางสุขภาพที่ว่าไม่แสดงตัวในทันทีทันใด แต่จะสะสมและรอเวลาแสดงอาการในอนาคต อาการที่ว่านี้เรียกว่า Repetitive Strain Injury หรือ RSI
RSI เป็นอาการบาดเจ็บตึงเครียดจากการทำซ้ำๆ หากพิจารณาถึงสาเหตุจะพบว่าโดยปกติแล้วร่างกายมนุษย์มีความหยืดหยุ่น อ่อนตัว และต้องการการขยับเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมาทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนอิริยาบถเลย ทำให้เกิดความเค้นและความเครียด (Stress and Strain) ของเนื้อเยื่ออ่อนในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ เส้นประสาท เอ็น และข้อต่อ เป็นต้น ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บ ปวด บวม อักเสบ หรือในกรณีที่ร้ายแรงอาจทำลายเนื้อเยื่อส่วนนั้นอย่างถาวร RSI สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ ข้อนิ้ว ข้อมือ แขน หัวไหล่ แผ่นหลัง ต้นคอ และสายตา
แม้ว่าในการทำงานจริง ๆ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ได้ แต่เรายังสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บตึงเครียดจากการทำซ้ำๆ หรือ RSI ได้ โดยทำตามข้อแนะนำต่อไปนี้
1. ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง หลังไม่คดหรืองอ ควรใช้เก้าอี้นั่งที่มีพนักพิงรองรับเข้ากับรูปทรงของแผ่นหลัง ความสูงของเก้าอี้อยู่ในระดับพอดี ขาควรห้อยลงมาตั้งฉากกับพื้น จะสามารถลดการปวดหลัง และเอวได้
2. วางจอภาพ(ระดับของกึ่งกลางจอภาพ)ให้ต่ำกว่าระดับสายตา จะได้ไม่ต้องเงยหน้า เพราะถ้าเงยหน้านานๆ นอกจากจะเมื่อยคอแล้ว กระดูกต้นคอคุณจะเสียรูปด้วย
3. การวางมือบนคีย์บอร์ดที่ถูกต้อง นิ้วควรวางตัวอยู่ในแนวเดียวกับท่อนแขน สามารถวาดเส้นตรงจากข้อศอกไปยังปลายนิ้วได้ ไม่มีการงอข้อมือ ท่อนแขนขนานไปกับพื้น และควรวางคีย์บอร์ดส่วนที่พิมพ์ควรตรงกับกึ่งกลางจอภาพจะได้ไม่ต้องเอียงข้อมือมาก ลดความเสี่ยงที่จะปาดเจ็บบริเวณข้อนิ้ว ข้อมือ ข้อศอกและไหล่
4. มีการหยุดพักช่วงสั้น ๆ ระหว่างทำงานทุก 20 30 นาที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ นอกจากนี้มีข้อมูลว่าการบิดขี้เกียจบ่อย ๆ ก็สามารถลดอัตราการเกิด RSI ได้
5. ไม่ควรมองหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ควรพักหลับตา กระพริบตา และมองไปไกล ๆ คือระยะมากกว่า 6 ฟุต อาจมองไปนอกหน้าต่าง มองวิว มองต้นไม้ ซึ่งจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
6. ไม่แนะนำให้ใช้แผ่นกรองแสงเนื่องจากเมื่อมีแผ่นกรองแสงแล้ว คุณจำเป็นต้องเร่งแสงที่จอภาพทำให้จอภาพทำงานหนักกว่าปกติ สีที่ได้ออกมาก็ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ดังนั้นแผ่นกรองแสงไม่ได้ช่วยอะไร แต่การปรับแสงให้พอดีต่างหากที่ช่วยคุณได้
ตามสถิติในอเมริกา อาการของโรค RSI พบมากเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาโรคที่เกิดจากการทำงาน มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ประมาณ 300,000 คน (ข้อมูลปี พ.ศ. 2546) สำหรับประเทศไทยอาจยังไม่พบอาการป่วยจาก RSI มากนัก แต่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน จากปัจจัยที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
สิ่งที่อยากฝากไว้ก็คือ หากรู้สึกว่าเหนื่อยล้าจากการทำงานมาก ๆ ก็ควรหยุดพักผ่อนบ้าง การฝืนทำงานต่อนอกจากจะทำให้งานที่ออกมาไม่มีคุณภาพแล้ว ยังทำให้เสียสุขภาพอีกด้วย
อ้างอิง
http://www.ergosci.com/faq.html
http://www.cybered.co.th/library/30.htm
http://www.rtafa.ac.th/article/Ergonomic.htm
http://www.thaicyberpoint.com/
http://share.psu.ac.th/blog/8332-computer/3134
ดูแลสุขภาพ..แล้วสุขภาพจะดูแลเรา :idea:
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 441
[quote="j21"]มารบกวนต่อ ครับ
จากกรณี MCS ครับ
หากเป้าเราอยู่ที่ 7 บาท หาก คิด MOS ประมาณ 30% ราคาที่น่าสนใจจะอยู่ที่ ประมาณ 5 บาท
เวลาผมคิดผมจะคิดจาก Upside ที่ 30% ซึ่ง Upside ต่างจาก MOS ครับ เพราะ Upside นั้นตัวหารคือราคาที่เราจะซื้อ ส่วน MOS นั้นตัวหารคือการเป้าหมาย
1)
จากกรณี MCS ครับ
หากเป้าเราอยู่ที่ 7 บาท หาก คิด MOS ประมาณ 30% ราคาที่น่าสนใจจะอยู่ที่ ประมาณ 5 บาท
เวลาผมคิดผมจะคิดจาก Upside ที่ 30% ซึ่ง Upside ต่างจาก MOS ครับ เพราะ Upside นั้นตัวหารคือราคาที่เราจะซื้อ ส่วน MOS นั้นตัวหารคือการเป้าหมาย
1)
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 442
[quote="0N0111"]ขอถามพี่โยหน่อยครับ
ว่าตอนลงทุนแรกๆกับตอนนี้มีหลักการตัดสินใจแตกต่างกันเยอะไหมครับ
เช่นสมมุติตอนนี้เวลาตีแตกหุ้นแล้วลงทุนหนักๆจนมีชื่อถือหุ้นใหญ่
แต่มันขึ้นไปสูงแล้วเกินที่คาดหวัง
ว่าตอนลงทุนแรกๆกับตอนนี้มีหลักการตัดสินใจแตกต่างกันเยอะไหมครับ
เช่นสมมุติตอนนี้เวลาตีแตกหุ้นแล้วลงทุนหนักๆจนมีชื่อถือหุ้นใหญ่
แต่มันขึ้นไปสูงแล้วเกินที่คาดหวัง
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 443
ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องอาการปวดหลังนะครับ.. :lol: .
กำลังพยายามปรับพฤติกรรมตัวเองอยู่ครับ
รู้สึกเหมือนกันว่าถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุก็คงยากที่จะหายขาดได้
กำลังพยายามปรับพฤติกรรมตัวเองอยู่ครับ
รู้สึกเหมือนกันว่าถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุก็คงยากที่จะหายขาดได้
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 445
[quote="yoyo"][quote="0N0111"]ขอถามพี่โยหน่อยครับ
ว่าตอนลงทุนแรกๆกับตอนนี้มีหลักการตัดสินใจแตกต่างกันเยอะไหมครับ
เช่นสมมุติตอนนี้เวลาตีแตกหุ้นแล้วลงทุนหนักๆจนมีชื่อถือหุ้นใหญ่
แต่มันขึ้นไปสูงแล้วเกินที่คาดหวัง
ว่าตอนลงทุนแรกๆกับตอนนี้มีหลักการตัดสินใจแตกต่างกันเยอะไหมครับ
เช่นสมมุติตอนนี้เวลาตีแตกหุ้นแล้วลงทุนหนักๆจนมีชื่อถือหุ้นใหญ่
แต่มันขึ้นไปสูงแล้วเกินที่คาดหวัง
" เสียงข้างใน" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เราได้ยินมัน แต่มันไม่มีเสียง ,,,,,นิ้วกลม
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 447
ผมจะลองดูนะครับgetkung เขียน: ผมยังไม่เข้าใจเรื่อง MOS & Upside ครับ ผมคิดว่ามันคืออันเดียวกันซะอีก รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบายเพิ่มอีกซักหน่อยนะครับ
MOS คือ ราคาที่สามารถซื้อได้โดยมีความปลอดภัยไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เช่น มีราคาต่อบัญชีต่ำ มี PE ที่ต่ำ โดยที่ไม่พิจารณา ว่าราคาที่สูงสุด หรือราคาที่ควรทำกำไรได้เป็นอย่างไร
Upside คือ ราคาที่เราคาดว่ากำไรควรเป็นเท่าไร ได้กำไรเป็นเท่าไร ซึ่งราคาที่ซื้ออาจไม่มี MOS เลยก็ได้ แต่เราคาดว่าราคาควรขึ้นไป 20-30 % เราก็สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ตัวนั้น ๆ ได้
ไม่รู้มั่วหรือเปล่านะครับ จะรอฟังท่านอื่น ๆ ด้วย
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 448
จริงๆแล้ว MOS กับ Upside นั้นหลักการเหมือนกันครับ .. คือซื้อหุ้นให้ได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นทั้งคู่...getkung เขียน: ผมยังไม่เข้าใจเรื่อง MOS & Upside ครับ ผมคิดว่ามันคืออันเดียวกันซะอีก รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบายเพิ่มอีกซักหน่อยนะครับ
แต่ความแตกต่างกันอยู่ที่สูตรคำนวณครับ
Upside นั้นมีสูตรคำนวณตายตัว = (ราคาเหมาะสม-ราคาตลาด)/ราคาตลาด
ส่วน MOS นั้นผมยังไม่เคยเห็นสูตรชัวร์ๆที่ไหนนะครับ แต่เท่าที่เห็นเพื่อนๆพี่ๆ VI ใช้กันก็คือ = (ราคาเหมาะสม-ราคาตลาด)/ราคาเหมาะสม
สมมติหุ้น A ราคาตลาดอยู่ที่ 10 บาท ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 13 บาท
แบบนี้มี Upside 30% ในขณะที่มี MOS 23% ... หุ้นที่ผมจะถือก็ควรจะต้องมี Upside 30% ขึ้นไป ... แต่ถ้าจะหาหุ้นที่มี MOS 30% นี่คงจะหาหุ้นลงทุนได้ยากหน่อย เพราะว่าหุ้นที่มี MOS 30% นั้นจะมี Upside เกือบๆ 50% เลยทีเดียว
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 449
yoyo เขียน:
จริงๆแล้ว MOS กับ Upside นั้นหลักการเหมือนกันครับ .. คือซื้อหุ้นให้ได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นทั้งคู่...
แต่ความแตกต่างกันอยู่ที่สูตรคำนวณครับ
Upside นั้นมีสูตรคำนวณตายตัว = (ราคาเหมาะสม-ราคาตลาด)/ราคาตลาด
ส่วน MOS นั้นผมยังไม่เคยเห็นสูตรชัวร์ๆที่ไหนนะครับ แต่เท่าที่เห็นเพื่อนๆพี่ๆ VI ใช้กันก็คือ = (ราคาเหมาะสม-ราคาตลาด)/ราคาเหมาะสม
สมมติหุ้น A ราคาตลาดอยู่ที่ 10 บาท ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 13 บาท
แบบนี้มี Upside 30% ในขณะที่มี MOS 23% ... หุ้นที่ผมจะถือก็ควรจะต้องมี Upside 30% ขึ้นไป ... แต่ถ้าจะหาหุ้นที่มี MOS 30% นี่คงจะหาหุ้นลงทุนได้ยากหน่อย เพราะว่าหุ้นที่มี MOS 30% นั้นจะมี Upside เกือบๆ 50% เลยทีเดียว
- getkung
- Verified User
- โพสต์: 286
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 450
yoyo เขียน: จริงๆแล้ว MOS กับ Upside นั้นหลักการเหมือนกันครับ .. คือซื้อหุ้นให้ได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นทั้งคู่...
แต่ความแตกต่างกันอยู่ที่สูตรคำนวณครับ
Upside นั้นมีสูตรคำนวณตายตัว = (ราคาเหมาะสม-ราคาตลาด)/ราคาตลาด
ส่วน MOS นั้นผมยังไม่เคยเห็นสูตรชัวร์ๆที่ไหนนะครับ แต่เท่าที่เห็นเพื่อนๆพี่ๆ VI ใช้กันก็คือ = (ราคาเหมาะสม-ราคาตลาด)/ราคาเหมาะสม
สมมติหุ้น A ราคาตลาดอยู่ที่ 10 บาท ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 13 บาท
แบบนี้มี Upside 30% ในขณะที่มี MOS 23% ... หุ้นที่ผมจะถือก็ควรจะต้องมี Upside 30% ขึ้นไป ... แต่ถ้าจะหาหุ้นที่มี MOS 30% นี่คงจะหาหุ้นลงทุนได้ยากหน่อย เพราะว่าหุ้นที่มี MOS 30% นั้นจะมี Upside เกือบๆ 50% เลยทีเดียว
อ๋อ เข้าใจแล้วครับ ที่ผมเข้าใจตอนแรกคือหลักการนี่เอง แต่ว่าคำนวณออกมาจะใช้ตัวหารต่างกัน ขอบคุณครับผม