รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 1
เท่าที่ผมติดตามดู
พี่ครรชิต
ลุงขวด
คุณฉัตรชัย
คุณมน
คุณวิบูลย์
คุณประจวบ
คุณคลายเครียด
คุณซีเค
คุณเจ๋ง ฯลฯ
และท่านอื่นๆ อีกมาก ดูราวกับว่า การลงทุนเป็นเรื่องง่ายดังพลิกฝ่ามือ ที่จะไม่ขาดทุน
ผมคิดว่า หลักการ VI นั้น แสนจะเรียบง่าย แต่ "ไม่ง่าย" ในการที่จะปฏิบัติตามหลักการอย่างเคร่งครัด
ผมชอบใจ คุณ wpong บอกผมว่า ที่ผมว้าวุ่นใจเพราะ "ใจกับกระบี่ยังไม่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว" เห็นท่าจะจริง
ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจในหลักการ Value Investment (แต่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก) แต่....
*** ใครพอจะมีคำแนะนำ ในเรื่องการลงทุนแนว Value Investment ให้ผม ว่า จะนำมันไปใช้ให้มีประสิทธิภาพ และมีความสุข ได้อย่างไร ครับ?
ขอบคุณครับ
ปล. กลัวจะหมกมุ่น ฝึกไม่ถูกวิธี แล้วธาตุไฟเข้าแทรก น่ะครับ
พี่ครรชิต
ลุงขวด
คุณฉัตรชัย
คุณมน
คุณวิบูลย์
คุณประจวบ
คุณคลายเครียด
คุณซีเค
คุณเจ๋ง ฯลฯ
และท่านอื่นๆ อีกมาก ดูราวกับว่า การลงทุนเป็นเรื่องง่ายดังพลิกฝ่ามือ ที่จะไม่ขาดทุน
ผมคิดว่า หลักการ VI นั้น แสนจะเรียบง่าย แต่ "ไม่ง่าย" ในการที่จะปฏิบัติตามหลักการอย่างเคร่งครัด
ผมชอบใจ คุณ wpong บอกผมว่า ที่ผมว้าวุ่นใจเพราะ "ใจกับกระบี่ยังไม่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว" เห็นท่าจะจริง
ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจในหลักการ Value Investment (แต่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก) แต่....
*** ใครพอจะมีคำแนะนำ ในเรื่องการลงทุนแนว Value Investment ให้ผม ว่า จะนำมันไปใช้ให้มีประสิทธิภาพ และมีความสุข ได้อย่างไร ครับ?
ขอบคุณครับ
ปล. กลัวจะหมกมุ่น ฝึกไม่ถูกวิธี แล้วธาตุไฟเข้าแทรก น่ะครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 2
ลองหาหนังสือแนวพัฒนาตัวเองอ่านเพิ่มดีมั๊ยครับ
ผมอ่านแนวนี้เยอะมากเหมือนกัน
ช่วยให้ใจผมนิ่งขึ้น ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน และการลงทุน
ไม่ว้าวุ่นใจไปกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงรอบตัว มีความสุขกับทุกวันที่เป็นอยู่
หนังสือพวกนี้ผมเอามาอ่านใหม่เรื่อยๆ
ตอนนี้ก็กำลังอ่าน "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก" ที่ท่านดร. นิเวศน์แปล อยู่ครับ
ทุกครั้งที่อ่านเหมือนอ่านหนังสือเล่มใหม่ทุกครั้ง มุมมองที่ได้เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ และกาลเวลาที่เปลี่ยนไป
ผมอ่านแนวนี้เยอะมากเหมือนกัน
ช่วยให้ใจผมนิ่งขึ้น ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน และการลงทุน
ไม่ว้าวุ่นใจไปกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงรอบตัว มีความสุขกับทุกวันที่เป็นอยู่
หนังสือพวกนี้ผมเอามาอ่านใหม่เรื่อยๆ
ตอนนี้ก็กำลังอ่าน "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก" ที่ท่านดร. นิเวศน์แปล อยู่ครับ
ทุกครั้งที่อ่านเหมือนอ่านหนังสือเล่มใหม่ทุกครั้ง มุมมองที่ได้เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ และกาลเวลาที่เปลี่ยนไป
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- sirivajj
- Verified User
- โพสต์: 985
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 3
ผมคิดโดยส่วนตัวว่า การจะเป็นผู้ลงทุนแนว Value Investment นั้น
ไม่ยากนัก หากเราจะสามารถกำจัดความโลภที่เกินเหตุออกไปได้
เพราะ ความโลภเป็นตัวจูงใจให้เราไม่ทำตามแผนการลงทุนที่ชอบด้วยเหตุผล
คือ ไปซื้อๆ ขายๆ โดยขาดการพิจารณาให้รอบคอบถึงมูลค่าที่แท้จริงของ
หุ้นที่เราจะลงทุน
อนึ่ง ทั้งนี้ ไม่มีใครบอกว่า เป็น VI แล้วห้ามขายหุ้น หรือต้องถือนานๆ มากๆ
เพราะ เมื่อไหร่ที่ ราคาหุ้นมันเกินมูลค่าที่แท้จริงไป ก็สมควรขายแล้ว
แต่เมื่อไรก็ตาม ที่เราไม่ได้คำนึงถึงมุลค่าหุ้นที่แท้จริง นั่นก็คือ เราหันไปใช้
ปัจจัยอื่น มาพิจารณาในการตัดสินใจลงทุนของเรา นั่นคือ เราออกไปจากแนวทางของ VI เสียแล้ว
อย่างไรก็ดี กล่าวอีกครั้งถึง เหตุที่เป็น VI ได้ยาก (รวมทั้งผมด้วย)
ก็คงเพราะ อดใจไม่ไหว เห็นอะไรวูบวาบ ก็เลยอยากเก่งบ้าง
อยากลองของบ้าง เห็นคนอื่นทำได้ง่ายๆ ก็เลยคิดว่า ตัวเองก็น่าจะทำได้บ้าง
ก็เลยไปเป็น V อื่นกันไปซะ
ปล. ผมไม่ได้บอกว่า เป็น V อื่นๆ แล้วต้องขาดทุนนะครับ
คนเก่งๆ ที่เขาทำกำไรได้ก็มี
คิดแล้วก็อยากเป็น VX (ไอ้มดแดง) กับเขาบ้างเหมือนกัน
Rider Kick !!!!!!!!
8)
ไม่ยากนัก หากเราจะสามารถกำจัดความโลภที่เกินเหตุออกไปได้
เพราะ ความโลภเป็นตัวจูงใจให้เราไม่ทำตามแผนการลงทุนที่ชอบด้วยเหตุผล
คือ ไปซื้อๆ ขายๆ โดยขาดการพิจารณาให้รอบคอบถึงมูลค่าที่แท้จริงของ
หุ้นที่เราจะลงทุน
อนึ่ง ทั้งนี้ ไม่มีใครบอกว่า เป็น VI แล้วห้ามขายหุ้น หรือต้องถือนานๆ มากๆ
เพราะ เมื่อไหร่ที่ ราคาหุ้นมันเกินมูลค่าที่แท้จริงไป ก็สมควรขายแล้ว
แต่เมื่อไรก็ตาม ที่เราไม่ได้คำนึงถึงมุลค่าหุ้นที่แท้จริง นั่นก็คือ เราหันไปใช้
ปัจจัยอื่น มาพิจารณาในการตัดสินใจลงทุนของเรา นั่นคือ เราออกไปจากแนวทางของ VI เสียแล้ว
อย่างไรก็ดี กล่าวอีกครั้งถึง เหตุที่เป็น VI ได้ยาก (รวมทั้งผมด้วย)
ก็คงเพราะ อดใจไม่ไหว เห็นอะไรวูบวาบ ก็เลยอยากเก่งบ้าง
อยากลองของบ้าง เห็นคนอื่นทำได้ง่ายๆ ก็เลยคิดว่า ตัวเองก็น่าจะทำได้บ้าง
ก็เลยไปเป็น V อื่นกันไปซะ
ปล. ผมไม่ได้บอกว่า เป็น V อื่นๆ แล้วต้องขาดทุนนะครับ
คนเก่งๆ ที่เขาทำกำไรได้ก็มี
คิดแล้วก็อยากเป็น VX (ไอ้มดแดง) กับเขาบ้างเหมือนกัน
Rider Kick !!!!!!!!
8)
What do you mean.?
- มือเก่าหัดขับ
- Verified User
- โพสต์: 1112
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 4
เป็นนักลงทุนแนวคุณค่า ไม่ยากหรอกครับ
เพียงแต่ขอให้คุณเป็นคนที่เข้าใจธุรกิจ และรู้จักแยกแยะคุณค่าและมูลค่าของ "ของ" ที่ซื้อ
ซึ่งของในที่นี้ก็คือหุ้นนั่นเอง
และต้องรู้ว่า:
พื้นฐานของธุรกิจนั้น ไม่ได้เปลี่ยนกันได้ในชั่วข้ามวัน ดังนั้นเมื่อเราซื้อหุ้นที่เราคิดว่าถูก
มาแล้ว เราก็ยังอาจจะต้องรอให้บริษัทของเรานั้น ออกดอกออกผล อีก กว่าเขาจะได้กำไร
กว่าจะนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติม ไม่ใช่เดือนเดียวหรือสองเดือนนะครับ อาจจะเป็นไตรมาส หรือ
เป็นปีก็ได้ แล้วราคาหุ้น มันจะขึ้นปรู๊ดปร๊าดได้อย่างไร (จะให้มันขึ้นไปไหนล่ะ???)
และในเมื่อเราเป็นเจ้าของบริษัท เราได้ผลตอบแทนโดยไม่ได้ทำอะไร (จากบริษัทที่เราได้
เลือกแล้วว่าให้ผลตอบแทนที่ดี มั่นคง ไม่เจ๊ง ไม่ต้องดูแล) แล้วจะเอาอะไรอีก? จริงๆ แล้วก็
คืออย่าโลภ และอยาก ให้มาก นั่นเองครับ (ขออภัยจริงๆ นะครับ ตรงไปตรงมามากไปหน่อย)
เพียงแต่ขอให้คุณเป็นคนที่เข้าใจธุรกิจ และรู้จักแยกแยะคุณค่าและมูลค่าของ "ของ" ที่ซื้อ
ซึ่งของในที่นี้ก็คือหุ้นนั่นเอง
และต้องรู้ว่า:
พื้นฐานของธุรกิจนั้น ไม่ได้เปลี่ยนกันได้ในชั่วข้ามวัน ดังนั้นเมื่อเราซื้อหุ้นที่เราคิดว่าถูก
มาแล้ว เราก็ยังอาจจะต้องรอให้บริษัทของเรานั้น ออกดอกออกผล อีก กว่าเขาจะได้กำไร
กว่าจะนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติม ไม่ใช่เดือนเดียวหรือสองเดือนนะครับ อาจจะเป็นไตรมาส หรือ
เป็นปีก็ได้ แล้วราคาหุ้น มันจะขึ้นปรู๊ดปร๊าดได้อย่างไร (จะให้มันขึ้นไปไหนล่ะ???)
และในเมื่อเราเป็นเจ้าของบริษัท เราได้ผลตอบแทนโดยไม่ได้ทำอะไร (จากบริษัทที่เราได้
เลือกแล้วว่าให้ผลตอบแทนที่ดี มั่นคง ไม่เจ๊ง ไม่ต้องดูแล) แล้วจะเอาอะไรอีก? จริงๆ แล้วก็
คืออย่าโลภ และอยาก ให้มาก นั่นเองครับ (ขออภัยจริงๆ นะครับ ตรงไปตรงมามากไปหน่อย)
คนอื่นเขาสะสมอย่างอื่น เราขอสะสมความดี, ความรู้, ประสบการณ์, เงินทอง, กับหุ้นก็แล้วกัน
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
- house
- Verified User
- โพสต์: 683
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 5
สำหรับผม ไอ้ยากสุดๆไม่ใช่อารมณ์ห้ามตัวเองให้ซื้อขายครับ ที่ยากจริงๆคือการประเมินมูลค่ากิจการ
ประเมินผิด ก็มีโอกาสเจ็บหนัก หลังจากแป้ก จากสองตัวแรก (ซึ่งผลตอบแทนดูไม่จืดเลยครับ) หลังๆ เลยต้องระวังเอามากๆ ดูแล้วดูอีก
ไปๆมาๆ จะได้โรคผวา ไม่กล้าซื้อ ติดมา ชาวบ้านซื้อกัน เราว่าแพง ซื้อไม่ลง
พอมันสูงขึ้นๆ ทีนี้แม้จะรู้ว่ายังไม่ถึงพื้นฐาน แต่ก็ทำใจซื้อยากอีก
พอเลือกมากๆ ระวังหนักๆ ก็เลยไม่รู้จะซื้ออะไร
ช่วงนี้ ผมเลยเอาเวลาว่างมาเล่นเกม แทน
ประเมินผิด ก็มีโอกาสเจ็บหนัก หลังจากแป้ก จากสองตัวแรก (ซึ่งผลตอบแทนดูไม่จืดเลยครับ) หลังๆ เลยต้องระวังเอามากๆ ดูแล้วดูอีก
ไปๆมาๆ จะได้โรคผวา ไม่กล้าซื้อ ติดมา ชาวบ้านซื้อกัน เราว่าแพง ซื้อไม่ลง
พอมันสูงขึ้นๆ ทีนี้แม้จะรู้ว่ายังไม่ถึงพื้นฐาน แต่ก็ทำใจซื้อยากอีก
พอเลือกมากๆ ระวังหนักๆ ก็เลยไม่รู้จะซื้ออะไร
ช่วงนี้ ผมเลยเอาเวลาว่างมาเล่นเกม แทน
ทำให้เต็มที่ เพื่อจะไม่เสียใจภายหลัง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 225
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 6
ผมว่าเรื่องของจิตใจเป็นเรื่องสำคัญครับ
เรื่องการวิเคราะห์ ผมว่าพวกเราก็คงมีแนวทางของตัวเองอยู่แล้ว
แต่ประเด็นก็คือ ใครจะสามารถอดทนรอคอยผลของการวิเคราะห์ได้ครับ
หลายครั้งราคาไม่ไปไหน ก็คิดว่าไปหาตัวอื่นดีก่า อยากรวยเร็ว โลภ หรือไม่ก็คิดว่าตัวเองคิดอะไรผิดไปรึเปล่า นานจัง ไม่อยากรอแล้ว
ผมว่าเราต้องอดทนจริงๆ อดทนต่อความยั่วยวนของราคาในช่วงสั้น ความโลภของตัวเอง
ถ้าเรานิ่งได้จริงๆ เห็นราคาแล้วเฉยๆ ได้ นั่นก็ใกล้เคียงที่จะไปถึง VI ได้
ผมยังห่างไกลจากจุดนั้นมากเลยครับ
เรื่องการวิเคราะห์ ผมว่าพวกเราก็คงมีแนวทางของตัวเองอยู่แล้ว
แต่ประเด็นก็คือ ใครจะสามารถอดทนรอคอยผลของการวิเคราะห์ได้ครับ
หลายครั้งราคาไม่ไปไหน ก็คิดว่าไปหาตัวอื่นดีก่า อยากรวยเร็ว โลภ หรือไม่ก็คิดว่าตัวเองคิดอะไรผิดไปรึเปล่า นานจัง ไม่อยากรอแล้ว
ผมว่าเราต้องอดทนจริงๆ อดทนต่อความยั่วยวนของราคาในช่วงสั้น ความโลภของตัวเอง
ถ้าเรานิ่งได้จริงๆ เห็นราคาแล้วเฉยๆ ได้ นั่นก็ใกล้เคียงที่จะไปถึง VI ได้
ผมยังห่างไกลจากจุดนั้นมากเลยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 8
ผมว่าสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนแนว VI ยากลำบากก็เพราะ
นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกว่าร้อยละ 90 ต้องการผลตอบแทนที่ดีเลิศเพียงข้ามคืน หรือว่าอยากรวยเร็วๆครับ (จริงไหมครับ)
แต่การลงทุนแนว VI นั้นเป็นการลงทุนที่ไม่วูบวาบ ผลตอบแทนที่ผู้คนพูดถึงก็เพียงแค่ปีละสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ไม่เหมือนกับการเล่นหุ้นแนวอื่นที่มักจะมีข่าวว่าให้ผลตอบแทนได้เป็นหลายสิบเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น
ถ้าจะเป็นนักลงทุนแนว VI ได้ตลอดรอดฝั่ง นอกจากความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจ การตลาด งบการเงิน แล้ว ธรรมะก็เป็นสิ่งที่จะทำให้เราจิตใจสงบ ลงทุนได้อย่างมีความสุขครับ
นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกว่าร้อยละ 90 ต้องการผลตอบแทนที่ดีเลิศเพียงข้ามคืน หรือว่าอยากรวยเร็วๆครับ (จริงไหมครับ)
แต่การลงทุนแนว VI นั้นเป็นการลงทุนที่ไม่วูบวาบ ผลตอบแทนที่ผู้คนพูดถึงก็เพียงแค่ปีละสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ไม่เหมือนกับการเล่นหุ้นแนวอื่นที่มักจะมีข่าวว่าให้ผลตอบแทนได้เป็นหลายสิบเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น
ถ้าจะเป็นนักลงทุนแนว VI ได้ตลอดรอดฝั่ง นอกจากความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจ การตลาด งบการเงิน แล้ว ธรรมะก็เป็นสิ่งที่จะทำให้เราจิตใจสงบ ลงทุนได้อย่างมีความสุขครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 9
จริง ขอรับ แล้วพี่ฉัตรชัย ผ่านมาได้จะไดchatchai เขียน: นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกว่าร้อยละ 90 ต้องการผลตอบแทนที่ดีเลิศเพียงข้ามคืน หรือว่าอยากรวยเร็วๆครับ (จริงไหมครับ)
แต่การลงทุนแนว VI นั้นเป็นการลงทุนที่ไม่วูบวาบ ผลตอบแทนที่ผู้คนพูดถึงก็เพียงแค่ปีละสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ไม่เหมือนกับการเล่นหุ้นแนวอื่นที่มักจะมีข่าวว่าให้ผลตอบแทนได้เป็นหลายสิบเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น
ถ้าจะเป็นนักลงทุนแนว VI ได้ตลอดรอดฝั่ง นอกจากความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจ การตลาด งบการเงิน แล้ว ธรรมะก็เป็นสิ่งที่จะทำให้เราจิตใจสงบ ลงทุนได้อย่างมีความสุขครับ
คนรอบข้างผมกดดันผมเหลือเกิน ฮือๆๆๆ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ แต่ยังอยากฟังอีกเรื่อยๆ ครับ ว่า เทคนิคที่คุณผ่านมานั้น ทำอะไรบ้างครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 11
อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์มั๊งครับ ผ่านทั้งประสบการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ และประสบการณ์ที่ดี ผ่านด่านทดสอบจิตใจมามากมาย
ประสบการณ์เลวร้ายก็คือช่วงที่ดัชนีล่วงลงเหลือ 204 จุด ถ้าไม่ใช่เพราะลงทุนโดยพื้นฐาน อาจจะไม่เหลือถึงทุกวันนี้
ประสบการณ์ที่ดี การลงทุนในช่วงดัชนี 204 จุด ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่เหลือเชื่อ และมีความสุขตลอดเวลาที่ลงทุน
ด่านทดสอบที่หินที่สุดสำหรับผม ก็คือช่วงที่ท่านนายกทักษิณเป็นนายกสมัยแรกครับ หุ้นสถาบันการเงิน อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร วิ่งกันกระจายเลยครับ จิตใจต้องหนักแน่นมากๆครับ
ประสบการณ์เลวร้ายก็คือช่วงที่ดัชนีล่วงลงเหลือ 204 จุด ถ้าไม่ใช่เพราะลงทุนโดยพื้นฐาน อาจจะไม่เหลือถึงทุกวันนี้
ประสบการณ์ที่ดี การลงทุนในช่วงดัชนี 204 จุด ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่เหลือเชื่อ และมีความสุขตลอดเวลาที่ลงทุน
ด่านทดสอบที่หินที่สุดสำหรับผม ก็คือช่วงที่ท่านนายกทักษิณเป็นนายกสมัยแรกครับ หุ้นสถาบันการเงิน อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร วิ่งกันกระจายเลยครับ จิตใจต้องหนักแน่นมากๆครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 12
การลงทุนไม่ให้ขาดทุนนั้น ง่ายดายดุจหยิบส้มในลังจริงๆ ครับ
ขอยืนยัน นั่งยัน และนอนยัน
ขอเพียงแต่ "อย่าโลภเกินความรู้ของตัวเอง" ก็พอแล้วครับ
รู้แค่ไหน ก็ลงทุนแค่นั้นพอ
เป็นอมตะวาจาที่กลั่นจากประสบการณ์กว่ายี่สิบปีของนักลงทุนระดับปรมาจารย์
และผมพบว่าเป็นความจริงอย่างที่สุด ในทุกสมรภูมิ
ทุกวันนี้ผมยังขาดทุนบ้าง เพราะความโลภที่เกินขอบเขตความรู้ตัวเองนี่แหละ
ขอยืนยัน นั่งยัน และนอนยัน
ขอเพียงแต่ "อย่าโลภเกินความรู้ของตัวเอง" ก็พอแล้วครับ
รู้แค่ไหน ก็ลงทุนแค่นั้นพอ
เป็นอมตะวาจาที่กลั่นจากประสบการณ์กว่ายี่สิบปีของนักลงทุนระดับปรมาจารย์
และผมพบว่าเป็นความจริงอย่างที่สุด ในทุกสมรภูมิ
ทุกวันนี้ผมยังขาดทุนบ้าง เพราะความโลภที่เกินขอบเขตความรู้ตัวเองนี่แหละ
- Tongue
- Verified User
- โพสต์: 725
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 13
ใช่ครับ
อย่าโลภเกินความรู้
แล้วก็อยู่ไกลๆ ตลาดหุ้นไว้ครับ
อย่าโลภเกินความรู้
แล้วก็อยู่ไกลๆ ตลาดหุ้นไว้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 14
ไม่ง่ายแน่ๆ ครับ ผมเชื่อว่ากว่าที่แต่ละคนจะประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแล้วครับForrestGump เขียน:ดูราวกับว่า การลงทุนเป็นเรื่องง่ายดังพลิกฝ่ามือ ที่จะไม่ขาดทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 15
เห็นมั้ยครับ 8)chatchai เขียน:อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์มั๊งครับ ผ่านทั้งประสบการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ และประสบการณ์ที่ดี ผ่านด่านทดสอบจิตใจมามากมาย
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 16
อันนี้ผมเห็นด้วย 100%CK เขียน:ขอเพียงแต่ "อย่าโลภเกินความรู้ของตัวเอง" ก็พอแล้วครับ
รู้แค่ไหน ก็ลงทุนแค่นั้นพอ
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 17
จริงๆ ผมว่าไม่ว่าลงทุนสไตล์ไหน ธรรมะก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจนะครับchatchai เขียน:ถ้าจะเป็นนักลงทุนแนว VI ได้ตลอดรอดฝั่ง นอกจากความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจ การตลาด งบการเงิน แล้ว ธรรมะก็เป็นสิ่งที่จะทำให้เราจิตใจสงบ ลงทุนได้อย่างมีความสุขครับ
เห็น VS หรือ นักเทคนิค หลายคน ก็ใฝ่ธรรมะนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1260
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 18
การจะเป็น VI หรือ V อะไรก็ตาม ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นกันได้ง่ายๆ ครับ
ถึงเป็น VI 100% ก็ขาดทุนเป็น ใช่ว่าจะไม่มีวันผิดพลาด
"การลงทุนมีความเสี่ยง" ประโยคนี้คลุมทุกนักลงทุนทุกประเภทครับ
จากคอ VSOP ^^
ถึงเป็น VI 100% ก็ขาดทุนเป็น ใช่ว่าจะไม่มีวันผิดพลาด
"การลงทุนมีความเสี่ยง" ประโยคนี้คลุมทุกนักลงทุนทุกประเภทครับ
จากคอ VSOP ^^
- Amorna
- Verified User
- โพสต์: 454
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 19
สำหรับดิฉัน เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้ามีเงินสดเพิ่มขึ้นจะซื้อหุ้นดีๆ ได้มากขึ้น แต่พอคิดไปคิดมา เปล่าเลย ยิ่งจะซื้อยากขึ้น เพราะต้องคิดให้ดีๆ ถ้วนถี่กว่าเดิมอีกค่ะ :lol:harry เขียน:สำหรับผมที่ยากคือ เงินไม่พอซื้อครับ ถ้ามีเงินมาก ผมตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้อีกเยอะ
Price is what you pay, value is what you get.
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 20
หลายๆคนคิดแบบนั้นครับพี่ amorna
แต่ผมคิดว่าตัวเองมีแนวทางชัดเจน และรู้ว่าจะทำอะไร จึงอยากมีเงินมาก จะได้ทำได้ตามแนวทาง
เพราะตอนนี้มีไม่กี่หมื่น จะซื้อที มันไม่ได้ดั่งใจเลย
แต่ผมคิดว่าตัวเองมีแนวทางชัดเจน และรู้ว่าจะทำอะไร จึงอยากมีเงินมาก จะได้ทำได้ตามแนวทาง
เพราะตอนนี้มีไม่กี่หมื่น จะซื้อที มันไม่ได้ดั่งใจเลย
Expecto Patronum!!!!!!
- Golden Stock
- Verified User
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 21
หลักการลงทุนไม่ว่าแบบใด ทุกคนก็สามารถเข้าถึงได้ครับ
ต่างกันตรง Implement
Background ของแต่ละคน เหมาะกับอะไร?
ต่างกันตรง Implement
Background ของแต่ละคน เหมาะกับอะไร?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1139
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 23
ที่คุณ FG บอกว่า ดูเหมือนการลงทุนเป็นเรื่องง่ายสำหรับหลายๆคน มันอาจเป็นเพราะคุณ FG กำลังเห็นผลลัพธ์อยู่ครับ แต่อย่าลืมว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันต้องมีที่มา มันต้องมาจากการเรียนรู้และประสบการณ์ ผมว่ากว่าที่แต่ละคนจะเชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ มันต้องอาศัยการทุ่มเทตลอดช่วงระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควรทีเดียวครับ ผมว่า กระบวนการลงทุนแบบ VI เดี๋ยวนี้ง่ายกว่าแต่ก่อนเสียอีก การหาข้อมูลก็ง่ายขึ้น เวบบอร์ดก็มี หนังสือก็เยอะ มีครูมีเพื่อนไม่โดดเดี่ยว ข้อเสียหลักที่ผมเห็นก็คือ ตลาดมีประสิทธิภาพกว่าแต่ก่อนมาก มีหุ้นหลุดลอดสายตานักลงทุนน้อยลงในระยะเวลาที่สั้นลง ทำให้ต้อง take action ให้รวดเร็วขึ้น เมื่อก่อนโดดเดี่ยวมากครับ จิตใจต้องแกร่ง จะซื้อหุ้นบางครั้งยังต้องบอกชื่อย่อหุ้นกับโบรกเลยครับ เพราะเขาไม่รู้จัก
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 24
อยากบอกเคล็ดไม่ลับอันนึงครับ ที่ทุกคนคงเคยพูดมาแล้วไม่มากไม่น้อย
ข้อแรก: การลงทุนแบบ VI อยู่ที่แนวคิดมากกว่าวิธีการ
เรียกว่าเป็น "สำนึกกระบี่" ประมาณนั้นนะครับ การลงทุนแบบ VI คือการลงทุนที่เน้นแนวคิดที่หาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาของกิจการ ในระยะยาว สามารถอดทนกับความต้องการ "ทำอะไรสักอย่าง" กับพอร์ตและเงินของตัวเอง สามารถอดทนกับเสียงคนรอบข้างที่บอกว่าหุ้นที่เราเล่นไม่เห็นจะดีเลย เพราะผลประกอบการบางปีหรือบางไตรมาสออกมาไม่สวย เชื่อมั่นในความคิดตัวเองและพยายามหาจุดบกพร่องของการวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา
วิธีการ เช่นการกรองหุ้น การประเมินมูลค่ากิจการ เป็นเรื่องรองลงไปครับ
ถ้าเป็นหนังจีนก็ต้องบอกว่าสำนึกกระบี่ต้องมาก่อน กระบวนท่าจะตามมาเอง
ข้อที่สอง: แนวทาง VI เองก็มีหลายรูปแบบ
หลายๆ ท่านเถียงกันไปกันมาว่า VI คืออะไร ผมว่า VI เองก็มีหลายรูปแบบซึ่งผมคงจาระไนยออกมาไม่หมด แต่แยกพอได้คือ
1. แนวของ Philip Fisher ที่เน้นที่กิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน อันนี้ผมยกให้ซือแป๋วิบูลย์เป็นตัวอย่างอันดีครับกับแนวนี้
2. แนวของ Ben Graham ที่เน้นที่มูลค่ากิจการต่ำกว่าราคามากๆ อันนี้ต้องยกให้พี่ฉัตรชัย เจ้าพ่อ free cash flow ครับ
3. แนวที่เน้นหุ้น defensive ผมว่า ทั้งลุงขวด พี่ครรชิต น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการลงทุนในแนวนี้
4. แนวผสมผสาน อันนี้เห็นหลายๆ ท่าน ที่นึกออกก็มี พี่ปรัชญา พี่ CK
หลายๆ แนวทางมีข้อเหมือนอยู่อย่างคือการทำการบ้านก่อนการลงทุนครับ ทุกๆ แนวทางต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อดีข้อเสียของกิจการตามหลักการและแนวทางการเลือกหุ้นของตัวเองครับ
ข้อที่สาม: การประเมินมูลค่ากิจการ....อย่าไปเอาอะไรกับมันมาก
การประเมินมูลค่ากิจการพูดกันแบบขวานผ่าซากคือการเดาผลประกอบการในอนาคต ซึ่ง ไผมันจะไปหู้ละ ขนาดเจ้าของบริษัทเองยังเดาไม่ได้เลยยยย เพราะงั้นผมมองว่าการประเมินมูลค่ากิจการเป็น "เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ" ผลการดำเนินงานของบริษัท ก็แค่นั้น
ส่วนเราจะให้โอกาสบริษัทที่เราลงทุนกี่ไตรมาส ถ้ามันไม่เป็นไปตามที่เราคิดเหรอ สำหรับผม ผมก็คงให้โอกาสเค้าไปเรื่อยๆ ถ้าผมยังหาโอกาสการลงทุนที่ผมเข้าใจได้มากกว่าไม่ได้ครับ
ข้อที่สี่ : กินอิ่ม นอนหลับ ทำงานอื่น อย่าหมกมุ่น
หลายๆ ท่านคิดจะลาออกมาเล่นหุ้นเพื่อให้หุ้นหาเลี้ยงชีพ ผมว่าถ้ายังไม่มีฐานการลงทุนที่ดีก็เสียงนะครับ อันนี้คงมีผู้ที่ทำสำเร็จแล้วซึ่งผมยอมรับว่าท่านเหล่านั้นเก่งมากๆ (เช่นพี่ฉัตรชัย เป็นต้น) แต่ผมว่าจาก 100 คนจะมีคนที่ทำอย่างงั้นได้ซักกี่คนครับ
ผมเลยว่า ถ้ามีงานทำอยู่แล้วก็สละเวลาจากการทำงานมาศึกษาหุ้นบ้างเพื่อเลือกหุ้นที่จะลงทุนให้ถี่ถ้วนแล้วค่อยๆ ลงทุน เก็บยาวๆ จนกระทั่งมีเงินรายได้จากการลงทุนพอกับการใช้ชีวิตประจำวัน จากนั้น คุณก็จะมี financial freedom แล้ว อยากทำอะไรก็เชิญ :lol:
เพราะงั้นการลาออกจากงานประจำ จะสร้างความกดดันให้กับตัวเอง ที่จะต้องสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ให้มากกว่าที่ทำงานอยู่ ซึ่งการสร้างผลตอบแทนเร็วๆ เนี่ยแหละตัวร้ายของการลงทุนแบบ VI เลยละครับ
โอ้โห ไม่เคยร่ายยาวอย่างงี้มาตั้งนานแล้วนะเนี่ย วันนี้วันมาฆะบูชา ขอให้ทุกท่านมีความสงบในจิตใจ และมีความสุขมากๆ ครับ
ข้อแรก: การลงทุนแบบ VI อยู่ที่แนวคิดมากกว่าวิธีการ
เรียกว่าเป็น "สำนึกกระบี่" ประมาณนั้นนะครับ การลงทุนแบบ VI คือการลงทุนที่เน้นแนวคิดที่หาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาของกิจการ ในระยะยาว สามารถอดทนกับความต้องการ "ทำอะไรสักอย่าง" กับพอร์ตและเงินของตัวเอง สามารถอดทนกับเสียงคนรอบข้างที่บอกว่าหุ้นที่เราเล่นไม่เห็นจะดีเลย เพราะผลประกอบการบางปีหรือบางไตรมาสออกมาไม่สวย เชื่อมั่นในความคิดตัวเองและพยายามหาจุดบกพร่องของการวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา
วิธีการ เช่นการกรองหุ้น การประเมินมูลค่ากิจการ เป็นเรื่องรองลงไปครับ
ถ้าเป็นหนังจีนก็ต้องบอกว่าสำนึกกระบี่ต้องมาก่อน กระบวนท่าจะตามมาเอง
ข้อที่สอง: แนวทาง VI เองก็มีหลายรูปแบบ
หลายๆ ท่านเถียงกันไปกันมาว่า VI คืออะไร ผมว่า VI เองก็มีหลายรูปแบบซึ่งผมคงจาระไนยออกมาไม่หมด แต่แยกพอได้คือ
1. แนวของ Philip Fisher ที่เน้นที่กิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน อันนี้ผมยกให้ซือแป๋วิบูลย์เป็นตัวอย่างอันดีครับกับแนวนี้
2. แนวของ Ben Graham ที่เน้นที่มูลค่ากิจการต่ำกว่าราคามากๆ อันนี้ต้องยกให้พี่ฉัตรชัย เจ้าพ่อ free cash flow ครับ
3. แนวที่เน้นหุ้น defensive ผมว่า ทั้งลุงขวด พี่ครรชิต น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการลงทุนในแนวนี้
4. แนวผสมผสาน อันนี้เห็นหลายๆ ท่าน ที่นึกออกก็มี พี่ปรัชญา พี่ CK
หลายๆ แนวทางมีข้อเหมือนอยู่อย่างคือการทำการบ้านก่อนการลงทุนครับ ทุกๆ แนวทางต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อดีข้อเสียของกิจการตามหลักการและแนวทางการเลือกหุ้นของตัวเองครับ
ข้อที่สาม: การประเมินมูลค่ากิจการ....อย่าไปเอาอะไรกับมันมาก
การประเมินมูลค่ากิจการพูดกันแบบขวานผ่าซากคือการเดาผลประกอบการในอนาคต ซึ่ง ไผมันจะไปหู้ละ ขนาดเจ้าของบริษัทเองยังเดาไม่ได้เลยยยย เพราะงั้นผมมองว่าการประเมินมูลค่ากิจการเป็น "เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ" ผลการดำเนินงานของบริษัท ก็แค่นั้น
ส่วนเราจะให้โอกาสบริษัทที่เราลงทุนกี่ไตรมาส ถ้ามันไม่เป็นไปตามที่เราคิดเหรอ สำหรับผม ผมก็คงให้โอกาสเค้าไปเรื่อยๆ ถ้าผมยังหาโอกาสการลงทุนที่ผมเข้าใจได้มากกว่าไม่ได้ครับ
ข้อที่สี่ : กินอิ่ม นอนหลับ ทำงานอื่น อย่าหมกมุ่น
หลายๆ ท่านคิดจะลาออกมาเล่นหุ้นเพื่อให้หุ้นหาเลี้ยงชีพ ผมว่าถ้ายังไม่มีฐานการลงทุนที่ดีก็เสียงนะครับ อันนี้คงมีผู้ที่ทำสำเร็จแล้วซึ่งผมยอมรับว่าท่านเหล่านั้นเก่งมากๆ (เช่นพี่ฉัตรชัย เป็นต้น) แต่ผมว่าจาก 100 คนจะมีคนที่ทำอย่างงั้นได้ซักกี่คนครับ
ผมเลยว่า ถ้ามีงานทำอยู่แล้วก็สละเวลาจากการทำงานมาศึกษาหุ้นบ้างเพื่อเลือกหุ้นที่จะลงทุนให้ถี่ถ้วนแล้วค่อยๆ ลงทุน เก็บยาวๆ จนกระทั่งมีเงินรายได้จากการลงทุนพอกับการใช้ชีวิตประจำวัน จากนั้น คุณก็จะมี financial freedom แล้ว อยากทำอะไรก็เชิญ :lol:
เพราะงั้นการลาออกจากงานประจำ จะสร้างความกดดันให้กับตัวเอง ที่จะต้องสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ให้มากกว่าที่ทำงานอยู่ ซึ่งการสร้างผลตอบแทนเร็วๆ เนี่ยแหละตัวร้ายของการลงทุนแบบ VI เลยละครับ
โอ้โห ไม่เคยร่ายยาวอย่างงี้มาตั้งนานแล้วนะเนี่ย วันนี้วันมาฆะบูชา ขอให้ทุกท่านมีความสงบในจิตใจ และมีความสุขมากๆ ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- มือเก่าหัดขับ
- Verified User
- โพสต์: 1112
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 25
ผมว่าคนที่คิดจะลาออกมา "เล่นหุ้น" อย่างเดียว ไม่ใช่นักลงทุนแนวคุณค่าแน่ๆ
แต่ถ้าลาออกมา "ลงทุนในหุ้นและรับปันผลพร้อมกับเกษียณ" ล่ะก็อาจจะเป็นไปได้
ผมก็อยากเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ ยังทำไม่ได้อ่ะครับ
แต่ถ้าลาออกมา "ลงทุนในหุ้นและรับปันผลพร้อมกับเกษียณ" ล่ะก็อาจจะเป็นไปได้
ผมก็อยากเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ ยังทำไม่ได้อ่ะครับ
คนอื่นเขาสะสมอย่างอื่น เราขอสะสมความดี, ความรู้, ประสบการณ์, เงินทอง, กับหุ้นก็แล้วกัน
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 26
อามิตพุทธ ขอขอบคุณทุกท่าน อย่างแท้จริง
มาฆะ มาฆะบูชา รู้กันว่าวันเพ็ญเดือนสาม คนไทยน้ำใจงาม วันเพ็ญเดือนสามมาทำบุญกัน จาตุรงคสันนิบาต วันประหลาดน่าอัศจรรย์ พระอรหันต์มาชุมนุมกัน ตั้งพันกว่าองค์
เพลงมาฆะบูชา เคยร้องสมัยเรียนโรงเรียนอนุบาลครับ
สุขใจคนละแบบกับวันวาเลนไทน์นะ
แล้วเพื่อนๆ เคย "รัก" หุ้นที่ถือ หรือเปล่าครับ แบบว่าผูกพันกัน ชอบกิจการเป็นเพิเศษ มาอย่างยาวนาน?
เล่าให้ฟังกันหน่อยนะครับ
มาฆะ มาฆะบูชา รู้กันว่าวันเพ็ญเดือนสาม คนไทยน้ำใจงาม วันเพ็ญเดือนสามมาทำบุญกัน จาตุรงคสันนิบาต วันประหลาดน่าอัศจรรย์ พระอรหันต์มาชุมนุมกัน ตั้งพันกว่าองค์
เพลงมาฆะบูชา เคยร้องสมัยเรียนโรงเรียนอนุบาลครับ
สุขใจคนละแบบกับวันวาเลนไทน์นะ
แล้วเพื่อนๆ เคย "รัก" หุ้นที่ถือ หรือเปล่าครับ แบบว่าผูกพันกัน ชอบกิจการเป็นเพิเศษ มาอย่างยาวนาน?
เล่าให้ฟังกันหน่อยนะครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
- wpong
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 27
เพิ่งกลับจากทำบุญมา ก็มาเจอกระทู้นี้ .....
ผมคิดไว้แล้วว่าน้องกั้มพ์ต้องเจอปัญหานี้ ...
ผมมีข้อแนะนำที่แตกต่างครับ ...
1.เล่นเฉพาะเงินของตัวเองครับ และอย่าให้ใครมาประเมินผลงาน มันจะเครียด
2.ขออภัยที่จะบอกว่า ...
ผมยังไม่เคยเห็นกระทู้ใหนที่น้องกัมพ์ วิเคราะห์ บ. แล้วแสดงว่าน้องกัมพ์ มีความสามารถในระดับเดียวกับเพื่อนๆอีกหลายคนครับ
*************** ซื้อหุ้นตัวเดียวกับเขา แต่รู้ไม่เท่าเขาครับ**************
น้องกั้มพ์กล้าซื้อ TR ราคาต่ำกว่า 300 แบบลูกอีสานใหมครับ
ซื้อ RCI เต็มพอร์ท ที่ราคา 26 - 27 บาทใหมครับ เอ่อผมซือหมดตัวเลยครับ แล้วไม่กังวลด้วย
ซื้อ PSL แล้วถือยาวได้ใหมครับ
น้องกัมพ์ ซื้อ WG แล้วอยากได้ Capital Gain
น้องกั้มพ์ คิดว่าตลาดประเมินมูลค่า WG ต่ำไปหรือครับ
น้องกั้มพ์คิดว่าตลาดนิสัยอย่างไรครับ
ถ้าน้องกั้มพ์ไม่ได้เข้าเวปนี้ จะซื้อใหมครับ
ถึง WG จะดี แต่มันก็ไม่มีเหตุผลที่ราคาต้องขึ้นนี่ครับ
3. ต้องแพ้ให้เป็น โง่ให้ได้ครับ
ได้ก็วาง เสียก็วาง
แพ้ก็วาง ชนะก็วาง
โง่ก็วาง ฉลาดก็วาง
ชีวิตมันไม่แน่ครับ หน้าที่เรารดน้ำพรวนดิน เลือกพันธ์ ส่วนต้นไม้มันจะโต ผลจะอร่อย ยังมีอีกหลายเหตุหลายปัจจัย
ถ้ใครว่าผมโง่ ผมเล่นหุ้นไม่เป็น ผมยอมรับครับ แล้วไง โง่แล้วไง ทำไมต้องฉลาดให้ปวดหัว
มีเงินเยอะแล้วไง ผมมีน้อยแต่ก็ไม่ได้ขอใครกินนี่ครับ
4. รู้จักให้บ้างครับ ทำไมต้องกำไรครับ
VI แล้วไง ไม่ VI แล้วไง
ถามจริงเหอะ กำไรน้อยเนี่ยมันขายหน้ามากหรือครับ
ผมหวังดีจริงๆ ไม่อยากให้เอาชีวิตไปผูกติดกับอะไรเกินไป
เล่นหุ้น เล่นเงียบๆ คนเดียว ก็ดีเหมือนกันครับ
ใจยังไม่ดี กระบี่ยังไม่คม ตวัดลมอยู่ที่บ้านคนเดียวไปพลางๆก่อนดีกว่าครับ
หากพูดจาแรงไป ขออภัยด้วยครับ
ผมคิดไว้แล้วว่าน้องกั้มพ์ต้องเจอปัญหานี้ ...
ผมมีข้อแนะนำที่แตกต่างครับ ...
1.เล่นเฉพาะเงินของตัวเองครับ และอย่าให้ใครมาประเมินผลงาน มันจะเครียด
2.ขออภัยที่จะบอกว่า ...
ผมยังไม่เคยเห็นกระทู้ใหนที่น้องกัมพ์ วิเคราะห์ บ. แล้วแสดงว่าน้องกัมพ์ มีความสามารถในระดับเดียวกับเพื่อนๆอีกหลายคนครับ
*************** ซื้อหุ้นตัวเดียวกับเขา แต่รู้ไม่เท่าเขาครับ**************
น้องกั้มพ์กล้าซื้อ TR ราคาต่ำกว่า 300 แบบลูกอีสานใหมครับ
ซื้อ RCI เต็มพอร์ท ที่ราคา 26 - 27 บาทใหมครับ เอ่อผมซือหมดตัวเลยครับ แล้วไม่กังวลด้วย
ซื้อ PSL แล้วถือยาวได้ใหมครับ
น้องกัมพ์ ซื้อ WG แล้วอยากได้ Capital Gain
น้องกั้มพ์ คิดว่าตลาดประเมินมูลค่า WG ต่ำไปหรือครับ
น้องกั้มพ์คิดว่าตลาดนิสัยอย่างไรครับ
ถ้าน้องกั้มพ์ไม่ได้เข้าเวปนี้ จะซื้อใหมครับ
ถึง WG จะดี แต่มันก็ไม่มีเหตุผลที่ราคาต้องขึ้นนี่ครับ
3. ต้องแพ้ให้เป็น โง่ให้ได้ครับ
ได้ก็วาง เสียก็วาง
แพ้ก็วาง ชนะก็วาง
โง่ก็วาง ฉลาดก็วาง
ชีวิตมันไม่แน่ครับ หน้าที่เรารดน้ำพรวนดิน เลือกพันธ์ ส่วนต้นไม้มันจะโต ผลจะอร่อย ยังมีอีกหลายเหตุหลายปัจจัย
ถ้ใครว่าผมโง่ ผมเล่นหุ้นไม่เป็น ผมยอมรับครับ แล้วไง โง่แล้วไง ทำไมต้องฉลาดให้ปวดหัว
มีเงินเยอะแล้วไง ผมมีน้อยแต่ก็ไม่ได้ขอใครกินนี่ครับ
4. รู้จักให้บ้างครับ ทำไมต้องกำไรครับ
VI แล้วไง ไม่ VI แล้วไง
ถามจริงเหอะ กำไรน้อยเนี่ยมันขายหน้ามากหรือครับ
ผมหวังดีจริงๆ ไม่อยากให้เอาชีวิตไปผูกติดกับอะไรเกินไป
เล่นหุ้น เล่นเงียบๆ คนเดียว ก็ดีเหมือนกันครับ
ใจยังไม่ดี กระบี่ยังไม่คม ตวัดลมอยู่ที่บ้านคนเดียวไปพลางๆก่อนดีกว่าครับ
หากพูดจาแรงไป ขออภัยด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 29
2.ขออภัยที่จะบอกว่า ...
ผมยังไม่เคยเห็นกระทู้ใหนที่น้องกัมพ์ วิเคราะห์ บ. แล้วแสดงว่าน้องกัมพ์ มีความสามารถในระดับเดียวกับเพื่อนๆอีกหลายคนครับ
*************** ซื้อหุ้นตัวเดียวกับเขา แต่รู้ไม่เท่าเขาครับ**************
คุณ wpong ผมโกรธคุณมากเลยรู้มั้ย? 555
ผมขอบคุณ คุณมากๆ เลยตะหากครับ เป็นความจริงซะยิ่งกว่าจริง ทำให้ผมตื่นจากภวังค์อย่างทันทีเลยครับ โดนใจผมอย่างแรง
คือ ผมศึกษาแต่หลักการ แต่เรื่องการวิเคราะห์เนี่ย อ่อนด้อยมากๆ จริงๆ ครับ แม่แต่ตวัดลมอยู่ที่บ้านคนเดียว ยังอายนกกาเลยครับ
ผมชื่นชมการวิเคราะห์ของคุณ wpong มากครับ ถึงได้ pm ไปถามสองสามครั้ง ได้รับคำชี้แนะแบบนี้ ผมขอขอบคุณอย่างแท้จริงครับ
ผมจะตั้งใจฝึกฝนต่อไปครับ โดยเฉพาะจิตใจ
ขอให้โชคดีนะครับ คุณ wpong และ เพื่อนๆ ทั้งหลาย สหายทั้งมวล
ผมยังไม่เคยเห็นกระทู้ใหนที่น้องกัมพ์ วิเคราะห์ บ. แล้วแสดงว่าน้องกัมพ์ มีความสามารถในระดับเดียวกับเพื่อนๆอีกหลายคนครับ
*************** ซื้อหุ้นตัวเดียวกับเขา แต่รู้ไม่เท่าเขาครับ**************
คุณ wpong ผมโกรธคุณมากเลยรู้มั้ย? 555
ผมขอบคุณ คุณมากๆ เลยตะหากครับ เป็นความจริงซะยิ่งกว่าจริง ทำให้ผมตื่นจากภวังค์อย่างทันทีเลยครับ โดนใจผมอย่างแรง
คือ ผมศึกษาแต่หลักการ แต่เรื่องการวิเคราะห์เนี่ย อ่อนด้อยมากๆ จริงๆ ครับ แม่แต่ตวัดลมอยู่ที่บ้านคนเดียว ยังอายนกกาเลยครับ
ผมชื่นชมการวิเคราะห์ของคุณ wpong มากครับ ถึงได้ pm ไปถามสองสามครั้ง ได้รับคำชี้แนะแบบนี้ ผมขอขอบคุณอย่างแท้จริงครับ
ผมจะตั้งใจฝึกฝนต่อไปครับ โดยเฉพาะจิตใจ
ขอให้โชคดีนะครับ คุณ wpong และ เพื่อนๆ ทั้งหลาย สหายทั้งมวล
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
รักจะเป็น Value Investor เป้นเรื่องง่ายหรือไม่
โพสต์ที่ 30
ผมมองว่า จำนวนเงิน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนลำบากกับการเป็น VI มากกว่า VS ครับ เพราะว่ายกตัวอย่าง ถ้าคุณมีเงินหลักสิบล้าน เป็น VI ผลตอบแทนมาตรฐานก็อยู่ที่ประมาณ 1,000,000 บาท ขึ้นไป ในสภาพตลาดปกติ ซึ่งคุณสามารถใช้ชีวิตอยู่กับผลตอบแทน ณ เวลานั้นได้ อย่างไม่ลำบากมากมายนัก (ถ้าไม่ฟุ้งเฟ้อ) ขณะเดียวกัน ถ้าคุณเลือก VS จริงอยู่อาจจะได้เงินมากกว่า แต่ความเสี่ยงก็มากกว่าด้วย ในเมื่อเป็น VI ได้ผลตอบแทนที่พอเพียงแล้ว เหตุผลการที่จะเป็น VS ก็ยิ่งน้อยลงไป ....
ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีเงินแค่หลักแสน หรือยกตัวอย่าง เงินทุน 1 ล้าน ก็ได้ ถ้าเป็น VI ผลตอบแทน ก็จะอยู่ที่ประมาณปีละ 1 แสนบาทกว่า ๆ ซึ่งดูจะไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่ต้องมีความรับผิดชอบหลาย ๆ อย่าง ยิ่งอยู่ในเมืองด้วยแล้ว ณ จุดนี้ จะทำให้หลาย ๆ คนเริ่มไม่พอใจกับสภาพ VI และเริ่มหันเข้าสู่การเป็น VS ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะตลาดที่คึกคัก
ผมจึงมองว่า จำนวนเงินที่แหละครับ ที่เป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่มีส่วนอย่างมากในการกำหนดทางเดินของแต่ละคนว่า คน ๆ นั้น จะเลือกเป็น VI หรือ VS ผมก็คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะรักการลงทุนในรูปแบบ VI มากแค่ไหน แต่ถ้าผลตอบแทนได้ไม่มากพอกับเวลาที่เสียไปและการลงทุนด้านแรงกายและเวลาแล้ว รูปแบบ VS ก็จะเริ่ม ๆ ซึมเข้ามาเองครับ
ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีเงินแค่หลักแสน หรือยกตัวอย่าง เงินทุน 1 ล้าน ก็ได้ ถ้าเป็น VI ผลตอบแทน ก็จะอยู่ที่ประมาณปีละ 1 แสนบาทกว่า ๆ ซึ่งดูจะไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่ต้องมีความรับผิดชอบหลาย ๆ อย่าง ยิ่งอยู่ในเมืองด้วยแล้ว ณ จุดนี้ จะทำให้หลาย ๆ คนเริ่มไม่พอใจกับสภาพ VI และเริ่มหันเข้าสู่การเป็น VS ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะตลาดที่คึกคัก
ผมจึงมองว่า จำนวนเงินที่แหละครับ ที่เป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่มีส่วนอย่างมากในการกำหนดทางเดินของแต่ละคนว่า คน ๆ นั้น จะเลือกเป็น VI หรือ VS ผมก็คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะรักการลงทุนในรูปแบบ VI มากแค่ไหน แต่ถ้าผลตอบแทนได้ไม่มากพอกับเวลาที่เสียไปและการลงทุนด้านแรงกายและเวลาแล้ว รูปแบบ VS ก็จะเริ่ม ๆ ซึมเข้ามาเองครับ