บทความ Value Way ฉบับวันที่ 9 กรกฏาคม 2555
โดย วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ลงทุนปีละหมื่นเป็น’เศรษฐีร้อยล้าน’ได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่เข้ามาในตลาดหุ้นทุกคนต่างหวังที่จะ”รวย”ด้วยกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ต้องการรวยเร็ว ยิ่งเร็วยิ่งดี ยิ่งต้องไม่ต้องใช้ความคิดมากหรือศึกษาหาความรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบกันมากขึ้นเท่านั้น นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่จึงมักตกเป็นเหยื่อของนักลงทุนรายใหญ่ที่สร้างราคาหุ้นหรือปล่อยข่าวลือต่างๆเพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนรายย่อยที่อยากรวยเร็วแต่ไม่ชอบค้นคว้าเหล่านั้นตกเป็นเหยื่อของเกมตลาดหุ้น จนทำให้หลายคนถึงกับถอดใจและมีทัศนคติที่ไม่ดีกับตลาดหุ้นคิดว่าเป็นแหล่งพนันบ้าง เป็นแหล่งหลอกลวงเงินบ้างเป็นต้น
แต่สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว การมองตลาดหุ้นเป็นแหล่งลงทุนของเงินที่เก็บสะสมไว้เพื่อวันข้างหน้าจะช่วยให้มีทัศนคติที่ดีต่อตลาดหุ้น หลายคนเคยน้อยใจว่ามีเงินแค่เล็กน้อยคงไม่สามารถลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้ เพราะได้ผลตอบแทนน้อยและใช้เวลานานเกินไป ซึ่งความเป็นจริงการเก็บเงินแค่ปีละ 14,000 บาทและนำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนปีละ 20 เปอร์เซนต์จะสามารถทำเงินในพอร์ตให้เติบโตได้ถึงร้อยล้านบาทได้เลยทีเดียว
สิ่งสำคัญคือการทำผลตอบแทนให้ได้อย่างสม่ำเสมอและระยะเวลาที่นานพอ นักลงทุนที่มุ่งมั่นสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับปีละ 20 เปอร์เซนต์ได้โดยการคัดเลือกหุ้นที่มีผลการดำเนินการที่ดี ผู้บริหารโปร่งใสและราคาหุ้นไม่สูงจนเกินไปนัก มีส่วนต่างความปลอดภัยหรือ Margin of Safety พอสมควร เมื่อบริษัทดำเนินกิจการให้เติบโตขึ้น ราคาหุ้นจะสามารถปรับตัวตามผลประกอบการที่ดีขึ้นในอนาคตได้โดยนักลงทุนไม่ต้องซื้อๆขายๆหุ้นบริษัทที่ดีเหล่านั้นตลอดเวลา รวมถึงการเลือกบริษัทที่สามารถจ่ายปันผลได้ในระดับที่สูงจะช่วยให้ผลตอบแทนในการลงทุนเพิ่มขึ้นได้มากขึ้นอีกทางหนึ่ง
นอกเหนือจากนั้นระยะเวลาในการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้เงินลงทุนเพิ่มขึ้น ยิ่งระยะเวลามากเท่าไหร่ ผลตอบแทนจากการลงทุนจะสูงขึ้นมากเท่านั้น อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ถึงกับบอกว่า”อัตราผลตอบแทนทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก” หลายคนไม่เชื่อว่าการเก็บเงินปีละ 14,000 บาทและนำไปลงทุนจะสามารถทำเงินได้เป็นร้อยล้านบาทได้
เรามาดูยอดเงินสะสมจากการลงทุนปีละ 14,000 บาท โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 20% ทบต้นไปเรื่อยๆในปีต่างๆ
- ปีที่ 5 ยอดเงินสะสม = 100,000 บาท
- ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
- ปีที่ 15 ยอดเงินสะสม = 1,010,000 บาท
- ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
- ปีที่ 25 ยอดเงินสะสม = 6,610,000 บาท
- ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
- ปีที่ 35 ยอดเงินสะสม = 41,280,000 บาท
- ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
จะเห็นว่าการทำเงินหนึ่งล้านบาทในปีหลังๆใช้เวลาน้อยกว่าการหาเงินหนึ่งล้านบาทแรกมาก นักลงทุนต้องเข้าใจว่าการสร้างความร่ำรวยต้องใช้เวลา ดังนั้นภายในเวลาอันสั้นจะไม่เห็นผล ต้องคิดว่านี่เป็นการ “วิ่งมาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่งร้อยเมตร” สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว แต่ทุกวันนี้พวกเราตกอยู่ภายใต้กระแสของ “อาหารจานด่วน” ทุกเรื่องเน้นที่ความรวดเร็วและประสิทธิผล เวลาทานอาหารต้องรับประทานอาหารแบบฟาสต์ฟู้ด ส่งจดหมายต้องใช้บริการด่วนพิเศษ ขับรถต้องขึ้นทางด่วน แม้แต่การศึกษายังใช้วิธีเรียนลัด คนส่วนมากหวังผลทันตาเห็น จึงกลายเป็นรีบร้อนเร่งด่วน ขาดซึ่งความอดทน แม้แต่การลงทุนสร้างฐานะก็ไม่มีข้อยกเว้น
ความเป็นจริงการลงทุนสร้างฐานะนั้นต้องใช้เวลา ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง จะเกิดความร้อนใจ พอร้อนใจมักทำเรื่องเสี่ยงๆ ฉะนั้น แทนที่จะพบกับความสำเร็จ กลับกลายเป็นล้มเหลว ถ้าเป็นกิจกรรมอย่างอื่น อาจเร่งความเร็วได้ แต่การลงทุนสร้างฐานะเร่งเร็วไม่ได้ เพราะ “เวลา” เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการสร้างตัว ยิ่งเร่งเร็วยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งส่วนมากจะ “เลิกล้มกลางคัน” เมื่อเจอกับเงื่อนไขเวลา เกิดความท้อถอย พาลขายหุ้น ขายอสังหาริมทรัพย์ เดินออกจากตลาดหุ้น หารู้ไม่ว่าการขาดความอดทนและความตั้งใจ ยากจะพบกับความสำเร็จได้
จะเห็นว่าถ้านักลงทุนมีระยะเวลาในการลงทุนนานเพียงพอและทำผลตอบแทนได้สม่ำเสมอ เงินเก็บแค่ปีละหมื่นกว่าบาทสามารถทำผลตอบแทนได้เป็นร้อยล้านเลยทีเดียว หลายคนอาจมองว่าระยะเวลา 40 ปีนั้นนานเกินไป อย่าลืมว่าในตัวอย่างนั้นเก็บเงินแค่ปีละหมื่นสี่เท่ากันทุกปีหรือเดือนละ 1,666 บาททุกเดือน ดังนั้นถ้านักลงทุนสามารถเก็บเงินได้เพิ่มขึ้นระหว่างทางหรือทำผลตอบแทนได้มากขึ้นในแต่ละปี การทำเงินร้อยล้านบาทสามารถใช้เวลาที่น้อยลงไปได้มาก ฝันที่จะเป็น”เศรษฐีร้อยล้าน”ในชีวิตนี้ก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริฐ
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์ที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 276
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 2
ผลตอบแทน 20%ทนต้น ระยะ 40 กว่าปี นี่มันสถิติของบัฟเฟตนะครับ
ผมว่ายากเกิน สำหรับคนทั่วไป
ส่วนตัวแล้วผมว่าตั้งเป้าสัก 12-15% ก็พอแล้ว
แต่ว่าขยันทำงาน เก็บออม หาเงินมาลงทุนให้มากกว่าปีละหมื่นสี่
ผมว่ายากเกิน สำหรับคนทั่วไป
ส่วนตัวแล้วผมว่าตั้งเป้าสัก 12-15% ก็พอแล้ว
แต่ว่าขยันทำงาน เก็บออม หาเงินมาลงทุนให้มากกว่าปีละหมื่นสี่
-
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 3
ร้อยล้านในอีก40ปีข้างหน้า มันคงไม่เท่เท่าในปีนี้หรอกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 5
แนะนำว่าไปทำอย่างอื่นให้ได้ล้านแรก
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 6
......
.........ต้องคิดว่านี่เป็นการ “วิ่งมาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่งร้อยเมตร” สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว แต่ทุกวันนี้พวกเราตกอยู่ภายใต้กระแสของ “อาหารจานด่วน” ทุกเรื่องเน้นที่ความรวดเร็วและประสิทธิผล.....
......
ชอบมาก ครับ
.........ต้องคิดว่านี่เป็นการ “วิ่งมาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่งร้อยเมตร” สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว แต่ทุกวันนี้พวกเราตกอยู่ภายใต้กระแสของ “อาหารจานด่วน” ทุกเรื่องเน้นที่ความรวดเร็วและประสิทธิผล.....
......
ชอบมาก ครับ
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 7
ของ อ.Buffett ทำเป็นตาราง ก็ดูง่ายดีนะครับ
Source : Shareholder's letter Buffett Partnership, LTD. ประจำปี 1962
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- JUMP
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 8
ใช่ครับ ผมก็เคยเป็นพนักงานเงินเดือนต่ำหมื่น ผมเห็นด้วยกับพี่วิบูลย์และเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ตั้งใจ มุ่งมั่นเดินทางนี้ Port ผมปัจจุบันไม่ใหญ่ แต่ผมมีความสุขและพอเพียงในสิ่งที่ตนเองมีครับharikung เขียน:พี่เค้าเขียนคงเพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆมากมายอย่าง พนง.ธรรมดาๆคนนึง หรือใครก็ตามที่สนใจลงทุนแต่ติดว่าเงินต้นนั้นมีนิดเดียวมากกว่าน่ะครับ
เป้าหมายผมแค่ 10-15% เฉลี่ยจากหุ้นก็พอใจมากๆแล้ว เก็บและลงทุนให้ดี ให้มาก เข้าไว้ ถึงสิบล้านเมื่อไหร่ก็ได้ตราบที่มีลมหายใจอยู่
สติ รู้ตัว, ปัญญา รู้คิด.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 9
บทความนี้ ผมว่ามีจุดที่สำคัญอยู่ 2 ที่ คือ
1. ด้วยเงินเริ่มต้นจำนวนน้อย ก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ ถ้ามีระยะเวลานานพอ ซึ่งหลายคนคิดว่าเงินลงทุนน้อย เช่น 100,000 บาท ได้ผลตอบแทนปีละ 20% หรือเพียง 20,000 บาทต่อปี ความรู้สึกคือช่างห่างไกลกับเงิน 50 ล้านบาท 100 ล้านบาท ซะเหลือเกิน
2. หลายคนคิดว่า จะสร้างความมั่งคั่งได้ ต้องมีผลตอบแทนแบบเทพๆ กำไรเป็นเท่าๆจึงจะรวยได้
ทั้งสองแนวคิด ทำให้หลายคนที่เริ่มต้นด้วยทุนน้อยๆ มักจัเล่นหุ้นเก็งกำไร ซื้อๆขายๆ มากกว่าคิดจะลงทุนในกิจการที่ดี เมื่อวันเวลาผ่านไป สิ่งที่ได้ก็คือ ความตื่นเต้น ส่วนผลตอบแทนคงจะไม่ค่อยเหลือครับ
1. ด้วยเงินเริ่มต้นจำนวนน้อย ก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ ถ้ามีระยะเวลานานพอ ซึ่งหลายคนคิดว่าเงินลงทุนน้อย เช่น 100,000 บาท ได้ผลตอบแทนปีละ 20% หรือเพียง 20,000 บาทต่อปี ความรู้สึกคือช่างห่างไกลกับเงิน 50 ล้านบาท 100 ล้านบาท ซะเหลือเกิน
2. หลายคนคิดว่า จะสร้างความมั่งคั่งได้ ต้องมีผลตอบแทนแบบเทพๆ กำไรเป็นเท่าๆจึงจะรวยได้
ทั้งสองแนวคิด ทำให้หลายคนที่เริ่มต้นด้วยทุนน้อยๆ มักจัเล่นหุ้นเก็งกำไร ซื้อๆขายๆ มากกว่าคิดจะลงทุนในกิจการที่ดี เมื่อวันเวลาผ่านไป สิ่งที่ได้ก็คือ ความตื่นเต้น ส่วนผลตอบแทนคงจะไม่ค่อยเหลือครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 10
อย่างนี้แนวคิดออมไว้ในหุ้นก็มาเข้าแนวทางนี้เลย
- Suysak
- Verified User
- โพสต์: 691
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 11
จริงๆมันอาจจะสำเร็จเร็วกว่านั้นก็ได้ เพราะบางปีมันจะมีผลตอบแทนมากกว่า 20% อีกอย่างยิ่งพอร์ตเล็ก ผลตอบแทนจะยิ่งสูงในแง่ของ %
ผมว่านี่เป็นแก่นของการลงทุนอย่างมีความสุข คือเลือกกิจการที่ดี ลงทุนเพิ่มเรื่อยๆตราบใดที่เป็นกิจการที่ดี
และเงินนั้นควรเป็นเงินที่เราคิดว่าสูญเสียไปแล้ว
ผมว่าเหมาะกับคนเงินน้อยๆ กินเงินเดือน เป็นบทความที่สร้างแรงบันดาลใจดีครับ ขอบคุณพี่บูลย์มากๆ
ผมว่านี่เป็นแก่นของการลงทุนอย่างมีความสุข คือเลือกกิจการที่ดี ลงทุนเพิ่มเรื่อยๆตราบใดที่เป็นกิจการที่ดี
และเงินนั้นควรเป็นเงินที่เราคิดว่าสูญเสียไปแล้ว
ผมว่าเหมาะกับคนเงินน้อยๆ กินเงินเดือน เป็นบทความที่สร้างแรงบันดาลใจดีครับ ขอบคุณพี่บูลย์มากๆ
โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นหวงรักเจ้าดวงเดือนเอย
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นหวงรักเจ้าดวงเดือนเอย
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 12
และอีกอย่างคือ ถ้าหลักการไม่ถูก ก็หมดตัวเร็วได้ที่ compounded rate เหมือนกัน
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 13
ชอบประโยคนี้ ขอบคุณครับ
”อัตราผลตอบแทนทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก” หลายคนไม่เชื่อว่าการเก็บเงินปีละ 14,000 บาทและนำไปลงทุนจะสามารถทำเงินได้เป็นร้อยล้านบาทได้
เรามาดูยอดเงินสะสมจากการลงทุนปีละ 14,000 บาท โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 20% ทบต้นไปเรื่อยๆในปีต่างๆ
- ปีที่ 5 ยอดเงินสะสม = 100,000 บาท
- ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
- ปีที่ 15 ยอดเงินสะสม = 1,010,000 บาท
- ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
- ปีที่ 25 ยอดเงินสะสม = 6,610,000 บาท
- ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
- ปีที่ 35 ยอดเงินสะสม = 41,280,000 บาท
- ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
จะเห็นว่าการทำเงินหนึ่งล้านบาทในปีหลังๆใช้เวลาน้อยกว่าการหาเงินหนึ่งล้านบาทแรกมาก นักลงทุนต้องเข้าใจว่าการสร้างความร่ำรวยต้องใช้เวลา ดังนั้นภายในเวลาอันสั้นจะไม่เห็นผล ต้องคิดว่านี่เป็นการ “วิ่งมาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่งร้อยเมตร” สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว
”อัตราผลตอบแทนทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก” หลายคนไม่เชื่อว่าการเก็บเงินปีละ 14,000 บาทและนำไปลงทุนจะสามารถทำเงินได้เป็นร้อยล้านบาทได้
เรามาดูยอดเงินสะสมจากการลงทุนปีละ 14,000 บาท โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 20% ทบต้นไปเรื่อยๆในปีต่างๆ
- ปีที่ 5 ยอดเงินสะสม = 100,000 บาท
- ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
- ปีที่ 15 ยอดเงินสะสม = 1,010,000 บาท
- ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
- ปีที่ 25 ยอดเงินสะสม = 6,610,000 บาท
- ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
- ปีที่ 35 ยอดเงินสะสม = 41,280,000 บาท
- ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
จะเห็นว่าการทำเงินหนึ่งล้านบาทในปีหลังๆใช้เวลาน้อยกว่าการหาเงินหนึ่งล้านบาทแรกมาก นักลงทุนต้องเข้าใจว่าการสร้างความร่ำรวยต้องใช้เวลา ดังนั้นภายในเวลาอันสั้นจะไม่เห็นผล ต้องคิดว่านี่เป็นการ “วิ่งมาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่งร้อยเมตร” สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 483
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 14
เริ่มเงินน้อยๆก่อน ผมว่าเหมาะสมดีครับ
แรกๆ จะผิดพลาดบ่อย จะได้เจ็บตัวน้อยๆ
ถ้ารอให้มีเงินถึงล้านค่อยมาเล่น อาจจะเจ๊งได้แล้วก็ท้อไปเลย
ช่วงแรกๆสะสมประสพการณ์+ความรู้ไปก่อน อย่าไปกลัว
ลงทุนในตัวเองมากๆ
เงินจำนวนเท่านี้ เหมาะกับนักเรียนนักศึกษา เก็บเงินวันละ 14000/365=40 บาทมาลงทุน เก็บไม่ไหวก็ขอพ่อเอา
เรียนจบ ทำงาน มีประสพการณ์แล้ว ก็สบายเลย
ผมจะเอาไปสอนลูกผมแบบนี้ละครับ มหัศจรรย์ของการทบต้น
ถ้าลูกทำผลตอบแทนได้ดี เดวพ่อเบิ้ลเงินให้อีกเป็นรางวัล 555+
แรกๆ จะผิดพลาดบ่อย จะได้เจ็บตัวน้อยๆ
ถ้ารอให้มีเงินถึงล้านค่อยมาเล่น อาจจะเจ๊งได้แล้วก็ท้อไปเลย
ช่วงแรกๆสะสมประสพการณ์+ความรู้ไปก่อน อย่าไปกลัว
ลงทุนในตัวเองมากๆ
เงินจำนวนเท่านี้ เหมาะกับนักเรียนนักศึกษา เก็บเงินวันละ 14000/365=40 บาทมาลงทุน เก็บไม่ไหวก็ขอพ่อเอา
เรียนจบ ทำงาน มีประสพการณ์แล้ว ก็สบายเลย
ผมจะเอาไปสอนลูกผมแบบนี้ละครับ มหัศจรรย์ของการทบต้น
ถ้าลูกทำผลตอบแทนได้ดี เดวพ่อเบิ้ลเงินให้อีกเป็นรางวัล 555+
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 15
ปัญหาคือ เอาเรื่องนี้ไปบอกกล่าวเด็กรุ่นใหม่ พวกเขาไม่สนใจเลย สนใจแต่ว่าจะเปลี่ยนมือถือตอนไหนดี
เมื่อไหร่รุ่นใหม่จะออกมาก รถรุ่นนั้นสวยดี ก็ขายคันเก่าไปซื้อใหม่ เงินเดือน 30,000 ผ่อนรถ 15,000 ค่าน้ำมัน 4,000 ค่าบำรุงรักษาเดือนละ 1,000 ค่าโทรศัพท์เดือนละ 500 ค่ากิน 6,000 ค่าโน่นนี้ 3,000 หมด
เมื่อไหร่รุ่นใหม่จะออกมาก รถรุ่นนั้นสวยดี ก็ขายคันเก่าไปซื้อใหม่ เงินเดือน 30,000 ผ่อนรถ 15,000 ค่าน้ำมัน 4,000 ค่าบำรุงรักษาเดือนละ 1,000 ค่าโทรศัพท์เดือนละ 500 ค่ากิน 6,000 ค่าโน่นนี้ 3,000 หมด
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 18
[quote="multipleceilings"]และอีกอย่างคือ ถ้าหลักการไม่ถูก ก็หมดตัวเร็วได้ที่ compounded rate เหมือนกัน[/quote]
ที่จะหมดตัวกับ Compounded Rate มีประเด็นเดียวคือ กู้เงินมาเล่น แล้วขาดทุน แล้วก็กู้มาใช้ที่มันขาดทุนเพิ่มอีก
ทำนองเดียวกับ รูดปี้ดๆ ๆ ๆ ๆ อะไรนั่นแหละครับ
แต่ถ้าเป็นการออม ยังไงก็มีแต่เพิ่ม เพียงแต่จะเพิ่มเท่าไหร่ กี่เปอร์เซนต์ ก็อยู่ที่ใครจะหาของดีเจอ
ที่จะหมดตัวกับ Compounded Rate มีประเด็นเดียวคือ กู้เงินมาเล่น แล้วขาดทุน แล้วก็กู้มาใช้ที่มันขาดทุนเพิ่มอีก
ทำนองเดียวกับ รูดปี้ดๆ ๆ ๆ ๆ อะไรนั่นแหละครับ
แต่ถ้าเป็นการออม ยังไงก็มีแต่เพิ่ม เพียงแต่จะเพิ่มเท่าไหร่ กี่เปอร์เซนต์ ก็อยู่ที่ใครจะหาของดีเจอ
-
- Verified User
- โพสต์: 110
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุนปีละหมื่นเป็น"เศรษฐีร้อยล้าน"ได้/วิบูลย์ พึงประเสริ
โพสต์ที่ 19
ผมว่าจริงอย่างที่พี่ พิบูลย์ ว่าไว้ครับ
แต่ผมอยากจะเสริมอีกนิดหนึ่งครับ พอดีเคยอ่านบทความแก้วสามประการของ ดร.นิเวศน์ท่านบอกว่าความลัพธ์จริง ๆ มีอยู่สามอย่าง คือ 1. เงินลงทุน 2. ระยะเวลา 3. ผลตอบแทนครับ สิ่งที่เราจะเพิ่มได้มีอยู่สองส่วนคือ ข้อที่ 1. เงินทุน กับข้อที่ 2. ผลตอบแทน ส่วนระยะเวลาเราเร่งไม่ได้ครับ ผลตอบแทนก็สามารถเพิ่มได้ตามความรู้ที่เราศึกษามา ยิ่งเรามีความรู้มากเท่าไหร่ ทำการบ้านมากเท่าไหร่ เราก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากเท่านั้น ส่วนเรื่องเงินทุนต้องพยายามเพิ่มเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่ชีวิตไวหนุ่มจะหามาได้ แต่ก็ไม่ควรไปเบียดเบียนการใช้ชีวิตของเรามากนัก เอาให้พอประมาณ ไม่หรูหรามากนัก อันนี้ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคนครับ แล้วอิสระภาพทางการเงินก็จะมาหาเราเร็วขึ้นตามความรู้ความขยัน นั่นเองครับ ของให้เชื่อและศัทธาในวิถีที่เรากำลังทำ เท่านั้นพอครับ
ขอบให้ทุกคนโชคดีครับ
แต่ผมอยากจะเสริมอีกนิดหนึ่งครับ พอดีเคยอ่านบทความแก้วสามประการของ ดร.นิเวศน์ท่านบอกว่าความลัพธ์จริง ๆ มีอยู่สามอย่าง คือ 1. เงินลงทุน 2. ระยะเวลา 3. ผลตอบแทนครับ สิ่งที่เราจะเพิ่มได้มีอยู่สองส่วนคือ ข้อที่ 1. เงินทุน กับข้อที่ 2. ผลตอบแทน ส่วนระยะเวลาเราเร่งไม่ได้ครับ ผลตอบแทนก็สามารถเพิ่มได้ตามความรู้ที่เราศึกษามา ยิ่งเรามีความรู้มากเท่าไหร่ ทำการบ้านมากเท่าไหร่ เราก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากเท่านั้น ส่วนเรื่องเงินทุนต้องพยายามเพิ่มเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่ชีวิตไวหนุ่มจะหามาได้ แต่ก็ไม่ควรไปเบียดเบียนการใช้ชีวิตของเรามากนัก เอาให้พอประมาณ ไม่หรูหรามากนัก อันนี้ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคนครับ แล้วอิสระภาพทางการเงินก็จะมาหาเราเร็วขึ้นตามความรู้ความขยัน นั่นเองครับ ของให้เชื่อและศัทธาในวิถีที่เรากำลังทำ เท่านั้นพอครับ
ขอบให้ทุกคนโชคดีครับ