>>> Temple Boxing School <<<
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 1
8) เป็นตำรา จาก...เฮียคลายเครียด
ที่คัดลอกมาเก็บไว้เป็นทางเลือกในการลงทุน
ก่อนที่วันเวลา จะพัดพาหายไปกับสายลม
เป็นบันทึกชีวิตนักลงทุนกลุ่มหนึ่ง
ก่อนอื่น ต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่า..
มิได้มีเจตนา จะล่วงเกินความคิดผู้อื่น
หรือชี้แนะในทางที่ผิด ทุกบทความเป็นเพียงข้อเขียน
แง่คิด มุมมอง ที่เก็บไว้นี้เพียงไว้อ่านแบบยามว่าง
ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องคล้อยตาม หรือนำไปปฏิบัติ
หากขัดต่อ นโยบายของเวปก็ลบกระทู้ที่ไม่เห็นสมควรทุกกระทู้ได้
ผมยินดีรับกฏกติกาของเวป
ที่คัดลอกมาเก็บไว้เป็นทางเลือกในการลงทุน
ก่อนที่วันเวลา จะพัดพาหายไปกับสายลม
เป็นบันทึกชีวิตนักลงทุนกลุ่มหนึ่ง
ก่อนอื่น ต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่า..
มิได้มีเจตนา จะล่วงเกินความคิดผู้อื่น
หรือชี้แนะในทางที่ผิด ทุกบทความเป็นเพียงข้อเขียน
แง่คิด มุมมอง ที่เก็บไว้นี้เพียงไว้อ่านแบบยามว่าง
ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องคล้อยตาม หรือนำไปปฏิบัติ
หากขัดต่อ นโยบายของเวปก็ลบกระทู้ที่ไม่เห็นสมควรทุกกระทู้ได้
ผมยินดีรับกฏกติกาของเวป
แก้ไขล่าสุดโดย ปรัชญา เมื่อ พุธ มิ.ย. 15, 2005 9:32 am, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 2
Abstract on Stock Timer according to TBS Conceit oop! Concept
ตั้งภาษาปะกิตแบบพี่แอนดรู บิ๊กส์ส่ายหน้า
เผื่อพี่บั๊กสีดาจะหลงเข้ามาอ่าน
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ส่วนภาษาไทยที่คิดจะตั้งกระทู้คือ
บทคัดยืด เรื่องการตั้งนาฬิกาหุ้นตามแนวคิดของสำนักมวยวัด
(Temple Boxing School)
เขียนโดย คลายเครียด
ตั้งภาษาปะกิตแบบพี่แอนดรู บิ๊กส์ส่ายหน้า
เผื่อพี่บั๊กสีดาจะหลงเข้ามาอ่าน
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ส่วนภาษาไทยที่คิดจะตั้งกระทู้คือ
บทคัดยืด เรื่องการตั้งนาฬิกาหุ้นตามแนวคิดของสำนักมวยวัด
(Temple Boxing School)
เขียนโดย คลายเครียด
แก้ไขล่าสุดโดย ปรัชญา เมื่อ อังคาร มิ.ย. 14, 2005 9:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 3
จากผลการวิจัยพื้นกระทู้ข้างต้นได้ความว่า
ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว ที่ตั้งนาฬิกาของตัวเอง
ไว้ช้ากว่าเวลามาตรฐาน
ถ้างั้น ทำไมเวลาเล่นหุ้น
เราจึงไม่สามารถตั้งนาฬิกาหุ้นของเรา
ให้เดินได้เร็ว หรือเดินเท่ากับนาฬิกาหุ้นมาตรฐาน
คำตอบแบบกำปั้นทุบหุ้นอิสเทิร์นไวร์คือ
ไม่เคยมีนาฬิกาหุ้นที่เป็นมาตรฐานในตลาดหุ้น
นาฬิกาหุ้นทุกเรือนในตลาดหุ้น
ตั้งตามมาตรฐานของเจ้ามือ
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง (Temple Boxing School)
ได้ตั้งหลักเกินไว้สองข้อเกี่ยวกับนาฬิกาหุ้นคือ
๑ ราคาหุ้น
สำนักของเราเชื่อว่า
ราคาหุ้นคือผลลัพธ์จากการปรับสมดุล
ระหว่างอำนาจซื้อของเงิน กับอำนาจขายของหุ้น
๒ เจ้ามือ
สำนักเราเชื่อว่า เจ้ามือคือ
บุคคลหรือคณะบุคคล ที่ครอบครอง
เงินที่มีอำนาจซื้อนำจริง
หรือครอบครอง
หุ้นที่มีอำนาจขายนำจริง
ดังนั้นนาฬิกาหุ้นจึงมีเวลามาตรฐานเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
แล้วแต่ว่าเจ้ามือด้านไหนมีแรงปะทะมากกว่า
แต่นาฬิกาหุ้นที่เดินได้มาตรฐานมากที่สุดก็คือ
นาฬิกาหุ้นที่ตั้งโดย
เจ้ามือที่ครอบครองทั้ง
เงินที่มีอำนาจซื้อนำจริง
และ หุ้นที่มีอำนาจขายนำจริง
นอกจากเงื่อนไขข้างต้นแล้ว
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่งเขื่อว่า
ไม่เคยมีนาฬิกาหุ้นเรือนไหนเดินได้ตรงตามมาตรฐาน
แม้แต่นาฬิกาหุ้นของเจ้ามือ
ที่ครอบครองเพียงอำนาจด้านใดด้านเดียวเท่านั้น ฮาๆๆๆ
จากคุณ : endophine - [ 14 มิ.ย. 48 10:06:03 ]
ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว ที่ตั้งนาฬิกาของตัวเอง
ไว้ช้ากว่าเวลามาตรฐาน
ถ้างั้น ทำไมเวลาเล่นหุ้น
เราจึงไม่สามารถตั้งนาฬิกาหุ้นของเรา
ให้เดินได้เร็ว หรือเดินเท่ากับนาฬิกาหุ้นมาตรฐาน
คำตอบแบบกำปั้นทุบหุ้นอิสเทิร์นไวร์คือ
ไม่เคยมีนาฬิกาหุ้นที่เป็นมาตรฐานในตลาดหุ้น
นาฬิกาหุ้นทุกเรือนในตลาดหุ้น
ตั้งตามมาตรฐานของเจ้ามือ
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง (Temple Boxing School)
ได้ตั้งหลักเกินไว้สองข้อเกี่ยวกับนาฬิกาหุ้นคือ
๑ ราคาหุ้น
สำนักของเราเชื่อว่า
ราคาหุ้นคือผลลัพธ์จากการปรับสมดุล
ระหว่างอำนาจซื้อของเงิน กับอำนาจขายของหุ้น
๒ เจ้ามือ
สำนักเราเชื่อว่า เจ้ามือคือ
บุคคลหรือคณะบุคคล ที่ครอบครอง
เงินที่มีอำนาจซื้อนำจริง
หรือครอบครอง
หุ้นที่มีอำนาจขายนำจริง
ดังนั้นนาฬิกาหุ้นจึงมีเวลามาตรฐานเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
แล้วแต่ว่าเจ้ามือด้านไหนมีแรงปะทะมากกว่า
แต่นาฬิกาหุ้นที่เดินได้มาตรฐานมากที่สุดก็คือ
นาฬิกาหุ้นที่ตั้งโดย
เจ้ามือที่ครอบครองทั้ง
เงินที่มีอำนาจซื้อนำจริง
และ หุ้นที่มีอำนาจขายนำจริง
นอกจากเงื่อนไขข้างต้นแล้ว
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่งเขื่อว่า
ไม่เคยมีนาฬิกาหุ้นเรือนไหนเดินได้ตรงตามมาตรฐาน
แม้แต่นาฬิกาหุ้นของเจ้ามือ
ที่ครอบครองเพียงอำนาจด้านใดด้านเดียวเท่านั้น ฮาๆๆๆ
จากคุณ : endophine - [ 14 มิ.ย. 48 10:06:03 ]
แก้ไขล่าสุดโดย ปรัชญา เมื่อ อังคาร มิ.ย. 14, 2005 9:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 4
มีวิธีใดที่เราจะตั้งนาฬิกาหุ้นของเรา
ให้เดินได้เร็วกว่า
หรือเดินได้เที่ยงตรงเท่ากับนาฬิกาหุ้นของเจ้ามือ
คำตอบก็คือ
ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผลแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์
เราต้องกำหนดนาฬิกาหุ้นประจำชีวิตของเราขึ้นมาเอง
ตั้งขึ้นมาเอง แล้วลองใช้วัดดู
ถ้ามันเดินเร็วหรือเดินเท่านาฬิกาหุ้นของเจ้ามือ
"ได้บ่อยๆ"
ก็แสดงว่า เรามีวิธีตั้งเวลานาฬิกาหุ้นที่มีประสิทธิภาพมาก
สามารถแปลงร่างจากแมลงเม่าหุ้นกลายเป็นมนุษย์หุ้นได้แล้ว
จากคุณ : endophine - [ 14 มิ.ย. 48 10:17:19 ]
แก้ไขล่าสุดโดย ปรัชญา เมื่อ อังคาร มิ.ย. 14, 2005 9:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 5
วิธีการตั้งนาฬิกาหุ้นประจำตัว
ให้เดินเร็วกว่า เดินเร็วเท่านาฬิกาหุ้นของเจ้ามือ
ตามหลักเกินของสำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
เชื่อว่า
"คนเรามันเชี่ยวผิดกันเว้ยไอ้ศร
ทางใครก็ทางมันซิวะ"
สำนักของเราจัดให้ท่านเป็นนักลงทุนแนวต่างๆ
ตามวิธีการตั้งเวลานาฬิกาจริงในชีวิตประจำวันดังนี้
๑ นักลงทุนแนว vi (value investor)
ในชีวิตจริงชอบใส่นาฬิกาอนาล็อก
เพื่อดูทั่วทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
มักจะมองราคาหุ้นผ่านแรงกรรม
จากผลประกอบการบริษัทและเศรษฐกิจ
นักลงทุนแนววีไอ
มักจะเป็นนักลงทุนที่ชอบตั้งนาฬิกาหุ้นให้เดินเร็วกว่า
นาฬิกาหุ้นของเจ้ามือ ด้วยการมองไปที่ผลประกอบการในอนาคต
หรือมองผลประกอบการในปัจจุบัน
แล้วเดา เอ๊ยวิเคราะห์อนาคต
บ่อยครั้งที่นักตั้งนาฬิกาหุ้นแนวทางนี้จะเจ๊ง
เพราะว่าแทนที่จะตั้งตามแนวคิดตัวเอง
ดันไปตั้งตามนาฬิกาหุ้นของน้องมะนาว
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า
จากคุณ : endophine - [ 14 มิ.ย. 48 10:28:13 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 6
๒ นักลงทุนแนว vs (Value Speculator)
จำได้ว่า คุณอยากเชือกเป็นคนบัญญัติคำนี้ขึ้นมา
นักลงทุนแนวทางนี้
จะมองราคาหุ้นผ่านผลลัพธ์โดยตรงของแรงปะทะ
ระหว่างอำนาจซื้อของเงินและอำนาจขายของหุ้น
ผ่านวิชาสถิติ ว่าด้วยความน่าจะเป็น
สำนักเราจัดให้นักเล่นหุ้นแนวทางนี้
เป็นคนที่ตั้งนาฬิกาประจำชีวิตไว้ตรงตามเวลามาตรฐาน
และชอบใส่นาฬิกาดิจิตอล ที่ให้ความสำคัญเฉพาะปัจจุบัน
เวลาเล่นหุ้นก็จะเป็น
นักเล่นหุ้นที่ตั้งนาฬิกาหุ้นตรงตามนาฬิกาหุ้นของเจ้ามือ
นักเล่นหุ้นแนววีเอส
จะไวต่อการเปลี่ยนแปลงนาฬิกาหุ้นของเจ้ามือมากๆ
คนที่จับการเปลี่ยนแปลงของนาฬิกาหุ้นเจ้ามือได้แล้ว
เท่าที่ผมเล่นพวก เอ๊ยจำได้ก็คือ
พระอาจารย์เผ่น วัดพันลี้
พี่เสี่ยกาเบรียล
พี่แอนดี
พี่เด่นศรี
นักเล่นหุ้นแนวทางนี้มักจะเจ๊งก็เพราะว่า
ตั้งตรงตามเวลาก็จริง
แต่นาฬิกาตัวเองมันเจ๊งไปตั้งนานแล้ว
ไม่ยอมเปลี่ยนซะที
ดันทุรังใช้แต่เรือนเดิมอยู่ได้
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
จากคุณ : endophine - [ 14 มิ.ย. 48 10:41:58 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 7
๓ นักลงทุนแนว vsop
(Value Surfing by Openminded Pragmatic)
พวกนี้จะไม่แก่ตำรา เหมือนพวก dogmatic
ในชีวิตจริง นักลงทุนแนวทางนี้
มักจะตั้งเวลาแบบผสมผสานคือ
เร็วก็ได้ ตรงเวลาก็ดี
และเลือกใส่ได้ทั้งนาฬิกาอนาล็อกและดิจิตอล
พวกวีเอสโอพีจะไม่เคยตั้งเวลานาฬิกา
ช้าแม้แต่ครั้งเดียว
โดยเฉพาะเวลาที่มีนัดกับกิ๊ก ฮาๆๆๆ
หลักเกินที่สำคัญของสำนักนี้คือ
แมว จะดำจะขาวไม่สำคัญ
สำคัญที่ว่า น้องแมวเธอสวย หมวยและอึ๋มหรือเปล่า ฮาๆๆๆ
ดังนั้นหลักการอะไรที่เห็นว่าใช้แล้วได้ผลบ่อยๆ
พี่แกเอาหมดทุกอย่าง แม้แต่โยนหัวโยนก้อยก็เอา ฮาๆๆ
ตัวแทนของสำนักวีเอสโอพีที่เห็นเด่นชัดในตอนนี้คือ
คุณ.......
ผู้พันซิกกี้
พี่เสี่ยคัดท้าย
ผู้กองเตวี่
พี่เสียฟิชชี่ ???
ฯลฯ
สรุปแล้ว ไม่ว่าท่านจะเป็นนักเล่นหุ้นแนวทางไหน
ตั้งเวลาให้ดีแค่ไหน ได้มาตรฐานตามเจ้ามือเพียงไร
ลงท้าย ก็เจ๊งได้ทั้งนั้นแหละ
นึกว่า ตั้งเร็วกับตั้งตรงกับเวลามาตรฐานของเจ้ามือแล้ว
ที่ไหนได้
เจ้ามือท่านเล่นตั้งเวลาตามมาตรฐานของ
ฮ่องกงและญี่ปุ่น
จากคุณ : endophine - [ 14 มิ.ย. 48 10:57:15 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 8
ภาพประกอบในกระทู้
ตัวเลขชุดที่สอง
ผมตัดแปะตัวเลขผิดครับ
hahahahahaha
ที่ถูกต้องคือภาพนี้ครับ
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่งถือว่า
ราคาหุ้นคือ
ผลลัพธ์จากการปรับสมดุล
ระหว่างแรงปะทะของอำนาจซื้อของเงิน และ อำนาจขายของหุ้นครับ
ซึ่งจะต้องลงตัวที่ 1 เสมอๆ
จากคุณ : endophine - [ 14 มิ.ย. 48 14:00:01 ]
แก้ไขล่าสุดโดย ปรัชญา เมื่อ อังคาร มิ.ย. 14, 2005 9:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 9
รวบรวมมาครับ
คุณตั้งนาฬิกาไว้ตามเวลามาตรฐานหรือไม่.......
เอาเป็นว่า ถ้าเทียบกับเวลามาตรฐาน
เคารพธงชาติของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
คุณตั้งนาฬิกาไว้อย่างไร
๑ ช้ากว่าเวลามาตรฐาน
ค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่มีใครตั้งช้ากว่าแน่นอน
๒ เท่ากับเวลามาตรฐาน
๓. เร็วกว่าเวลามาตรฐาน
คิดว่า มีคนเป็นจำนวนมาก
ตั้งเวลานาฬิกาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ไว้เร็วกว่าเวลามาตรฐาน เพื่อบริหารความเสี่ยงเรื่องเวลา
ของผมมักจะตั้งให้เร็วกว่าเวลามาตรฐาน
ประมาณ สิบนาที
อยากอ่านความเห็นของท่านอื่นๆๆ ครับ
นาฬิกาในภาพหยุดเดินมาสิบปีได้แล้ว
จำไม่ได้แล้วว่า มันหยุดเดินตอนกลางวันหรือกลางคืน
ตอนนั้น พ่อจะตั้งไว้เร็วกว่าเวลามาตรฐานถึง สิบห้านาที
จากคุณ : endophine - [ 10 มิ.ย. 48 09:16:40 ]
คุณตั้งนาฬิกาไว้ตามเวลามาตรฐานหรือไม่.......
เอาเป็นว่า ถ้าเทียบกับเวลามาตรฐาน
เคารพธงชาติของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
คุณตั้งนาฬิกาไว้อย่างไร
๑ ช้ากว่าเวลามาตรฐาน
ค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่มีใครตั้งช้ากว่าแน่นอน
๒ เท่ากับเวลามาตรฐาน
๓. เร็วกว่าเวลามาตรฐาน
คิดว่า มีคนเป็นจำนวนมาก
ตั้งเวลานาฬิกาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ไว้เร็วกว่าเวลามาตรฐาน เพื่อบริหารความเสี่ยงเรื่องเวลา
ของผมมักจะตั้งให้เร็วกว่าเวลามาตรฐาน
ประมาณ สิบนาที
อยากอ่านความเห็นของท่านอื่นๆๆ ครับ
นาฬิกาในภาพหยุดเดินมาสิบปีได้แล้ว
จำไม่ได้แล้วว่า มันหยุดเดินตอนกลางวันหรือกลางคืน
ตอนนั้น พ่อจะตั้งไว้เร็วกว่าเวลามาตรฐานถึง สิบห้านาที
จากคุณ : endophine - [ 10 มิ.ย. 48 09:16:40 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 10
อีกบทความหนึ่งซึ่งเป็นท่านอาวุโส
ที่คลุกคลีกับวงการหุ้นและได้อ่านหลายข้อคิด
ตั้งแต่เริ่มมีเวปบอร์ด คุยกันเรื่องนาฬิกา
แต่ ยังมีทาง มีโอกาส ไม่ใช่ทุกเวลาเป็นของเจ้ามือ เพราะ
โอกาสยังเป็นของพวกเรา เมื่อ .....เจ้ามือ ....ป่วย...ทั้งคณะ
55 55 55
และเวลามาตรฐานอาจเดินช้ากว่าเวลาของหุ้น เมื่อเกิดเหตุวิกฤต หรือ หลังถอดป้ายออกจากหุ้น 55 55 55
มิติของเวลา มิติของเวลา เริ่มมีคนสนใจแล้ว ผมเคยมาโพสเมื่อหลายปีก่อนโน้น (ตอนนั้นไม่มีคนสน) มันสำคัญมากๆ มันเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งจำนวนปริมาณเงินในกระเป๋า บางครั้งเข้าไปในกระแสเลือด(ให้เดินทางช้าและเร็วได้เมื่อหัวใจบีบเร็วเพราะเวลากระตุ้นสั้นลง) มันเข้าไปในสมองเพราะเวลาตัดสินใจน้อยไปหรือนานไป ทำให้เกิดการตอบสนอง ซื้อ - ขาย เร็วไปหรือช้าไป เลยกำไร หรือขาดทุนได้ ฯลฯ มิติเวลาแท้ๆ 55 55 55
ขอให้โชคดี
จากคุณ : อยากเชือก
ที่คลุกคลีกับวงการหุ้นและได้อ่านหลายข้อคิด
ตั้งแต่เริ่มมีเวปบอร์ด คุยกันเรื่องนาฬิกา
แต่ ยังมีทาง มีโอกาส ไม่ใช่ทุกเวลาเป็นของเจ้ามือ เพราะ
โอกาสยังเป็นของพวกเรา เมื่อ .....เจ้ามือ ....ป่วย...ทั้งคณะ
55 55 55
และเวลามาตรฐานอาจเดินช้ากว่าเวลาของหุ้น เมื่อเกิดเหตุวิกฤต หรือ หลังถอดป้ายออกจากหุ้น 55 55 55
มิติของเวลา มิติของเวลา เริ่มมีคนสนใจแล้ว ผมเคยมาโพสเมื่อหลายปีก่อนโน้น (ตอนนั้นไม่มีคนสน) มันสำคัญมากๆ มันเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งจำนวนปริมาณเงินในกระเป๋า บางครั้งเข้าไปในกระแสเลือด(ให้เดินทางช้าและเร็วได้เมื่อหัวใจบีบเร็วเพราะเวลากระตุ้นสั้นลง) มันเข้าไปในสมองเพราะเวลาตัดสินใจน้อยไปหรือนานไป ทำให้เกิดการตอบสนอง ซื้อ - ขาย เร็วไปหรือช้าไป เลยกำไร หรือขาดทุนได้ ฯลฯ มิติเวลาแท้ๆ 55 55 55
ขอให้โชคดี
จากคุณ : อยากเชือก
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 11
8) ขอนำเสนอ ข้อเขียนของ...เฮียคลายเครียดต่อครับ
ในความเห็นของท่าน คิดว่า"ราคาหุ้น"คืออะไร
สำหรับ สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
ราคาหุ้นคือ
ผลลัพธ์หรือสมดุลที่เกิดจาก
แรงปะทะระหว่าง
อำนาจซื้อของเงิน
และ
อำนาจขายของหุ้น
จากคุณ : endophine - [ 16 มิ.ย. 48 08:35:47 ]
ในความเห็นของท่าน คิดว่า"ราคาหุ้น"คืออะไร
สำหรับ สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
ราคาหุ้นคือ
ผลลัพธ์หรือสมดุลที่เกิดจาก
แรงปะทะระหว่าง
อำนาจซื้อของเงิน
และ
อำนาจขายของหุ้น
จากคุณ : endophine - [ 16 มิ.ย. 48 08:35:47 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 12
ราคาหุ้นคือตัวปรับสมดุลของอำนาจทั้งสองฝ่ายให้เข้าที่
ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น
จะลดอำนาจซื้อของเงิน
และเพิ่มอำนาจขายของหุ้น
ราคาหุ้นที่ลดลง
จะเพิ่มอำนาจซื้อของเงิน
และลดอำนาจขายของหุ้น
และตัวชี้ขาดราคาหุ้นที่แท้จริงก็คือ
ปริมาณเงินที่จะเข้าไปหมุนเวียนอยู่ในหุ้นตัวนั้นๆ
ส่วนปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนมีอำนาจจำกัดแค่
จำนวนหุ้นจดทะเบียนของบริษัทเท่านั้น
ขอมั่ว เอ๊ยโพสแค่นี้ก่อน
มีคนมายืนท้าวสะเอวรอแล้ว ฮาๆๆๆ
จากคุณ : endophine - [ 16 มิ.ย. 48 08:41:33 ]
ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น
จะลดอำนาจซื้อของเงิน
และเพิ่มอำนาจขายของหุ้น
ราคาหุ้นที่ลดลง
จะเพิ่มอำนาจซื้อของเงิน
และลดอำนาจขายของหุ้น
และตัวชี้ขาดราคาหุ้นที่แท้จริงก็คือ
ปริมาณเงินที่จะเข้าไปหมุนเวียนอยู่ในหุ้นตัวนั้นๆ
ส่วนปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนมีอำนาจจำกัดแค่
จำนวนหุ้นจดทะเบียนของบริษัทเท่านั้น
ขอมั่ว เอ๊ยโพสแค่นี้ก่อน
มีคนมายืนท้าวสะเอวรอแล้ว ฮาๆๆๆ
จากคุณ : endophine - [ 16 มิ.ย. 48 08:41:33 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 13
ตัดมาแปะ
จาก....ข้อเขียน ของ เฮียคลายเครียด
แมลงเม่าหุ้น มนุษย์หุ้น เซียนหุ้น ในทัศนะของสำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่งแบ่งคนเล่นหุ้น
แบบไม่เป็นทางการออกเป็น ๓ สปีชี่คือ
๑ แมลงเม่าหุ้น ๒ มนุษย์หุ้น ๓ เซียนหุ้น
ใครจะฉีกไปเป็นซับสปีชี่ไหน ก็ลองต่อยอดกันเอาเอง ฮาๆๆๆ
ถ้าตีความนักเล่นหุ้นสปีชี่ต่างๆ
ไปตามความโลภ และความรู้
จะได้หลักเกินดังนี้
๑ แมลงเม่าหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้ไม่ค่อยและไม่ยอม
จำกัดโลภให้สมดุลกับความรู้ที่ไม่ค่อยมี
แต่มักจะเข้าข้างตัวเองว่า
"มี....... หรือถึงไม่มี ก็เล่นหุ้นได้"
เพราะหุ้นเป็นการพนัน
ความจริงก็คือ ต่อให้หุ้นเป็นการพนัน
และตลาดหลักทรัพย์เป็นบ่อนถูกกฏหมาย
ไพ่ที่บ่อนนี้เอามาเล่นกัน
ก็มักจะแพ้ชนะกันด้วยการวัดใจ
ไม่ใช่วัดดวง
ลองนึกดูดีๆ
" ถ้าบ่อนนี้ไม่มีการโกง" (ซึ่งมันไม่จริง ฮาๆๆ)
แทงกอง ต่างจากเก้าเก โป๊กเกอร์อย่างไร?
ที่ต่างกันเห็นๆก็คือ
แทงกองไม่สามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะ
ด้วยพลังใจและพลังเงิน
แต่เก้าเกกับโป๊กเกอร์สามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะ
ด้วยการวัดพลังใจและพลังเงิน
ดังนั้น ต่อให้เราฟลุ๊กได้ไพ่สูงสุดของเก้าเก หรือโป๊กเกอร์
ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะรวยได้ในพริบตาจากไพ่ฟลุ๊กชุดนั้น
เพราะถึงไพ่ดีที่สุดอยู่ในมือเรา
แต่คู่ต่อสู้ดันอ่านใจออก จากสีหน้าหรือการเก
เขาก็หมอบ รอเล่นตาใหม่ต่อไป ฮาๆๆๆๆ
ความคิดแบบที่ว่า หุ้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้
ไม่จำเป็นต้องมีวิธีการเล่นหรือที่เขาเรียกว่าเทรดโมเดล?
จะแพร่กระจายอย่างแพร่หลาย
ในตลาดหุ้นที่เริ่มเป็นขาขึ้นแบบยาวๆ
และรายย่อยแบบแมลงเม่าหุ้น
จะพาเชื่อกันความคิดนี้มากที่สุด
"ในช่วงตลาดหุ้นฯขึ้นถึงจุดสูงสุดพอดี"
ผลจากการไม่ยอมจำกัดปริมาณความโลภ
ให้สมดุลกับปริมาณความรู้
แมลงเม่าหุ้นจึงมักจะเป็น
"เซียนหุ้นในตลาดขาขึ้น"
ประเภทแทงตัวไหน ก็ถูกทุกตัว
เพราะว่าในตลาดหุ้นขาขึ้น
เงินหมุนเวียนที่ถูกใส่เข้าไปในตลาดหุ้น
ทั้งจากต่างชาติ กองทุน และรายย่อย
จะเป็นตัวชี้ขาดราคาหุ้นทุกตัวที่มีสภาพคล่องคอ
โดยไม่จำเป็นต้องพูดถึงปัจจับพื้นฐานแม้แต่นิดเดียว
ความจริงที่เซียนหุ้นและมนุษย์หุ้นรู้
แต่แมลงเม่าหุ้นไม่ค่อยอยากรับรู้ก็คือ
หุ้นทุกตัวในตลาดฯ
สามารถขึ้นได้อย่างไร้เหตุผลด้วยประการทั้งปวง
ถ้าปริมาณเงินมากๆถูกอัดเข้าไปในหุ้นตัวนั้น
๒ มนุษย์หุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้ จะต้องพยายาม
จำกัดปริมาณความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่มีอยู่จริงๆให้ได้
มนุษย์หุ้นก็จะเริ่มจำจัดปริมาณความโลภอย่างระมัดระวัง
เมื่อคิดว่าหุ้นขึ้นอย่างไร้เหตุผลในสามัญสำนึกของตัวเอง
และเริ่มปลดล็อกปริมาณความโลภเข้าตลาดหุ้นฯ
เมื่อคิดว่าหุ้นลงอย่างไร้เหตุผล
ของผมมีวิธีจำกัดปริมาณความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่มีอยู่
ด้วยการทำคลายเครียดเรโช
ที่สำคัญที่สุดคือ คลายเครียดเรโชระดับมหภาค
มันสำคัญกว่าระดับจุลภาคอีก
เพราะมันทำให้ผมสามารถอยู่ในตลาด
ในฐานะมนุษย์หุ้นได้ไปจนตายแน่ๆ
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 26480.html
มนุษย์หุ้นจะต้องรู้ตัวเองให้ได้ว่า
มีความสามารถเพียงแค่ไหน
แล้วก็เล่นเท่าที่ความสามารถมีอยู่จริงๆ
ไม่ทึกทักเอาว่า ไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไร
ก็สามารถเล่นหุ้นให้ได้เงิน
ซึ่งในตลาดขาขึ้นแบบสมบูรณ์แบบ มันเป็นเช่นนี้นจริงๆ
ถ้าใครอ่านที่ผมโพสมาเรื่อยๆ
จะรู้ดีว่า ผมมีความรู้เรื่องหุ้นน้อยมากๆ
โดยเฉพาะความรู้เรื่องหุ้นแบบเป็นวิชาการ
ไม่ว่าปัจจัยเท็คนิคหรือว่าปัจจัยพื้นฐาน
ใครถามหุ้นที่ผมไม่ได้ถืออยู่
หรือต่อให้เป็นหุ้นที่ผมถืออยู่
ถ้าทำคลายเครียดเรโชไปแล้ว
ผมก็ยังรู้น้อยอีกเช่นกัน
ยิ่งใครมาถามหุ้นที่ผมไม่เคยเล่น
ผมมักจะตอบไม่ได้เลย
เพราะไม่ได้มีความรู้อย่างแท้จริงในหุ้นตัวนั้น ฮาๆๆๆ
๓ เซียนหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
"ไม่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณความโลภ"
คนที่รู้ซึ้งตลาดฯอย่างทะลุปรุโปร่ง
และฝึกปรือพลังจิตจนรับได้กับทุกสภาพของตลาด
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนๆ
คนนั่นแหละคือเซียนหุ้นตัวจริงเสียงจริง
ผมเชื่อมั่นที่สุดว่า
ไม่มีเซียนหุ้นตัวจริงเสียงจริงแม้แต่คนเดียว
ที่คิดว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อนการพนัน
"ที่แพ้ชนะกันด้วยการเล่นไพ่กันแบบวัดดวง"
ทีนี้ ถ้าแบ่งสปีชี่นักเล่นหุ้น
ไปตามเครื่องมือที่ใช้เล่นหุ้น
และวัดผลลัพธ์ของเครื่องมือที่ใช้
จะได้ดังนี้
๑ แมลงเม่าหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
ใน ๑๐ คน จะมีเครื่องมือมาตรฐาน
ในการเล่นหุ้น ไม่ถึง ๒ คน
และอีก ๘ คนที่เหลือจะใช้เครื่องมือ
แบบไม่มีมาตรฐาน และง่ายที่สุดคือ
เล่นตามมาร์เก็ตติ้ง ตามเพื่อน
เล่นตามนักวิเคราะห์ตามสื่อแบบไม่มีการคิดเอาเอง
เล่นตามข่าววงในตามห้องค้า มือถือ และเวปบอร์ดหุ้น
และลักษณะเด่นของแมลงเม่าหุ้น
มักจะชอบเล่น "เล่นหุ้นแบบเสี่ยงดวง"
สำหรับแมลงเม่าหุ้นอีก ๒ คน
พร้อมจะอัพเกรดขึ้นไปเป็นมนุษย์หุ้นได้สบายมาก
เพราะมีเครื่องมือมาตรฐานอยู่แล้ว
เพียงแต่ไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องมือนั้น
ทั้งๆที่มันผิดพลาดซ้ำซาก
นักลงทุนในสปีชี่แมลงเม่าหุ้น
ไม่ว่าจะมีเครื่องมือมาตรฐานหรือไม่ก็ตาม
ลงทุน ๑๐ ครั้ง
จะได้ ๑ - ๔ ครั้ง เสีย ๙ - ๖ ครั้ง
ถ้าเสียทั้ง ๑๐ ครั้ง ไปขายเต้าฮวยดีกว่า
๒ มนุษย์หุ้น
มนุษย์หุ้นทุกคนจะต้องมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง
เป็นเครื่องมือแบบง่ายๆ
เป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายทั่วไป
แม้แต่ข่าววงใน มนุษย์หุ้นก็จะเอามาเล่นแบบรู้เท่าทันว่า
ตลาดหุ้นไม่ใช่องค์การกุศล จะได้มีคนเอาเงินมาแจก
มนุษย์หุ้นจะใช้ข่าววงใน
"เป็นเครื่องมือในการเล่นหุ้น"
ในขณะที่ แมลงเม่าหุ้น
"จะตกเป็นเครื่องมือของข่าววงใน จนโดนหุ้นเล่น"
มนุษย์หุ้นจะยอมประเมินตัวเองว่า
เครื่องมือที่ใช้อยู่ ยังได้ผลหรือไม่
ถ้าเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้มานานๆแล้ว
ยังได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
และไม่สามารถต่อยอดหาเครื่องมือแบบใหม่ๆได้
ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเดิมไปเรื่อยๆ
"เพราะมันยังทำให้ได้ มากกว่าเสีย"
มนุษย์หุ้นจะไม่ข้ามเส้นไปเล่นหุ้นในแนวทางที่ตัวเองไม่ถนัด
โดยไม่มีเครื่องมือใหม่ๆมาเพิ่มเติมเครื่องมือเดิม
สำหรับตัวผมเอง
เครื่องมือที่ผมใช้เล่นหุ้น
จะอ้างอิงกับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ
ตอนนี้ต่อยอดเพิ่มด้วยหลักสมเกินตามภาพประกอบ
ผลลัพธ์ของการเล่นหุ้นของมนุษย์หุ้น
เล่นหุ้น ๑๐ ครั้ง
จะได้ ๕ - ๗ ครั้ง
เสีย ๕ - ๓ ครั้ง
ระดับสูงสุดของนักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
ผมให้ได้แค่ได้ ๗ ใน ๑๐ ครั้ง
ถ้าเกินกว่านั้นถือว่าเป็นเซียนหุ้น
เอ๊ะ งั้นผมก็จัดอยู่ในสปีชี่มนุษย์หุ้น ฮาๆๆๆๆ
๓ เซียนหุ้น
เซียนหุ้นต้องมือเครื่องมือประจำตัว
ที่ไม่ยอมบอกให้ใครรู้ตามสื่อมวลชน
ไอ้ที่บอกให้รู้ ก็บอกแบบคูณสิบหารด้วยร้อย ฮาๆๆๆ
ผลลัพธ์จากการใช้เครื่องมือของเซียนหุ้น
เล่นหุ้น ๑๐ ครั้ง
ได้ ๘ - ๙ ครั้ง
เสีย ๒ - ๑ ครั้ง
ถ้าลงทุน ๑๐ ครั้งได้ทั้ง ๑๐ ครั้ง
ผมว่าอย่าอยู่เป็นเซียนหุ้นเลย
ไปเล่นหวยรุ่งกว่าเยอะ ฮาๆๆๆๆๆ
จากคุณ : endophine - [ 27 มิ.ย. 48 08:34:56 ]
จาก....ข้อเขียน ของ เฮียคลายเครียด
แมลงเม่าหุ้น มนุษย์หุ้น เซียนหุ้น ในทัศนะของสำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่งแบ่งคนเล่นหุ้น
แบบไม่เป็นทางการออกเป็น ๓ สปีชี่คือ
๑ แมลงเม่าหุ้น ๒ มนุษย์หุ้น ๓ เซียนหุ้น
ใครจะฉีกไปเป็นซับสปีชี่ไหน ก็ลองต่อยอดกันเอาเอง ฮาๆๆๆ
ถ้าตีความนักเล่นหุ้นสปีชี่ต่างๆ
ไปตามความโลภ และความรู้
จะได้หลักเกินดังนี้
๑ แมลงเม่าหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้ไม่ค่อยและไม่ยอม
จำกัดโลภให้สมดุลกับความรู้ที่ไม่ค่อยมี
แต่มักจะเข้าข้างตัวเองว่า
"มี....... หรือถึงไม่มี ก็เล่นหุ้นได้"
เพราะหุ้นเป็นการพนัน
ความจริงก็คือ ต่อให้หุ้นเป็นการพนัน
และตลาดหลักทรัพย์เป็นบ่อนถูกกฏหมาย
ไพ่ที่บ่อนนี้เอามาเล่นกัน
ก็มักจะแพ้ชนะกันด้วยการวัดใจ
ไม่ใช่วัดดวง
ลองนึกดูดีๆ
" ถ้าบ่อนนี้ไม่มีการโกง" (ซึ่งมันไม่จริง ฮาๆๆ)
แทงกอง ต่างจากเก้าเก โป๊กเกอร์อย่างไร?
ที่ต่างกันเห็นๆก็คือ
แทงกองไม่สามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะ
ด้วยพลังใจและพลังเงิน
แต่เก้าเกกับโป๊กเกอร์สามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะ
ด้วยการวัดพลังใจและพลังเงิน
ดังนั้น ต่อให้เราฟลุ๊กได้ไพ่สูงสุดของเก้าเก หรือโป๊กเกอร์
ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะรวยได้ในพริบตาจากไพ่ฟลุ๊กชุดนั้น
เพราะถึงไพ่ดีที่สุดอยู่ในมือเรา
แต่คู่ต่อสู้ดันอ่านใจออก จากสีหน้าหรือการเก
เขาก็หมอบ รอเล่นตาใหม่ต่อไป ฮาๆๆๆๆ
ความคิดแบบที่ว่า หุ้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้
ไม่จำเป็นต้องมีวิธีการเล่นหรือที่เขาเรียกว่าเทรดโมเดล?
จะแพร่กระจายอย่างแพร่หลาย
ในตลาดหุ้นที่เริ่มเป็นขาขึ้นแบบยาวๆ
และรายย่อยแบบแมลงเม่าหุ้น
จะพาเชื่อกันความคิดนี้มากที่สุด
"ในช่วงตลาดหุ้นฯขึ้นถึงจุดสูงสุดพอดี"
ผลจากการไม่ยอมจำกัดปริมาณความโลภ
ให้สมดุลกับปริมาณความรู้
แมลงเม่าหุ้นจึงมักจะเป็น
"เซียนหุ้นในตลาดขาขึ้น"
ประเภทแทงตัวไหน ก็ถูกทุกตัว
เพราะว่าในตลาดหุ้นขาขึ้น
เงินหมุนเวียนที่ถูกใส่เข้าไปในตลาดหุ้น
ทั้งจากต่างชาติ กองทุน และรายย่อย
จะเป็นตัวชี้ขาดราคาหุ้นทุกตัวที่มีสภาพคล่องคอ
โดยไม่จำเป็นต้องพูดถึงปัจจับพื้นฐานแม้แต่นิดเดียว
ความจริงที่เซียนหุ้นและมนุษย์หุ้นรู้
แต่แมลงเม่าหุ้นไม่ค่อยอยากรับรู้ก็คือ
หุ้นทุกตัวในตลาดฯ
สามารถขึ้นได้อย่างไร้เหตุผลด้วยประการทั้งปวง
ถ้าปริมาณเงินมากๆถูกอัดเข้าไปในหุ้นตัวนั้น
๒ มนุษย์หุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้ จะต้องพยายาม
จำกัดปริมาณความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่มีอยู่จริงๆให้ได้
มนุษย์หุ้นก็จะเริ่มจำจัดปริมาณความโลภอย่างระมัดระวัง
เมื่อคิดว่าหุ้นขึ้นอย่างไร้เหตุผลในสามัญสำนึกของตัวเอง
และเริ่มปลดล็อกปริมาณความโลภเข้าตลาดหุ้นฯ
เมื่อคิดว่าหุ้นลงอย่างไร้เหตุผล
ของผมมีวิธีจำกัดปริมาณความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่มีอยู่
ด้วยการทำคลายเครียดเรโช
ที่สำคัญที่สุดคือ คลายเครียดเรโชระดับมหภาค
มันสำคัญกว่าระดับจุลภาคอีก
เพราะมันทำให้ผมสามารถอยู่ในตลาด
ในฐานะมนุษย์หุ้นได้ไปจนตายแน่ๆ
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 26480.html
มนุษย์หุ้นจะต้องรู้ตัวเองให้ได้ว่า
มีความสามารถเพียงแค่ไหน
แล้วก็เล่นเท่าที่ความสามารถมีอยู่จริงๆ
ไม่ทึกทักเอาว่า ไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไร
ก็สามารถเล่นหุ้นให้ได้เงิน
ซึ่งในตลาดขาขึ้นแบบสมบูรณ์แบบ มันเป็นเช่นนี้นจริงๆ
ถ้าใครอ่านที่ผมโพสมาเรื่อยๆ
จะรู้ดีว่า ผมมีความรู้เรื่องหุ้นน้อยมากๆ
โดยเฉพาะความรู้เรื่องหุ้นแบบเป็นวิชาการ
ไม่ว่าปัจจัยเท็คนิคหรือว่าปัจจัยพื้นฐาน
ใครถามหุ้นที่ผมไม่ได้ถืออยู่
หรือต่อให้เป็นหุ้นที่ผมถืออยู่
ถ้าทำคลายเครียดเรโชไปแล้ว
ผมก็ยังรู้น้อยอีกเช่นกัน
ยิ่งใครมาถามหุ้นที่ผมไม่เคยเล่น
ผมมักจะตอบไม่ได้เลย
เพราะไม่ได้มีความรู้อย่างแท้จริงในหุ้นตัวนั้น ฮาๆๆๆ
๓ เซียนหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
"ไม่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณความโลภ"
คนที่รู้ซึ้งตลาดฯอย่างทะลุปรุโปร่ง
และฝึกปรือพลังจิตจนรับได้กับทุกสภาพของตลาด
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนๆ
คนนั่นแหละคือเซียนหุ้นตัวจริงเสียงจริง
ผมเชื่อมั่นที่สุดว่า
ไม่มีเซียนหุ้นตัวจริงเสียงจริงแม้แต่คนเดียว
ที่คิดว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อนการพนัน
"ที่แพ้ชนะกันด้วยการเล่นไพ่กันแบบวัดดวง"
ทีนี้ ถ้าแบ่งสปีชี่นักเล่นหุ้น
ไปตามเครื่องมือที่ใช้เล่นหุ้น
และวัดผลลัพธ์ของเครื่องมือที่ใช้
จะได้ดังนี้
๑ แมลงเม่าหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
ใน ๑๐ คน จะมีเครื่องมือมาตรฐาน
ในการเล่นหุ้น ไม่ถึง ๒ คน
และอีก ๘ คนที่เหลือจะใช้เครื่องมือ
แบบไม่มีมาตรฐาน และง่ายที่สุดคือ
เล่นตามมาร์เก็ตติ้ง ตามเพื่อน
เล่นตามนักวิเคราะห์ตามสื่อแบบไม่มีการคิดเอาเอง
เล่นตามข่าววงในตามห้องค้า มือถือ และเวปบอร์ดหุ้น
และลักษณะเด่นของแมลงเม่าหุ้น
มักจะชอบเล่น "เล่นหุ้นแบบเสี่ยงดวง"
สำหรับแมลงเม่าหุ้นอีก ๒ คน
พร้อมจะอัพเกรดขึ้นไปเป็นมนุษย์หุ้นได้สบายมาก
เพราะมีเครื่องมือมาตรฐานอยู่แล้ว
เพียงแต่ไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องมือนั้น
ทั้งๆที่มันผิดพลาดซ้ำซาก
นักลงทุนในสปีชี่แมลงเม่าหุ้น
ไม่ว่าจะมีเครื่องมือมาตรฐานหรือไม่ก็ตาม
ลงทุน ๑๐ ครั้ง
จะได้ ๑ - ๔ ครั้ง เสีย ๙ - ๖ ครั้ง
ถ้าเสียทั้ง ๑๐ ครั้ง ไปขายเต้าฮวยดีกว่า
๒ มนุษย์หุ้น
มนุษย์หุ้นทุกคนจะต้องมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง
เป็นเครื่องมือแบบง่ายๆ
เป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายทั่วไป
แม้แต่ข่าววงใน มนุษย์หุ้นก็จะเอามาเล่นแบบรู้เท่าทันว่า
ตลาดหุ้นไม่ใช่องค์การกุศล จะได้มีคนเอาเงินมาแจก
มนุษย์หุ้นจะใช้ข่าววงใน
"เป็นเครื่องมือในการเล่นหุ้น"
ในขณะที่ แมลงเม่าหุ้น
"จะตกเป็นเครื่องมือของข่าววงใน จนโดนหุ้นเล่น"
มนุษย์หุ้นจะยอมประเมินตัวเองว่า
เครื่องมือที่ใช้อยู่ ยังได้ผลหรือไม่
ถ้าเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้มานานๆแล้ว
ยังได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
และไม่สามารถต่อยอดหาเครื่องมือแบบใหม่ๆได้
ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเดิมไปเรื่อยๆ
"เพราะมันยังทำให้ได้ มากกว่าเสีย"
มนุษย์หุ้นจะไม่ข้ามเส้นไปเล่นหุ้นในแนวทางที่ตัวเองไม่ถนัด
โดยไม่มีเครื่องมือใหม่ๆมาเพิ่มเติมเครื่องมือเดิม
สำหรับตัวผมเอง
เครื่องมือที่ผมใช้เล่นหุ้น
จะอ้างอิงกับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ
ตอนนี้ต่อยอดเพิ่มด้วยหลักสมเกินตามภาพประกอบ
ผลลัพธ์ของการเล่นหุ้นของมนุษย์หุ้น
เล่นหุ้น ๑๐ ครั้ง
จะได้ ๕ - ๗ ครั้ง
เสีย ๕ - ๓ ครั้ง
ระดับสูงสุดของนักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
ผมให้ได้แค่ได้ ๗ ใน ๑๐ ครั้ง
ถ้าเกินกว่านั้นถือว่าเป็นเซียนหุ้น
เอ๊ะ งั้นผมก็จัดอยู่ในสปีชี่มนุษย์หุ้น ฮาๆๆๆๆ
๓ เซียนหุ้น
เซียนหุ้นต้องมือเครื่องมือประจำตัว
ที่ไม่ยอมบอกให้ใครรู้ตามสื่อมวลชน
ไอ้ที่บอกให้รู้ ก็บอกแบบคูณสิบหารด้วยร้อย ฮาๆๆๆ
ผลลัพธ์จากการใช้เครื่องมือของเซียนหุ้น
เล่นหุ้น ๑๐ ครั้ง
ได้ ๘ - ๙ ครั้ง
เสีย ๒ - ๑ ครั้ง
ถ้าลงทุน ๑๐ ครั้งได้ทั้ง ๑๐ ครั้ง
ผมว่าอย่าอยู่เป็นเซียนหุ้นเลย
ไปเล่นหวยรุ่งกว่าเยอะ ฮาๆๆๆๆๆ
จากคุณ : endophine - [ 27 มิ.ย. 48 08:34:56 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 14
ให้ดูภาพประกอบก่อนครับ ท่านผู้ชม
จากภาพประกอบ จะเห็นได้ว่า
ปัญหาสำคัญที่สุดคือ
ไม่มีใครรู้ "อนาคต" ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ทางเดียวที่จะสามารถวัดผลได้คือ
การดันเวลาข้ามมิติที่ ๔ ฮาๆๆๆ
ผมขอดันเวลาให้
อดีต ตอนที่ซื้อหุ้นตัวนั้น -- -- -- >>>> เป็นปัจจุบัน
ปัจจุบัน สถานะของหุ้นในพอร์ตตอนนี้ -- -- -- >>>> เป็นอนาคต
เครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ประจำคือ
ผลประกอบไตรมาสล่าสุด เมื่อตอนที่ซื้อ
(ถูกดันเวลาให้กลายเป็นปัจจุบัน)
ค่าพีบีวี พีอี และยีลด์
บวกด้วยหลักสมเกินของสำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
พอทำการดันเวลาข้ามมิติ
แล้วย้อนไปสำรวจพอร์ตตัวเอง
ผมตอบได้ทันทีว่า
หุ้นประเภทไหน
ทำให้พอร์ตเสียหายมากที่สุด
หุ้นประเภทไหน
ทำให้พอร์ตได้ผลตอบแทนดีที่สุด
ลองตั้งเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้
มาวัดผลด้วยหุ้น ๔ ประเภท
หุ้นประเภทไหนในพอร์ตของคุณ
ทำกำไร และทำขาดทุน ให้พอร์ตมากที่สุด ????
ผมมีความเห็นว่า
ที่เห็นๆตอนนี้คือ cei จัดเป็นหุ้น "๒ B"
จากคุณ : endophine - [ 18 ก.ค. 48 07:02:15 ]
จากภาพประกอบ จะเห็นได้ว่า
ปัญหาสำคัญที่สุดคือ
ไม่มีใครรู้ "อนาคต" ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ทางเดียวที่จะสามารถวัดผลได้คือ
การดันเวลาข้ามมิติที่ ๔ ฮาๆๆๆ
ผมขอดันเวลาให้
อดีต ตอนที่ซื้อหุ้นตัวนั้น -- -- -- >>>> เป็นปัจจุบัน
ปัจจุบัน สถานะของหุ้นในพอร์ตตอนนี้ -- -- -- >>>> เป็นอนาคต
เครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ประจำคือ
ผลประกอบไตรมาสล่าสุด เมื่อตอนที่ซื้อ
(ถูกดันเวลาให้กลายเป็นปัจจุบัน)
ค่าพีบีวี พีอี และยีลด์
บวกด้วยหลักสมเกินของสำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
พอทำการดันเวลาข้ามมิติ
แล้วย้อนไปสำรวจพอร์ตตัวเอง
ผมตอบได้ทันทีว่า
หุ้นประเภทไหน
ทำให้พอร์ตเสียหายมากที่สุด
หุ้นประเภทไหน
ทำให้พอร์ตได้ผลตอบแทนดีที่สุด
ลองตั้งเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้
มาวัดผลด้วยหุ้น ๔ ประเภท
หุ้นประเภทไหนในพอร์ตของคุณ
ทำกำไร และทำขาดทุน ให้พอร์ตมากที่สุด ????
ผมมีความเห็นว่า
ที่เห็นๆตอนนี้คือ cei จัดเป็นหุ้น "๒ B"
จากคุณ : endophine - [ 18 ก.ค. 48 07:02:15 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 15
ผลของการดันเวลาไปข้างหน้า
เพื่อพยายามวัดผล
การใช้เครื่องมือมาตรฐาน ที่ใช้ในการเล่นหุ้น
ปรากฏว่า
พอร์ตที่เครื่องมือมาตรฐานของผม
ใช้ได้ผลดีมากที่สุด
กลายเป็นพอร์ตที่สั่งซื้อขายให้คนอื่น
(ตามใบมอบอำนาจ)
ดูตามภาพประกอบ
จะเห็นได้ว่า หุ้นที่ทำกำไรให้พอร์ตมากที่สุด
จุดเริ่มลงมือซื้อ จะอยู่ในประเภท
๓ A ๓ B ทั้งสิ้น
ส่วนหุ้นที่ขาดทุนเละเทะที่สุด
จุดเริ่มลงมือซื้อ มันอยู่ในหุ้นประเภท
๒ B ไปแล้ว
ซื้อโดยไม่ยอมใช้เครื่องมือมาตรฐาน
ว่าด้วยพีอี พีบีวี เข้าไปวัด
กะจะวัดดวงกับแรงกรรมแห่งความโลภและความกลัวของตลาดฯ
เลยเจ๊งเละเทะอยู่เพียงตัวเดียวอันเดียวโดด ฮาๆๆๆ
เมื่อวันศุกร์ผมต้อง ชอร์ตอเกนส์พอร์ด
เพราะเห็นลู่ทางการกินส่วนต่าง ดีกว่าอยู่เฉยๆ
ผมยังไม่ทิ้งหุ้นตัวที่คุณแอนดี้พาดหัวผิด
เพราะว่า ผมยังจัดให้มันเป็นหุ้นประเภท
๑ A ที่อาจจะกลายเป็น ๑ B ได้
เมื่อไหร่ที่เริ่มออกอาการกลายเป็นหุ้น
๒ B ผมคงต้องพิจารณาทิ้งหมดพอร์ต
หาหุ้นตัวอื่นแทนครับ
เพื่อนๆสินธร
ลองกำหนดหุ้นที่ตัวเองถืออยู่
ให้อยู่ในหุ้นประเภทไหนดู
อาจจะได้แนวทางในการเล่นหุ้น
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่งขอกำหนดเอาตามใจชอบ ฮาๆๆๆ
แมลงเม่าหุ้น
จะถือครองหุ้นที่เป็น
ขีดเส้นแดงอ่อนและแดงเข้มเป็นส่วนใหญ่
ถือครองหุ้นที่เป็นขีดเส้นเขียวอ่อนบ้างเล็กน้อย
มนุษย์หุ้น
จะถือครองหุ้นที่เป็นขีดเส้นเขียวอ่อน เป็นส่วนใหญ่
มีเขียวเข้มพอประมาณ
และมีแดงอ่อนและแดงเข้มไม่มากไปกว่า
แบบเขียวอ่อนและเขียวเข้มที่มีอยู่ในพอร์ต
ส่วนเซียนหุ้น
จะถือครองหุ้นที่เป็นขีดเส้นเขียวเกือบทั้งพอร์ต
จะถือครองหุ้นที่เป็นสีเขียวเข้ม
เส้นใหญ่ที่สุดเอาไว้เป็นจำนวนมาก
และมีสีแดงอ่อนและเข้ม บ้างเล็กน้อย
ลองนึกย้อนไปถึงหุ้น ทีทีเอดู
กลุ่มไทเก้น เขาเริ่มลงมือซื้อ
หุ้นประเภท ๓ B
จึงทำกำไรให้ตัวเองอย่างมหาศาล
มากเกือบร้อยเท่า(รวมวอร์แรนท์แจกฟรี ๒ รอบ)
สรุปแบบสำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
หุ้นที่ทำให้คนเจ๊งเละเทะมากที่สุดคือ
หุ้น ๒ B
เริ่มลงมือซื้อในตำแหน่ง
ปัจจุบันดี -- -- -- -- -- >>>>>อนาคต แย่มาก
ส่วนหุ้นที่สามารถทำกำไรให้อย่างมหาศาลที่สุดคือ
หุ้น ๓ B
เริ่มลงมือซื้อในตำแหน่ง
ปัจจุบันแย่ -- -- -- -- >>>>>อนาคต ดีกว่าเดิมมาก
จากคุณ : endophine - [ 18 ก.ค. 48 08:18:49 ]
เพื่อพยายามวัดผล
การใช้เครื่องมือมาตรฐาน ที่ใช้ในการเล่นหุ้น
ปรากฏว่า
พอร์ตที่เครื่องมือมาตรฐานของผม
ใช้ได้ผลดีมากที่สุด
กลายเป็นพอร์ตที่สั่งซื้อขายให้คนอื่น
(ตามใบมอบอำนาจ)
ดูตามภาพประกอบ
จะเห็นได้ว่า หุ้นที่ทำกำไรให้พอร์ตมากที่สุด
จุดเริ่มลงมือซื้อ จะอยู่ในประเภท
๓ A ๓ B ทั้งสิ้น
ส่วนหุ้นที่ขาดทุนเละเทะที่สุด
จุดเริ่มลงมือซื้อ มันอยู่ในหุ้นประเภท
๒ B ไปแล้ว
ซื้อโดยไม่ยอมใช้เครื่องมือมาตรฐาน
ว่าด้วยพีอี พีบีวี เข้าไปวัด
กะจะวัดดวงกับแรงกรรมแห่งความโลภและความกลัวของตลาดฯ
เลยเจ๊งเละเทะอยู่เพียงตัวเดียวอันเดียวโดด ฮาๆๆๆ
เมื่อวันศุกร์ผมต้อง ชอร์ตอเกนส์พอร์ด
เพราะเห็นลู่ทางการกินส่วนต่าง ดีกว่าอยู่เฉยๆ
ผมยังไม่ทิ้งหุ้นตัวที่คุณแอนดี้พาดหัวผิด
เพราะว่า ผมยังจัดให้มันเป็นหุ้นประเภท
๑ A ที่อาจจะกลายเป็น ๑ B ได้
เมื่อไหร่ที่เริ่มออกอาการกลายเป็นหุ้น
๒ B ผมคงต้องพิจารณาทิ้งหมดพอร์ต
หาหุ้นตัวอื่นแทนครับ
เพื่อนๆสินธร
ลองกำหนดหุ้นที่ตัวเองถืออยู่
ให้อยู่ในหุ้นประเภทไหนดู
อาจจะได้แนวทางในการเล่นหุ้น
สำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่งขอกำหนดเอาตามใจชอบ ฮาๆๆๆ
แมลงเม่าหุ้น
จะถือครองหุ้นที่เป็น
ขีดเส้นแดงอ่อนและแดงเข้มเป็นส่วนใหญ่
ถือครองหุ้นที่เป็นขีดเส้นเขียวอ่อนบ้างเล็กน้อย
มนุษย์หุ้น
จะถือครองหุ้นที่เป็นขีดเส้นเขียวอ่อน เป็นส่วนใหญ่
มีเขียวเข้มพอประมาณ
และมีแดงอ่อนและแดงเข้มไม่มากไปกว่า
แบบเขียวอ่อนและเขียวเข้มที่มีอยู่ในพอร์ต
ส่วนเซียนหุ้น
จะถือครองหุ้นที่เป็นขีดเส้นเขียวเกือบทั้งพอร์ต
จะถือครองหุ้นที่เป็นสีเขียวเข้ม
เส้นใหญ่ที่สุดเอาไว้เป็นจำนวนมาก
และมีสีแดงอ่อนและเข้ม บ้างเล็กน้อย
ลองนึกย้อนไปถึงหุ้น ทีทีเอดู
กลุ่มไทเก้น เขาเริ่มลงมือซื้อ
หุ้นประเภท ๓ B
จึงทำกำไรให้ตัวเองอย่างมหาศาล
มากเกือบร้อยเท่า(รวมวอร์แรนท์แจกฟรี ๒ รอบ)
สรุปแบบสำนักเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่ง
หุ้นที่ทำให้คนเจ๊งเละเทะมากที่สุดคือ
หุ้น ๒ B
เริ่มลงมือซื้อในตำแหน่ง
ปัจจุบันดี -- -- -- -- -- >>>>>อนาคต แย่มาก
ส่วนหุ้นที่สามารถทำกำไรให้อย่างมหาศาลที่สุดคือ
หุ้น ๓ B
เริ่มลงมือซื้อในตำแหน่ง
ปัจจุบันแย่ -- -- -- -- >>>>>อนาคต ดีกว่าเดิมมาก
จากคุณ : endophine - [ 18 ก.ค. 48 08:18:49 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 16
ขืนมีแต่หุ้น ๔ B
ไม่มีทางมานั่งเล่นเวปบอร์ดหุ้น แบบสบายอารมณ์หรอก
โพสผิดกระทู้หรือเปล่า คุณ hs9jls
คุยโขมงฯ อยู่ถัดลงไปหนึ่งคลิ๊กครับ ฮาๆๆๆๆ
เอาภาพประกอบให้ดูอีกภาพ
ใครคือแมลงเม่าหุ้น มนุษย์หุ้นและเซียนหุ้น
ลองถามตัวเองตามตรง
ผมขอยืนยันว่า
ถึงจะถือหุ้นตัวไหนไว้เต็มพอร์ต
ผมก็จะ "พยายาม" รับฟัง
ข้อมูลด้านร้ายๆของหุ้นตัวนั้นให้ได้
เพื่อจะได้ไม่ฟังความข้างที่พอร์ตต้องการได้ยินเท่านั้น
การฟังความที่พอร์ตต้องการได้ยินเท่านั้น
ผมเคยมีประสบการณ์มาแล้ว
มันจะทำให้หุ้นเปลี่ยนประเภทได้ในพริบตา
ลองนึกถึงหุ้นปั่นๆ ตอนนี้ดู
จากคุณ : endophine - [ 18 ก.ค. 48 09:10:05 ]
ไม่มีทางมานั่งเล่นเวปบอร์ดหุ้น แบบสบายอารมณ์หรอก
โพสผิดกระทู้หรือเปล่า คุณ hs9jls
คุยโขมงฯ อยู่ถัดลงไปหนึ่งคลิ๊กครับ ฮาๆๆๆๆ
เอาภาพประกอบให้ดูอีกภาพ
ใครคือแมลงเม่าหุ้น มนุษย์หุ้นและเซียนหุ้น
ลองถามตัวเองตามตรง
ผมขอยืนยันว่า
ถึงจะถือหุ้นตัวไหนไว้เต็มพอร์ต
ผมก็จะ "พยายาม" รับฟัง
ข้อมูลด้านร้ายๆของหุ้นตัวนั้นให้ได้
เพื่อจะได้ไม่ฟังความข้างที่พอร์ตต้องการได้ยินเท่านั้น
การฟังความที่พอร์ตต้องการได้ยินเท่านั้น
ผมเคยมีประสบการณ์มาแล้ว
มันจะทำให้หุ้นเปลี่ยนประเภทได้ในพริบตา
ลองนึกถึงหุ้นปั่นๆ ตอนนี้ดู
จากคุณ : endophine - [ 18 ก.ค. 48 09:10:05 ]
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
>>> Temple Boxing School <<<
โพสต์ที่ 17
ลองดันเวลากลับลงไปครับ
จะสามารถวัดเครื่องมือมาตรฐานที่เราใช้อยู่ได้
ตั้งค่าให้ ตอนที่ซื้อ คือปัจจุบัน
ราคาหุ้น ตอนนี้ คืออนาคต
จะสามารถแยกแยะประเภทของหุ้นได้ครับ
ถ้าแยกแล้ว มีเส้นเขียวน้อยมากกว่าเส้นแดง
น่าจะต้องหาทางเปลี่ยนเครื่องมือที่ใช้อยู่
ถ้ายังมีเส้นเขียวมากกว่าเส้นแดง
ต่อยอดหาเครื่องมือใหม่ๆไม่ได้
ก็ต้องยอมใช้ต่อไป
"ไม่ใช่เพราะว่ามันดี
แต่เป็นเพราะว่า
มันเข้ากับความรู้ ความสามารถที่เรามีอยู่จริงๆ"
สำหรับพวกที่เล่นหุ้นด้วยกราฟ
ลองแยกประเภทหุ้น
ด้วยการตั้งค่าไปที่จุดซื้อตามกราฟให้เป็นปัจจุบัน
จะสามารถแยกได้เช่นกันว่า
เครืองมือของเราใช้ได้ผลหรือไม่เพียงไร
จากคุณ : endophine - [ 18 ก.ค. 48 09:42:02 ]
จะสามารถวัดเครื่องมือมาตรฐานที่เราใช้อยู่ได้
ตั้งค่าให้ ตอนที่ซื้อ คือปัจจุบัน
ราคาหุ้น ตอนนี้ คืออนาคต
จะสามารถแยกแยะประเภทของหุ้นได้ครับ
ถ้าแยกแล้ว มีเส้นเขียวน้อยมากกว่าเส้นแดง
น่าจะต้องหาทางเปลี่ยนเครื่องมือที่ใช้อยู่
ถ้ายังมีเส้นเขียวมากกว่าเส้นแดง
ต่อยอดหาเครื่องมือใหม่ๆไม่ได้
ก็ต้องยอมใช้ต่อไป
"ไม่ใช่เพราะว่ามันดี
แต่เป็นเพราะว่า
มันเข้ากับความรู้ ความสามารถที่เรามีอยู่จริงๆ"
สำหรับพวกที่เล่นหุ้นด้วยกราฟ
ลองแยกประเภทหุ้น
ด้วยการตั้งค่าไปที่จุดซื้อตามกราฟให้เป็นปัจจุบัน
จะสามารถแยกได้เช่นกันว่า
เครืองมือของเราใช้ได้ผลหรือไม่เพียงไร
จากคุณ : endophine - [ 18 ก.ค. 48 09:42:02 ]