โค้ด: เลือกทั้งหมด
บทความ Value Way กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ฉบับวันที่ 22 ตุลาคม 2555
โดย ประภาคาร ภราดรภิบาล
เซียนหุ้น “ขายหมู”
ช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ใน “ภาวะกระทิง” เป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศการลงทุนคึกคักเป็นอย่างยิ่ง นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างได้กำไรกันถ้วนหน้า เนื่องจากหุ้นในตลาดถูกไล่ซื้อจนมีราคาสูงขึ้นแทบทุกตัว
การที่หุ้นในพอร์ตมีราคาเพิ่มขึ้นมากจากต้นทุนที่ซื้อไว้ ทำให้นักลงทุนหลายคนถือโอกาส “ขายหุ้นทำกำไร” และหวังว่าจะกลับมาช้อนซื้อใหม่เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว แต่หลายครั้งเหตุการณ์ไม่เป็นเช่นที่หวัง เมื่อหุ้นที่ขายออกไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดความร้อนแรง นอกจากราคาหุ้นจะไม่กลับลงมาให้ซื้อคืนแล้ว ยังขยับพุ่งสูงขึ้นให้เห็นอยู่ทุกวัน สถานการณ์เช่นนี้ภาษาชาวหุ้นเรียกกันว่า “ขายหมู”
แม้จะทำให้นักลงทุนเกิดความเสียดายที่ขายหุ้นเร็วเกินไปจนพลาดโอกาสได้รับกำไรที่มากขึ้น แต่การ “ขายหมู” ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใดสำหรับผู้ที่อยู่ในตลาดหุ้น เนื่องจากไม่มีใครสามารถคาดเดาตลาดได้ถูกต้องตลอดเวลา อย่าว่าแต่นักลงทุนทั่วๆไปเลยครับ ยอดฝีมือระดับ “เซียนหุ้น” ก็เคย “ขายหมู” มาแล้วเช่นกัน
เราลองมาสัมผัสประสบการณ์ “ขายหมู” ของ “ปีเตอร์ ลินซ์” ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้จัดการกองทุนที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดคนหนึ่งของโลก” กันดูครับ
ในปี 1977 “ปีเตอร์ ลินซ์” เห็นว่าบริษัท Warner Communication กำลังจะฟื้นตัว เขาจึงเข้าซื้อหุ้น Warner ที่ราคา 26 เหรียญต่อหุ้น หลังจากนั้นไม่กี่วัน มีนักวิเคราะห์ทางเทคนิคมาบอกกับเขาว่าหุ้นตัวนี้ราคาสูงเกินไป แต่ “ลินซ์” ก็ยังไม่สะทกสะท้าน ผ่านไปครึ่งปีราคาหุ้น Warner ขยับขึ้นไปเป็น 32 เหรียญต่อหุ้น เขายังถือต่อจนกระทั่งตัดสินใจขายออกไปที่ราคา 38 เหรียญ
หลังจากที่ “ลินซ์” ขายไปแล้ว หุ้น Warner ยังคงวิ่งแรลลี่ผ่านหลัก 50-60-70 เหรียญ จนราคาทะลุไปถึง 180 เหรียญ แม้ในปี 1983-1984 ที่ Warner ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเงินในบริษัทย่อยจนทำให้ราคาหุ้นตกลงไป 60% มันก็ยังมีราคาเป็น 2 เท่าของราคาที่เขาขายไป
ในปี 1978 “ลินซ์” ซื้อหุ้น Toys’R’Us หลังจากที่ได้ทำการหาข้อมูลและเยี่ยมชมกิจการ เขาพบว่า Toys’R’Us เป็นบริษัทที่มีกำไรดีและกำลัง “โตเร็ว” จากการขยายสาขาไปตามศูนย์การค้าต่างๆหลายแห่ง “ลินซ์” ซื้อ Toys’R’Us ในราคา 1 เหรียญต่อหุ้น และขายออกไปที่ราคา 5 เหรียญ ตอนนั้นเป็นเรื่องน่าดีใจที่สามารถทำกำไรได้ถึง 5 เท่าตัว
แต่ปรากฏว่าในปี 1985 หุ้น Toys’R’Us พุ่งทะยานขึ้นไปถึง 25 เหรียญต่อหุ้น ถ้าเขายังถืออยู่ มันจะกลายเป็น “หุ้น 25 เด้ง” แต่น่าเสียดายที่เขา “ขายหมู” ไปเสียก่อน
หุ้นตัวต่อมาก็คือ Home Depot กิจการค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับการก่อสร้างและงานช่าง ที่ “ปีเตอร์ ลินซ์” ออกไปหาข้อมูลแล้วรู้สึกประทับใจ เนื่องจากมีสินค้าที่หลากหลาย จำหน่ายในราคาถูก และพนักงานมีความรู้ในการให้บริการลูกค้า เวลานั้นกิจการกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นลงหลักปักฐาน “ลินซ์” เข้าซื้อหุ้น Home Depot ในราคา 25 เซ็นต์ (ราคาหลังจากแตกหุ้นแล้ว) และขายออกไปในอีกหนึ่งปีต่อมา
นั่นเป็นการตัดสินใจขายหุ้นที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะราคาหุ้น Home Depot เพิ่มขึ้นจาก 25 เซ็นต์ไปเป็น 65 เหรียญ หรือเพิ่มขึ้นเป็น 260 เท่าภายในเวลา 15 ปี “ผมได้อยู่ในจุดเริ่มต้นของบริษัทนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ตระหนักถึงศักยภาพของมัน”
“ลินซ์” สารภาพว่า การขายหุ้น Home Depot และ Toys’R’Us เป็นการขายหุ้นที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตการทำงานของเขาเลยทีเดียว
“ปีเตอร์ ลินซ์” ได้ฝากบทเรียนสอนใจจากการ “ขายหมู” เอาไว้ว่า “เมื่อคุณได้พบหุ้นที่ถูกต้องและซื้อมันไว้ หลักฐานทั้งหมดบ่งบอกว่ามันกำลังจะสูงขึ้นไปอีก และทุกสิ่งทุกอย่างกำลังมุ่งไปในทิศทางที่ดี หากเป็นเช่นนั้นก็น่าเสียดาย ถ้าคุณขายมันออกไป”