ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1827
ผู้ติดตาม: 1

ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor           10 พฤศจิกายน 55
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ศึกน้ำหวาน
 
​ในฐานะของนักลงทุนในตลาดหุ้นแบบ VI ที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ  ทางธุรกิจ   ผมเห็นว่าการแข่งขันของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคของประชาชนกำลังมีความเข้มข้นขึ้นมาก  เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ก็คงเป็นเรื่องของการที่คนเห็นว่าธุรกิจเกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศเป็นธุรกิจที่ดีและเติบโตอย่างมั่นคงเห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มนี้และราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ  พร้อมกับค่า PE ของหุ้นที่สูงลิ่ว  แต่เหตุผลอื่นก็อาจจะมีอีกหลายอย่าง  หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นเรื่องของการ  “แตกหัก”  กันทางธุรกิจที่ทำให้  “หุ้นส่วน”  กลายเป็น  “คู่แข่ง”  ที่  “ไม่เผาผี”  กันแล้ว

​ธุรกิจค้าปลีก  โดยเฉพาะที่เป็นร้านค้าขนาดเล็กลงมาดูเหมือนว่าจะมีคนเข้ามาเล่นกันมากขึ้นเพราะนี่เป็นธุรกิจที่ยังโตไปได้ค่อนข้างเร็ว   ดังนั้นข่าวในช่วงนี้จึงมีการเปิดตัวผู้เล่นใหม่ ๆ  เข้ามาเรื่อย ๆ  อย่างไรก็ตาม  ในเชิงของการแข่งขันแล้ว  ผมคิดว่าสถานการณ์คงไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจาก  “การรบได้สิ้นสุดไปแล้ว”  เราเห็นผู้ชนะและผู้แพ้ไปนานแล้วและการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่คงไม่ทำให้ภาพเปลี่ยนไป   แต่ธุรกิจที่น่าจับตามองในขณะนี้ก็คือ  ธุรกิจ  “น้ำหวาน” ซึ่งกำลังเริ่มขึ้นและจะรุนแรงไปจนกว่าจะรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในที่สุด  โดยที่ผลิตภัณฑ์หลักที่อยู่ใน  “สปอตไล้ท์”  ก็คือ  น้ำโคล่าและชาเขียว  ที่บริษัทที่กำลังต่อสู้กันต่างก็มีประวัติและศักยภาพทางการ “รบ” หรือการแข่งขันคล้าย ๆ  กันและเก่งพอ ๆ  กัน

​เริ่มที่ชาเขียวนั้น  โออิชิ กับ  อิชิตัน  น่าจะเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามอง  เหตุผลก็คือ  เจ้าของโออิชิเดิมก็คือคุณตันซึ่งเป็นคนสร้างผลิตภัณฑ์โออิชิขึ้นมาโดดเด่นเป็นผู้นำที่ทิ้งห่างคู่แข่งอื่น   ได้ออกมาสร้างอิชิตันเพื่อมาแข่งกับโออิชิ   ดังนั้น  ถ้าจะเปรียบเทียบศักยภาพทางการ  “รบ”  เราก็ต้องพูดว่ากลยุทธ์ของฝ่ายอิชิตันนั้นคงไม่แพ้โออิชิแน่  พูดอีกแบบหนึ่งก็คือ  “แม่ทัพตัน”  นั้นไม่เป็นรองอยู่แล้ว   ประเด็นต่อมาที่ต้องมองก็คือ  เรื่องของทรัพยากรที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ซึ่งพูดหยาบ ๆ   ก็คือเงินของแต่ละฝ่ายที่พร้อมจะทุ่มเข้าไปในการศึกนั้น  ฝ่ายโออิชิก็ชัดเจนว่ามีเงินมากอย่างแทบ  “ไม่จำกัด” เพราะนอกจากบริษัทโออิชิจะเป็นบริษัทใหญ่ที่สามารถระดมเงินในตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว   ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังเป็นกลุ่มของ  “เบียร์ช้าง” ซึ่งเป็นตระกูลที่รวยที่สุดกลุ่มหนึ่งในประเทศไทย  อย่างไรก็ตาม  อิชิตันเองก็น่าจะมีเงินที่มากพอที่จะทำศึกชาเขียวได้  เพราะคุณตันเองก็เคยขายหุ้นโออิชิให้ทางฝ่ายโออิชิและได้เงินไปมากพอ  ดังนั้น  เรื่องทรัพยากรในการรบคงไม่เป็นปัญหา

​ข้อเสียเปรียบของอิชิตันก็คือ  การที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นมาทีหลัง  โออิชินั้นได้ยึด  “ชัยภูมิ”  ที่ได้เปรียบเอาไว้แล้วในใจของผู้บริโภค  นั่นก็คือ  ถ้าเป็นชาเขียว  อันดับหนึ่งก็ต้องเป็นโออิชิ  ตามชั้นในร้านค้าปลีกนั้น  โออิชิได้ไปยึดจุดที่ดีและพื้นที่ที่มากกว่าไว้แล้ว  อิชิตันที่มาใหม่ไม่สามารถไปแข่งได้เท่ากันทันที  ดังนั้น  คนก็มีโอกาสที่จะซื้อโออิชิมากกว่าเนื่องจากความ  “คุ้นเคย”  ทั้งในทางใจและกาย  ทางใจก็เช่น  เขารู้สึกว่าโออิชิ  “อร่อยกว่า” ทางกายก็เช่น  มันมีมากและหาง่ายหยิบง่ายเมื่อมีความต้องการ   ความได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งที่อาจจะกำลังเกิดขึ้นก็คือ  โออิชิกำลังมีแบบบรรจุขวดแก้วแบบคืนขวดขายตามร้านอาหารที่มีราคาถูกกว่าขวดเพ็ทและแบบกล่อง  ในขณะที่อิชิตันไม่สามารถทำได้เนื่องจากไม่มีโรงงานขวดที่จะป้อนให้   อย่างไรก็ตาม  เราก็ต้องติดตามต่อไปว่า  การขายชาเขียวตามร้านอาหารนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่  เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าคนไทยจะนิยมกินชาเขียวกับอาหาร

​ถ้าจะให้สรุปก็คือ  โออิชิน่าจะได้เปรียบอิชิตันอยู่บ้าง  แต่ก็ยังไม่น่าจะเรียกว่าชนะขาดได้  เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ  ชานั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นจาก  “ธรรมชาติ”  การสร้างความแตกต่างในใจของผู้บริโภคนั้นทำได้ยากและไม่ติดแน่น  ดังนั้น  การเปลี่ยนรสนิยมเกิดได้เสมอถ้าอีกฝ่ายหนึ่งมีกลยุทธ์ที่ดีพอ  นอกจากนั้น  ในเรื่องของระบบการใช้ขวดแก้วแบบคืนขวดเองนั้น   ผมก็ไม่แน่ใจว่าในอนาคตมันจะยั่งยืนได้แค่ไหน  โดยเฉพาะเมื่อต้นทุนในการเก็บขวดนั้นแพงขึ้นเรื่อย ๆ  เมื่อเทียบกับแพคเกตแบบใช้แล้วทิ้ง

​หันมาดูเรื่องของ  “สงคราม” น้ำดำหรือโคล่าซึ่งกำลังเปิดศึกกันอย่างรุนแรงดูก็พบว่ามีประวัติคล้าย ๆ  กับเรื่องชาเขียว  นั่นก็คือ  การเปิดตัวของ เอสท์ ซึ่งก็คือผู้ที่ผลิตหรือบรรจุขวด เป้ปซี่  เดิม  ดังนั้น  ทั้งเอสท์และเป้ปซี่ต่างก็น่าจะมีความรู้และความสามารถในการวางกลยุทธ์พอ ๆ  กัน  แทบจะเรียกว่า  “ไก่เห็นตีนงู  งูเห็นนมไก่”  พูดง่าย ๆ  ว่าแม่ทัพของแต่ละฝ่ายต่างก็เคยเป็น  “สหายร่วมรบ” กันมาก่อน  ไม่มีใครรองใครในแง่ของความสามารถในการวางกลยุทธ์

​พูดถึงทรัพยากรในเรื่องของเม็ดเงินที่จะสามารถทุ่มเข้ามาทำศึกนั้น  เสริมสุขเองเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ยิ่งใหญ่มานาน  ประกอบกับการที่เป็นหุ้นในกลุ่ม  “เจ้าสัวเบียร์ช้าง”  เรื่องทรัพยากรจึงไม่เป็นรองใครในประเทศไทยอยู่แล้ว   อย่างไรก็ตาม  เป้ปซี่เองนั้น  เป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก  การประกอบการในประเทศไทยเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับต้น ๆ  ของเครือข่ายเป้ปซี่ทั้งหมด  เรียกว่าเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทแม่เลยทีเดียว   ดังนั้น  เป้ปซี่มีเงินมหาศาลและพร้อมทุ่ม  และคงไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน  ดังนั้น  ศักยภาพในด้านนี้ต้องถือว่าเท่ากัน

​ข้อเสียเปรียบของเป้ปซี่ก็คือ  เป้ปซี่เองจะไม่มีแบบบรรจุขวดและคืนขวดที่ตนเองเคยเป็น  “จ้าวตลาด”  โดยเฉพาะที่ขายในร้านอาหาร  ว่าที่จริงมีการกล่าวกันว่าจุดที่แข็งที่สุดของเป้ปซี่เดิมก็คือ  บริษัทมีสายส่งหรือจัดจำหน่ายที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด  สามารถกระจายสินค้าไปที่จุดขายย่อย ๆ  เป็นแสน ๆ  แห่งทั่วประเทศ   แต่ในขณะนี้  จุดที่แข็งที่สุดกลับกลายเป็นของเอสท์  และนี่อาจจะเป็นจุดที่ชี้เป็นชี้ตายในสงครามได้  เพราะน้ำดำในเมืองไทยนั้น   เป็นน้ำที่เรากินพร้อมกับอาหารเป็นจำนวนมาก  และด้วยราคาที่ถูกกว่าอาจจะทำให้เป้ปซี่ต้องสูญเสียส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่โตนี้ไปให้กับเอสท์และโค๊กที่อาจจะเข้าแทรกด้วย  อย่างไรก็ตาม  ประเด็นนี้เราต้องดูกันต่อไปว่าเป้ปซี่จะแก้เกมนี้อย่างไรโดยเฉพาะในระยะสั้นถึงกลางที่ระบบคืนขวดน่าจะยังอยู่ในประเทศไทยต่อไปอย่างน้อยอีกระยะหนึ่ง

​ข้อเสียเปรียบของเป้ปซี่ในด้านของ “กายภาพ”  ที่อาจจะหาซื้อได้ยากและมีราคาแพงกว่าในร้านอาหารนั้น  ได้รับการชดเชยโดยความได้เปรียบทางด้านจิตใจ  นั่นก็คือ  “ชัยภูมิ”  ของเป้ปซี่ก็คือ  มันเป็นน้ำดำที่  “อร่อยที่สุด  เพราะมันหวานและซ่า  พอดี”  ในความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ที่คุ้นเคยกับการดื่มเป้ปซี่มานานและบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเหนือกว่าคู่แข่งมาก   จริงอยู่  ในช่วงสั้น ๆ  ที่เป้ปซี่ยังไม่พร้อมในหลาย ๆ เรื่อง ๆ  โดยเฉพาะในด้านของการจัดจำหน่ายและการเข้าถึงร้านอาหารในราคาที่เท่ากับคู่แข่ง  แต่ในระยะต่อไปเมื่อบริษัทสามารถแก้ปัญหานี้ได้ในระดับหนึ่งแล้ว   ก็เป็นไปได้ที่เป้ปซี่จะสามารถสู้รบและได้ชัยชนะในศึกน้ำดำอีกครั้งหนึ่ง

​ข้อสรุปของผมก็คือ  เป็นเรื่องยากที่จะทำนายว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะในศึกน้ำดำและชาเขียวที่กำลังเกิดขึ้นในระยะนี้  สิ่งที่ผมพอจะคาดได้ก็คือ  สงครามน่าจะทำให้บริษัททั้งหลายบาดเจ็บมากกว่าที่จะได้ผลดี  ในระหว่างที่ยังไม่เห็นผู้ชนะที่ชัดเจน  ผมเองคงจะหลีกเลี่ยงจากการลงทุนในหุ้นของพวกเขา
ภาพประจำตัวสมาชิก
TANASATE
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 85
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณคับ สำหรับผมเมื่อโจโฉเปิดศึกกับซุนกวน เล่าปี่อย่างโค้กน่าสนใจที่สุดคับ
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ถ้ายืดเยื้อรุนแรง นานมากขึ้น สงครามอาจจะขยายขอบเขตจนถึงโ้ค้กด้วย เพื่อจัดสรรดินแดนใหม่
โค้กคงไม่พ้น จะต้องเพิ่มงบป้องกันดินแดนด้วย เพิ่มจากงบที่คิดไปช่วงชิงดินแดนใหม่

เมื่อฝ่ายหนึ่งยอมรับดินแดนของอีกฝ่ายที่มีอยู่ได้ ความรุนแรงก็คงจะเริ่มลดลง

ขอบคุณ ท่าน ดร. มาก ครับ
Dr.Jfk
Verified User
โพสต์: 458
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เท่าที่ลองชิม คนส่วนใหญ่ ไม่ชอบรสชาติ Est (รวมทั้งผมด้วย)


แต่ไม่แน่ ด้วยความได้เปรียบทางการวางตลาดและสายส่ว โดนยัดเยียดกินกันนานๆ ต่อไปอาจจะค่อยๆชินกันบ้าง และรู้สึกมันอร่อยขึ้น คล้ายๆกับกรณีเบียร์ช้าง


แต่ความแตกแยกของ เป๊ปซี่รอบนี้โค้กน่าจะฉวยโอกาศ แย่งชิง ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งได้แน่

แต่ว่า ยอดขายรวม หรือ มาร์เก็ตแชร์จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้องติดตาม เพราะว่าคู่แข่งเก่าอย่างเป็ปซี่ ที่เคยเป็นเจ้าตลาดอ่อนลงไปอย่างมาก จนน่าจะตามหลังโค้กแน่นอน

แต่ว่า น้องใหม่ ทีมเก่า อย่าง Est เข้ามาแย่งแชร์ด้วย จากมวยตัวต่อตัว กลายเป็น มวยหมู่ สามคน ไม่มีรุม โค้กอาจจะโดนแชร์ลงไปด้วยก็ได้

ปล.ส่วนตัวน้ำดำ ที่ดื่มประจำคือ โค้กซีโร่ อิๆ
MaiFuen
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 385
ผู้ติดตาม: 1

Re: ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ทันสมัยมากครับอาจารย์

ขอบคุณมากครับ^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
JUMP
Verified User
โพสต์: 176
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณอาจารย์มากครับ
ckung
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ที่จริงผมก็เคยคิดอยู่ว่าการศึกครั้งนี้น่าจะทำให้บาดเจ็บทั้งคู่ในแง่ผลกำไรเนื่องจากทุ่มเงินไปในการแข่งขัน ในขณะที่ตลาดไม่ได้ขยายตัวมากเท่าไร ผู้ชนะก็จะไปกินส่วนแบ่งของคู่แข่งอยู่ดี
แปลกใจคือราคาหุ้นวิ่งเอาวิ่งเอาเหมือนว่าชนะไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
ลุงขวด
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2448
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกน้ำหวาน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณครับ ความคิดทันสมัยจริง ๆ อย่างงั้นก็ทำให้ผมเป็นห่วง ทาง SST ของผม ที่ต้องเริ่มเข้ามาสู้จะสู้กับเขาไหวไหม????? คิดแล้วเศร้า.....ที่ผมชอบมากคือกลุ่มของ mint แต่ไม่ชอบที่ออก warrant อยู่เรื่อย เอาเปรียบผู้ถือหุ้น เพราะผู้บริหารก็ได้พวก esop เพิ่มอยู่เรื่อย เลยเลิกซื้อไปนานแล้ว ที่เหลือก็กำไรพอควร.....ผมชอบกลุ่มสุกี้ MK และเห็นว่า มี Yayoi ก็เป็นของเขาด้วยใช่ ถ้าเข้าตลาดต้องขอซื้ออย่างแน่นอน... :wink: :wink: :wink:
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
โพสต์โพสต์