โพสต์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
อีกไม่กี่วัน เราทุกคนจะมีอายุเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2555 ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
หนึ่ง ปี 2555 เป็น “ปีหักปากกานักพยากรณ์” มีคำทำนายสำคัญเกิดขึ้นระหว่างปีเช่น โลกจะสิ้นสลายหรือพบจุดจบ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะไม่ได้รับเลือกตั้งกลับมาอีกสมัย จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำอีกครั้ง จะมีการแต่งงานหรือหย่าร้างของเหล่าดารา รวมถึงดวงชะตาของประเทศ บุคคลที่มีชื่อเสียง จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นคำทำนายที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
สอง ปี 2555 เป็น “ปีที่ยากต่อการคาดการณ์” เช่น มีการคาดการณ์ราคาทองคำต้องสูงขึ้นถึง 2,000 เหรียญต่อออนซ์แน่นอน การคาดการณ์เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยและต้องทยอยปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปิดสนามบินดอนเมืองเชิงพาณิชย์อีกครั้ง ยอดซื้อรถคันแรกที่สูงถึง 1.2 ล้านคัน อุปสรรคและความท้าทายของการประมูลและการออกใบอนุญาตคลื่น 3G ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เหนือการคาดการณ์ครั้งแรกทั้งสิ้น
อนึ่ง แม้การพยากรณ์หรือการคาดการณ์นั้นมีทั้งถูกและผิดผสมกันไป แต่คำทำนายหรือการคาดการณ์นั้นจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ทำให้ผู้ให้คำทำนายเป็นที่รู้จักและยิ่งมีชื่อเสียงในวงกว้างเมื่อทำนายถูกต้อง ส่วนคำทำนายที่คลาดเคลื่อนนั้นมักจะไม่มีการพูดถึงอีกเนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่มักจะลืมหรือไม่ให้ความสนใจเนื่องจากเลือกจำเฉพาะสิ่งที่ถูกต้องนั่นเอง
สาม ปี 2555 เป็น “ปีรักษาสัญญา” แม้นโยบายแทบแล็ตสำหรับเด็ก ป. 1 นโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก นโยบายจำนำราคาข้าว นโยบายค่าแรง-เงินเดือนขั้นต่ำ จะมีข้อท้วงติงจากหลายฝ่ายด้านความเหมาะสมและวิธีปฏิบัติก็ตาม รัฐบาลก็ยืนยันทำตามนโยบายของพรรคที่ได้หาเสียงไว้ อย่างไรก็ตาม นโยบายแต่ละข้อนั้นล้วนมีทั้งข้อดีข้อเสียและส่งผลกระทบต่อภาคประชาชน ภาคธุรกิจและส่งผลประเทศโดยรวมในอนาคตทั้งระยะสั้น กลาง และยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สี่ ปี 2555 เป็นปี “กลุ่มทุนไทยสยายปีก” แม้ประเทศไทยยังต้องพึ่งการลงทุนจากต่างประเทศ แต่หลายกลุ่มธุรกิจไทยได้ทุ่มเงินและทรัพยากรมหาศาลเพื่อเข้าลงทุนกิจการต่างประเทศในหลายอุตสาหกรรมมากเป็นประวัติการณ์ ที่เห็นชัดเจนได้แก่ กลุ่มปตท กลุ่มซีพี กลุ่มคุณเจริญ กลุ่มจิราธิวัฒน์ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนไทยจำนวนหนึ่งยังมีแผนการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับ AEC อีกด้วย นี่คือสัญญาณแห่งความ “รุ่งเรือง” ของกลุ่มทุนไทยที่มี “ศักยภาพ” และเล็งเห็น “โอกาสทางธุรกิจ” นอกประเทศและเป็นการ “บริหารความเสี่ยง” ที่ไม่พึ่งพาการบริโภคภายในประเทศเพียงอย่างเดียว
ห้า ปี 2555 เป็น “ปีแห่งความมั่งคั่ง” ของตลาดทุนและนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ดัชนี SET ปิดที่ 1,373 จุด (+34% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2554) มีมูลค่าตลาดรวมที่ 11,636,861 ล้านบาท (+38%) ขณะที่ดัชนี mai ปิดที่ 412 จุด (+56%) มีมูลค่าตลาดที่ 135,128 ล้านบาท (+75%) ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาก นี่คือความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทยเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 3.3 ล้านล้านบาทในเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น แม้จะมีบริษัทจดทะเบียนใหม่เข้ามาเพิ่มระหว่างปีแต่บริษัทจดทะเบียน SET และ mai ก็จ่ายเงินปันผลในอัตรา 3.03% และ 1.57% ในแก่ผู้ถือหุ้นในระหว่างปีเช่นกัน
ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2555 หวังว่าทุกท่านคงจะได้แบ่งปันความสุขกับเหตุการณ์ “ปีแห่งความมั่งคั่ง” ไม่มากก็น้อย สำหรับปี 2556 ที่ใกล้ถึงนี้ จะเป็นปีที่ท้าท้ายและยากที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีเช่นเดียวกับปีนี้ ดังนั้นนักลงทุนทุกคนจึงต้องขยัน หมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น แม้ยังมีปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดทุนไทย แต่ต้องไม่ประมาทและคำนึงถึงความผันผวนที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณผู้ติดตามอ่านคอลัมน์ “คิด วิเคราะห์ แยกแยะ” ทุกสัปดาห์ตลอดปีที่ผ่านมา ผมจึงได้ชักชวน “คุณวีระพงษ์ ธัม” นักเรียนทุนเรียนดี นักท่องเที่ยวเดินทางไกล นักธุรกิจที่ปรึกษา และเพื่อนนักลงทุนเน้นคุณค่าเจ้าของบล็อก www.10000Li.net ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง มาช่วยกันเพิ่มความหลากหลายทั้งด้านสาระ ความรู้ แนวคิด มุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า โดยจะสลับกันนำเสนอบทความคนละสัปดาห์ ณ คอลัมน์นี้ตั้งแต่ต้นปี 2556 เป็นต้นไป สำหรับสัปดาห์แรกของปีหน้าที่จะถึงนี้ คุณวีระพงษ์จะนำเสนอบทความ “จัดทัพรับปีใหม่” โปรดติดตามนะครับ…
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ผมขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้ผู้อ่านและสมาชิกในครอบครัว จงประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน มีสุขภาพ พลานามัยแข็งแรง มีความสุขกับการลงทุนพร้อมได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ และขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพในช่วงวันหยุดปีใหม่ทุกท่านครับ พบกันใหม่ปีหน้าครับ
บันทึกไม่สำเร็จ