โค้ด: เลือกทั้งหมด
ดิฉันเคยเขียนถึงการลงทุนในทองคำไปหลายครั้งในช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เขียนเมื่อทองคำทำสถิติราคาใหม่ๆ และในวันนี้ก็เขียนเมื่อทองคำทำสถิติราคาใหม่เช่นกัน แต่เป็นขาลง
ท่านที่สนใจอ่านข้อมูลพื้นฐานเรื่องการลงทุนในทองคำ หาอ่านได้จากหนังสือ “Money Pro เงินทองต้องจัดการ”ค่ะ
ราคาทองคำดิ่งลงอย่างหนักถึง 78.9 เหรียญต่อออนซ์ หรือ 5.05% ในวันก่อนสงกรานต์คือเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2556 โดยสาเหตุไม่แน่ชัด แต่ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลว่าไซปรัสจะขายทองคำสำรองเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินที่มีอยู่ และส่วนหนึ่งมาจากการที่โกลด์แมนแซคออกมาให้ความเห็นว่าหมดรอบเล่นของทองคำแล้ว
และเมื่อเปิดทำการในวันที่ 15 เมษายน ราคาทองคำก็ปรับตัวลดลงอีก 132 เหรียญต่อออนซ์ (เป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในหนึ่งวันเมื่อคิดเป็นราคา แต่เมื่อคิดเป็นสัดส่วน 8.9% ยังถือเป็นการปรับตัวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3) เนื่องจากกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือเฮดจ์ฟันด์ถูกเรียกเก็บมาร์จิ้นส่วนหนึ่ง ข่าวเรื่องอิตาลี และประเทศอื่นๆในยุโรปอาจต้องขายทองคำสำรองเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงินอีกส่วนหนึ่ง
รวมถึงข่าวจีนซึ่งบอกว่าจะยังไม่เข้าซื้อทองคำในตอนนี้ โดยทุกคนหวังว่าเมื่อราคาทองคำตกหนักๆ จีนจะเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เนื่องจากสัดส่วนทองคำสำรองของธนาคารกลางจีนยังน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ผสมกับการที่ผู้ลงทุนเทขายจากความตื่นตระหนกโดยกองทุนอีทีเอฟทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ SPDR Gold Fund หรืออักษรย่อในการซื้อขายคือ GLD ถูกเทขายอย่างหนักสองวันซ้อน
ภายในสองวันทำการ ราคาทองคำตกลงมาถึง 211 เหรียญต่อออนซ์ หรือตกลงมาถึง 13.5% นับเป็นการตกมากที่สุดในรอบ 26 ปี และหากนับจุดที่ตกลงมาต่ำสุดในวันที่ 16 เมษายน คือ ที่ 1,326.34 เหรียญต่อออนซ์ถือว่าตดลงมาถึง 235.6 เหรียญหรือ 15.08% เลยทีเดียว
ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำอยู่ในขาขึ้น โดยในปี 2002 ให้ผลตอบแทน 24.7% ปี 2003 ให้ผลตอบแทน 21.1% แผ่วลงเล็กน้อยในปี 2004 แต่ก็กลับขึ้นมาใหม่ 3 ปีซ้อน ตามรายละเอียดในตารางด้านล่างซึ่งเป็นผลตอบแทนของทองคำในสกุลเงินต่างๆในแต่ละปี ปีไหนที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อน ผลตอบแทนของทองคำในสกุลเงินที่แข็งก็อาจจะติดลบได้เช่น ปี 2008 ในสกุลเงินเยน และปี 2009 ในสกุลเงินออสเตรเลียนดอลลาร์
ผลตอบแทนในสกุลเงินต่างๆจากการลงทุนในทองคำในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ที่มา : goldprice.org
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ท่านที่เคยฟังดิฉันบรรยายอาจจะคุ้นว่าดิฉันเคยพูดเอาไว้ว่าทองคำจะหมดรอบเล่นเมื่อธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งได้ประกาศเลื่อนมาเรื่อยๆ ล่าสุดแจ้งว่าจะเป็นกลางปี 2015 (เพราะคนจะหันกลับไปลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐอเมริกาแทนทองคำ) และเวลาตกน่าจะตกหนักเพราะปรับขึ้นมามากทั้งด้วยแรงสนับสนุนของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และด้วยแรงเก็งกำไร เกือบทุกคนที่ลงทุนได้กำไรกันหมด ดังนั้นจึงควรขายก่อนถึงเวลานั้น
อย่างไรก็ดี การปรับตัวในรอบนี้ เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด และสถานการณ์รอบข้างเปลี่ยนแปลงไป สภาพคล่องที่ท่วมท้นล้นหลามในโลกจากการอัดฉีดของสหรัฐ ประเทศในยุโรปบางประเทศและญี่ปุ่น ทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอยู่ต่ำเตี้ยติดดิน ถึงในอนาคตจะปรับขึ้นก็ไม่น่าสนใจเท่าเดิม ในขณะที่หุ้นทุนทั่วโลกกลับให้ผลตอบแทนดีและตลาดหุ้นในโลกมีค่าความผันผวนลดลงในปีที่แล้ว เงินจึงไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น
แต่ตลาดหุ้นปีนี้ โดยเฉพาะตลาดของไทย ผันผวนมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นผู้ลงทุนจึงควรระมัดระวังตัวในการลงทุนด้วยนะคะ
ณ ราคาทองคำปัจจุบัน ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี มีคนจำนวนมากเข้ามาลงทุน โดยฝั่งผู้ที่คิดว่าราคายังขึ้นไปได้อีก จะให้เหตุผลว่า สถานการณ์ในยุโรปยังไม่สงบ ปัญหายังอาจเกิดปะทุขึ้นมาอีกเป็นระยะๆ และยังมีประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศต่างๆอยู่
ส่วนฝั่งที่มองว่าทองคำไม่น่าสนใจ ให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว และสถานการณ์ในยุโรปไม่ส่งผลให้คนตื่นตกใจอีกแล้ว ตั้งแต่ยุโรปประกาศจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ยูโรโซนอยู่ด้วยกัน โดยพิสูจน์ได้จากกรณีไซปรัส ว่าคนไม่ตื่นตกใน ทองคำซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกเมื่อคนต้องการหลบภัย มีราคาปรับเพิ่มเพียงเล็กน้อย
การลงทุนในทองคำซึ่งเป็นการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) อย่างหนึ่ง ดิฉันเคยเขียนเอาไว้ในบทความ”จัดสำรับลงทุน” ว่าควรลงทุนเป็น “น้ำจิ้ม” หรือ “ของหวาน” คือไม่ควรลงทุนมาก (ไม่ควรเกิน 5 หรือ10% ของพอร์ต) และต้องดูสถานการณ์ด้วย
สำหรับผู้ต้องการลงทุน หากจะลงทุน ควรทยอยลงทุน ไม่ควรจะทุ่มเข้าไปลงทุนในครั้งเดียวค่ะ เพราะนักวิเคราะห์มองว่ายังมีความเสี่ยงด้านขาลงอยู่ โดยแนวรับใหญ่อยู่ที่ 1,200 เหรียญต่อออนซ์ค่ะ แต่ถ้าจะซื้อเพื่อสะสมเป็นเครื่องประดับ อาจจะไม่ต้องรอให้อ่อนตัวลงถึงระดับนั้น เพราะหากลงไปไม่ถึง อาจจะไม่ได้ซื้อนะคะ เนื่องจากหลายคนมองว่าราคานี้ใกล้กับต้นทุนการผลิตแล้ว
ค่าความผันผวนของทองคำวัดด้วยค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ไม่รวมปีนี้) อยู่ที่ 16.48% ต่อปี
หากมองในด้านเทคนิค ในช่วงสั้นมากๆ ราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,389 ถึง 1,419 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และระยะปานกลางระหว่าง 1,346 ถึง 1,704 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทั้งนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะเป็นตัวกำหนดค่ะ
ในการลงทุนต้องมีการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลายๆประเภทเพื่อกระจายความเสี่ยง ตัวอย่างของทองคำที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับผู้ลงทุนค่ะว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง”