โลกในมุมมองของ Value Investor 11 พ.ค. 56
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หาผู้ชนะ
ถ้าจะถามผมว่าหลักการเลือกหุ้นที่สั้นที่สุดของผมคืออะไร คำตอบของผมมีแค่ 3 คำ “หาผู้ชนะ” ความหมายก็คือ ในการที่จะเลือกหุ้นลงทุนนั้น สิ่งที่ผมพิจารณามากที่สุดก็คือ ผมอยากได้บริษัทที่จะเป็นผู้ชนะในการขายผลิตภัณฑ์เหนือคู่แข่งทั้งหมด ยิ่งชนะมากก็ยิ่งดี พูดง่าย ๆ คนเลือกผลิตภัณฑ์ของเรามากกว่าคู่แข่งมาก หรือคนเลือกที่จะเข้าร้านของเรามากกว่าร้านคู่แข่งมาก ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์หรือใช้บริการของเราด้วยความเต็มใจเนื่องจากสินค้าของเราดีกว่าและมีคุณค่ามากกว่าสำหรับเงินแต่ละบาทเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ผมต้องการลงทุนในบริษัทที่กำลังชนะ บริษัทที่ชนะแล้วและจะชนะต่อไปอีกนาน พูดแบบวิชาการหน่อยก็คือ ผมชอบบริษัทที่มีการตลาดดีเยี่ยมและเหนือกว่าคู่แข่งมาก ผมชอบบริษัทที่คู่แข่งไม่มีทาง “ตามติด” บริษัทของเราด้วยเหตุผลอะไรก็ตามรวมถึงเหตุผลที่ว่า “มันไม่คุ้มที่จะทำ” เนื่องจากยอดขายอาจจะไม่สูงพอ ซึ่งทำให้บริษัทเราก็จะ “ทิ้งห่าง” เขาเพิ่มขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าผมคงไม่ได้ดูเฉพาะเรื่องของการขายหรือการตลาด ผมยังอยากเห็นการผลิตหรือการให้บริการที่ดีเยี่ยมของบริษัทที่ผมอยากลงทุน ถ้าเป็นการผลิตหรือเป็นสินค้า ผมก็อยากจะดูว่ามาตรฐานของสินค้าดีแค่ไหนหรืออร่อยแค่ไหนหรือสะอาดพอไหมหีบห่อสวยงามและแข็งแรงพอหรือเปล่า ถ้าเป็นธุรกิจบริการโดยเฉพาะที่ผมสามารถใช้บริการได้ผมก็อยากจะเห็นบริการที่รวดเร็วถูกต้องและพนักงานมีสีหน้ายิ้มแย้มและเต็มใจให้บริการ ผมคิดว่าถ้าการตลาดดีเยี่ยมแต่การผลิตหรือให้บริการไม่ดี ในอนาคตความนิยมของลูกค้าก็จะค่อย ๆ ตกลงและคู่แข่งก็จะเข้ามาแทนที่บริษัทได้
เรื่องของการเงินเองนั้น ผมก็อยากจะเห็นบริษัทมีฐานะทางการเงินที่ดี มีหนี้กู้ยืมน้อย ๆ หรือไม่มีเลย ถ้าบริษัทมีเงินสดมากก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก บริษัทที่มีฐานะทางการเงินที่ดีนั้นผมคิดว่าจะสามารถทนทานต่อภาวะวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ก็สามารถฉวยโอกาสในการซื้อหรือขยายกิจการที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท
กระบวนการในการหาผู้ชนะนั้นเราจะต้องเริ่มต้นด้วยการดูว่าอะไรเป็นปัจจัยในการแข่งขันหรือการต่อสู้ของบริษัทกับคู่แข่ง ซึ่งทำให้เราต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าใครคือคู่แข่งของบริษัทจริง ๆ เพราะบ่อยครั้งเราอาจจะคิดผิดหรือมองไม่ครบก็ได้ ตัวอย่างเช่น ร้านเครือข่ายสะดวกซื้อสมัยใหม่นั้น คู่แข่งนอกจากจะเป็นเครือข่ายร้านสะดวกซื้อด้วยกันแล้ว มันยังรวมถึงร้านโชว์ห่วยที่มีอยู่นับแสน ๆ รายทั่วประเทศ นอกจากนั้น ก็ยังมีคู่แข่งแบบอ้อม ๆ ที่เป็นร้านแบบ “มินิมาร์ท” ที่อาจจะขายอาหารสดด้วย เมื่อพบคู่แข่งชัดเจนแล้ว สิ่งที่จะต้องมองก็คือ อะไรคือปัจจัยที่จะทำให้ชนะในการต่อสู้แข่งขัน?
โดยทั่วไปแล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้ได้ชัยชนะนั้นก็คือตัวผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้มากกว่าหรือเป็นสิ่งที่ลูกค้าชอบมากกว่า แต่ในภาวะปัจจุบันที่การผลิตก้าวหน้าขึ้นไปมากการมีสินค้าที่เด่นกว่าคู่แข่งจริง ๆ ก็ทำได้ยาก ปัจจัยที่สำคัญกว่าก็อาจจะเป็นเรื่องของการสร้างภาพพจน์ให้คนรู้สึกว่าอยากใช้หรือบริโภคสินค้าผ่านการโฆษณาอาจจะมีความสำคัญมากกว่า นอกจากเรื่องของภาพพจน์แล้ว การจัดจำหน่ายก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน สินค้าที่มีช่องทางการขายมากกว่าหรือมีพื้นที่ในชั้นวางของของห้างร้านมากกว่าก็จะได้เปรียบและเป็นปัจจัยในการแข่งขันที่สำคัญ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ก็เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องวิเคราะห์ให้ออกและลงความเห็นว่าใครจะเป็นผู้ชนะและใครจะเป็นผู้แพ้
ในด้านของบริษัทหรือธุรกิจการบริการเองนั้น ปัจจัยในการแข่งขันก็อาจจะแตกต่างออกไปจากธุรกิจของสินค้า โดยหลักการก็คือ บริษัทที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้ดีที่สุดก็จะได้เปรียบและมีโอกาสเป็นผู้ชนะสูงกว่าตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นธุรกิจขายความสะดวกในการซื้อสินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งมักจะรวมถึงอาหารหรือน้ำดื่ม บริษัทที่สามารถให้บริการได้ครบถ้วนและอยู่ใกล้กับลูกค้ามากที่สุดก็จะได้เปรียบในการแข่งขัน หรือในกรณีของการขายสินค้าราคาถูก บริษัทหรือร้านที่สามารถเสนอสินค้าที่มีราคาถูกและอยู่ไม่ไกลเกินไปก็จะมีโอกาสเป็นผู้ชนะ เป็นต้น
ธุรกิจแต่ละอย่างอาจจะมีปัจจัยในการแข่งขันไม่เหมือนกัน หน้าที่ของเราก็คือ กำหนดให้ได้ว่าปัจจัยนั้นคืออะไรเสร็จแล้วก็ดูว่าบริษัทที่กำลังแข่งขันกันอยู่นั้นใครมีทรัพยากรมากที่สุดและเขาได้ใช้ทรัพยากรนั้นในการแข่งขันมากน้อยแค่ไหน กฎของการแข่งขันก็คือ ใครมีทรัพยากรมากกว่าและทุ่มเข้าไปในจุดที่เป็น “สนามรบ” อย่างถูกต้องมีโอกาสที่จะชนะสูงกว่า เราเองต้องคอยสังเกตประสิทธิผลของปัจจัยต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้ ถ้าเราเองเป็นคนใช้บริการอยู่ด้วยเป็นประจำเราก็อาจจะมีข้อมูลนี้ ถ้าเรารู้สึกพอใจมากกับสินค้าหรือบริการและก็เห็นถึงการตอบรับของลูกค้ารายอื่น ๆ จำนวนมาก แบบนี้ก็อาจจะเป็นตัวบอกว่าในที่สุดบริษัทนี้ก็น่าจะเป็นผู้ชนะ ว่าที่จริงถ้าเราทำไปเรื่อย ๆ จนชำนาญ ถึงวันหนึ่งเราก็จะสามารถบอกได้จาก “ความรู้สึก” ว่า บริษัทไหนหรือสินค้าไหนจะเป็นผู้ชนะ
ผมเองตั้งแต่กลายเป็นนักลงทุนแบบ VI ที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้ชนะและเป็นบริษัทที่ ยิ่งใหญ่แนวซุปเปอร์สต็อกนั้น ผมก็ได้สร้างนิสัยส่วนตัวที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรในสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และหุ้น ผมมักจะต้องวิเคราะห์ถึงการแข่งขันหรือ “สงคราม” ผมจะดูว่าในแต่ละเรื่องใครกำลัง“แข่งขัน” หรือ “รบ” กับใคร ปัจจัยอะไรเป็นตัวที่จะชี้ขาดว่าใครจะชนะ และที่สำคัญ ทรัพยากรของใครมีมากกว่าและเขาใช้มันถูกต้องหรือไม่ เสร็จแล้วผมก็ “ลงความเห็น” ว่าใครน่าจะชนะ ทั้งหมดนี้ ผมต้องศึกษาประวัติศาสตร์ในแต่ละเรื่องด้วยว่า ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในที่อื่น โดยเฉพาะในต่างประเทศมันเป็นอย่างไร เพราะประวัติศาสตร์นั้นมันมีพลังสูงมาก มันบอกว่าแนวโน้มในอนาคตของบ้านเราจะเป็นอย่างไร
นิสัยการ “หาผู้ชนะ” ของผมนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้สึกสนุกกับการทำนายว่า ใครจะชนะ? ไม่ใช่เฉพาะแต่เรื่องธุรกิจหรือหุ้น ผมดูทุกอย่างตั้งแต่การเมืองว่าพรรคไหนหรือกลุ่มไหนจะชนะ เรื่องของสถานศึกษาว่าโรงเรียนไหนหรือมหาวิทยาลัยไหนจะโดดเด่นขึ้นและแห่งไหนจะตกต่ำลง บางทีก็มองไปถึงเรื่องของประเทศต่าง ๆ ในโลกว่าประเทศไหนจะรุ่งเรืองประเทศไหนจะค่อย ๆ ดับลง ไล่ไปจนถึงว่าดาราคนไหนของไทยจะดังมากกว่าคนอื่นและดังในด้านไหนเช่น เป็น ดาราที่โดดเด่นในด้านของการเป็น ดาราเซ็กซี่หรือเป็นแบบไทย ๆ หรือเป็นแบบน่ารักแบบวัยรุ่น ต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าจะถามว่ามีประโยชน์อะไรกับการลงทุนโดยเฉพาะในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหุ้นโดยตรง คำตอบของผมก็คือ หลาย ๆ เรื่องคงไม่เกี่ยวแต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดเพราะมันเป็นนิสัยที่ติดตัวไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ เรื่องก็อาจจะเกี่ยวข้องในระดับภาพใหญ่ของการลงทุน เช่น ความก้าวหน้าของไทยจะเป็นอย่างไรในอนาคต? นี่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องคิดเพราะมันกระทบกับบริษัทที่เราลงทุนในระยะยาว เช่นเดียวกับเรื่องของการเมืองการปกครองที่ก็สำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าและความมั่นคงของประเทศและบริษัทที่เราลงทุนเช่นเดียวกัน
เขียนจนเกือบถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วก็ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ ชาร์ลี มังเกอร์ หุ้นส่วนสำคัญของบัฟเฟตต์ที่พูดว่าความรู้ในการลงทุนนั้นมาจากหลากหลายวิชา เราต้องเอามาสอดประสานกันเพื่อที่จะได้เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การลงทุนที่ดี ผมเองคิดว่า นี่คงเป็นสิ่งที่ชาร์ลีแนะนำ
หาผู้ชนะ/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1827
- ผู้ติดตาม: 1
หาผู้ชนะ/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หาผู้ชนะ/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
เคยได้ยิน Warren Buffett กล่าวว่าหากให้สรุปหลักการเลือกหุ้นใน 2-3 คำ คำ ๆ นั้นคือ Durable Competitive Advantage
จะเห็นได้ว่าการหาผู้ชนะ กับ DCA เป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้น สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่สนใจลงทุนแบบ super stock น่าจะอ่านบทความนี้หลาย ๆ รอบ ผมว่าเป็นเนื้อแท้ของการลงทุนจริง ๆ
บางทีการกล่าวว่าให้ลงทุนในราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐาน หรืออย่าขาดทุน แค่นี้คงไม่พอสำหรับยุคสมัยนี้ที่มี VI อยู่เต็มไปหมด ใคร ๆ ก็บอกว่าตัวเองเป็น VI 555 :)
จะเห็นได้ว่าการหาผู้ชนะ กับ DCA เป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้น สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่สนใจลงทุนแบบ super stock น่าจะอ่านบทความนี้หลาย ๆ รอบ ผมว่าเป็นเนื้อแท้ของการลงทุนจริง ๆ
บางทีการกล่าวว่าให้ลงทุนในราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐาน หรืออย่าขาดทุน แค่นี้คงไม่พอสำหรับยุคสมัยนี้ที่มี VI อยู่เต็มไปหมด ใคร ๆ ก็บอกว่าตัวเองเป็น VI 555 :)