โพสต์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยส่วนใหญ่จัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ผู้บริหารบริษัทและผู้ถือหุ้นจะได้พบกันอย่างเป็นทางการ เพื่อสรุปผลการดำเนินงานประจำปีของบริษัท รวมทั้งพิจารณาอนุมัติหัวข้อต่างๆ ตามวาระการประชุม และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้ซักถามปัญหาข้อข้องใจ และเสนอคำแนะนำหรือข้อคิดเห็นต่างๆ แก่ผู้บริหารบริษัท
นอกจากในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีแล้ว นักลงทุนยังสามารถพบปะหรือติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนได้ในโอกาสต่างๆ เช่น
- Opportunity Day ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดขึ้นเพื่อให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน
- Company Visit ซึ่งนักลงทุนบางกลุ่ม หรือหน่วยงานบางหน่วยงานเป็นผู้จัดให้มีการเยี่ยมชมบริษัท และพบปะพูดคุยกับผู้บริหาร
- ในงานสัมมนาต่างๆ ที่มีการเชิญผู้บริหารบริษัทไปร่วมงาน เช่น งานสัมมนาของรายการ Money Talk ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือในงานสัมมนาด้านธุรกิจและการลงทุนอื่นๆ
- นอกจากนี้ยังสามารถติดตามข่าวคราวของผู้บริหารบริษัทผ่านทางสื่อต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ หรือเว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น
ทำไมนักลงทุนจึงต้องให้ความสนใจกับผู้บริหารบริษัท ?
ทั้งนี้ก็เพราะการที่นักลงทุนจะนำเงินไปซื้อหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้น เท่ากับเป็นการนำเงินไปร่วมลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีผู้บริหารเป็นผู้ทำหน้าที่กุมบังเหียนและขับเคลื่อนองค์กร อนาคตของบริษัทจะเป็นอย่างไรจึงขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ ความรู้ ความสามารถ และธรรมาภิบาลของผู้บริหาร ถ้าผู้บริหารทำหน้าที่ได้ดี นำพาบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นก็ย่อมจะได้รับผลตอบแทนที่ดีตามไปด้วย แต่ถ้าเป็นไปในทางตรงกันข้าม นักลงทุนก็อาจจะประสบกับความเสียหายได้เช่นกัน ดังนั้นคุณสมบัติของผู้บริหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน
ปรมาจารย์นักลงทุน “ฟิลลิป ฟิชเชอร์” นอกจากจะให้ความสำคัญกับการเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องยาวนานแล้ว ยังให้น้ำหนักกับความน่าเชื่อถือของผู้บริหารด้วย เนื่องจากเขาเห็นว่าผู้บริหารมีความใกล้ชิดกับทรัพย์สินของบริษัทมากกว่าผู้ถือหุ้น จึงอาจมีวิธีการมากมายในการสร้างประโยชน์ให้ตนเอง แต่ทำความเสียหายให้แก่ผู้ถือหุ้น เขาจึงแนะนำให้เลือกลงทุนเฉพาะบริษัทที่ผู้บริหารมีความสำนึกสูงในการดูแลและรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ซึ่งวิธีการที่เขาใช้ก็คือ “Scuttlebutt” หรือ “การสืบเสาะเจาะข้อมูลอย่างรอบด้าน” เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รู้ลึกและรู้จริงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“วอร์เรน บัฟเฟตต์” เคยกล่าวไว้ว่า “ในการลงทุนซื้อหุ้นหรือซื้อกิจการนั้น เราไม่เพียงแต่เลือกซื้อกิจการชั้นยอดเท่านั้น แต่กิจการนั้นต้องดำเนินงานโดยผู้บริหารชั้นเยี่ยม เปี่ยมด้วยความสามารถ และน่าชื่นชอบอีกด้วย”
นอกจากนี้ “บัฟเฟตต์” ยังแนะนำว่า “ในการมองหาคนมาทำงาน คุณควรมองหาผู้ที่มีคุณสมบัติ 3 ข้อ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความเฉลียวฉลาด และความขยันขันแข็ง แต่คุณสมบัติสำคัญที่สุดก็คือความซื่อสัตย์ เพราะถ้าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ คุณสมบัติที่เหลืออีก 2 ข้อ คือ ความเฉลียวฉลาด และความขยันขันแข็ง อาจจะฆ่าคุณได้”
“คำแนะนำของผมก็คือ ให้ลงทุนกับผู้บริหารที่คุณเชื่อใจ” นั่นคือสิ่งที่ “แอนโทนี่ โบลตัน” เขียนไว้ในหนังสือ “Investing Against the Tide” (ลงทุนสวนกระแสอย่างแอนโทนี่ โบลตัน) ของเขา “หากผมตั้งข้อสงสัยในทีมผู้บริหาร ผมจะมองข้ามหุ้นตัวนั้นๆ ไป มันยังมีบริษัทที่มีผู้บริหารดีๆ ให้เลือกลงทุนอีกเยอะแยะ”
บันทึกไม่สำเร็จ